Castle of Black Iron - Chapter 1908: เข้าร่องเข้ารอย
Chapter 1908: เข้าร่องเข้ารอย
ตอนที่ จางเทีย ฆ่าจักรพรรดิปิศาจเทียมในที่ราบเทพ จางเทีย ได้รับสูตรรูนมา จนตอนนี้สภาพของเขาก็ได้แต่บอกเขาว่าเขาต้องฟื้นฟูตัวเองแม้ว่าจะมีสูตรรูนกับตัว สภาพเขาตอนนี้เขาแย่ยิ่งกว่าในสายตาคนอื่นๆ
ทุกอย่างในโลกนี้ล้วนแต่มีกฎและผลของมันในการแลกเปลี่ยน
กฎรึหลักการนั้นเหมาะสำหรับการแลกเปลี่ยนพลังงาน, ความสำเร็จ, การแปลกเปลี่ยน, ชีวิตแลกชีวิตและการพัฒนาประเทศรึสังคม ถ้าต้องการพลังในเวลาอันสั้น เขาก็ต้องตอบแทนไปมากเช่นกัน
หลังจากที่ใช้พลังสายเลือดเทพต่อสู้แล้ว จางเทีย ก็ได้พลังมากกว่าเดิม 10 เท่าทันที แน่นอนว่าเขารู้สึกว่าเขาพอใจกับการฆ่าจักรพรรดิปิศาจทั้งสองและปิศาจมากมายในเขตใหญ่สวรรค์ เขาถึงกับสร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วดินแดนโม่เทียนได้เพราะเรื่องนี้แต่เขาต้องจ่ายตอบแทนกลับไปมากเช่นกัน เอาจริงๆแล้วถ้าไม่ใช่ จางเทีย คนอื่นที่ใช้สายเลือดในระดับนี้คงต้องตายไปพร้อมกับศัตรูในตอนจบ ยกตัวอย่างเช่นการแข่งขันแย่งตำแหน่งผู้ดูแลเขตยูซู ตอนที่ผู้อาวุโสของตระกูลลู่ได้รับบาดเจ็บหนักในบอลสวรรค์ เขาได้ใช้สายเลือดเทพต่อสู้และฆ่าศัตรูไป 6 คนได้ในเสี้ยววินาที ในขณะเดียวกันนั่นก็ทำให้เขาตายไปด้วย
ถ้าไม่ใช่ร่างของราชาอินทรีย์, การฟื้นฟูร่างกายระดับสูง, ความเร็วในการฟื้นฟูพลังวิญญาณและพลังฉี, ผลไม้มากมายโดยเฉพาะผลต้นกำเนิดที่เขาได้กินไปและทุกอย่างของจักรพรรดิปิศาจหกแขน จางเทีย อาจจะกลายเป็นตำนานด้วยการที่ตายไปในดินแดนโม่เทียนก็ได้
ผลลัพธ์ของ ผู้อาวุโสลู่ นั้นปกติ ในทางกลับกันแล้วของ จางเทีย ต่างหากที่ผิดปกติไป
หลังจากที่ฟื้นฟูตัวเองได้ 1 เดือน แม้ว่า จางเทีย จะออกมาแล้วแต่เขาก็ยังไม่ฟื้นฟูเต็มที่ เขาได้พลังกลับมาเพียง 70% มันต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีก 2 เดือนในการฟื้นฟูพลังของตัวเอง แม้ว่าเขาจะฟื้นฟูพลังต่อสู้ได้ใน 2 เดือนแต่เขาก็ไม่อาจจะใช้สายเลือดเทพต่อสู้ได้ในอย่างน้อย 10 ปี ถ้าเขาใช้มัน เขาต้องเจอกับพลังของตัวเองที่ลดลงและการล่มสลายของจักระ เมื่อเป็นแบบนั้นระดับของเขาจะลดลงไป
แต่คนอื่นไม่รู้ความลับเหล่านี้ หลังจากที่เห็น จางเทีย ฆ่าจักรพรรดปิศาจสองตัวในเวลาอันสั้นได้ ไม่มีจักรพรรดิมนุษย์รึจักรพรรดิปิศาจที่กล้าท้าทาย จางเทีย อีกต่อไป แม้ว่าจะมีบางคนที่เดาว่า จางเทีย ต้องจ่ายไปจำนวนมากสำหรับพลังนี้แต่ก็ไม่มีใครคิดจะเสี่ยงชีวิตตัวเอง อีกอย่างแล้วมันง่ายที่ จางเทีย จะฆ่านายพลสูงสุดแม้แต่ตอนนี้ก็ตาม
ในสายตาของผู้อาวุโสและหัวหน้าหน่วยของวังจักรพรรดิมังกร แม้ว่า จางเทีย จะดูหน้าซีดไปเล็กน้อยแต่ก็ไม่มีใครสงสัยในพลังของเขา แต่ถ้า จางเทีย ต้องฆ่าจักรพรรดิปิศาจอีกตัวตอนนี้ เขาอาจจะต้องเสียบางอย่างที่เขาไม่อาจจะจ่ายได้
ไม่รู้ว่าทำไม สูตรรูนที่ลอยอยู่ในทะเลความคิดของเขาถึงได้เตือนเขาถึงการเดิมพันของเขากับ เฟิงคังวู 'ข้าสงสัยว่า เฟิงคังวู จะแสดงหน้าตายังไงเมื่อเนื้อหาของสูตรรูนนี้ทำให้ความคิดของข้าเป็นจริงได้ '
จางเทีย ได้เผยรอยยิ้มแปลกๆออกมา
'เพื่อนในไทเซีย ข้าจะกลับไปในไม่ช้า นิกายไทยิ, ศาลาสวรรค์และศาลาเฉียงลู่ ตอนที่พวกนั้นเห็นข้ากลับไปในฐานะอัศวินปราชญ์ เฒ่าไทยิและอัศวินปราชญ์คนอื่นๆอาจจะไม่ได้ดูยิ่งใหญ่อีกต่อไป '
ตอนนั้น จางเทีย เหม่อลอยไปโดยไม่รู้ตัว
…
" อะแฮ่ม…มันมีอีกเรื่องที่หัวหน้าต้องรับรอง ! " – ตอนที่ผู้อาวุโสและหัวหน้าหน่วยเห็นรอยยิ้มแปลกๆของเขา พวกนั้นก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ พวกนั้นถึงกับคิดว่า จางเทีย พอใจกับการล่มสลายของวังจักรพรรดิทมิฬและการฆ่าจักรพรรดิปิศาจเทียม ดังนั้นพวกนั้นจึงทึ่งในตัวเขา
" ว่ามา " – จางเทีย ตอบกลับและมองไปยัง ผู้อาวุโสหยิงกูเชิง
" กว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมา วังจักรพรรดิมังกรได้รับคำของจากนายพลสูงสุดหลายคนในการเข้าร่วมกับเรา มันมีนายพลสูงสุด 3 คนในเมืองจักรพรรดิมังกรที่ต้องการเข้าร่วมกับเรา บางคนได้ส่งจดหมายมาเพื่อขอพบเจ้าด้วย "
ตอนที่ หยิงกูเชิง พูดขึ้น ตึกสวรรค์ก็เงียบไปทันที พวกนั้นถึงกับได้ยินเสียงเต้นหัวใจตัวเอง พวกหัวหน้าหน่วยได้มองไปที่โต๊ะราวกับมีดอกไม้ที่โต๊ะ พวกผู้อาวุโสต่างก็พาลดสายตาและมองไปยังจมูกตัวเอง
มันเป็นปัญหาที่น่าหนักใจ นอกจาก จางเทีย แล้ว พวกผู้อาวุโสไม่ได้เป็นนายพลสูงสุด พวกเขากลับเป็นแค่นายพลไฟ ดังนั้นตำแหน่งของพวกเขาจึงเป็นภัยทันทีเมื่อรับนายพลสูงสุดเข้ามาแต่หากไม่มีนายพลสูงสุดคอยช่วย พวกผู้อาวุโสก็ไม่อาจจะได้รับความเคารพมากพอ จริงๆแล้วพลังของพวกเขาไม่อาจจะเพียงพอสำหรับวังจักรพรรดิมังกรในตอนนี้ได้ วังจักรพรรดิดาวและวังจักรพรรดิพลังได้ดึงนายพลสูงสุดไปจำนวนมาก แล้ววังจักรพรรดิมังกรจะแพ้เรื่องพลังกับเรื่องนี้ได้ยังไง ?
จางเทีย มองไปรอบๆ เขารู้ทันทีว่าพวกนี้คิดอะไร จากนั้นเขาจึงได้ถามออกมา – "ผู้อาวุโส พวกเจ้าคิดยังไง ? "
" หัวหน้า ข้าจำได้ว่าเจ้าต้องการรับนายพลสูงสุดเข้ามา เมื่อมีนายพลสูงสุดต้องการเข้าร่วมกับเรา มันก็เป็นเครื่องหมายความรุ่งโรจน์ของวังเรา อีกอย่างแล้วเราต้องการนายพลสูงสุดเพิ่มจริงๆ เราได้ทำการพูดคุยกันเรื่องนี้แล้ว เราสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า ! "
" ฮาฮา.." – จางเทีย หัวเราะออกมาแล้วพูดขึ้น – " ผู้อาวุโส อะไรที่จริงตอนนี้กลับไม่จริง ตอนนั้นวังจักรพรรดิมังกรต้องการการปกป้องจากนายพลสูงสุดแต่ตอนนี้พวกนายพลสูงสุดทำอะไรให้เราได้บ้าง ? ตลอดหลายปีมานี้ตอนที่ตกอยู่ในวิกฤต มันเป็นพวกเจ้าที่คอยดูแลวังของเราเอาไว้ วังจักรพรรดิมังกรจึงได้กลับมารุ่งเรืองได้ ทำไมนายพลสูงสุดเหล่านั้นไม่มาเข้าร่วมกับเราตอนนั้นแต่กลับเป็นตอนนี้แทน ? เมื่อพวกเขาไม่คิดจะรับความลำบากกับเรา ทำไมพวกนั้นถึงอยากมาแบ่งปันความสุขกับเราตอนนี้ด้วย ? ดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นที่พวกนั้นจะเข้าร่วมกับเรา ไม่จำเป็น.."
เมื่อเห็นท่าทีของ จางเทีย เหล่าผู้อาวุโสต่างก็แทบน้ำตาไหล หลังจากที่ได้ยินคำพูดของ จางเทีย พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าคุ้มค่าที่ยังทนอยู่ตลอดหลายปีมานี้ มันคุ้มจริงๆ..
" หัวหน้า เจ้าทำแบบนั้นไม่ได้ เรารู้ความเห็นของเจ้าแล้ว เราไม่ได้รู้สึกเสียดายหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเจ้าแต่เราสี่คนไม่มีทางถ่วงการพัฒนาของวังจักรพรรดิมังกรและเจ้าได้ เราตัดสินใจที่จะลาออกและเข้าเก็บตัวบ่มเพาะหลังจากที่เจ้าออกมาและวังจักรพรรดิมังกรเข้าร่องเข้ารอยเพื่อให้เจ้าจะได้เลือกคนมีความสามารถอื่นๆ ! " – หลงจิวเทียน พูดขึ้นทันที
" ผู้มีความสามารถ ? อะไรคือผู้มีความสามารถ ? พวกเจ้าเองก็เป็นคนมีความสามารถในสายตาของข้า พวกเจ้าเป็นนายพลไฟมาหลายร้อยปีแล้ว พวกเจ้าน่ะมีรากฐานที่มั่นคง พวกเจ้าห่างจากนายพลสูงสุดเพียงก้าวเดียว มันก็แค่กระดาษคั่นกลาง มันง่ายที่จะฉีกมันออก ! " – จางเทีย พูดขึ้นด้วยท่าทีเด็ดขาดแล้วยิ้มออกมา
หลังจากที่อึ้งไปได้ไม่นานเหล่าผู้อาวุโสก็เบิกตากว้างทันทีแล้วมอง จางเทีย ด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
" หัวหน้า…เจ้า…เจ้ามีวิธีจะช่วยเรา…ยกระดับเป็นนายพลสูงสุดงั้นรึ ? " – ลู่หยุนชาง ถามออกมาด้วยเสียงที่สั่น
ถ้าเป็นคนอื่นพูดแบบนี้ เหล่าผู้อาวุโสคงไม่มีทางเชื่อแต่มันเป็น จางเทีย ที่พูดออกมา ดังนั้นเหล่าผู้อาวุโสจึงตื่นเต้นจนไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้…