Banished Disciple’s Counterattack - BDC ตอนที่ 10 ดาบหนักนามเทียนชุ่ย (2)
ตอนที่ 10 ดาบหนักนามเทียนชุ่ย (2)
“เป็นดาบที่ประหลาดอะไรเยี่ยงนี้” เย่เฉินพึมพำกับตัวเอง ตระหนักได้ว่าดาบหนักเล่มนี้เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะมีไว้ใช้ทุบตีผู้คน หาใช่ไว้ใช้ฟาดฟันไม่
“ข้าเลือกเจ้านี่แหละ” เย่เฉินยกดาบเหล็กขึ้นแบกบนบ่าแล้วออกไปจากหอสูง
“หืม?”
โจวต้าฝูที่อยู่ไม่ห่างจากเย่เฉินนักแสดงออกอย่างเหยียดหยามในตัวเลือกของเขา “เจ้าหนุ่ม ผอมบางออกอย่างนี้ ยกดาบนี่อย่างเดียวก็แทบไม่ไหวแล้ว เหตุใดเจ้าจึงเลือกมันมา”
เปรี้ยง!
เย่เฉินก้าวเดินเข้าไปใกล้โจวต้าฝูแล้วคลายมือที่กำด้ามดาบ ดาบเหล็กหนักอึ้งร่วงหล่นกระแทกพื้น ใบดาบครึ่งหนึ่งปักแทงเฉียงๆ ลงไปในดิน
“ผู้อาวุโส ท่านทราบพื้นเพที่มาของดาบนี้หรือไม่” เย่เฉินเอ่ยถาม ชี้ไปที่ดาบเทียนชุ่ยอย่างสงสัยใครรู้ “มันหนักยิ่ง!”
“เอ้อ!” โจวต้าฝูดึงหนวดของตัวเองเล่นระหว่างที่ขบคิดอยู่ครู่ใหญ่ แล้วจึงเอ่ยปากตอบ “ตั้งแต่ที่ข้ารับช่วงประจำการในหอเครื่องมือวิญญาณนี้มา มันก็อยู่ที่นี่อยู่แล้ว มันอยู่ในหอสูงแห่งนี้มานานเกินร้อยปีได้แล้วกระมัง ข้าไม่รู้เรื่องราวพื้นเพที่มาอะไรของมันเลยสักนิด”
“เป็นเช่นนี้เอง!”
“ข้าขอแนะนำให้เจ้าเปลี่ยนไปเลือกชิ้นอื่นเถิด ดาบเหล็กนี้หนักกว่าดาบทั่วไปมาก เจ้าควรเลือกอาวุธที่เบากว่านี้”
“ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอันใดหรอกขอรับ” เย่เฉินแย้มยิ้ม เขาตบตัวดาบราวกับไม่ต้องการแยกจากมัน
“เจ้าเด็กน้อยหัวดื้อ งั้นก็แบกมันออกไปได้แล้ว!”
“ขอบคุณผู้อาวุโส” เย่เฉินโค้งกายทำความเคารพโจวต้าฝูอย่างนอบน้อมอีกครั้ง แล้วออกไปจากหอเครื่องมือวิญญาณพร้อมดาบที่วางพาดไว้บนบ่า
เมื่อไปถึงหน้าประตู เขาก็เจอกับศิษย์ที่เดินผ่านไปผ่านมาใช้สายตาพิศวงสงสัยจ้องมองมายังตนเอง สายตาของคนเหล่านั้นกวาดมองเย่เฉินสลับกับดาบที่เขาแบกไว้ ขณะที่ชี้นิ้ววิพากษ์วิจารณ์
“คนผู้นี้เป็นใคร ไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อนเลย เป็นศิษย์ฝึกหัดคนใหม่หรือ”
“ดาบที่อยู่บนบ่าเขานั่นมันดาบเทียนชุ่ยนี่!”
“เหมือนจะเป็นดาบนั่นจริงๆ ด้วย นี่พละกำลังของเขามีมากมายแค่ไหนกันเนี่ย แต่ยังไงก็เถอะ พื้นฐานการฝึกตนของเขาต่ำมาก เขากำลังฝึกฝนผิดทางแล้ว”
เย่เฉินเพิกเฉยต่อคำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นโดยสิ้นเชิง เขาเชื่อว่าดาบเทียนชุ่ยนี้ไม่ใช่ดาบธรรมดาแน่นอน หากนำดาบนี้ไปเทียบกับเครื่องมือวิญญาณระดับต่ำชิ้นอื่น อย่างน้อยการแบกมันไว้บนบ่าทุกวันก็ยังช่วยเพิ่มพื้นฐานฝึกตนให้เขาได้
“หือ นั่นมันพวกศิษย์สำนักเจิ้งหยางนี่นา” ใครบางคนที่ไม่รู้จักชื่อเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบ ผู้คนที่อยู่โดยรอบพากันแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า
ณ ที่แห่งนั้น มีกระบี่ขนาดใหญ่แล่นพลิ้วอยู่กลางท้องนภา บนนั้นยืนไว้ด้วยผู้คนสามคน เป็นสตรีวัยกลางคนผู้สะสวยคนหนึ่ง ยังมีเด็กสาวงดงามประณีตอยู่อีกคนหนึ่ง และจึงเป็นเด็กหนุ่มหล่อเหลาคมคาย
ใครคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย “ศิษย์จากสำนักเจิ้งหยางจะมาที่สำนักเหิงเยว่ของพวกเราทำไมกัน”
“คงเป็นเพราะการแข่งขันครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในสามเดือนนี้ เป็นการประมือกันระหว่างสำนักเจิ้งหยาง, สำนักชิงหยุน แล้วก็สำนักเหิงเยว่ พวกเขาคงมาเพื่อเจรจาตกลงเรื่องการแข่งขันกระมัง”
“ศิษย์หญิงผู้นั้นช่างงดงามดั่งเทพธิดาก็ไม่ปาน”
เสียงพูดคุยโต้แย้งเหล่านี้หาได้เข้าหูเย่เฉินอีกต่อไป เขาเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า หากจะเอ่ยให้จำเพาะเจาะจงยิ่งขึ้น สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่เด็กสาวผู้งดงามซึ่งยืนอยู่บนกระบี่นางนั้นเอง ด้วยอาภรณ์ของนางที่ปลิดปลิวพลิ้วไสว เด็กสาวพลันเป็นประหนึ่งเทพธิดาผู้สูงส่งบริสุทธิ์ไร้มลทินที่เคลื่อนคล้อยลงมาจากสรวงสวรรค์
นางก็คือจีหนิงชวงจากสำนักเจิ้งหยางผู้นั้นเอง
“ไม่คาดคิดเลยว่า พวกเราจะได้เจอกันอีกครั้งในเวลาอันสั้นถึงเพียงนี้” เย่เฉินพึมพำ ประกายในดวงตามีทั้งความซับซ้อนสลับกับความไม่แยแสที่พลุ่งพล่านขึ้นมา “ข้าจะกลับไปแก้แค้นในสักวันหนึ่งอย่างแน่นอน”
อาจเป็นเพราะสัมผัสได้ว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองนางอยู่ จีหนิงชวงผู้หยัดยืนอยู่บนกระบี่บินพลันปรายตามองลงมา ทว่าเย่เฉินแทรกกายหายลับไปในฝูงชนเสียเนิ่นนานแล้ว
“เป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยอะไรเช่นนี้!” จีหนิงชวงกระซิบเสียงแผ่ว
“ศิษย์น้องหญิงจี มีอะไรหรือ”
“ไม่มีอันใด”
************
อ่านตอนใหม่ก่อนใครได้ที่นี่เลย
แฟนเพจ จักรพรรดิยุทธ์อมตะอหังการ์ BDC –นิยายแปล