Castle of Black Iron - Chapter 1919: เหลือเชื่อ !
Chapter 1919: เหลือเชื่อ !
'น้ำพุเก้าสวรรค์ ? ต้นไม้กระจ่างโบราณ ? '
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้นแล้ว จางเทีย ก็อึ้งไปทันที
เขาไม่คิดว่าเขาจะดื่มน้ำพุเก้าสวรรค์ซึ่งช่วยให้อัศวินปราชญ์ขึ้นเป็นจักรพรรดิโดยไม่รู้ตัวไปถึง 9 ถ้วย ไม่แปลกใจเลยว่ารสชาติชานั้นจะแปลกแบบนี้ มันกลับเป็นว่ามันทำขึ้นมาจากน้ำพุเก้าสวรรค์ แม้ว่า จางเทีย จะไม่ได้ยินชื่อของต้นไม้กระจ่างโบราณแต่เขาก็คิดว่ามันต้องไม่ใช่ของธรรมดาแน่ๆ
จางเทีย เบิกตากว้างและมองไปที่ ตังเหมย ที่กำลังยิ้มอยู่ตรงหน้าเขา เขากรู้สึกว่าภาพของ ตังเหมย นั้นพร่ามัวไป ใบหน้าอันน่าหลงใหลนั้นปรากฏว่าทั้งใกล้และไกลเขา มันพร่ามัวและไม่อาจจะสัมผัสได้
ทันใดนั้นจางเทีย ก็ไม่ได้อาจะจะส่งเสียงออกมาได้
" ท่านพี่ เจ้าจะโทษข้ากับการให้เจ้าดื่มน้ำพุเก้าสวรรค์รึไงกัน ? " – ตังเหมย ถามขึ้นมาอย่างอายๆและมองมาที่ จางเทีย ด้วยตาเป็นประกาย – " แต่เมื่อเจ้าขึ้นเป็นนายพลสูงสุดแล้ว หากเจ้าไม่ดื่มน้ำพุเก้าสวรรค์ เจ้าก็ไม่อาจะทำลายกำแพงเทพมนุษย์ได้ ถ้าไม่อาจทำลายกำแพงนี้ได้ เจ้าก็ไม่อาจจะรู้สึกได้ถึงดินแดนของความคิดและไม่อาจจะสร้างจักระอมตะอันแรกได้ "
'กำแพงเทพมนุษย์ ? ดินแดนความคิด ? จักระอมตะอันแรก ?'
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น จางเทีย ก็เกือบจะตะลึง หลังจากนั้นไม่กี่วินาที จางเทีย ก็รวบรวมสติแล้วถามเธอขึ้นมา – " จักรพรรดิแรงบอกให้เจ้าทำแบบนั้นรึ "
หลังจากที่ได้ยินคำถามของ จางเทีย ตังเหมย ก็ยิ้มออกมา เธอแค่เพียงมอง จางเทีย เงียบๆ
'ตังเหมย ปกปิดคำพูดรึไม่สะดวกในการพูดออกมารึไง ? '
ตอนที่เขาคิดว่าเขาอยู่ในวังจักรพรรดิแรง หน้าของ จางเทีย ก็หม่นลงทันที เขาดีดตัวขึ้น หลังจากที่เดินวนรอบศาลา เขาก็ได้มาข้างกาย ตังเหมย และจับมือของเธอไว้ ภายใต้สายตาประหลาดใจของ ตังเหมย เขาก็ดึงเธอขึ้นมาและยืนอยู่ตรงหน้าเธอราวกับว่าปกป้องเธออยู่ หลังจากนั้นเขาก็มองไปรอบๆแล้วพูดขึ้นมาด้วยตาเป็นประกาย – " เมื่อจักรพรรดิแรงเชิญข้ามาที่นี่ ทำไมถึงไม่จัดการกับข้าล่ะ ? ทำไมต้องให้ผู้หญิงมาเป็นโล่ด้วย ? จากนี้ ตังเหมย เป็นผู้หญิงของข้า เธออยู่ภายใต้การปกป้องของข้า ถ้าจักรพรรดิแรงไม่ต้องการจะปรากฏตัวขึ้นมา ข้าจะเอา ตังเหมย ออกไปจากวังจักรพรรดิแรง ! "
เพราะมือของเธอโดน จางเทีย จับเอาไว้ แก้มของ ตังเหมย จึงแดงขึ้นมา จากนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปหา จางเทีย แล้วกระซิบ – " ท่านพี่.."
" อย่ากลัวไปเลย เจ้าไม่ต้องพูดอะไรเรื่องนี้หรอก ข้าจะช่วยเจ้าจัดการปัญหานี้เอง แม้จักรพรรดิแรงนั้นประหลาดและคาดการณ์ไม่ได้ มันไม่ใช่ความคิดที่ดีที่เจ้าจะอยู่ที่นี่ต่อ ข้าจะพาเจ้าออกไปจากที่นี่ ใครบ้างที่กล้ามาขวางทางข้า ! " – จางเทีย พูดขึ้นแล้วหรี่ตามองไปรอบๆพร้อมจะปล่อยพลังฉีออกมาทุกเมื่อ
ไม่นานหลังจากที่ตื่นขึ้นมา จางเทีย ก็พบว่าเขาฟื้นฟูพลังขึ้นมาแล้ว อีกอย่างแล้วเขาถึงกับรู้สึกว่าเขาแข็งแกร่งกว่าตอนอยู่ในที่ราบเทพก่อนจะใช้สายเลือดเทพต่อสู้ด้วยซ้ำ ในสภาวะตอนนี้เขาสามารถใช้สายเลือดเทพต่อสู้ตอนไหนก็ได้ เขาไม่เชื่อว่าจักรพรรดิแรงจะสามารถเอาชนะเขาได้ในสภาวะนี้
จางเทีย คิดว่าจักรพรรดิแรงซ่อนตัวอยู่ในสักที่น่าจะปรากฏตัวออกมาและอธิบายทุกอย่างในตอนนั้นเพราะเขาพร้อมจะรับมือแล้วแต่ไม่คาดคิดว่าหลังจากที่เงียบไปได้สักพัก เขาก็ยังไม่เห็นใครอื่นในศาลาเลย เขาไม่ได้ยินเสียงใครเลย
ดังนั้นหน้าของ จางเทีย จึงแดงขึ้นมาด้วยความอาย !
'จักรพรรดิแรงคิดว่าข้าไม่กล้าเอา ตังเหมย ไปจากที่นี่รึไง ? มาดูกัน…'
" ไปกันเถอะ.." – จางเทีย พึมพำออกมาแล้วดึง ตังเหมย ออกจากศาลามุ่งหน้าไปยังประตูวัง ตอนที่เดินออกนอกศาลา จางเทีย ถึงกับปล่อยเกราะพลังฉีออกมาปกป้อง ตังเหมย ด้วย ในขณะเดียวกันเขาก็เตือนเธอผ่านพลังฉี – " หลังจากนี้สักพักถ้ามีการต่อสู้เกิดขึ้น เจ้าต้องอยู่ข้างกายข้า ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเจ้า ถ้าพวกนั้นกล้าสู้กับข้าและทำให้เจ้าต้องอับอาย งั้นข้าจะทำลายวังบัดซบแห่งนี้…"
ตอนที่โดน จางเทีย ลากไป ตังเหมย อยู่นิ่งและหน้าแดง จนกระทั่ง จางเทีย บอกว่าเขาต้องการทำลายที่แห่งนี้ ตังเหมย จึงก้มหน้าลงแล้วกระซิบแบบอายๆ – " ท่านพี่ เจ้าไม่ชอบวังสี่ฤดูแห่งนี้รึไง.."
" โอ้ นี่คือวังสี่ฤดูรึ ?" – จางเทีย ตอบกลับแล้วดึงเธอเดินไปที่สวน เขาไม่เห็นสีหน้าแปลกๆของเธอเพราะเขาสนใจสิ่งรอบข้างอยู่ เขามองทะลุสวนแห่งนี้ไม่ได้ ถ้าจักรพรรดิแรงเล่นตุกติกด้านในนี้ มันก็ได้เวลาที่เธอจะลงมือแล้ว แม้ว่า จางเทีย จะดูว่าเดินได้อย่างสบายแต่จริงๆแล้วเขาตึงเครียด เขาไม่ได้กังวลหากเขาอยู่เพียงลำพังแต่ด้วยการที่มี ตังเหมย ข้างกาย เขาต้องระวังตัวมากกว่าเดิม
" อืม เราอยู่ในวังสี่ฤดูเพราะฤดูในวังแห่งนี้สามารถเปลี่ยนได้ตามใจ ท่านพี่ ไม่ต้องกังวลไป ไม่มีใครกล้าเข้ามาโจมตีเราหรอก …"
จางเทีย หยุดทันที เขาหันกลับมาและมองไปที่ ตังเหมย ก่อนจะถามขึ้นมา – " ทำไม ?"
" เพราะไม่มีใครอื่นในวังสี่ฤดูนอกจากเจ้ากับข้า ไม่มีใครอื่นในดินแดนโม่เทียนที่เข้ามาในวังแห่งนี้ได้…"
จางเทีย อึ้งไปชั่วครู่และถามเธอ – " ไม่ใช่ว่าจักรพรรดิแรงอยู่ที่นี่หรอกรึ ? "
" ใช่ เธออยู่.."
" ทำไมเจ้าถึงบอกว่าไม่มีใครอื่นที่นี่ล่ะ ? " – จางเทีย ถามแล้วเงียบไป จากนั้นเขาก็มองไปที่ ตังเหมย ด้วยความช็อก
ตอนนั้นแม้แต่คนโง่ก็เข้าใจคำพูดของ ตังเหมย อีกอย่างแล้ว จางเทีย น่ะฉลาด เขาแค่ไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้นี้….
'ตังเหมย จะเป็นจักรพรรดิแรงได้ยังไง ? '
" ข้าไม่ได้คิดจะหลอกเจ้า ข้ารู้ตั้งแต่ที่เจ้ามายังดินแดนโม่เทียน เพราะเจ้ามาจากต่างโลก ข้าจึงสงสัยในตัวเจ้าและมักจะจับตาดูเจ้าตลอด ตอนที่เจ้าตกอยู่ในดินแดนของจักรพรรดิปิศาจเทียม เพราะข้าไม่อาจจะออกจากเมืองจักรพรรดิแรงได้ ข้าจึงได้แต่ส่ง รองหัวหน้าเซียง ไปช่วยเจ้าแต่ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะตกลงไปในทะเลเหยาไห่หลังจากที่ดินแดนของจักรพรรดิปิศาจเทียมพังลงและมายังเมืองจักรพรรดิแรงหลังจากที่สลัดการไล่ล่าของหัวหน้าตระกูลซีได้ ตอนแรกข้าแค่สงสัยในตัวเจ้าและต้องการสังเกตุเจ้าจากใกล้ๆ ดังนั้นข้าจึงไปพบกับเจ้าที่ประตูเมือง.."
" มันแทบเป็นไปไม่ได้ ! " – จางเทีย อึ้งไป ตามที่ ตังเหมย บอกมา เธอรู้ตั้งแต่ที่่เขามายังดินแดนโม่เทียน อีกอย่างแล้วเธอยังจับตาดูเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว แม้ว่า ตังเหมย จะพูดอย่างใจเย็นแต่คำพูดของเธอนั้นทำให้ จางเทีย ช็อกจนเกือบตาย
ตังเหมย มองไปที่ จางเทีย เงียบๆ จากนั้นเธอก็โบกมือ จางเทีย รู้สึกได้ว่ามิติเริ่มหมุนวน ในขณะเดียวกันฉากรอบๆก็เปลี่ยนไปในเสี้ยววินาที ทันใดนั้นเขาก็มายังห้องที่มีพื้นที่หลายร้อยตารางเมตร มันมีภาพแปลกๆที่เป็นมนุษย์ในส่วนบนและเป็นงูในส่วนล่างบนกำแพงทั้งสี่ อีกอย่างแล้วมีรูนไหลวนบนกำแพงด้วย นอกจากนี้ยังมีกระจกที่สูงกว่า 5 ม.ซึ่งดูเหมือนทำมาจากทองแดงตั้งอยู่ใจกลางห้องด้วย