Banished Disciple’s Counterattack - BDC ตอนที่ 5 เย่เฉินผู้เหี้ยมหาญ (1)
ตอนที่ 5 เย่เฉินผู้เหี้ยมหาญ (1)
ขณะที่ออกจากห้อง เย่เฉินก็มองไปรอบๆ และเห็นสวนขนาดเล็กซึ่งกว้างยาวเพียงยี่สิบจ้าง ทั้งยังมีต้นไม้วิญญาณปลูกอยู่ตรงกลาง
ในสวนนอกจากหู่หวาแล้วยังมีชายชราอยู่ด้วยอีกคนหนึ่ง
คนทั้งสามนั่งอยู่รอบโต๊ะหินขนาดเล็ก สกุณาตัวใหญ่ยอบกายอยู่ด้านข้าง จ้องเขม็งไปยังอาหารที่บนโต๊ะด้วยความกระหายอยากรับประทานอย่างแรงกล้า ในโลกแห่งผู้ฝึกตน นกตัวนี้ถือว่าเป็นอสูรวิญญาณ ถูกใช้เป็นพาหนะในการเดินทาง
หลังจากสนทนากันอยู่ครู่หนึ่ง เย่เฉินก็ได้รับทราบว่า บุรุษแก่ชราผู้ซึ่งได้ช่วยเหลือเขาไว้เมื่อคืนผู้นี้คือ ‘จางเฟิงเหนียน’ สำนักได้ทำลายพื้นฐานฝึกตนของชายชราผู้นี้ และส่งเขาออกมาเนื่องจากเขาได้กระทำผิดพลาดบางอย่าง ทว่าบ้านของเขาก็ได้ปลูกสร้างอยู่ที่ตีนเขาวิญญาณของสำนักเหิงเยว่
“มาเถอะเสี่ยวอิง (อินทรีน้อย) ชิ้นนี้ให้เจ้านะ” หู่หวาขว้างเนื้อตากแห้งชิ้นหนึ่งที่มันไม่อยากกินไปให้นกขนาดใหญ่ตัวนั้น มือเล็กของมันยื่นออกไปลูบศีรษะอันใหญ่โตของเจ้าอินทรีราวกับว่าปักษาตัวนี้เป็นคนในครอบครัวของตนก็ไม่ปาน
จางเฟิงเหนียนเหลือบมองเย่เฉินคราหนึ่งแล้วจึงส่งยิ้มให้เขา “เจ้าหนุ่ม ข้าคาดว่าเจ้าคงจะเป็นผู้ฝึกตนกระมัง”
เมื่อได้ยินคำกล่าวที่เฒ่าจางโพล่งขึ้นอย่างกะทันหัน เย่เฉินกู้พลันสูญเสียความอยากอาหาร เขาพยักหน้าแย้มยิ้มขณะที่วางตะเกียบลง
“เจ้าขึ้นตรงต่อสำนักใดหรือ”
“ผู้อาวุโส ข้ามิได้ขึ้นตรงต่อสำนักหรือสถานศึกษาใด ข้าเป็นเพียงผู้ฝึกตนพเนจรเท่านั้น”
“ช่างน่าเสียดายอะไรเช่นนั้น!” จางเฟิงเหนียนทอดถอนใจ “เจ้าควรจะเข้าร่วมสำนักตั้งแต่ยังอายุน้อยๆ เพราะนั่นจะทำให้เจ้าได้รับทรัพยากรในการบ่มเพาะ หากว่าเจ้าได้เข้าไปบ่มเพาะในสำนัก เจ้าจะไม่ต้องติดขัดอยู่ในระดับควบรวมลมปราณขั้นที่หนึ่ง”
“ผู้อาวุโสกล่าวถูกต้องแล้ว” เย่เฉินแย้มยิ้มขณะที่ปกปิดอดีตของตนไว้ ในเมื่อเขามีโอกาสที่จะฝึกตนได้อีกครั้ง เขาก็ย่อมมองหาสำนักใหม่เพื่อเข้าร่วม
ที่ผู้เฒ่าจางแนะนำนั้นสมเหตุสมผลอย่างยิ่ง ข้อแรก การเป็นผู้ฝึกตนพเนจรนั้นไม่มีความปลอดภัยเอาเสียเลย ข้อสอง เป็นเรื่องยากเย็นที่จะหาทรัพยากรในการบ่มเพาะได้มากเพียงพอ อย่งไรก็ตาม สำหรับศิษย์ในสำนักนั้นย่อมมีสำนักให้ใช้พึ่งพิง และแหล่งทรัพยากรในการฝึกตนนั้นก็ย่อมรับประกันได้ว่าคงที่แน่นอน
เห็นว่าเย่เฉินกำลังครุ่นคิดพิจารณา ชายชราก็แย้มยิ้มอย่างเมตตา “เจ้าหนุ่ม เจ้าสนใจจะเข้าเป็นศิษย์ของสำนักเหิงเยว่หรือไม่”
“แน่นอนว่าย่อมสนใจ” เย่เฉินรีบตอบอย่างรวดเร็วพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้า
ความคิดของเขาสอดคล้องกับผู้เฒ่าจาง จากแง่มุมด้านกำลังความแข็งแกร่งของสำนัก สำนักเหิงเยว่นั้นเท่าเทียมกับสำนักเจิ้งหยาง ในเมื่อยามนี้เขามีไร้ซึ่งสถานที่ให้กลับไปแล้ว ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขาย่อมเป็นการรั้งอยู่ในสำนักเหิงเยว่
เย่เฉินรู้สึกตื่นเต้นคึกคักอย่างมาก เขาโดดเด่นเหนือล้ำกว่าผู้อื่นอยู่เสมอยามที่ยังฝึกตนอยู่ในสำนักเจิ้งหยาง ครานี้ยังผนวกด้วยความช่วยเหลือจากอัคคีเที่ยงแท้ เขาเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าเขาจะสะกดข่มศิษย์คนอื่นๆ ได้ในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน
ขณะที่จ้องมองไปยังจางเฟิงเหนียน เย่เฉินก็เอ่ยถามขึ้น “ผู้อาวุโส คาดว่าคงไม่ง่ายที่จะได้กลายเป็นศิษย์สำนักเหิงเยว่”
“นั่นไม่นับเป็นอย่างไร ข้าจะเขียนจดหมายแนะนำตัวฉบับหนึ่ง ด้วยเส้นสายของข้าย่อมทำให้เจ้ากลายเป็นศิษย์ฝึกหัดได้อย่างสะดวกดาย”
“จดหมายแนะนำตัว?”
ได้ยินถ้อยคำนี้ เย่เฉินเริ่มลอบพินิจพิจารณาชายชราตรงหน้าอย่างลับๆ ถึงแม้ผู้เฒ่าจางจะสูญเสียพื้นฐานการฝึกตนไปแล้ว เย่เฉินก็มิได้ตัดสินอีกฝ่ายจากภาพลักษณ์เพียงผิวเผิน
ตูม!
ในชั่วขณะนี้เอง ประตูทางเข้าสวนวิญญาณขนาดเล็กก็ถูกเตะเปิดออก บุรุษหนุ่มในชุดขาวก้าวเข้ามาข้างใน
“โอ้! พวกเจ้ากำลังกินมื้อเช้ากันอยู่เลยนี่” ชายหนุ่มผู้นั้นแสยะยิ้ม
“จางเทา ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่” หู่หวาลุกยืนขึ้นทันที และเหลือบมองไปยังศิษย์สำนักในชุดนักพรตสีขาว จางเฟิงเหนียนเองก็มีสีหน้าบึ้งตึง ปักษาตัวใหญ่นั้นก็แผดร้องเสียงแหลมอยู่ข้างกายเขา พร้อมทั้งปกป้องหู่หวาไว้ใต้ปีกของมัน
หลังจากปรายตามองไปยังจางเทา เย่เฉินก็ค้นพบตัวอักษร ‘เหิงเยว่’ สองพยางค์นี้ปักอยู่บนชุดของมัน จึงได้รับทราบว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้เป็นศิษย์ของสำนักเหิงเยว่ ด้วยสายตาอันเฉียบแหลม เย่เฉินสรุปออกมาได้ทันทีว่าจางเทาผู้นี้มีพื้นฐานการบ่มเพาะบรรลุถึงขั้นควบรวมลมปราณระดับสองแล้ว
เฮอะ!
ขณะที่จ้องเขม็งไปยังจางเฟิงเหนียน จางเทาก็แค่นเสียงเย็นชาและเอ่ยออกมา “ตาแก่ มอบของที่ข้าต้องการออกมาโดยเร็วที่สุดจะดีกว่า มิฉะนั้นข้าก็จะหยาบคายกับเจ้าแล้ว”
“ข้ามิได้มีสิ่งใดที่เจ้าต้องการทั้งนั้น” จางเฟิงเหนียนสูดลมหายใจเข้าลึก ใบหน้าแก่ชราของเขาพลันกลับกลายเป็นซีดเผือด
“ข้าไว้หน้าเจ้าแล้วนะ เป็นเจ้าที่ไม่ยอมรับมันเอง” จางเทาขู่คำรามด้วยดวงตาชั่วร้ายและเตะโต๊ะจนกระเด็นไปราวกับโจรโฉดเสียสติ
แกว๊ก!
แกว๊ก!
ปักษาตัวใหญ่นั้นกระพือปีกพุ่งทะยานเข้าใส่จางเทา ในฐานะที่เป็นอสูรวิญญาณระดับต่ำ ปักษาตัวนี้ยังครอบครองความเฉลียวฉลาดเหนือกว่าจิตวิญญาณของมัน สีหน้าหงุดหงิดรำคาญใจราวกับมนุษย์แสดงออกมาให้เห็นผ่านแววตาของมัน
“รนหาที่ตาย” ดวงตาของจางเทาดูเย็นชา และพลังวิญญาณก็พลุ่งพล่านขึ้นมาระหว่างนิ้วมือของมัน ควบรวมเป็นพลังคมมีดและสร้างบาดแผลให้ปักษาตัวนั้นทันที
โลหิตสาดกระเซ็นคราหนึ่ง ปักษาตัวใหญ่ล้มกองลงกับพื้น
“เสี่ยวอิง!” หู่หวากระโจนเข้าไปหาเจ้านกตัวนั้น
แกว๊ก!
แกว๊ก!
แม้ครานี้เสียงกรีดร้องของปักษาใหญ่จะอ่อนแอแผ่วจาง มันก็ยังคงปกป้องหู่หวาไว้หลังปีกของมัน
***************
อ่านแล้วชอบเข้ามากดไลค์นะครับ
แฟนเพจ จักรพรรดิยุทธ์อมตะอหังการ์ BDC –นิยายแปล