Castle of Black Iron - Chapter 1931: เกินกว่าคาด
Chapter 1931: เกินกว่าคาด
ทางเข้าของหอคอยนี้ยังคงสมบูรณ์ดีอยู่ อีกอย่างแล้วมันยังมีแสงอยู่ทั้งสองฝั่งของทางเข้าที่สูงกว่า 100 ม. มันคือม่านแสงสีขาวที่ทางเข้าแทนที่จะเป็นประตู ตอนที่พวกเขาเข้าไปที่ทางเข้า มันก็มีเหรียญขนาดเท่ากับฝ่ามือโปร่งแสงปรากฏขึ้นมาในมือของตังเหมย เหรียญนี้ได้เปล่งแสงออกมาใส่ม่านนั่นสะท้อนประตูขึ้นมาบนม่านแสง จากนั้น จางเทีย กับ ตังเหมย ก็รีบเข้าไปข้างในทันที
ตอนที่ จางเทีย เข้ามาในประตู เขาเห็นแสงและเงาสีต่างๆ ในเวลาเดียวกันมันก็เกิดฟองขนาดใหญ่ด้านข้างตัว จางเทีย และห่อเขาไว้ หลังจากนั้นฟองก็ลอยขึ้นไปด้านบน จางเทีย รู้สึกว่าตัวเองไร้น้ำหนักราวกับว่าถูกส่งขึ้นไปบนฟ้าอย่างรวกเร็ว ไม่ถึง 1 วินาทีตอนที่แสงและเงาหายไป ฟองนั้นก็ระเบิดออก จางเทีย พบว่าเขาอยู่ในวังที่โอ่อ่าและสว่างไสว
ด้านหลัง จางเทีย คือประตูโค้งสามอัน แต่ละอันนั้นมีม่านแสงก่อตัวเป็นพีระมิดสูงกว่า 10 ม. ตรงหน้า จางเทีย มีหุ่นเชิดสองแถวอยู่ทั้งสองฝั่งของวัง
ตอนที่ จางเทีย กับ ตังเหมย ไปถึง หุ่นเชิดสองแถวก็ลืมตาขึ้นมาและจ้องมาที่พวกเขา
มันมีหุ่นเชิดแค่ประมาณ 20 ตัวแต่มีสองตัวที่เป็นสีฟ้าซึ่งหมายความว่าความแข็งแกร่งทัดเทียมกับจักรพรรดิ ตอนที่ จางเทีย พบว่าพวกมันจ้องมาที่เขา เขาก็รู้สึกขนลุกและเตรียมพร้อมจะสู้….
" รอเดี๋ยว…" – ตังเหมย พูดพร้อมกับยกเหรียญขึ้น เหรียญนี้ได้เปล่งแสงอีกอันออกมาซึ่งได้ฉายแสงไปทั่วทั้งวัง หุ่นเชิดที่ตาแดงก่ำกลับพากันหลับตาลงทันทีและหลับใหลกันต่อ
จางเทีย ตะลึง เขามองไปที่เหรียญแล้วถามออกมา – " นั่นอะไร ? "
" มันคือเหรียญสำหรับเครื่องมือวิญญาณในดินแดนโม่เทียนเพื่อเข้าออกสวรรค์แห่งแสง ข้าไม่ได้ใช้มันก่อนหน้านี้เพราะมันใช้ได้แต่กับที่นี่…."
จางเทีย มองไปรอบๆแล้วถามออกมา – " นี่คือทางเข้าของสวรรค์แห่งแสงงั้นรึ ? "
" ไม่ เราอยู่ในวังเครื่องมือวิญญาณของดินแดนโม่เทียน เราพักที่นี่ได้ ตอนที่เราพร้อม เราจะเข้าไปยังสวรรค์แห่งแสง…"
จางเทีย พยักหน้า หลังจากที่มองไปที่หุ่นเชิดอีกครั้ง เขาก็เริ่มผ่อนคลายและเก็บดาบไป – " ทำไมเครื่องมือวิญญาณของดินแดนโม่เทียนถึงได้มีวังในภูเขาบูซูด้วย ? "
" ตอนแรกการทำงานของดินแดนโม่เทียนนั้นคือช่วยเหล่าเทพสร้างภูเขาบูซู เครื่องมือวิญญาณของดินแดนโม่เทียนนี้ก็เหมือนกับผู้ดูแลของภูเขาบูซู แน่นอนว่าต้องมีวังเครื่องมือวิญญาณ…."
" โอ้ เข้าใจแล้ว ! "
จางเทีย กับ ตังเหมย นั้นสามารถพักที่นี่และได้เตรียมตัวจะขึ้นไปยังชั้นถัดไป ทั้งสองเดินทางมาถึงที่นี่ด้วยวิธีการต่างๆตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ดังนั้นพวกเขาจึงกดดันอยู่ตลอด
ตังเหมย พบที่ที่จะนั่งและเดินไปนั่งลงก่อนจะหลับตา จากนั้น จางเทีย ก็เริ่มเดินไปรอบๆวังแห่งนี้
นอกจากห้องโถงนี้แล้ว มันยังมีห้องอื่นในวังนี้ด้วยแต่ทุกห้องนั้นสะอาดหมดเหมือนกับห้องโถง ดังนั้น จางเทีย จึงผิดหวังขึ้นมา กว่า 1 เดือนที่ผ่านมานี้ จางเทีย ชินกับการได้อะไรติดมือกลับมา
" ทำไมไม่มีอะไรที่นี่เลย เครื่องมือวิญญาณนี่จนจริงๆ ราชาอินทรีย์คนเก่ายังทิ้งคุกอมตะให้ข้า…." – จางเทีย ถอนหายใจออกมาตอนที่กลับมาหา ตังเหมย และพูดขึ้น
" มันมีของมากมายที่นี่แต่ทุกอย่างล้วนแต่ถูกขนไปที่วังจักรพรรดิแรงหลังจากที่เกิดสงครามระหว่างเทพ…"
" มันมีที่อื่นที่คล้ายกันในหอคอยนี้ด้วยรึ ? "
" มี แต่ที่เหล่านั้นล้วนแต่เป็นส่วนตัว เราไม่อาจจะเข้าออกได้หากไม่มีเหรียญพิเศษ ! "
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น จางเทีย ก็ผิดหวังขึ้นมา เขาหลับตาลงแล้วเริ่มฟื้นฟูตัวเอง ในเวลาเดียวกันเขาก็เริ่มจะสร้างรูนแยกร่างขึ้นมาในหัวด้วย….
กว่าหลายวันมานี้รูนแยกร่างของเขามีบทบาทอย่างมากกับการเดินทางมาที่นี่
แม้ว่าหุ่นเชิดจะแข็งแกร่งแต่พวกมันมีความฉลาดจำกัด พวกมันไม่พบความต่างระหว่างร่างแยกกับตัวจริง แต่ละครั้งตอนที่พวกมันเจอกับทางแยก จางเทีย จะปล่อยร่างแยกออกมา เขาจะล่อหุ่นเชิดออกไปด้วยการเสียร่างแยกไป จางเทีย จึงสามารถสร้างเงื่อนไขที่ดีให้กับตัวเองและ ตังเหมย ให้มาถึงที่นี่ได้
หากไม่เสียร่างแยกไป พวกเขาคงไม่มีทางมาถึงที่นี่ได้ในเวลาอันสั้นแม้ว่าจะมีแผนที่โครงสร้างด้านในภูเขาบูซูก็ตาม
….
3 วันต่อมา จางเทีย กับ ตังเหมย ก็ได้อยู่ในสภาพที่พร้อม พวกเขายืนอยู่ตรงหน้าม่านแสงของสามประตูด้านในวังเครื่องมือวิญญาณ
" เจ้าหมายความว่าเราสามารถขึ้นไปยังสวรรค์แห่งแสงได้ผ่านประตูนี่รึ ? "
" ถูกต้อง ! "
" อืม ข้าจะปล่อยร่างแยกเข้าไปและดูสถานการณ์ด้านใน จากนั้นเราค่อยหาวิธีรับมือ ! "
" พี่ชาย ร่างแยกของเจ้าไม่จำเป็นต้องปะทะกับพวกนั้น มันจะรู้ถึงกำลังรบด้านบน เทพดุดันสองคนที่สร้างจักระอมตะได้มากกว่า 2 อันถูกห้อมล้อมไว้โดยแสงโลหิตอยู่ชั่วนิรันดร์ ดูจากความมืดของแสงโลหิตแล้วจะตัดสินได้ว่ามันแข็งแกร่งแค่ไหน ! " – ตังเหมย เตือน จางเทีย ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
" ถ้ามันไม่ได้ผล ข้าจะใช้ร่างแยกอีกร่าง ! " – จางเทีย พยักหน้า หลังจากนั้นเขาก็ชี้ไปที่หน้าผากตัวองแล้วยิงรูนแยกร่างออกมา ในพริบตารูนก็ได้กลายเป็น จางเทีย อีกคนตรงหน้าเขา
จางเทีย กับร่างแยกพยักหน้าให้กัน หลังจากนั้นร่างแยกก็ได้ปล่อยเกราะพลังฉีออกมาและหันกลับก่อนจะเข้าไปในม่านแสง
ฟองก่อตัวรอบร่างแยกและพาเขาขึ้นไปด้านบนรวดเร็วดั่งสายฟ้า
ตอนที่ฟองแตกนั้นมันก็ได้ปล่อยร่างแยกเข้าไปในสวรรค์แห่งแสงเพื่อจะดูสถานการณ์ด้านในสวรรค์แห่งแสงก่อนที่จะตาย !
สวรรค์แห่งแสงนั้นมีพื้นที่สว่างไสวแต่แสงนั้นไม่ได้มาจากเทพดุดันแต่มาจากชิ้นส่วนจากร่างเทพดุดัน….
ตอนที่ร่างแยกเข้าไปในสวรรค์แห่งแสง เขาก็ได้เหยียบไปที่ฝ่ามือซึ่งเปล่งแสงออกมา
ไม่มีใครอื่นอยู่ด้านในนี้ที่ยืนอยู่ยกเว้นเพียง จางเทีย
จางเทีย ถึงกับตะลึงไปทันที….