Castle of Black Iron - Chapter 1920: สายเลือดของจิตวิญญาณมิติ
Chapter 1920: สายเลือดของจิตวิญญาณมิติ
ตอนที่พวกเขาโผล่มาที่ห้องนั้น พวกเขาก็ยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ตอนที่ จางเทีย เดาความลับของกระจกนี้ ตังเหมย ก็ได้ยื่นนิ้วออกมาและชี้ไปที่กระจก หลังจากนั้นกระจกก็ได้เปล่งแสงออกมาและเผยภาพต่างๆ..
มันเผยให้เห็นภาพของ จางเทีย ตอนที่เข้ามายังดินแดนโม่เทียน ย้อนกลับไปตอนที่เขานอนอยู่ในที่พื้นในสภาพปางตาย นอกจาก จางเทีย แล้ว สิ่งรอบข้างก็ยังแสดงออกมาอย่างชัดเจน
ตอนที่เขาตื่นขึ้นมา จางเทีย พยายามขยับมือและตัว จากนั้นเขาก็พลิกตัวอย่างยากลำบากเพื่อที่หันหน้าขึ้นสู่ท้องฟ้า แสงจากดวงอาทิตย์ทำให้เขาต้องหลับตาลง จากนั้น จางเทีย ก็ยกมือข้างหนึ่งมาบังตาเอาไว้เพื่อกันแสง
หลังจากนั้นสักพักก็มีเรือบินลำหนึ่งโผล่มาบนท้องฟ้า
" อ่ะบอส มีคนอยู่ด้านล่างนั่น.."
" ดูให้ดีว่าเขาเป็นมนุษย์รึปิศาจ…"
" เขาเป็นมนุษย์ แน่นอนว่าเขาเป็นมนุษย์.."
" เอาเขาขึ้นมา เช็คดูว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ สงครามได้ก่อตัวขึ้นในเมืองแสงเขียวเมื่อไม่กี่วันก่อน ชายคนนี้อาจจะหนีมาจากที่นั่น…"
จางเทีย กับ ตังเหมย ถึงกับได้ยินเสียงในกระจกได้อย่างชัดเจน
หลังจากนั้น จางเทีย ก็ถูกอุ้มขึ้นเรือบินไป จางเทีย และ ตังเหมย เห็นสถานการณ์ด้านในเรือบินได้อย่างชัดเจน
จางเทีย ตะลึง เขารู้สึกว่ากำลังดูหนังที่ตัวเองแสดงอยู่ เอาให้แม่ยำคือมันเป็นหนังที่ถ่ายด้วยเลนแบบสามมิติที่สามารถเปลี่ยนแปลงไปตอนไหนก็ได้
หลังจากฉากนี้ก็เกิดการเร่งเวลา มันไม่ได้เร็วธรรมดาแต่เกือบเท่ากับพลังวิญญาณของ จางเทีย เกือบจะในพริบตาภาพเป็นพันๆก็ปรากฏขึ้นมาในกระจก นอกจาก จางเทีย ที่อยู่ในกระจกแล้ว นายพลสูงสุดทั่วไปไม่มีให้เห็นในกระจกนี้เลย
จางเทีย มองไปยังตอนที่เขาเข้าร่วมกับวังจักรพรรดิมังกรแต่เขาได้ทำการฆ่าคนที่เมืองลานสวรรค์ การที่เขาจีบ จียู่หลาน การที่เขาได้ออกจากเมืองลานสวรรค์มาพร้อมกับทุกคนโดยเรือบิน การที่เขาได้ฆ่าปิศาจฟ้าและปิศาจแดงในทะเลดาวหัก การที่เขาเข้าใจทักษะของจักรพรรดิมักรและการที่เขาชิงบัลลังก์มา…
จากนั้นก็เป็นการแลกเปลี่ยนกับวังจักรพรรดิดาวในเมืองจักรพรรดิมังกร, ในห้องบ่มเพาะ, การทดสอบพลังของจักรพรรดิดาว, การช่วยคนของนิกายหยินหยางที่เมืองมังกรฟ้า, การกำจัดสายของวังจักรพรรดิทมิฬในวังจักรพรรดิมังกรและการตกเข้าสู่กับดักของจักรพรรดิปิศาจเทียม…
ฉากที่ จางเทีย ได้อยู่ในดินแดนของจักรพรรดิปิศาจเทียมไม่ได้แสดงในกระจกแต่เขาเห็นได้ว่าจักรพรรดิปิศาจเทียมใช้ดินแดนออกมายังไง
จากนั้น จางเทีย ก็ตกลงมาในทะเลเหยาไห่และมายังเมืองจักรพรรดิแรง…
เมื่อเห็นฉากเหล่านั้น จางเทีย ก็รู้สึกนึกถึงประสบการณ์ทั้งหมดที่ผ่านมาในดินแดนโม่เทียน เขามองดูสิ่งที่เขาได้ทำในดินแดนโม่เทียนในฐานะคนนอก ดังนั้นเขาจึงเกิดความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้
กระจกได้แสดงรายละเอียดมากมาย ยกเว้นแค่ช่วงเวลาที่ จางเทีย อยู่ในปราสาทเหล็กดำ ในดินแดนอื่นและคุกอมตะแล้ว ทุกอย่างเกี่ยวกับเขาได้สะท้อนออกมาในกระจก
จางเทีย เห็นตัวเองแสดงพลังในที่ราบเทพและออกมาจากศาลาจักรพรรดิมังกรหลังจากที่เก็บตัวเสร็จ ตอนที่เขาเห็นตัวเองไปยังหุบเขาเสียงธรรมชาติ เขาก็เกือบตกใจ..
" หยุด.." – จางเทีย อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาแล้วบีบมือ ตังเหมย
ฉากในกระจกได้หยุดไปทันที ในกระจกนั้น จางเทีย กำลังยืนอยู่ชั้นบนกับ จียู่หลาน, เจียงรู่ซิน, ซูไห่เม่ย และ หยิงเฟยเฉียง
เขาไม่อาจจะดูมันได้ ถ้าไม่งั้น จางเทีย คงรู้สึกว่าเขาคงเป็นพระเอกหนังโป๊ หนังโป๊นั้นหายไปนานแล้วในประวัติศาสตร์ของมนุษย์
แม้ว่า จางเทีย จะยังสับสนและไม่รู้รายละเอียด เขาก็เชื่อคำพูดของ ตังเหมย — ตังเหมย คือจักรพรรดิแรง, จักรพรรดิแรงคือ ตังเหมย
" เจ้าเชื่อคำพูดข้ารึยัง ? " – ตังเหมย ยังพูดด้วยท่าทีเดิม ดังนั้น จางเทีย จึงรู้สึกแปลกๆในเรื่องนี้
" อะแฮ่ม…กระจกนี้แสดงภาพออกมาได้ยังไง ? "
" กระจกนี้เรียกว่ากระจกเวทย์โม่เทียน ! " – ตังเหมย อธิบายด้วยรอยยิ้มแล้วใช้มือปิดปาก หลังจากที่มองไปที่ จางเทีย แล้ว หน้าเธอก็แดงขึ้นมาก่อนจะพูดต่อ – " ก่อนที่จะถูกทำลาย มันได้แสดงทุกอย่าง, ทุกคนและทุกสิ่งที่คนทำในช่วงเวลาหนึ่งๆแต่หลังจากภัยพิบัติในดินแดนโม่เทียน มันก็เสียความสามารถหนึ่งไป มันเหลือแค่สองความสามารถ การจับตาดูสถานการณ์จากการเปลี่ยนแปลงของมิติในดินแดนโม่เทียน การจับตาดูทุกอย่างที่เข้ามาในดินแดนโม่เทียนจากมิติอื่นไม่ว่าคนรึสิ่งของ หากไม่มีกระจกนี้แล้ว ข้าคงไม่พบบรรทัดสวรรค์ ท่านพี่ ข้าคิดว่าเจ้าคงรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว.."
" เอิ่ม…ไม่ใช่ว่าเจ้าเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นรึไง ? " – จางเทีย ถามด้วยความกลัว ตอนนั้น จางเทีย หวังว่ากระจกนี้จะแบ่งหนังเป็นประเภทต่างๆเหมือนก่อนภัยพิบัติ แม้ว่าสังคมมนุษย์จะพิเศษแต่หนังแบบที่คนแสดงต้องตัวโป๊เปลือยและนอนด้วยกันนั้นไม่อนุญาติให้ฉายในโรงหนังได้
" ไม่ ข้าไม่ได้ดู.."
หลังจากที่ได้ยินคำตอบ จางเทีย ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกทันทีแล้วพูดขึ้น -" ยินดีที่ได้ยินแบบนั้น ดีจริงๆ เอิ่ม…ออกจากที่นี่กันเถอะ ! "
ในวินาทีต่อมาทั้งสองคนก็ได้กลับมาอยู่ที่ศาลาในสวนที่พวกเขาอยู่เมื่อตะกี้ ฉากนี้เองก็แสดงอยู่ในกระจกด้วย
หลังจากที่กลับมายังศาลา จางเทีย ก็พบว่าเขาจับมือ ตังเหมย อยู่ ดังนั้นเขาจึงรีบคลายมือ ตังเหมย นั้นไม่ได้ดูรังเกียจเลยแม้แต่น้อย
จางเทีย กับ ตังเหมย ได้กลับไปยังที่นั่งของตัวเอง
" บอกข้ามาที พวกนี้มันอะไรกัน ?" – จางเทีย พูดแล้วเกาหัว
" ก่อนที่จะบอกเจ้าเรื่องนี้ ข้าสงสัยว่าข้ายังเป็น เสี่ยวเหมย ในใจเจ้าอยู่รึเปล่า ? "
" นั่นใช่ชื่อจริงของเจ้ารึเปล่า ?"
" ก่อนหน้านี้ข้ามีเพียงชื่อเดียว — จักรพรรดิแรง แต่ตอนนี้ข้ามีชื่อเพิ่มแล้ว — ตังเหมย ! "
" ทำไมต้องชื่อนี้ ? "
" ท่านพี่ เจ้าจำตอนที่เจ้าปลอมตัวเป็น ดอนเดอร์ และช่วยคนในเมืองมังกรฟ้าไม่ได้รึไง ?"
" เจ้าหมายความว่าเจ้าเลียนแบบแซ่ของข้า ? " – จางเทีย ถามพร้อมกับเบิกตากว้าง เขาไม่คิดว่า ตังเหมย จะได้ชื่อมาแบบนี้
" อืม ข้าตั้งชื่อมันเอง ข้ารู้สึกว่ามันเพราะดี ! " – ตังเหมย พูดด้วยรอยยิ้ม
" แล้วพ่อแม่กับอาจารย์ล่ะ ? พวกเขาไม่ได้ตั้งชื่อให้เจ้ารึ ?"
" ท่านพี่ จิตวิญญาณมิติในมิติส่วนตัวมีเจ้านายรึพ่อแม่รึเปล่า ?"
" เจ้าหมายความว่า…เจ้าคือจิตวิญญาณมิติงั้นรึ ? จิตวิญญาณมิติของดินแดนโม่เทียนน่ะรึ ? " – ตอนนั้น จางเทีย ยิ่งตะลึงมากกว่าตอนที่ได้รู้ว่า ตังเหมย คือจักรพรรดิแรงอีก ในขณะเดียวกัน จางเทีย ก็รู้ว่าทำไม ตังเหมย ถึงได้มีหน้าตาที่ดูงดงามนัก นอกจากสิ่งมีชีวิตแบบ เฮลเลอร์ แล้ว ใครอีกที่จะมีหน้าตาที่สมบูรณ์แบบได้ ?
" เอาให้ชัดเจนคือข้าเป็นมนุษย์แล้วก็เป็นจิตวิญญาณรุ่น 6 ของดินแดนโม่เทียน หลังจากที่ดินแดนโม่เทียนพังทลาย เริ่มจากรุ่นสอง มันก็ไม่มีจิตวิญญาณบริสุทธิ์ที่สามารถเกิดขึ้นในดินแดนโม่เทียนได้ ดังนั้นจากนั้นมาจิตวิญญาณมิติทั้งหมดของดินแดนโม่เทียนจึงมีสายเลือดมนุษย์ผสมอยู่ด้วยและกลายเป็นจักรพรรดิแรง เราล้วนแต่ต้องรับผิดชอบในการดูแลเมืองจักรพรรดิแรงและปกป้องมนุษย์ทั้งหมดในดินแดนโม่เทียน.."