Castle of Black Iron - Chapter 2015 - บทจบของปราสาทเหล็กดำ
Chapter 2015 – บทจบของปราสาทเหล็กดำ
” …บ้าเจ้าเมืองในเมืองฟูไห่ต้องระวังเพราะเขาปฏิเสธคำขอของ จางเทียน เขาคิดว่าเขาหลีกเลี่ยงปัญหาใหญ่ ไม่คาดคิดว่าเขาจะมีปัญหาเพราะเรื่องนี้ จากนั้นไม่นานก็เกิดภัยกับครอบครัวของเขา ในเย็นวันที่ จางเทียน ได้ออกจากเมืองฟูไห่ มีเงาหนึ่งพุ่งเข้ามาในเมืองราวกับควันและพุ่งผ่านกลุ่มทหารลาดตระเวนมายังด้านนอกกำแพงบ้านเจ้าเมือง มันเหมือนกับสายลมที่เงานั้นได้หายไปนอกกำแพงและโผ่มาในบ้านของเจ้าเมือง “
โรงเตี๊ยมค่อนข้างคึกคัก มีแขกหลายคนฟังเรื่องราวที่ชายวัยกลางคนพูด ชายคนนี้พูดถึงเรื่องราววีรบุรุษเหล็กดำในตำนาน
สำหรับคนที่ชอบฟังเรื่องราว พวกเขาฟังเรื่องนี้มามากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว แต่แม้ว่าจะมีเนื้อเรื่องเหมือนกันแต่ก็ยังมีองค์ประกอบอื่นต่างกันไปตามคนเล่าเรื่อง ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งใจฟังมัน มีหลายคนที่กลั้นหายใจตอนที่ฟังมันด้วย
ที่ห้องชั้นสองของโรงเตี๊ยมนายน้อยวัย 20 ปีที่มีคิ้วที่หนาและตาคู่โตในชุดที่ดูสง่ากำลังนั่งจิบชาและฟังเรื่องจากคนเล่าเรื่องด้วยความสนใจ
คนคุ้มกันสองคนกำยำยืนอยู่ด้านหลังนายน้อยด้านนอกประตูราวกับหอคอยเหล็กสองอัน
ตอนที่คนเล่าเรื่องพูดถึงยามบ้านฟานที่โดนกุดหัวหลังจากที่ลมเย็นพัดผ่าน เขาก็ได้ยินเสียง ‘ปัง’ นายน้อยที่ยังฟังเรื่องอยู่นั้นพบว่าประตูถูกเปิดออกจากด้านนอก ในเวลาเดียวกันชาก็หกรดมือของเขาจนทำให้เขาต้องกลั้นหายใจเพราะความร้อนของชา
นายน้อยหันกลับมาด้วยความหงุดหงิดและต้องการด่ายามของตัวเองแต่เมื่อได้ยินคำพูดจากเด็กในชุดเขียวที่เหงื่อท่วมหน้าผาก นายน้อยก็อึ้งขึ้นมาทันที – ” นายน้อย ร้านของชำเพิ่งจะเปิด ….”
” อะไรนะ ? เจ้าหมายความว่าร้านของชำเพิ่งจะเปิดงั้นรึ ! ” – นายน้อยลืมเรื่องชาที่หกรดมือและดึงเอาตัวเด็กชายเข้ามาถามต่อ – ” เจ้ามั่นใจนะ ?”
” ข้ามั่นใจ ! ” – เด็กหนุ่มตอบกลับพร้อมกับหอบหายใจแล้วเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก – ” ข้ารอที่นั่นมากว่าครึ่งเดือน ข้าไม่มีทางพลาด ข้าพบว่ามันเพิ่งจะเปิดเมื่อตะกี้ ดังนั้นข้าจึงรีบมาบอกท่าน นายน้อย !”
” ไปกันเถอะ ! ” – หลังจากที่ได้ยินแบบนั้นนายน้อยก็ตื่นเต้นขึ้นมา ความโกรธเมื่อตะกี้หายไปทันที เขาไม่ได้ฟังเรื่องเล่าอีกต่อไป เขาทิ้งเหรียญทองเอาไว้ที่โต๊ะ หลังจากนั้นเขาก็รีบลงไปที่ชั้นล่างเดินไปที่ถนนโดยมีคนคุ้มกันกับเด็กชายตามไป
นายน้อยได้มาที่เมืองแบล็คฮ็อตเพราะร้านของชำแต่ร้านนั้นมักจะปิดอยู่เสมอ มันปิดแค่สองครั้งต่อเดือน เจ้าของร้านมักจะหายตัวไป ดังนั้นเขาจึงรออยู่ที่นี่กว่าครึ่งเดือนแล้ว
ถนนเต็มไปด้วยผู้คน มีคนจีนแค่ 3-4 คนในหมู่ผู้คน 10 คน พวกชาวต่างชาติและเครื่องแบบนี้มาจากทวีปอื่นอย่างทวีปตะวันตก แม้แต่คนเถื่อนและนักสำรวจจากทวีปตะวันตกและนักรบหญิงป่าจากทวีปย่อยก็ยังพบเจอที่นี่ได้
สองฝั่งของถนนเต็มไปด้วยป้ายร้านภาษาต่างๆ นอกจากภาษาจีนแล้วก็ยังมีภาษาสลาฟและฮีบรูที่เป็นที่ยอมรับในทวีปตะวันตก มันมีภาษาหายากให้เห็นที่นี่ด้วย อีกอย่างแล้วมีร้านค้าเล็กย่อยมากมายตามข้างทาง คนสามารถหาทุกอย่างที่นี่ได้
ด้วยเผ่าพันธุ์, การใช้ชีวิตและวัฒนธรรมที่ต่างกัน ถนนนี้จึงเต็มไปด้วยเสียงแปลกๆ
ชาวต่างชาติหลายคนพบเจอได้ในไทเซียอย่างเขตกุยซูแต่มีที่เดียวที่มีชาวต่างชาติเยอะแบบนี้ซึ่งคือเมืองแบล็คฮ็อตในเขตยูซู
มันคือเมืองแบล็คฮ็อตในเขตยูซู ชื่อเมืองนี้ตั้งตามเมืองในทวีปไว่ที่เต็มไปด้วยตึกแนวตะวันตก เมืองสองเมืองนี้คล้ายกันทั้งโครงสร้างและผู้คน เมืองนี้คือเมืองในตำนานของชาวต่างชาติ เจ้าของเมืองนี้คือ แบรี่ ชายอ้วนที่คนทั้งรักและเกลียด มันคือ แบรี่ กับเพื่อนที่ดูแลเมืองนี้
คนที่ทำให้เมืองนี้เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้คนคือวีรบุรุษในตำนาน แทบทุกคนจะได้ยินชื่อนี้ตอนที่มายังเมืองแบล็คฮ็อต
ในปี 928 ปิศาจแทบทุกตัวโดนไล่กลับไปใต้ดินทั้งในทวีปใหญ่และทวีปย่อย บอกได้ว่าอัศวินมนุษย์ยังคงสู้กับปิศาจในดินแดนธาตุดินและบอกว่าสงครามยังไม่จบแม้กระทั่งตอนนี้แต่ในสายตาของหลายคนนั้นสงครามแทบจะจบลงแล้วตอนที่ปิศาจโดนไล่กลับไปใต้ดินหมด
มันคือวันที่ 5 เมษายนปี 941 เขตยูซูอยู่ระหว่างฤดูใบไม้ผลิและร้อน
นายน้อยใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงกว่าจะมาถึงถนนที่ติดกับตรอกที่ไม่ได้คึกคักรึห่างไกลจากสถานีรถไฟในเมือง
มันมีตลาดที่คึกคักไม่ไกลจากถนน ตรอกนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่เพิ่งจะออกจากสถานี จุดที่มีคนเยอะที่สุดคือร้านของชำที่นายน้อยรอให้เปิดมากว่าครึ่งเดือน
เมื่อเห็นร้านของชำ นายน้อยก็ถอนหายใจอกมา จากนั้นเขาก็ลดความเร็วลงเพื่อทำให้ตัวเองดูใจเย็น จากนั้นก็เดินไปที่ร้านของชำพร้อมกับคนของเขา
ชายวัยกลางคนนอนอยู่ที่เก้าอี้หน้าร้าน เขาคอยอาบแดดและนอนพักอยู่ที่นั่น
ไม่ต้องเดาเลยว่าชายวัยกลางคนนี้คือเจ้าของร้าน
” สินค้าทั้งหมดขายในราคาตลาด ไม่ให้ติด…” – ชายที่นอนอยู่ที่เก้าอี้พูดขึ้นทั้งๆที่ยังหลับตา เมื่อเห็นว่านายน้อยเข้ามา เขาแค่หรี่ตาแล้วมองก่อนจะหลับตาลงอีกรอบ เขาไม่ได้ลุกขึ้นเลยด้วยซ้ำ
นายน้อยเงียบไป หลังจากที่เข้ามาในร้านแล้วเขาก็มองไปรอบๆ
ร้านนี้มีพื้นที่แค่ 70 ตร.ม. มันมีของทุกอย่างรวมถึงคริสตัลและยาระดับต่ำ, อุปกรณ์และแผนที่สำหรับการสำรวจ
หลังจากที่ทำท่ามองไปรอบๆ นายน้อยก็เอาคริสตัลมา 3 อันราคา 15 ทองมา หลังจากนั้นเขาก็เดินไปที่มุมร้านและแอบมองไปยังของที่มุมหนึ่ง
มันมีตู้เหล็กสูงกว่า 1 ม.ที่นั่น มันขึ้นสนิม มีบัตรห้อยไว้ที่ตู้ซึ่งเขียนไว้ว่า — คนที่ให้มากกว่า 10 ทองจะลองเสี่ยงโชคได้ โดยเอาแร่ทองนำโชคไปได้ฟรีๆ
ในสายตาของคนในแล้ว ไอ้ที่เรียกว่าแร่ทองนำโชคนี้ก็แค่เอาไว้หลอกคนโง่ แม้ว่าของในตู้จะมีแสงสีทองแต่ก็แค่แร่ถูกๆ แน่นอนว่าคงยากที่จะโฆษณาขายมันได้
หลังจากที่ใช้เงินไป 10 ทอง คนเราจะได้แค่แร่ที่มีค่า 10 ทองแดง แม้แต่คนโง่ก็ยังไม่โดนหลอก
บางทีมันอธิบายได้ว่าทำไมธุรกิจร้านนี้ถึงได้ไม่รุ่งเรือง
แต่สายตาของนายน้อยกลับเป็นประกายตอนที่เห็นแร่นั้น ปีที่แล้วญาติของเขาได้มาซื้อของที่ร้านนี้และได้แร่นั้นกลับไป ไม่คาดคิดว่าเดือนก่อนตอนที่แร่ตกลงไปที่พื้นกลับมีลูกปัดนาโนกลิ้งออกมา
มันคือลูกปัดที่เป็นอุปกรณ์มิติและยังเป็นเงินลับ ผลก็คือญาติเขาน่ะอึ้งกับโชคชิ้นใหญ่แบบนี้
เรื่องนี้ควรจะเป็นความลับ หลังจากที่ได้ลูกปัดไป ญาติได้เก็บมันเป็นความลับมาเสมอจนกระทั่งตอนที่เมาถึงได้พูดเรื่องนี้ออกมา
หลังจากที่ได้ยินข่าวนี้นายน้อยก็เก็บความลับนี้เอาไว้และยังชื่นชมญาติตัวเองอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงต้องมาร้านนี้เพื่อดูด้วยตัวเอง
ร้านนี้ดูธรรมดา สินค้าบางอย่างขายเกินราคาด้วยซ้ำ เจ้าของร้านก็เป็นแค่ชายวัยกลางคนที่ไม่ได้ดูพิเศษ ดูเหมือนว่าเจ้าของร้านจะไม่รู้ว่ามีลูกปัดนาโนอยู่ในแร่พวกนั้น ไม่งั้นแล้วคงไม่เอาให้คนอื่นแน่
” เจ้าของร้าน นายน้อยคนนี้ต้องการซื้อคริสตัล 3 ชิ้น นี่ 15 ทอง..” – เด็กชายในชุดเขียวเดินไปตรงหน้าเจ้าของร้านหลังจากที่ได้รับสัญญาณจากนายน้อย ในขณะเดียวกันก็ยื่นเงินให้
เจ้าของร้านดูคึกขึ้นมาเล็กน้อยตอนที่ได้เงิน หลังจากที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเขาก็เอาเงินใส่กระเป๋าก่อนจะยิ้มออกมา จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่ตู้เหล็กที่มุมร้านก่อนจะพูดขึ้น – ” นายน้อยของเจ้าเลือกแร่ได้ชิ้นหนึ่ง ฮาฮา….”
” แร่พวกนี้ดูดี ข้าสงสัยว่าเจ้าจะขายมันหรือไม่ ข้าต้องการซื้อมันเพื่อไปอวดคนของข้าว่าทองกับแร่จริงๆมันต่างกันยังไงเผื่อว่าจะโดนหลอก ! ” – นายน้อยพูดพร้อมกับสะบัดพัด
” ฮาฮา ! ถ้านายน้อยต้องการมัน แน่นอนว่าเอาไปได้ ! “
” งั้นราคาเท่าไหร่ ?”
หลังจากที่มองไปที่นายน้อยด้วยสีหน้าจริงจัง เจ้าของร้านก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ – ” นายน้อย ถ้าเจ้าต้องการมัน เจ้าเอามันไปได้ด้วยทองน้ำหนักเท่าๆกัน ! “
” อะไรนะ ?” – คนคุ้มกันสองคนหงุดหงิดขึ้นมาก่อนที่นายน้อยจะได้ตอบกลับซะอีก –
” พวกมันก็แค่แร่กากๆ เจ้าจะขายมันเหมือนกับทองได้ยังไง ? ทำไมไม่ปล้นเราเลยล่ะ ?”
เมื่อเห็นแร่ในตู้ พวกนั้นก็รู้ว่ามันหนัก 700-800 กก. มันจะราคาเท่าไหร่ ! แม้ว่านายน้อยจะเกิดมาในตระกูลใหญ่แต่ก็ไม่มีทางใช้เงินไปฟุ่มเฟือยแบบนั้นได้
” ปล้นน่ะไม่ได้ปลอดภัยและเร็วเท่าไงล่ะ ! ” – เจ้าของร้านปฏิเสธทันทีแล้วกรอกตาใส่คนคุ้มกันทั้งสอง – ” ไม่ว่ายังไงก็ตามนี่ก็ราคาข้า มันขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว ! ” – หลังจากที่พูดจบเจ้าของร้านก็หาวแล้วกลับไปนอนอาบแดดต่อ
นายน้อยมองไปที่เจ้าของร้านได้สักพักและคิดว่าเขาเผยไต๋ไปแล้ว เขาสงสัยว่าข้อแก้ตัวเขาคงน่าสงสัยจนเจ้าของร้านอยากจะปล้นเงินจากเขา ‘นักธุรกิจนี่เก่งเรื่องการมองคนและการพูด ดูจากฐานะข้าแล้ว ข้าคงเผยไต๋มากไปหน่อยตอนที่บอกว่าต้องการซื้อแร่ทองพวกนี้ ‘
หลังจากที่คิดดูสักพักนายน้อยก็กัดฟันแน่นและเอาเช็คทองออกมา ต้องใช้เงินกว่า 16,000 ทองเพื่อจะซื้อแร่ทั้งหมดในตู้เหล็ก หลังจากนั้นเขาก็บอกให้คนคุ้มกันสองคนห่อมันกลับ
แน่นอนสำหรับว่าจะหาอะไรพิเศษเจอในแร่พวกนั้นมั้ย ไม่มีใครรู้ หลังจากนั้นนายน้อยคนนี้คงไม่กลับมาร้านนี้อีกแต่ไม่นานหลังจากที่นายน้อยออกจากร้านไป ตู้เหล็กก็มีแร่กลับมาเต็มอีกครั้ง
เจ้าของร้านยังคงนอนอยู่นอกร้าน เขาอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมา….
ตอนที่ดวงอาทิตย์กำลังจะตกดินเจ้าของร้านก็ลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะปิดร้าน
ตอนนั้นเองมีรถสีดำมาจอดหน้าร้าน ชายอ้วนลงมาจากรถ หลังจากที่มองไปรอบๆเขาก็ยิ้มและลูบมือก่อนจะไปช่วยเจ้าของร้านปิดประตู
ไม่นานจากนั้นก็มีรถอีกคันมาจอด มีชายผิวเข้มตัวสูงและชายวัยกลางคนอีก 4 คนลงมาจากรถเดินเข้าไปในร้าน
หลังจากที่พวกเขาเข้าไปในร้าน ชายในชุดดำก็เดินออกมาจากถนนอีกเส้นและขับรถไป
ไม่นานจากนั้นก็มีเสียงเฮฮาดังขึ้นมาจากในร้าน ชายวัยกลางคนที่โผล่มาเหล่านั้นพากันมาดูรูปที่ด้านในล้วนมีแต่คนที่หล่อเหลา พวกเขาพากันดื่มกันอยู่…
” แบกแดด เจ้าน่ะเพิ่งจะโชว์กล้ามอก เจ้าแข็งแรงแต่เจ้าน่ะไม่ได้หล่อเท่าข้าหรอก…”
” เลสเตอร์ ดูที่ผมเป็นเงาเจ้าสิ เจ้าดูเหมือนแมงดาเลย…”
” ช่างมันเถอะ ชอร์วิน ดูที่รอยยิ้มใสซื่อเจ้าสิ อย่าพูดเรื่องแบบนั้นกับผู้ใหญ่สิ…”
” สำหรับสองคนนี้ เพราะเหตุผลที่ทุกๆคนรู้ พวกนั้นน่ะยังไม่โตพอหรอก..”
” และไอ้นั่นก็โชว์นิ้วตัว V เจ้ารู้มั้ยว่าหมายถึงอะไร ? ตอนที่ข้าเห็นท่านี้ ข้าก็รู้สึกอายแทนเจ้า ข้าอยากให้ร้านไปลบท่านี้ออกด้วยซ้ำ ด้วยท่านี้ระดับองค์กรของเราน่ะตกต่ำลงอย่างมาก เจ้าเคยเห็นใครชูสองนิ้วตอนถ่ายรูปบ้าง ?”
” แล้วไอ้เด็กผมดำนี่อีก ข้าจำได้ว่าเขายังไม่ทันได้ขลิปเลยตอนนั้น…”
มันเป็นรูปที่อยู่ในกรอบ หลังจากที่เมาชายวัยกลางคนพวกนี้ก็เอารูปออกมาจากกำแพงและวางไว้ที่โต๊ะ จากนั้นก็พากันดูรูปและพูดขึ้นมา
รูปนี้เป็นสีเหลือง มีเด็ก 7 คนยืนอยู่ในรูป แบกแดด ยืนกอดอกอยู่ทางซ้ายสุด ผมของ เลสเตอร์ เป็นเงาและดูเป็นผู้ใหญ่ ชอร์วิน ยิ้มอยู่ ดั๊ก ก็ยิ้มและกอดแบรี่ แบรี่ ดูเศร้านิดๆแต่เขาก็ยังทำท่ายิ้ม ฮิสต้า ชูสองนิ้ว ที่ยืนอยู่ขวาสุดคือ จางเทียน ที่ดูเศร้าและนิ่งๆ
ด้านหลังพวกเขาเป็นตัวหนังสือ ” โรงเรียนเมืองแบล็คฮ็อตแห่งที่ 7 – ยินดีต้อนรับเข้าสู่ยุคเหล็กดำ ! “
….
จบแล้วจ้าาาาาา !