Banished Disciple’s Counterattack - BDC ตอนที่ 13 ถามหาความผิดกับเย่เฉิน (1)
ตอนที่ 13 ถามหาความผิดกับเย่เฉิน (1)
วันถัดมา ณ สำนักเหิงเยว่ที่อาบไล้ไปด้วยแสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่
เย่เฉินเดินลงมาจากยอดเนินเขาเล็กๆ แห่งหนึ่ง พุ่งทะยานไปทางตำหนักรับภารกิจ
การมาถึงของเขาดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากหลาย เนื่องเพราะทางหนึ่ง เขาเป็นผู้มาใหม่ อีกทางหนึ่งก็เพราะพื้นฐานการฝึกตนของเขาอยู่เพียงระดับแรกของขั้นควบรวมลมปราณ และดาบเทียนชุ่ยของเขาก็โดดเด่นสะดุดตาผู้คน
“พรสรรค์ของเขาช่างต่ำต้อยอะไรเช่นนี้! พื้นฐานการฝึกตนของเขาอยู่เพียงระดับหนึ่งขั้นควบรวมลมปราณเท่านั้นเอง” ลูกศิษย์สำนักเหิงเยว่บางคนชำเลืองมองเย่เฉินอย่างดูหมิ่นเหยียดหยามตั้งแต่ก้าวแรกที่เขาเข้ามาถึง
“เขายังเลือกดาบเทียนชุ่ยเป็นเครื่องมือวิญญาณอีกด้วย ช่างเป็นคนที่โง่เขลาอะไรเช่นนี้”
“เขาช่างโง่เง่าอย่างแท้จริง”
เย่เฉินหาได้แยแสใส่ใจในคำพูดวิพากษ์วิจารณ์ของผู้อื่น เพียงมองไปที่แท่นหินในตำหนักรับภารกิจ บนแท่นหินนั้นแขวนห้อยไว้ด้วยแผ่นหยกขนาดเล็กมากมาย แต่ละชิ้นล้วนแต่แสดงถึงภารกิจแต่ละอย่าง โดยเรียงลำดับจากง่ายที่สุดไปจนถึงยากที่สุด
‘ข้ามีทะเลปราณ ทั้งยังมีอัคคีเที่ยงแท้คอยปกป้องร่างกายอยู่แล้ว พลังของข้าก็เพียงพอจะต่อสู้กับสัตว์อสูรตนใดก็ตามที่อยู่ในขั้นควบรวมลมปราณระดับห้าลงมา’
ขณะที่กวาดสายตามองผ่านแผ่นภารกิจแต่ละแผ่นที่ห้อยแขวนไว้บนแท่น เย่เฉินก็คิดคำนวณถึงพละกำลังความแข็งแกร่งของตนไปพลาง
ในที่สุด สายตาของเขาก็มาหยุดอยู่ที่แผ่นหยกชิ้นสุดท้ายในแถวภารกิจระดับต่ำ ซึ่งเป็นระดับที่ยังอยู่ในขีดความสามารถที่เขาจะกระทำได้ – ‘จัดการหมาป่าโลหิต’
‘หมาป่าโลหิต’ เป็นสัตว์อสูรที่มีร่างกายเหนียวแน่นทนทานจนแทบเรียกได้ว่าอยู่ยงคงกระพัน ซึ่งเย่เฉินเคยได้อ่านข้อมูลของมันมาจากตารางสัตว์อสูรมีค่าเล่มหนึ่ง จึงรู้ว่ามันดุร้ายป่าเถื่อนอย่างที่สุด พลังของมันเทียบได้กับมนุษย์ซึ่งฝึกตนถึงขั้นควบรวมลมปราณระดับสาม ผู้ฝึกตนที่มีพื้นฐานฝึกตนอันพื้นเพธรรมดามิอาจจะทำลายเกราะป้องกันตามธรรมชาติของมันได้ อีกทั้งยังไม่สามารถเผชิญหน้ากับมันได้โดยสิ้นเชิง ทำได้เพียงหนีห่างเท่านั้น
“ข้าจะรับภารกิจนี้แหละ” ขณะที่เย่เฉินกำลังจะเอื้อมมือไปถึงแผ่นหยกชิ้นนั้น ก็มีมืออันนวลเนียนข้างหนึ่งชิงยื่นออกมาหยิบแผ่นหยกตัดหน้าเขาไปเสียก่อน
“ข้าจ้าวหลง ขอรับภารกิจจัดการหมาป่าโลหิตนี้ไปก่อนล่ะ” ผู้แซ่จ้าวคนนั้นหัวเราะเสียงดัง ในน้ำเสียงนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยท่าทียั่วยุระคนเย้ยหยันกลั่นแกล้งที่แสดงออกมาให้เห็นได้ชัดเจน
เย่เฉินก้มศีรษะลงเล็กน้อย จึงได้เห็นศิษย์ในชุดม่วงผู้หนึ่งอยู่ที่ด้านข้างเขา ศิษย์ผู้นี้หล่อเหลาและมีเรือนผมดกดำหนาเป็นมันเงา ทว่ารอยยิ้มเหยียดหยามดูแคลนที่ประดับอยู่บนใบหน้าของมันทำให้เย่เฉินรู้สึกขยะแขยง
“ทำไมรึ เจ้าไม่ยินยอมพร้อมใจหรือไร” จ้าวหลงหรี่ตามองเย่เฉิน มันเชิดปลายคางขึ้นสูงอย่างหยิ่งยโส
“ศิษย์พี่ก็จงเอาไปเถิด” เย่เฉินคิดคำนวณดูแล้วว่าไม่คุ้มค่าที่จะมาโต้แย้งกับมัน จึงเพียงปรายตามองบนแท่นหินอีกครั้ง ตั้งใจจะเฟ้นหาภารกิจอื่นที่เหมาะสม จนในที่สุดก็เลือกเอาภารกิจหนึ่ง ซึ่งเป็นการเข่นฆ่าสัตว์อสูรชนิดอื่นที่อยู่ในระดับเดียวกันกับหมาป่าโลหิต
เมื่อเย่เฉินยื่นแขนออกไป จ้าวหลงก็แย่งหยิบแผ่นหยกตัดหน้าเขาไปอีกครั้ง
“ภารกิจนี้เป็นของข้าแล้ว” จ้าวหลงเย้ยหยันเย่เฉิน เหลือบมองเขาราวกับจะท้าทายให้ต่อต้าน
เย่เฉินปรายตามองจ้าวหลง พยายามควบคุมอารมณ์ของตนไว้
เย่เฉินหันกลับไปกวาดตามองที่แท่นหินอีกครั้ง และหมายตาภารกิจอื่นๆ อย่างไรก็ดี ครานี้ก็ยังเป็นเหมือนเดิม ยามที่เขากำลังจะยื่นมือออกไปหยิบแผ่นหยก จ้าวหลงก็ชิงเคลื่อนไหวตัดหน้าเขาไป
“ภารกิจนี้ข้าก็รับเอาไว้แล้วเช่นกัน” จ้าวหลงเชิดปลายคางขึ้นสูงอย่างโอหัง กล่าวขึ้นด้วยท่าทีสนุกสนานตื่นเต้นอย่างลึกซึ้ง
เย่เฉินนิ่วหน้า เขาค้นพบว่าจ้าวหลงผู้นี้ มาที่นี่หาได้มีจุดประสงค์จะรับภารกิจไปทำแต่อย่างใด ทว่าเป็นการมาหาเรื่องหาราวกับเขาเสียมากกว่า บรรดาศิษย์ที่มารับภารกิจในที่แห่งนี้ก็มีอยู่มากมาย เหตุใดจ้าวหลงจึงต้องจงใจมาแย่งของเขาไปด้วย
“ศิษย์พี่ พวกเราหาใช่ศัตรูกัน เหตุใดจึงต้องเป็นข้าเล่า” เย่เฉินชำเลืองมองจ้าวหลงอย่างเย็นชา เอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
เย่เฉินคาดการณ์ไว้ว่า ตราบใดที่ตนทำตัวต่ำต้อยไม่ให้เป็นจุดสังเกตเข้าไว้ก็จะไม่มีปัญหาใดๆ ไม่นึกไม่ฝันว่าจ้าวหลงกลับยังมาสร้างปัญหาให้เขาอีก ทว่าเย่เฉินเองก็ไม่ได้ตื่นกลัวแต่อย่างใด ตามบุคลิกนิสัยของเย่เฉินแล้ว เขาจะไม่ยอมฝืนทนต่อความมุ่งร้ายที่พุ่งเข้าใส่ตนโดยปราศจากเหตุผลใดๆ
“ไม่ใช่ศัตรู….ฮาฮาฮา” จ้าวหลงแค่นเสียงเหยียดหยาม “เจ้าทำร้ายศิษย์น้องของข้า แล้วยังกล้ากล่าวว่าเราไม่ใช่ศัตรูกันอีกหรือ เจ้าดูมีกำลังขวัญกล้าแข็งดีไม่เบาเลยนี่ ข้าขอเตือนเจ้าไว้เลยนะ มันผู้ใดที่มากลั่นแกล้งรังแกศิษย์น้องของข้า ก็คือการรนหาที่ตาย”
หลังจากได้ยินคำพูดของผู้แซ่จ้าว เย่เฉินก็เข้าใจต้นสายปลายเหตุได้ทันที
เป็นที่คาดเดาได้ว่า ศิษย์น้องที่จ้าวหลงผู้นี้เอ่ยถึง ย่อมต้องเป็น ‘จางเทา’ เจ้าสารเลวที่เขาได้ทุบตีไปเมื่อวันก่อนนั้นเป็นแน่
***************
อ่านแล้วชอบเข้ามากดไลค์นะครับ
มีตอนใหม่ลงก่อนในเว็ปนะ
แฟนเพจ จักรพรรดิยุทธ์อมตะอหังการ์ BDC –นิยายแปล