Castle of Black Iron - Chapter 1923: ภูเขาบูซู
Chapter 1923: ภูเขาบูซู
'นี่ใช่ภูเขาบูซูในตำนานรึเปล่า ? '
ตอนที่ จางเทีย มองไปยังเขตหลักของภูเขาซากที่เต็มไปด้วยหมอกดำ ความคิดแปลกๆซึ่งคนอื่นไม่อาจเข้าใจได้ก็โผล่มาในหัว
ตำนานเกี่ยวกับภูเขาบูซูนั้นแผ่ไปทั่วในหมู่คนจีนกว่าหลายพันปีแล้วแต่ จางเทีย ไม่คิดว่าเขาจะได้เห็นซากในตำนานจากยุคเทพได้จริงๆ
ภูเขาซากนั้นคือซากของภูเขาบูซู !
มันคือความลับที่ จางเทีย รู้มาจากในวังจักรพรรดิแรง ทั่วดินแดนโม่เทียนนั้นมีแค่วังจักรพรรดิแรงที่เก็บประวัติศาสตร์กว่าหลายร้อยล้านปีเอาไว้และทำให้ จางเทีย ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับภูเขาซาก
ภูเขาที่ลอยอยู่ในดินแดนโม่เทียนนั้นจริงๆแล้วคือชิ้นส่วนที่แตกมาจากภูเขาซากซึ่งก็คือภูเขาบูซู
ภูเขาบูซูในหมู่คนจีนนั้นคือช่องทางที่เชื่อมต่อดินแดนโม่เทียนกับดินแดนอมตะแต่ช่องทางนี้ถูกทลายไปในสงครามระหว่างเทพ
จางเทีย ได้ยินตำนานนี้มาจากพ่อของเขาในเมืองแบล็คฮ็อต หลังจากที่ได้ยินเรื่องนี้ จางเทีย ก็สงสัยว่าทำไมถึงเรียกที่นี่ว่าบูซู
ตอนนี้ในที่สุด จางเทีย ก็เข้าใจว่าบูซูหมายความว่าไม่สมบูรณ์ ดูจากชื่อมันแล้ว จางเทีย รู้ว่าภูเขาบูซูนั้นคือภูเขาที่ไม่สมบูรณ์ ภูเขาตามธรรมชาตินั้นไม่ควรจะไม่สมบูรณ์เพราะทุกอย่างในภูเขาตามธรรมชาติถูกสร้างขึ้นมาโดยแผ่นดิน มีแค่ภูเขาที่ถูกสร้างจากแรงภายนอกเท่านั้นที่จะถูกเรียกว่าบูซู จริงๆแล้วภูเขาเป็นเพียงแค่คำขยายความของมันซึ่งหมายความว่ามันดูพิเศษและยิ่งใหญ่เหมือนกับภูเขา นี่คือทักษะการใช้คำในหมู่คนจีนโบราณ
ตำนานที่คล้ายกันนี้ถูกพบในโลกตะวันตก — ตำนานเกี่ยวกับบาเบล
บาเบลนั้นคือหอคอยสูงถึงสวรรค์ ตามตำนานแล้วบาเบลเป็นสะพานเชื่อมต่อดินแดนมนุษย์กับสวรรค์
สุดท้ายบาเบลก็ไม่ได้สมบูรณ์เช่นกันเพราะมันถูกทำลายไปเพราะความขัดแย้งในหมู่คนสร้าง
หลังจากที่เทียบบาเบลกับภูเขาบูซูแล้ว จางเทีย ก็พบว่าหอคอยบาเบลในตำนานตะวันออกนั้นอาจจะเป็นภูเขาบูซู มันมีเรื่องที่คล้ายคลึงกันในหมู่ชาวตะวันออกและตก สุดท้ายมันก็ถูกบันทึกด้วยภาษาที่ต่างกันแต่เนื้อหาของทั้งสองตำนานนี้คือสิ่งเดียวกัน
แต่ดินแดนโม่เทียนไม่ใช่ดินแดนอมตะที่ภูเขาบูซูเชื่อมต่อมาถึง มันคือพื้นที่มิติที่ขยายตัวเองจากสนามพลังงานของภูเขาบูซูและเป็นฐานเพื่อสนับสนุนภูเขาบูซู ตอนแรกดินแดนโม่เทียนเชื่อมต่อกับโลกที่ จางเทีย จากมาแต่การล่มสลายของภูเขาบูซูได้ทำลายทุกอย่างไป นอกจากตัดการเชื่อมต่อแล้ว มันยังสร้างความเสียหายให้กับดินแดนโม่เทียนด้วย
ตามที่ ตังเหมย บอกมา ความกลับเกี่ยวกับเหตุผลที่เกิดสงครามระหว่างเทพและระหว่างมนุษย์กับปิศาจคือเขตหลักของภูเขาบูซู ในที่ที่อันตรายที่สุดในเขตหลักนั้น นอกจากบอลมิติของดินแดนโม่เทียนแล้ว มันยังมีสิ่งของที่บันทึกความลับของเทพเอาไว้ สำหรับรายละเอียดแล้ว แม้แต่ ตังเหมย ก็ไม่รู้เรื่องนี้ เพราะประวัติของสิ่งของนั้นอยู่นานมากกว่าดินแดนโม่เทียน
จางเทีย ดูเด็ดเดี่ยว หลังจากที่เดินทางมาหลายพันไมล์ ในที่สุดเขาก็เล็งเป้าหมายไปยังจุดที่สูงที่สุดของตึกในเขตหลักของภูเขาซาก
แม้ว่ามันจะไม่มีบอลมิติและเขาไม่อาจจะรวมดินแดนโม่เทียนกับปราสาทเหล็กดำได้แต่ตอนนี้เขารู้ถึงตัวตนของสิ่งของนั้นแล้ว เขาต้องไปดูมันให้ได้ไม่ว่ายังไงก็ตาม…
" ภูเขาซากกำลังจะเปิด…."
ไม่นานหลังจากที่ จางเทีย มาที่นี่ นายพลบางคนก็ได้ตะโกนขึ้นมา
หลังจากที่นายพลคนนั้นตะโกนออกมา จุดที่สูงที่สุดของตึกพร่ามัวในเขตหลักก็ได้เปล่งแสงออกมา หลังจากนั้นมันก็ได้ลอยไปถึงส่วนบนของเขตหลักภูเขาซากราวกับดวงอาทิตย์ ในขณะเดียวกันนั้นทั้งเขตหลักของภูเขาซากก็เริ่มสั่นไหว หมอกที่ครอบคลุมอยู่นั้นจางหายไปเผยให้เห็นหน้าตาดั้งเดิมของเขตหลักออกมา
หินและคลื่นกระจายไปทั่วเขตอากาศของภูเขาซากราวกับคลื่นในน้ำและทำลายเมฆทั้งหมดในเขตอากาศเหล่านั้น แม้ว่า จางเทีย และนายพลคนอื่นๆจะอยู่ห่างออกมาหลายพันไมล์แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกได้ถึงคลื่นอันทรงพลังจากเขตหลัก
ทั้งเขตหลักนั้นดูเหมือนกับติดอยู่ในรูมิติราวกับว่ามีแรงที่ผลักมันเข้ามายังดินแดนโม่เทียนและปรากฏอยู่ในมิติของดินแดนโม่เทียนแต่ยิ่งเขตหลักนั้นเคลื่อนไหวมากเท่าไหร่ รูมิติที่ถูกกันไว้โดยเขตหลักนั้นจะปล่อยอุกกาบาตสีฟ้าและแดงออกมาเหนือภูเขาซากราวกับน้ำกระจาย หลังจากนั้นอุกกาบาตเหล่านั้นก็จะกระจายไปทั่วทิศทาง
พวกมันคือลมไฟน้ำแข็งเหมือนกับชั้นลมด้านล่าง ด้วยความเร็ว 600,000 ไมล์/ชั่วโมง พลังของมันนั้นน่ากลัวเพราะสามารถทำลายเกราะพลังฉีของนายพลสูงสุดได้ง่ายๆ แน่นอนว่าพวกมันแข็งแกร่งกว่าชั้นลมด้านล่างหลายเท่า
ลมไฟน้ำแข็งที่พัดออกมานั้นพัดมาถึงจุดที่ห่าง จางเทีย ไป 60 ไมล์
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมนายพลหลายคนได้มารออยู่ที่นี่แทนที่จะพุ่งเข้าไป
ไม่กี่นาทีต่อมาชั้นลมก็หายไป หลังจากนั้นก็มีสายรุ้งยาวหลายหมื่นไมล์ปรากฏขึ้นมาที่ด้านบนของเขตหลักเผยให้เห็นถึงทั้งเขตหลักภายใต้แสงสีทองที่ส่องประกายออกมา
ในสายตา จางเทีย แล้ว เขตหลักของภูเขาซากนี้เหมือนกับยอดพีระมิดที่ได้รับความเสียหาย แม้ว่ายอดพีระมิดจะเสียคมขอมันและมีผิวเรียบแล้วแต่ จางเทีย ก็ยังบอกได้ว่าเขตหลักนี้คล้ายกับพีระมิดจากทุกๆด้าน
'ภูเขาบูซูนี้เหมือนกับพีระมิดงั้นรึ ? เพราะพีระมิดนั้นไม่ได้สมบูรณ์และขาดมุมอีกสองมุมไป มันจึงถูกเรียกว่าบูซูซึ่งหมายความว่าไม่สมบูรณ์…. '
จางเทีย กระจ่างทันที
หลังจากที่เขตหลักเปิดเผยอกมา มีนายพลหลายคนที่เริ่มหอบหายใจ หลายคนยากที่จะละสายตาจากมันได้แต่ไม่มีใครเคลื่อนไหว พวกเขาต่างก็จ้องไปที่จักรพรรดิพลังและ จางเทีย
ตอนนั้นคนที่ทรงพลังที่สุดจะบินไปยังภูเขาซากก่อน
" จักรพรรดิมังกร เชิญ ! " – จักรพรรดิพลังผายมือเชิญ จางเทีย ด้วยรอยยิ้ม
" เชิญ ! " – จางเทีย ไม่ได้ปฏิเสธและบินออกไปยังเขตหลักก่อน
เมื่อเห็น จางเทีย บินออกไปแล้ว จักรพรรดิพลังก็ได้ตามเขาไปด้วย หลังจากนั้นก็ตามด้วยนายพลคนอื่นๆ
ในเขตรอบนอกของเขตหลัก มันมีสันเขาและยอดเขาเล็กๆ แม้ว่ามันจะไม่ได้ใหญ่เท่ากับเขตหลักแต่พวกมันก็มีจำนวนมากและกินพื้นที่ไปเยอะ นายพลต่ำกว่านายพลสูงสุดจะไปที่เขตนอก ถ้าพวกเขาโชคดี พวกเขาอาจจะได้ชุดอมตะรึสมบัติอื่นที่นั่น
ตอนที่ จางเทีย เริ่มบินออกไป เขาไม่ได้ใช้ความเร็วสูงสุด จักรพรรดิพลังก็เช่นกัน ไม่ถึง 1 ชม.พวกเขาก็ได้มาถึงที่เขตรอบนอก
มันมีซากวังและตึกที่เสียหายลอยอยู่ซึ่งส่องแสงไปยังสันเขา มีนายพลลมและนายพลไฟหลายคนที่บินต่อไปไม่ได้เมื่อมาถึงเขตนี้ จากนั้นพวกเขาก็เริ่มกระจายตัวเพื่อไปเสี่ยงโชคของตัวเอง….
มีแค่ จางเทีย, จักรพรรดิพลังและนายพลสูงสุดบางคนที่ยังบินต่อไปได้
ระหว่างเขตนอกกับเขตหลักแล้ว มันมีม่านสีทองที่ส่องลงมาจากจุดสูงสุดราวกับน้ำตกแยกเขตหลักกับเขตวงนอกออกจากกัน
ม่านแสงนั้นมีแรงที่คล้ายกับดินแดน มันเหมือนกับชั้นแรก มีแค่นายพลสูงสุดรึระดับสูงกว่านั้นที่ผ่านไปได้
หลังจากที่ผ่านม่านแสงมา จางเทีย กับจักรพรรดิพลังก็เกือบจะเข้าไปในเขตหลักพร้อมกัน
" ระวัง…"
อยู่ๆ จางเทีย ก็ได้ยินเสียงของจักรพรรดิพลัง
จางเทีย พบงูไฟหน้ามนุษย์ตัวสูงกว่า 3 ม.กำลังพุ่งเข้ามาหาเขาพร้อมดาบในมือตอนที่ผ่านม่านแสงนั้นไป ตัวมันเต็มไปด้วยรูนและมีแสงเหมือนกับเหล็กเปล่งประกายออกมา ร่างส่วนบนของมันเป็นมนุษย์ ส่วนล่างของมันคล้ายกับงู
งูมนุษย์คือยามของเขตหลัก หุ่นเชิดของเทพที่ซึ่งมีความแข็งแกร่งทัดเทียมกับนายพลสูงสุด
ปัง*** คุกอมตะได้โผล่มาในมือ จางเทีย และเปลี่ยนเป็นกระบองสีดำยาวกว่า 10 ม. ก่อนที่หุ่นเชิดจะได้เข้าหาตัว จางเทีย ก็ได้บินเข้าไปหามันแทน ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวหุ่นเชิดก็แตกออกเป็นสองส่วนและกระเด็นออกไปหลายหมื่นเมตร
จางเทีย อึ้งไปชั่วครู่ เขายังไม่ได้ใช้แรงเต็มที่แต่การโจมตีของเขานั้นนายพลสูงสุดทั่วไปไม่อาจจะต้านทานได้ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเขาสามารถทำลายหุ่นเชิดเป็นชิ้นๆได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ไม่คาดคิดว่าเขาจะทำได้แค่หักมันเป็นสองส่วน
ร่างของหุ่นเชิดเทพนี้แข็งจนน่าเหลือเชื่อ….