Castle of Black Iron - Chapter 1927: สงสัย
Chapter 1927: สงสัย
มันไม่เหมือนกับน้ำ มันหนาวเย็นและมีอุณหภูมิประมาณ -100 องศา น่าแปลกที่มันไม่แข็งตัว มันยังไหลได้อยู่ ในขณะเดียวกันน้ำก็สามารถกัดกร่อนเกราะพลังฉีได้ ดังนั้น จางเทีย ต้องซ่อมแซมพลังฉีในตอนที่ว่ายน้ำด้วย
อุโมงค์ด้านในบ่อนี้ซับซ้อนจนถึงขีดสุด มันเชื่อมต่อกับบ่อมากมาย จางเทีย เห็นอีกบ่อหนึ่งในเวลาไม่กี่นาที มันมีทรายดำแปลกๆที่ก้นบ่อซึ่งเหมือนกับใช้ปลูกอะไรบางอย่าง อีกอย่างแล้ว จางเทีย ก็ได้เห็นรากหนากว่า 3 ม.ในทรายดำนั้น เพราะพวกมันอยู่มาหลายปี พวกมันจึงเปลี่ยนเป็นผงและลอยอยู่ในน้ำเมื่อแตะมันเบาๆ
ความหนาแน่นของน้ำนี้มากกว่าปรอทหลายเท่า อีกอย่างแล้วมันได้สร้างแรงดันสูงที่ก้นบ่อ ผลก็คือพวกเขาไม่อาจจะว่ายได้เร็วตามต้องการได้ การเดินหน้านั้นจะใช้แรงกายจำนวนมาก นักสู้ทั่วไปยากที่จะเคลื่อนที่ได้นิ้วหนึ่งในน้ำนี้รึอาจจจะโดนบดขยี้ด้วยแรงดันน้ำนี้ก็ได้
ถ้าไม่ใช่ ตังเหมย ที่คอยนำทาง แม้แต่ จางเทีย ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาต้องมุ่งหน้าไปที่ไหน ดังนั้น จางเทีย จึงแค่ตาม ตังเหมย ไป
หลังจากว่ายน้ำมา 8 ชม. พวกเขาก็ได้มาถึงก้นบ่อผ่านทางเชื่อมต่อที่ซับซ้อน
บางทีมันอาจจจะเป็นบึงมากกว่าบ่อเพราะ จางเทีย พบว่าก้นบ่อนั้นมีพื้นที่หลายหมื่นตารางเมตรและลึกกว่า 100 ม. ทั้งบึงแห่งนี้เต็มไปด้วยน้ำแปลกๆ น้ำในบ่อน่าจะมาจากบึงนี้ รากที่นี่นั้นหนากว่า มีรากหลายอันที่หนา 8-10 ม. เมื่อว่ายอยู่ในบึงแห่งนี้ จางเทีย รู้สึกราวกับการเข้ามาในป่าที่เต็มไปด้วยตอไม้
" เราจะไปไหน ? " – จางเทีย ถาม ตังเหมย ด้วยพลังฉี
" ไปฝั่งตรงกันข้าม " – ตังเหมย ชี้ไปด้านหน้า หลังจากนั้นพวกเขาก็ว่ายไปยังฝั่งตรงกันข้าม
เมื่อว่ายมาได้ครึ่งทาง จางเทีย ก็เห็นโครงกระดูกขนาดใหญ่ในทรายดำ
โครงกระดูกนี้ยาวกว่า 100 ม.ซึ่งดูเหมือนกับซากงูที่เหลืออยู่แต่มันมีขาสี่อันด้านล่างโครงกระดูกนี้ อีกอย่างแล้วหัวของมันก็ดูคล้ายกับวัวซึ่งมีเขางอออกมาสองอัน
เมื่อเห็นโครงกระดูกนี้ จางเทีย ก็อึ้งไปทันที แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นมังกรจิรงๆมาก่อนแต่เมื่อเห็นโครงกระดูกนี้แล้ว จางเทีย ก็นึกภาพตอนที่มันมีชีวิตขึ้นมาได้ทันที ไม่ต้องเดาเลยว่ามันคือมังกร มังกรที่เป็นสัญลักษณ์ของคนจีน
ในฐานะคนจีนแล้ว มันเป็นครั้งแรกที่ จางเทีย ได้เห็นสัญลักษณ์ของคนจีน ดังนั้น จางเทีย จึงช็อกไปสักพัก
ในทางกลับกันแล้ว ตังเหมย ไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้ จากนั้น จางเทีย ก็ว่ายไปด้านข้างของโครงกระดูก แค่เพียงแตะมันเบาๆโครงกระดูกก็ถูกส่งไปที่ปราสาทเหล็กดำ หลังจากนั้นเขาก็ว่ายน้ำต่อไป
ในสายตาของ จางเทีย แล้ว โครงกระดูกนี้คือสมบัติที่มีความหมายยิ่งใหญ่
หลังจากที่มาถึงอีกฝั่ง ทั้งสองก็ลอยขึ้นมา จางเทีย โผล่หัวมาตรวจสอบสถานการณ์รอบๆผิวน้ำ
บึงแห่งนี้อยู่ในโดมภายในภูเขาบูซู มันมีตึกที่ได้รับความเสียหายใกล้กับชายฝั่ง สิ่งก่อสร้างทุกอย่างสูงกว่า 40 ม. หลังคาเป็นทรงแหลม พวกมันดูคล้ายกับเปลือกหอยขนาดใหญ่ อีกอย่างแล้วมันยังมีรูนวนอยู่ในตัวอาคาร มีหลายตึกที่ได้รับความเสียหายหนักราวกับแก้วที่โดนค้อนทุบ
มีประตูใกล้ๆกับที่ที่พวกเขาออกมา ตอนที่ไปถึงชายฝั่งแล้ว พวกเขาก็ได้เข้าไปใกล้กับพื้นที่ป่าแปลกๆ ต้นไม้ในป่าแห่งนี้สูงกว่า 100ม. จางเทีย บอกได้ว่ามันคือต้นไม้เพราะต้นไม้แทบทุกต้นนั้นเอียงไปแนวเดียวกัน มีต้นไม้หลายต้นที่มีรากโผล่มาและมีหลุมขนาดใหญ่ที่พื้น
ต้นไม้แปลกๆนี้ราวกับพบไฟในอดีต ต้นไม้ทุกต้นได้เปลี่ยนเป็นสีดำ มีหลายต้นที่โค่นและล้มลงมา มีหลายต้นยังตั้งอยู่ได้ ไม่มีเลยสักต้นที่ยังมีชีวิต ที่นี่เงียบงันราวกับสุสาน
ที่สำคัญคือ จางเทีย ไม่ได้เห็นหุ่นเชิดรึศพเลยสักตัวในป่าแห่งนี้
มันน่าจะปลอดภัย
จางเทีย โดดออกมาจากน้ำและมายืนอยู่บนชายฝั่งโดยมี ตังเหมย ตามมาติดๆ เมื่อเห็นผืนป่านี้แล้ว ตังเหมย ก็คิ้วขมวดเล็กน้อย เธอส่ายหน้าแล้วถอนหายใจออกมา – " น่าเสียดาย ! ข้าไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้…."
" ไม่มีอะไรน่าเสียดายหรอก ! "
" ตามบันทึกของวังจักรพรรดิแรงแล้ว ต้นไม้เหล่านี้คือต้นไม้สวรรค์ที่ล้ำค่าอย่างมาก พวกมันมีผลที่วิเศษมากมาย ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าน่าจะมีสัก 2-3 ต้นที่ยังมีชีวิตอยู่ ดูเหมือนว่าพวกมันจะตายกันหมดแล้ว ! " – ตังเหมย พูดด้วยสีหน้าเสียดาย
" เราจะไปไหนกันต่อ ? "
" พักที่ป่านี่ก่อน เราจะผ่านมันไปในวันพรุ่งนี้ มันน่าจะมีอุโมงค์ที่นำไปสู่ด้านบนที่สุดในป่านี้…."
" ดี ! " – จางเทีย พยักหน้า
เริ่มจากการเข้ามาในเขตหลัก จางเทีย ก็สู้มาอย่างดุเดือด เขาเกือบไม่ได้พัก เอาจริงๆแล้วมันไม่ง่ายที่จะว่ายน้ำมากว่า 10 ชม. แม้ว่า จางเทีย จะยังรับมือได้แต่เมื่อเขาคิดว่าเขาอาจจะได้ต่อสู้อีก เขาก็คิดว่ามันจำเป็นที่ต้องฟื้นฟูตัวเอง
ความมืดได้ครอบคลุมด้านนอกภูเขาซากแล้ว
หลังจากที่ตัดสินใจพักที่ป่านี้ ทั้งสองคนก็ได้เข้าไปในป่าเพื่อหาที่พัก
มันไม่มีดินนุ่มๆที่นี่ บางทีมันอาจจะมีแต่ตอนนี้พื้นดินตอนนี้แข็งหมดแล้ว พื้นดินทั้งป่าแข็งเหมือนกับอิฐที่โดนเผามานาน พวกทางลาดชันนั้นดูแข็งราวกับเหล็ก แม้แต่หลุมตรงต้นไม้โค่นลงมานั้นก็ยังดูแข็งไปด้วย
อุณหภูมิที่สูงได้เปลี่ยนป่าแห่งนี้ให้กลายเป็นดินแดนเวทย์มนต์
ต้นไม้ใหญ่ราวกับกำแพงเมืองตรงหน้า จางเทีย และ ตังเหมย นั้นดูกระจัดกระจายราวกับโค่นลงเมื่อเจอแผ่นดินไหว ผลก็คือทั้งสองได้แต่หาโพรงต้นไม้แทน
หลังจากนั้นสักพัก จางเทีย ก็เห็นโพรงต้นไม้ที่สูงกว่า 1 ม.ของต้นไม้ที่โค่นลงตรงหน้า อีกอย่างแล้วโพรงนี้ก็ยังมีกิ่งไม้ปกคลุมและยังมีต้นไม้ที่โค่นปิดสายตารอบๆไว้ มันค่อนข้างมิดชิดซึ่งไม่อาจจะพบได้จากไกลๆ จางเทีย ชี้ไปที่นั่น ตังเหมย พยักหน้าตอบรับ ดังนั้นพวกเขาจึงเดินไปที่โพรงนั้น
ตอนที่เข้าไปที่นั่น พวกเขาก็พบว่าโพรงนี้กว้างอย่างมาก ทั้งโพรงนั้นลึกไปกว่า 20 ม. ทางเข้าของมันเล็กแต่ด้านหลังของมันนั้นเปิดออกซึ่งคือภายในโพรงนี้มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สองคนสามารถพักผ่อนอยู่ข้างในได้สบายๆ
" ฮ่ะ เป็นที่ที่ดีจริงๆ ถ้าเราก่อไฟด้านใน มันก็จะไม่มีแสงส่องออกมา…" – จางเทีย เดินเข้าไปโดยมี ตังเหมย ตามมา
ทองลับดาบแยกสวรรค์ในมือ จางเทีย ได้เป็นเครื่องมือในการตัดฟืน
แกนหลักของต้นไม้นี้ยังไม่โดนเผาไปซะหมดแต่มันแข็งราวกับเหล็ก ด้วยดาบนี้ไม่นาน จางเทีย ก็ทำเตียงสองอันขึ้นมาได้ ไม้ที่เหลือนั้นถูกใช้กลายเป็นฟืน
จางเทีย กองฟืนเหล่านั้นเข้าด้วยกัน หลังจากนั้นเขาก็ดีดนิ้วและจุดไฟขึ้นมา หลังจากนั้นสักพักเขาก็ได้ก่อกองไฟขึ้นมาในโพรงต้นไม้ แสงนี้ได้ขับไล่ความมืดในโพรงออกไป ทั้งโพรงนี้ดูอบอุ่นขึ้นมาและทำให้พวกเขาสบายใจ
นอกจากกองไฟนี้แล้ว ความหนาวเย็นที่มาจากน้ำก็หายไปด้วย
" ท่านพี่ เราจะไม่ย่างมันฝรั่งรึไง ? " – ตังเหมย กระพริบตาแล้วถาม จางเทีย
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น จางเทีย ก็อึ้งไปชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็ได้เอามันฝรั่งออกมาจากปราสาทเหล็กดำและโยนมันเข้ากองไฟ
หลังจากที่ก่อไฟขึ้นมาแล้ว จางเทีย ก็ได้กลิ่นหอมลึกลับด้านในโพรงนี้ หลังจากที่ดมกลิ่นนี้แล้ว จางเทีย ก็รู้สึกหัวโล่งขึ้นมา ในขณะเดียวกันอวัยวะภายในเขาก็รู้สึกเย็นขึ้นมา แม้แต่พลังวิญญาณและพลังฉีก็ยังได้รับพลังด้วย…..
" อ่ะ กลิ่นอะไรกัน ?" – จางเทีย ถามด้วยความสงสัย
" นี่คือหนึ่งในผลของไม้สวรรค์ น่าเสียดายที่ต้นไม้เหล่านี้ได้รับความเสียหายมานานแล้ว เพราะพวกมันตายแล้ว ผลของมันจึงเหลือไม่ถึง 1/10 ถ้าเจ้าก่อไฟด้วยไม้นี่แล้ว เจ้าจะพบว่ากลิ่นของมันสามารถพัฒนาฐานการบ่มเพาะของจักรพรรดิและส่งผลดีต่อนายพลรวมถึงทหารทั่วไปได้….." – ตังเหมย พูดด้วยท่าทีเสียดาย
เมื่อรู้ถึงค่าของต้นไม้นี้แล้ว จางเทีย ก็เข้าใจว่าทำไม ตังเหมย ถึงได้ถอนหายใจ สิ่งนี้มันล้ำค่ายิ่งกว่าคริสตัลธาตุอีก