Castle of Black Iron - Chapter 1909: การส่งต่อความกระจ่างของจางเทีย (I)
Chapter 1909: การส่งต่อความกระจ่างของจางเทีย (I)
แม้แต่พวกหัวหน้าหน่วยก็ช็อกเมื่อได้ยินเรื่องผลงานของ จางเทีย ในที่ราบเทพเมื่อ 1 เดือนก่อน นี่ไม่ต้องพูดถึงพวกผู้อาวุโสเลย
ในประวัติศาสตร์นับหมื่นปีของดินแดนโม่เทียน มีจักรพรรดิปิศาจมากกว่าหนึ่งตัวที่ถูกฆ่าโดยจักรพรรดิมนุษย์ มาจักรพรรดิมนุษย์รึขุมกำลังมากกว่าหนึ่งคนที่ได้รีบเกียรติจากการฆ่าจักรพรรดิปิศาจแต่ในดินแดนโม่เทียนนั้นไม่มีใครที่เคยได้ยินว่ามีคนสามารถช่วยนายพลที่ติดอยู่ในระดับเดิมมานานในการทะลวงระดับและขึ้นเป็นนายพลสูงสุดได้
ในดินแดนโม่เทียนถ้าใครต้องการจะเป็นนายพลสูงสุด คนเรานั้นต้องปลุกจักระสูงสุดขึ้นมา อีกอย่างแล้วจักระของอัศวินปราชญ์และการสร้างดินแดนด้วยการสื่อสารกับดินแดนธาตุผ่านจักระ มีนายพลไฟหลายคนที่ไม่อาจจะทะลวงระดับได้ตลอดทั้งชีวิต น่าเสียดายที่พวกเขาจะติดอยู่แค่ระดับนายพลไฟและต้องทนกับความยากลำบากตลอดชีวิต
ในการปลุกจักระสูงสุดนั้นคือส่วนที่ยากที่สุดสำหรับนายพลไฟในการขึ้นเป็นนายพลสูงสุดเพราะมันไม่อาจจะทะลวงผ่านด้วยการบ่มเพาะได้
ตอนที่ปลุกจักระดิน, น้ำ, ลมและไฟนั้น พวกเขาแค่ต้องบ่มเพาะแต่หลังจากที่ปลุกจักระทั้งสี่ขึ้นมาแล้ว ถ้าพวกเขาต้องการก้าวหน้า พวกเขาต้องพึ่งความกระจ่างของตัวเอง พวกเขาต้องทำความเข้าใจกฎจักรวาล พกวเขาต้องค้นพบข้อมูลและความสามารถผ่านธาตุทั้งสี่
มันขึ้นอยู่กับโชคของคนและความสามารถในการเข้าใจซึ่งไม่อาจจะแสดงด้วยคำพูดได้ มันก็เหมือนกับการได้ความรู้ซึ่งเป็นกระบวนการที่ไม่อาจจะอธิบายรึตั้งชื่อได้ บางคนอาจจะไม่เข้าใจมันแม้ว่าจะนั่งอยู่ในห้องลับกว่าร้อยปีและท่องหนังสือนับไม่ถ้วนแต่บางคนน่ะเข้าใจกฎจักรวาลและรู้สึกถึงมันในเย็นวันเดียวกันได้ด้วยแค่เพียงจุดฟืนเท่านั้น
หลงจิวเทียน, หยิงกูเชิง, ลู่หยุนชาง และ ฮูโม่หยวน อาจจะมีโอกาสในการขึ้นเป็นนายพลสูงสุดผ่านการบ่มเพาะ น่าเสียดายที่หลายร้อยปีที่ผ่านมานี้ ก่อนที่ จางเทีย จะปรากฏตัวขึ้น เพราะการหายไปของจักรพรรดิมังกร พวกคนที่มีอำนาจในวังจักรพรรดิมังกรแค่เพียงทำการควบคุมหน่วยของตนในวังจักรพรรดิมังกรมานาน แต่ละคนต่างก็มีอำนาจและแผนของตัวเอง พวกเขาแค่คิดถึงแผนการในการคัดค้านกันเองและผลประโยชน์ในวังจักรพรรดิมังกร…
ถ้าไม่ใช่ จางเทีย พวกเขาอาจจะยังเป็นแค่หัวหน้าหน่วยรึหัวหน้าศาล ด้วยวิธีนี้พวกเขาก็ได้แต่มัวสนใจการบ่มเพาะของตัวเอง นี่ไม่ต้องพูดถึงการเข้าใจถึงกฎจักรวาลและพลังของธาตุทั้งสี่ เมื่อเป็นแบบนั้นแล้วพวกเขาก็ไม่มีโอกาสที่จะขึ้นเป็นนายพลสูงสุดได้อีกต่อไปและต้องติดอยู่ในระดับนั้นไปตลอด
หลังจากที่ได้ยินว่า จางเทีย สามารถช่วยพวกเขาขึ้นเป็นนายพลสูงสุด พวกเขาจึงต่างก็พากันตื่นเต้น
" ผู้อาวุโสหลง ข้าขอรู้ทักษะที่เจ้าบ่มเพาะได้รึเปล่า ? " – จางเทีย ถาม หลงจิวเทียน ภายใต้สายตาตื่นเต้นของผู้อาวุโสคนอื่นๆ
" ข้าฝึกสูตรลมสวรรค์ ! " – หลงจิวเทียน รีบตอบ
" เจ้ามีมันกับตัวรึเปล่า ?"
หลงจิวเทียน พยักหน้า
" ข้าขอดูได้รึเปล่า ? "
ทุกคนในดินแดนโม่เทียนรู้ว่า จางเทีย ฝึกสูตรราชาอินทรีย์ อีกอย่างแล้ว จางเทีย ก็ได้สูตรสะเทือนโลกจากจักรพรรดิมังกร ทั้งสองสูตรนี้ต่างก็มีระดับสูงกว่าสูตรลมสวรรค์ แน่นอนว่า หลงจิวเทียน จึงไม่คิดว่า จางเทีย จะเอาเปรียบตัวเอง ดังนั้นไม่นานหลังจากที่ จางเทีย เอ่ยปากขอ หลงจิวเทียน จึงได้ถอดสร้อยคอและส่งบัตรหยกสีเงินให้กับ จางเทีย – " นี่ หัวหน้าวัง ! "
ด้วยการควบคุมพลังฉีของ หลงจิวเทียน บัตรหยกจึงได้ค่อยๆลอยเข้าไปหา จางเทีย จางเทีย รับมันไว้แล้วฉีดพลังวิญญาณเข้าไปในบัตรแล้วดูเนื้อหาของสูตรลมสวรรค์ หลังจากนั้น จางเทีย ก็หลับตาลง ไม่ถึง 2 นาทีพลังฉีของ จางเทีย ก็เริ่มเปลี่ยนไป ภายใต้สีหน้าทึ่งของทุกคน ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าพลังฉีของ จางเทีย นั้นเริ่มคล้ายของ หลงจิวเทียน แต่พลังฉีของเขาทรงพลังกว่าของ หลงจิวเทียน อยู่ๆพลังฉีของ จางเทีย ก็เหมือนกับของนายพลสูงสุด
จนตอนนนั้นเองที่ จางเทีย ลืมตาขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
แม้ว่า จางเทีย จะยอมรับว่าเขาสามารถเลียนแบบทักษะผ่านสูตรราชาอินทรีย์ได้แต่ทุกคนก็ยังต้องตะลึงจนอ้าปากค้างเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พกวเขาได้เห็นทักษะที่ลึกลับเช่นนั้น
เมื่อรู้สึกได้ถึงพลังฉีของ จางเทีย หลงจิวเทียน ก็ลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้นแล้วพูดขึ้น – " หัวหน้า….นี่…นี่…นี่คือพลังฉีของนายพลสูงสุดที่บ่มเพาะสูตรลมสวรรค์งั้นรึ…."
" ใช่ ข้าเกือบรู้ระดับของปรา….." – จางเทีย รีบกระแอมออกมาแล้วพูดต่อ – " นายพลสูงสุดที่ซึ่งบ่มเพาะสูตรลมสวรรค์…"
หลงจิวเทียน มองไปที่ จางเทีย เขาอดไม่ได้ที่จะเกาหูกับแก้มของตัวเองด้วยความตื่นเต้น – " หัวหน้า….เจ้า…เจ้าปล่อยดินแดนของสูตรลมสวรรค์และให้ข้ารับรู้ประสบการณ์เพื่อให้ข้ามีเป้าหมายในการบ่มเพาะในอนาคตได้รึเปล่า.."
" โฮ่โฮ่ เจ้ารู้ว่าจะปลุกจักระสูงสุดได้ด้วยการเข้าไปในดินแดนงั้นรึ ? "
" ไม่….ไม่…ไม่…" – หลงจิวเทียน ไม่รู้ว่าจะพูดยังไง จริงแล้วเขาต้องการบอกว่า — แม้ว่าข้าจะไม่ได้กินหมูแต่ยังเห็นหมูเดินได้ แต่ถ้าเขาพูดแบบนั้นออกไป เขาคงคุกคาม จางเทีย ดังนั้นเขาจึงอ้ำอึ้งแทน….
ตอนนั้นทุกคนต่างก็คิดว่า จางเทีย จะให้พวกผู้อาวุโสได้รับประสบการณ์ในดินแดนของสูตรตัวเอง เอาจริงๆแล้วสำหรับนายพลไฟที่ยังไม่สร้างดินแดนของตัวเองขึ้นมา พวกเขาจะได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้อย่างแน่นอน มันเกือบเป็นการตอบแทนที่ดีที่สุดสำหรับนายพลจากเจ้านายของตัวเอง
แต่ถ้า จางเทีย แค่ให้พวกนี้เข้าไปในดินแดนของทักษะตัวเองแล้ว จางเทีย จะบอกว่ามันเป็นเพียงขั้นเล็กๆระหว่างนายพลไฟกับนายพลสูงสุดได้ยังไง ? แม้ว่าพวกเขาจะได้เข้าไปในดินแดนสูตรตัวเองได้สักครึ่งเดือนและเห็นทุกอย่างแต่พวกเขาก็ยังไม่อาจจะปลุกจักระสูงสุดของตัวเองได้
แม้ว่าจะเห็นหมูเดินแต่พวกเขาจะรู้ได้ยังไงว่าหมูน่ะโตมาได้ยังไง ?
จากนั้น จางเทีย ก็ลุกขึ้นและเดินไปที่ด้านหลัง หลงจิวเทียน จากนั้นเขาก็เอามือจับไหล่อีกฝ่ายและให้อีกฝ่ายนั่งลง
ตอนที่ หลงจิวเทียน นั่งลงแล้ว หัวของเขาก็ถูก จางเทีย จับเอาไว้….