advent of the archmage - Chapter 260: ความยุ่งเหยิงทางใต้
ที่รกร้างเฟิร์ด
หวูด, หวูด, มีเสียงแตรดังขึ้น ที่ท่าเรือเฟิร์ด, เรือบันทุกสินค้าได้แล่นมาที่ท่าอย่างช้าๆ กะลาสีที่เป่าแตร, กำลังขออนุญาติเข้าเทียบท่า
ทหารคนนึงวิ่งมาที่ท่าในขณะที่โบกธงคำสั่ง
เขานำทางให้เรือเข้ามาจอดเทียบท่าอย่างช้าๆ
สิบนาทีต่อมา, เรือลำใหญ่ที่ยาวประมาณ 150 ฟุตก็จอดเทียบท่าได้อย่างปลอดภัย ด้วยเสียงตุ้บ, แผ่นไม้ก็ถูกวาง พวกแรงงานรีบออกมาเพื่อแย่งชิงโอกาสเข้าทำงาน พวกเขาทุกคนเป็นชาวนาจากที่รกร้างเฟิร์ด อย่างไรก็ตาม, มันเป็นช่วงหมดฤดู, ดังนั้นพวกเขาจึงมาที่ท่าเรือเพื่อหางานพิเศษ
มีกะลาสีคนนึงเดินลงมาจากเรือ เขาชี้คนที่ดูแข็งแรงบางส่วนอย่างเฉยเมย “เจ้า, เจ้า, เจ้า, แล้วก็พวกเจ้า, มาขนสินค้าซะ พวกเจ้าจะได้เงิน 100 เหรียญทองแดงในตอนที่งานเสร็จ”
แรงงานที่ได้รับเลือกนั้นรู้สึกดีใจมาก พวกเขาเดินขึ้นเรือและเริ่มย้ายสินค้าบนดาดฟ้าเรือ มีพวกกะลาสีค่อยช่วยเหลือด้วยในขณะที่คอยรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อย หลังจากนั้นสักพัก, ห้องโดยสารข้างล่างก็เปิดออก มีหนุ่มสาวนับไม่ถ้วนที่สวมเสื้อผ้าขาดๆและถูกใส่กุญแจมือเดินออกมา
“ดูนั่นสิ, นั่นพวกทาสที่ลอร์ดซื้อมา”
“ดูผู้หญิงคนนั้นสิ, คนที่ใส่เสื้อขาดๆหน่ะ โหว, หัวนมเธอโคตรใหญ่และกลมมาก”
“ว้าว, นั่นนักรบหรอ? เขาดูแข็งแรงมากเลย!”
แรงงานพูดคุยกันเรื่องทาสในขณะที่ขนย้ายสินค้า ในอีกด้านนึง, พวกทาสนั้นรู้สึกหวาดกลัว ผู้หญิงบางคนอุ้มลูกมาด้วย และด้วยความที่ลูกๆของพวกเธอนั้นอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย, พวกเขาจึงกอดแม่ของพวกเขาและร้องไห้ออกมา ในบางครั้ง, จะมีเสียงฟาดแซ่จากกะลาสีเพื่อบังคับให้พวกทาสเดินเร็วขึ้น
ท่าเรือนั้นมีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันที
ไม้อีกแผ่นได้ถูกวางที่อีกด้านนึงของเรือ มีพ่อค้าแต่งตัวดีเดินลงมาจำนวนนึง ซึ่งหัวหน้าก็คือวาร์เตอร์, เจ้าของบริษัทการค้าใบไม้เขียว
ในฐานะเจ้าของสินค้า, เขาไม่ต้องมาดูแลการถ่ายของลงด้วยตัวเอง หลังจากเดินลงเรือ, เขาก็รีบเดินไปที่ตึกสำนักงานท่า เขาพูดกับการ์ด “ฉันวาร์เตอร์ ฉันมีเรื่องด่วนและต้องเข้าพบท่านอัลโลสันเดี๋ยวนี้”
อัลโลสันเป็นคนที่มีหน้าที่ดูแลท่าเรือ วาร์เตอร์ได้พูดคุยกับเขามาหลายครั้งแล้ว พวกการ์ดก็จำวาร์เตอร์ได้, ดังนั้นเขาจึงหลบทางให้ “ท่านอัลโลสันอยู่ที่ชั้นสองครับ เชิญขึ้นไปได้เลย”
วาร์เตอร์เดินอย่างรวดเร็ว เขาดูรีบมาก, และสีหน้าของเขาก็มืดมน ในที่สุด, เขาก็มาถึงโถงหลักของชั้นสองและเห็นอัลโลสันนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน
อัลโลสันเคยเป็นทหารรับจ้างมาก่อน และด้วยความที่เขามีความสามารถอันโดดเด่น, เขาก็เลยได้กลายมาเป็นสมาชิกหลักของเฟิร์ดและถูกส่งมาดูแลท่าเรือใหม่ เขาอายุแค่ 30 ปีเท่านั้นและอยู่ในยุครุ่งเรืองของเขา
ตอนนี้, เขากำลังตรวจสอบเอกสารจำนวนนึงอย่างรวดเร็ว ในตอนที่ลูกน้องของเขาถามคำถาม, เขาสามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนโดยพูดออกมาแค่ไม่กี่ประโยค เขาเป็นคนที่ทำงานเก่งอย่างเห็นได้ชัด
วาร์เตอร์ยืนรออย่างอดทน ในตอนที่อัลโลสันเสร็จงานในมือ, เขาก็เดินมาหาแล้วพูดอย่างเงียบๆ “ท่าน…”
ด้วยความที่จำเขาได้, อัลโลสันยิ้มแล้วพูดออกมา “โอ้, สหายนี่หน่า, เรียกข้าแค่อัลโลสันก็พอ”
วาร์เตอร์พยักหน้าแล้วพูดต่อ “ข้าเพิ่งกลับมาจากอาณาจักรเดลอนก้าทางตอนใต้ มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นในเดลอนก้า, และข้ากลัวว่ามันอาจจะส่งผลกระทบกับเฟิร์ด”
อัลโลสันเขม่นตามองวาร์เตอร์แล้วถาม “เกิดอะไรขึ้นหรอ?”
อาณาจักรเดลอนก้านั้นอยู่ทางใต้ของที่รกร้างเฟิร์ดโดยมีเพียงแค่แม่น้ำดำเท่านั้นที่กั้นระหว่างสองดินแดน
วาร์เตอร์ชำเลืองมองคนอื่นที่อยู่ในห้องโถง เขาดูลังเล
อัลโลสันรีบกวักมืออย่างรวดเร็ว “มาเถอะ, ไปที่ห้องของข้ากัน” เขาลุกขึ้นแล้วพาเดินออกจากห้องโถง, ขึ้นไปที่ชั้นสาม, และภายในห้องก็มองออกไปเห็นทะเล
ที่นี่, วาร์เตอร์เอาคำภีร์แผ่นนึงออกมาให้อัลโลสัน เขาพูด “คำภีร์นี้เก็บภาพเวทมนตร์เอาไว้ ข้าซื้อมันมาจากนักเวทย์หลบหนีด้วยราคาสูง ซึ่งภาพนี้ได้บันทึกความลับที่เกิดขึ้นในราชวงศ์เดลอนก้าเอาไว้”
อัลโลสันเปิดคำภีร์ดู ภาพที่บันทึกนั้นมีความชัดเจนมากๆ ภายใต้แสงสว่าง, เขามองเห็นภาพเป็นห้องลับ มีคนอยู่เจ็ดหรือแปดคน, ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักเวทย์ ชายคนนึงสวมมงกุฎทองคำอยู่ และมีนักเวทย์ดวงตาสีแดงที่มาพร้อมกับออร่าแห่งความมืดกำลังโค้งคำนับเขา
“นี่คืออะไรกัน?”
วาร์เตอร์อธิบาย “คนที่สวมมงกุฎก็คือกษัตริย์รอยที่ห้าของเดลอนก้า ตามที่นักเวทย์หลบหนีบอก, นักเวทย์ข้างๆพระองค์นั้นมีคลื่นแห่งความมืดอันน่าตกใจ เขาสัญญาว่าจะช่วยกษัตริย์รอยสร้างกองทัพลึกลับและกษัตริย์ก็ยอมตกลงด้วย”
อัลโลสันไม่สามารถเชื่อมันได้ “ไหงภาพเวทย์มนตร์ที่มีความลับแบบนี้อยู่ถึงหลุดมาได้? นักเวทย์คนนั้นน่าเชื่อถือแน่นะ?”
“น่าเชื่อถือมากเลยหล่ะ ตัวจริงของเขาก็คือมาสเตอร์เอมมานเดล, หัวหน้านักเวทย์ของเดลอนก้า หลังจากที่เขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ, เขาก็หนีออกมาอย่างเงียบๆ ในตอนที่ข้าเห็นเขา, เขาถูกไล่ตามอยู่แล้วเขาก็ส่งสิ่งนี้มาให้ข้า”
อัลโลสันเงียบไปพักนึง จากนั้นเขาก็ถามขึ้น “นี่มันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ข้าจะพาเจ้าไปพบลอร์ด”
นี่เป็นสิ่งที่วาร์เตอร์ต้องการ ที่รกร้างเฟิร์ดนั้นกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว, และชื่อเสียงของลิงค์ก็กำลังเพิ่มขึ้น การที่พ่อค้าธรรมดาๆคนนึงจะเข้าพบเขานั้น, มันกลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้นเรื่อยๆ, ซึ่งนี่คือเหตุผลที่เขามาขอความช่วยเหลือจากอัลโลสัน
ทั้งสองออกมาจากตึก ขึ้นขี่ม้าพร้อมกับการ์ดจำนวนนึง, พวกเขารีบไปที่เทือกเขามอดไหม้ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ไมล์
ระหว่างทาง, อัลโลสันได้ถามออกมา “วาร์เตอร์, ช่วงนี้เจ้าไปทางใต้บ่อยนี้, สภาพของสหพันธ์การค้าทางใต้เป็นยังไงบ้าง?”
วาร์เตอร์ส่ายหัวแล้วถอนหายใจออกมา “วุ่นวายอย่างคาดไม่ถึงเลยหล่ะ เดลอนก้าถูกเซาท์มูนกดดันอยู่, และรอยที่ห้าก็เริ่มไม่มีเงินเหลือแล้ว อาณาจักรเดลอนก้าแทบจะถูกสมาคมควบคุมทั้งหมดและแทบจะไม่รอดแล้ว ส่วนอาณาจักรกอลล์ก็ล่มสลายไปแล้ว เจ้าหน้าที่จะทำทุกอย่างเพื่อเงิน…ข้าจำได้ว่าในตอนที่ข้าไปทางใต้เมื่อ 20 ปีก่อน, ข้าไม่จำเป็นต้องพาการ์ดไปด้วยเลย แต่ตอนนี้, ข้ากลัวมากในตอนที่ไปที่นั่น, และข้าก็ไม่กล้าออกข้างนอกตอนกลางคืนด้วยซ้ำ!”
เขาถอนหายใจอย่างต่อเนื่อง เขาได้รับประสบการณ์การล่มสลายของดินแดนทางใต้มาจริงๆ
พอได้ฟังแบบนี้, สีหน้าของอัลโลสันก็มืดมน “นอร์ตันเองก็กำลังต่อสู้กับดาร์คเอลฟ์ ข้าได้ยินมาว่าทางเหนือก็ไปได้ไม่ค่อยดีเหมือนกัน กองทัพได้ถอยแนวป้องกันมาที่กำแพงเหล็กแล้ว มันรู้สึกเหมือนกับว่าแผ่นดินใหญ่เข้าสู่ความวุ่นวายอย่างกระทันหันเลย ไหงมันถึงเป็นแบบนี้ได้เนี่ย?”
“บางทีโลกอาจจะกำลังพบจุดจบก็ได้นะ” คิ้วของพ่อค้าขมวดแน่น
ในช่วงเวลาที่ไม่สงบแบบนี้, ชีวิตของคนก็ไม่ต่างกับต้นไม้ใบหญ้า ไม่มีใครต้องการสถานการณ์แบบนี้, แต่ด้วยเหตุผลบางประการ, โลกกลับวุ่นวายขึ้นเรื่อยๆ บุคคนที่ไม่สำคัญอย่างวาร์เตอร์ก็ทำได้แค่ดูทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้นโดยไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
ทั้งคู่ตกอยู่ในความเงียบตลอดการเดินทางที่เหลือ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา, พวกเขาก็เห็นเทือกเขามอดไหม้อยู่ในระยะ พอได้เห็นมัน, วาร์เตอร์ก็ถอนหายใจออกมา “ที่นี่เปลี่ยนไปเยอะจริงๆ ในตอนที่ข้าจากมาครั้งล่าสุด, หอคอยเวทมนตร์นั้นมีแค่รากฐานเท่านั้น แต่ตอนนี้ เห็นรูปร่างคร่าวๆของมันแล้ว และค่ายก็ดูเหมือนเมืองเล็กๆเลย”
ไม่ว่าทางใต้จะเป็นยังไง, ที่รกร้างเฟิร์ดก็ยังสงบสุข ทุกอย่างกำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็วและเจริญรุ่งเรือง
ด้วยเหตุผลบางประการ, วาร์เตอร์รู้สึกดีขึ้นมาก
อัลโลสันดูภูมิใจเล็กน้อย “นี่เป็นแค่ผิวเผินเท่านั้น ข้าขอบอกเลย, แม้แต่องค์หญิงไฮเอลฟ์ก็อยู่ที่นี่ มีจอมเวทย์ไฮเอลฟ์ที่แข็งแกร่งมากกำลังช่วยสร้างหอคอยเวทมนตร์ด้วย พวกเขาทุกคนเคารพลอร์ด”
วาร์เตอร์ยิ้ม “ลอร์ดของพวกเราเป็นคนที่ฉลาดและแข็งแกร่ง ในตอนที่ข้าอยู่ในเดลอนก้า, ข้าเห็นผู้อพยพจากเฟิร์ดมากมายและลองเดาดูสิ?”
“อะไรรึ?” อัลโลสันถามด้วยรอยยิ้ม
“พวกเขาแอบกลับมาแล้วพาเพื่อนและครอบครัวของพวกเขากลับไปที่เฟิร์ด”
อัลโลสันหัวเราะออกมาดังลั่น, และพวกการ์ดก็หัวเราะเช่นกัน ทั้งกลุ่มมีอารมณ์รื่นเริงและมีจิตวิญญาณที่สดใส อีกสามร้อยฟุตข้างหน้า, มีหินสูง 13 ฟุต
มีหินอยู่ทุกที่ในที่รกร้างเฟิร์ด; ไม่มีอะไรที่พิเศษเกี่ยวกับมัน
จากนั้น, หินสีแดงก็ระเบิดอย่างกระทันหันด้วยเสียงดังสนั่น หินที่, กว้างเกือบ 30 ฟุตและสูง 13 ฟุต, แตกเป็นสองส่วน สะเก็ดลอยไปทุกที่, และฝุ่นก็ฟุ้งขึ้นฟ้า
“ระวังด้วย, มันคือการลอบโจมตีของนักเวทย์! ยกโล่ขึ้นซะ!”
“ไหน? นักเวทย์อยู่ที่ไหน?”
“นักธนูอยู่ไหน? นักธนู!”
ทั้งขบวนแตกตื่น, ทุกคนตื่นกลัวราวกับว่าพวกเขาเจอกับกองทัพขนาดใหญ่ พวกเขาหันซ้ายหันขวา, พยายามที่จะตามหานักเวทย์ที่โจมตี
อย่างไรก็ตาม, นี่คือทุ่งหญ้า, และมันก็เป็นตอนกลางวัน; ดังนั้นทัศนวิสัยจึงดีมาก ทุกคนมองรอบๆแต่ก็ไม่เจอคนโจมตีเลย
วาร์เตอร์รู้สึกหวาดกลัวมากๆ เขาปาดเหงื่อของเขาแล้วถามอย่างเงียบๆ “เกิดอะไรขึ้น? ใครโจมตีหรอ?”
อัลโลสันก็ตึงเครียดเช่นกัน เขามองไปที่ก้อนหินที่ถูกพลังบางอย่างแยก เขาพูดด้วยน้ำเสียงลังเล “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน, แต่ดูเหมือนว่าเขาจะแข็งแกร่งจริงๆ!”
วาร์เตอร์กรอกตาของเขา เขาไม่ได้ตาบอด; มันเห็นได้ชัดว่านักเวทย์คนนี้แข็งแกร่ง แต่ปัญหาก็คือ, เขาอยู่ที่ไหน? ถ้าพวกเขาไม่รู้และมีการโจมตีเข้ามาอีก, พวกเขาคงจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตายยังไง!
ทุกคนยืนประจำจุดพร้อมกับการป้องกันของพวกเขาแต่นักเวทย์ก็ไม่ได้ปรากฎตัว การโจมตีอันน่าหวาดกลัวก็ไม่ได้เกิดขึ้นอีกเช่นกัน
ในขณะที่อัลโลสันกับวาร์เตอร์สติแตก, ทหารคนนึงก็ชี้ไปที่ถนนที่อยู่ข้างบนอย่างกระทันหัน “ดูนั่นสิครับ, ผมคิดว่าเป็นฝีมือของลอร์ดนะ”
พวกเขาทุกคนเงยหน้ามอง มีนักเวทย์สวมผ้าคลุมสีแดงเข้ม, ที่ปกคลุมด้วยไฟ, กำลังอยู่บนหลังม้า มีอีกคนอยู่ด้วย—คนๆนั้นเป็นผู้หญิง เธอสวมเกราะหนังและถือปืนคนแคระที่ดูเรียบๆอยู่ เธอดูมีความสุขมาก
อัลโลสันมองใกล้ๆแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เป็นลอร์ดของพวกเราจริงๆด้วย คนที่อยู่ข้างๆท่านก็คือเซลีน, เจ้าหน้าที่ระดับสูงของดินแดน เหตุการณ์เมื่อกี้นี้เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดสินะ”
ข้าว่าแล้วว่าคงไม่มีนักเวทย์มาโจมตีใกล้ๆเทือกเขามอดไหม้หรอก อัลโลสันคิด
“ไปหาพวกเขากันเถอะ”
ทั้งกลุ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง, และทั้งสองฝ่ายก็ได้พบกันอย่างรวดเร็ว
“ขอโทษสำหรับเรื่องนั้นด้วยนะ ฉันกำลังทดสอบพลังของเวทมนตร์หน่ะ” ลิงค์อธิบาย
“ไม่เป็นไรครับ” ทั้งกลุ่มส่ายหัว
ลิงค์ตรงเข้าประเด็น “อัลโลสัน, ไหงนายถึงออกมาจากท่าเรือหล่ะ?”
ลูซี่เป็นคนแนะนำอัลโลสัน เขาเป็นคนขยันทำงาน, ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ลิงค์จะรู้จักเขา
อัลโลสันเรียกวาร์เตอร์ออกมาแล้วพูด “เขามีบางอย่างจะบอกท่านครับ ผมก็เลยพาเขามา”
วาร์เตอร์เดินขึ้นมาแล้วโค้งให้ “ลอร์ดครับ, มีปัญหาเกิดขึ้นในเดลอนก้าครับ ผมต้องแจ้งท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้”
ลิงค์จำวาร์เตอร์ได้เช่นกัน เขาเป็นพ่อค้าที่เคยช่วยเหลือเขามามากมาย, แต่ช่วงนี้พวกเขาไม่ได้พบกันเลย ลิงค์พูด “ค่อยบอกฉันตอนที่พวกเรากลับไปถึงค่ายแล้วกันนะ”