Castle of Black Iron - Chapter 1932: น้ำพุอมตะและบอลมิติ
Chapter 1932: น้ำพุอมตะและบอลมิติ
ชีวิตของ จางเทีย เต็มไปด้วยเรื่องน่าแปลกใจ
กว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมา จางเทีย ได้ทนกับความลำบากมากมายและต้องเสียร่างแยกไปกว่า 10 ครั้งก่อนจะมายังชั้นที่ใกล้กับสวรรค์แห่งแสงที่สุด จางเทีย คิดว่ามันต้องมีศัตรูที่แข็งแกร่งอยู่ด้านในสวรรค์แห่งแสง เขาเตรียมพร้อมจะใช้สายเลือดเทพต่อสู้และสู้กับเทพดุดันที่สร้างจักระอมตะ 2-3 อันตามที่ ตังเหมย บอกมา
แต่ จางเทีย รู้สึกราวกับต่อยเข้าใส่สำลีเต็มแรง ตังเหมย เองก็เช่นกัน
ดังนั้นหลังจากที่ยืนยันแล้วว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตในสวรรค์แห่งแสง สุดท้ายทั้งสองก็ได้เข้าไปในชั้นสูงสุดของภูเขาบูซูด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนและเหลือเชื่อ
สวรรค์แห่งแสงนั้นอยู่ชั้นบนสุดของภูเขาบูซู ภูเขาบูซูนั้นเป็นพีระมิด ดังนั้นสวรรค์แห่งแสงนี้จึงมีพื้นที่ไม่ถึง 6 ตร.ไมล์ แค่เพียงมองไปรอบๆ จางเทีย กับ ตังเหมย ก็ยืนยันได้ว่าไม่มีอะไรขยับในที่แห่งนี้
พื้นดินเต็มไปด้วยเศษชิ้นส่วนของเทพดุดัน ชิ้นที่ยาวที่สุดนั้นกว่านิ้วคน ส่วนมากแล้วยาวเพียงครึ่งนิ้วเท่านั้น จากการตัดสินของ จางเทีย แล้ว แค่เพียงมองไปยังชิ้นส่วนเหล่านั้นแล้ว จางเทีย ก็รู้ว่าพวกมันคือชิ้นส่วนของเทพดุดัน 4 ตัว
ตังเหมย นั่งยองๆตรวจสอบชิ้นส่วนเหล่านั้น จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืนแล้วส่ายหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึมก่อนจะพูดขึ้นมา – " ข้าไม่รู้ว่าเทพดดุนเหล่านี้โดนฆ่าได้ยังไงแต่ดูจากชิ้นส่วนแล้ว ข้ารู้ว่าเทพดุดัน 4 ตัวต้องสร้างจักระอมตะได้อย่างน้อย 2 อัน…."
" ช่างเถอะ เอาจริงๆแล้วข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ! " – จางเทีย ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจออกมา – " อะแฮ่ม….ชิ้นส่วนเหล่านี้ดูน่ากลัว มาเก็บกวาดมันเถอะ…"
หลังจากที่พูดจบ จางเทีย ก็เก็บชิ้นส่วนเหล่านั้นด้วยพลังฉีราวกับพายุ หลังจากนั้นเขาก็เก็บทั้งหมดเข้าไปในปราสาทเหล็กดำ
พื้นของสวรรค์แห่งแสงนี้สะอาดในพริบตา
" พี่ชาย เจ้าดูดีใจนะ "
" แน่นอนว่าข้าต้องดีใจ มันหมายความว่าข้าสามารถกลับไปบ้านได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องสู้กับเทพดดุดันด้วยการเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยง…" – จางเทีย พูดด้วยรอยยิ้มแล้วเดินไปที่ลานสูงซึ่งสูงกว่าพื้น 1,000 ม.ใจกลางสวรรค์แห่งแสง
สำหรับ จางเทีย แล้วมันจะดีกว่าที่จะต่อยเข้าใส่ก้อนสำลีแทนที่จะต้องมาต่อยใส่แผ่นเหล็ก
" พี่ชาย เจ้าไม่สงสัยเรื่องนี้รึไง ? " – ตังเหมย ถอนหายใจแล้วเดินตาม จางเทีย ไป
" เรื่องอะไร ? "
" เรื่องที่เทพดุดันพวกนี้โดนฆ่า ? "
" บางทีเทพดุดันพวกนี้อาจจะตายตอนสงครามเริ่ม หลังจากที่ฆ่าพวกนี้แล้วศัตรูก็ได้ออกจากที่นี่ไป ! " – จางเทีย ยักไหล่แล้วพูดต่อ – " อย่าลืมว่าภูเขาบูซูนั้นคือสนามรบมันไม่แปลกที่จะเห็นศพในสนามรบ ! "
" บางทีนะ แต่ถ้าเทพดุดันเหล่านี้ไม่ได้โดนฆ่าตอนนั้นล่ะ ? "
" ช่างเถอะ ! " – จางเทีย พูดด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ – " ข้าอยากให้พวกนี้โดนฆ่าโดยคนอื่น ไม่งั้นแล้วเราก็จะพบปัญหาใหญ่ มันมีเรื่องแปลกมากมายในโลกนี้ เราไม่ใช่เทพ เจ้ากับข้าก็ไม่อาจจะควบคุมและรู้ทุกอย่างได้ เราแค่ต้องคว้าโอกาสตอนนี้ สำหรับข้าแล้ว มันมีแค่สองอย่างที่สำคัญ อย่างแรกคือกลับบ้าน อย่างที่สองคือให้ปราสาทเหล็กดำหลอมรวมกับดินแดนโม่เทียน เรื่องอื่นน่ะเป็นเรื่องเล็ก "
" บางทีเจ้าอาจจะพูดถูก…" – ตังเหมย พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
" แน่นอนว่าข้าพูดถูก…" – จางเทีย ตอบกลับด้วยสีหน้าเคร่งขรึม – " คิดดูว่าถ้าเทพดุดันโดนคนอื่นฆ่าไปตั้งแต่สงครามรึเมื่อวานนี้จริง เจ้าอยากจะไปพบกับคนที่ฆ่าเทพดุดันพวกนี้แม้ว่าเจ้าจะรู้ว่าเขาเป็นใครรึไง ? ข้าไม่ทำแบบนั้น ตราบใดที่คนนั้นไม่ได้คุกคามข้า ข้าก็ไม่มีทางไปหาเรื่องเขา ถ้าเราเป็นศัตรูกันจริง ข้าจะพยายามอย่างที่สุดในการหลีกเลี่ยงการต่อสู้ก่อนจะขึ้นเป็นจักรพรรดิหากไม่จำเป็น ข้าน่ะไม่ได้เป็นนักสืบ แม้ว่าจะอยากเป็นแต่ก็ไม่ใช่ที่ที่จะมาสืบเพราะนี่คือสนามรบ…"
" นักสืบ?"
" โอ้ ข้าลืมไปว่าไม่มีนักสืบในดินแดนโม่เทียน นักสืบคือคนที่ต้องการรู้ทุกอย่าง ! "
" พี่ชาย เจ้าไม่ใช่คนแบบนั้นรึไง ? "
" แน่นอนว่าไม่ ! "
ในตอนที่คุยนั้นพวกเขาก็ได้ไปถึงลานสูง มันมีแท่นหินสูงกว่า 10 ม.และมีน้ำพุที่บนหิน น้ำพุนี้มีน้ำไหลออกมาจนเกิดบ่อเล็กๆด้านล่าง
ข้างๆบ่อนั้นคือบอลที่เปล่งแสงสีทองออกมาซึ่งมันมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 5 ม.
แม้ว่า จางเทีย จะดูใจเย็นแต่เมื่อเห็นลูกบอลนี้และแท่นหิน เขาก็ยังไม่อาจปกปิดความตื่นเต้นได้
" นี่ใช้บอลมิติของดินแดนโม่เทียนรึเปล่า ? "
" ใช่ นี่คือบอลมิติของดินแดนโม่เทียน พี่ชาย เจ้าไม่ควรจะมีปัญหากับการให้ปราสาทเหล็กดำหลอมรวมกับมันตอนนี้ ตราบใดที่เจ้าส่งมันเข้าไปในปราสาทเหล็กดำ มันจะถูกกลืนโดยปราสาทเหล็กดำ จากนั้นทั้งดินแดนโม่เทียนก็จะเป็นของเจ้า ! "
" มันต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะกลืนภูเขาซากได้ นี่ไม่ต้องพูดถึงดินแดนโม่เทียนแต่ข้าไม่คิดว่าน้ำพุเก้าสวรรค์จะมาจากแท่นหินนี่…" – จางเทีย พูดขึ้นแล้วเดินไปข้างบ่อ จากนั้นเขาก็นั่งยองๆลงไปแล้วตักน้ำขึ้นมาดื่ม ความรู้สึกนี้มันต่างจากตอนที่เขารู้สึกในเมืองจักรพรรดิแรง 'เมื่อข้าได้มันแล้ว ข้าจะต้องการอะไรอีก '