advent of the archmage - Chapter 234: ถ้าสู้ไม่ได้ก็หนีซะสิ!
เยี่ยม ตอนนี้ลิงค์ได้ล่ออาเซเลีย, ผู้คุ้มครองอุปกรณ์ระดับเทพเจ้าออกมาได้แล้ว เฟลิน่ากับคนอื่นๆน่าจะไม่มีปัญหาในการไปช่วยคาร์โนสในป้อมแล้ว
พออาเซเลียออกมาจากป้อมโครงกระดูก ก็มีการแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาบนหน้าอินเตอร์เฟส
ภารกิจสำเร็จ:ลักลอบหรือใช้กำลัง?
ผู้เล่นได้รับรางวัล100แต้มโอมนิ
ผู้เล่นได้รับ สายเลือดสัมพันธ์ธาตุ
ผสมสายเลือดตอนนี้เลยไหม?
ลิงค์ไม่ได้ตอบระบบเกมส์ในทันที เพราะเขากำลังคิดถึงประสบการณ์แย่ๆเกี่ยวกับการแปลงร่างของเขาเมื่อครั้งก่อน
เขามองไปทางที่อาเซเลียกำลังใกล้เข้ามา
“การแปลงร่างจะใช้เวลานานเท่าไหร่?” เขาถามระบบเกม
ครึ่งชั่วโมง
“ถ้างั้นเอาไว้ก่อน” ลิงค์ตอบพร้อมกับเริ่มที่จะถอย
ในตอนนี้พลังของอาเซเลียนั้นสูงกว่าพลังของลิงค์ในตอนนี้มาก ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะหนี
แต่แน่นอน เพื่อที่จะทำให้มั่นใจว่าเฟลิน่าจะช่วยนักดาบรุ่งอรุณได้สำเร็จ เขาจะต้องไม่วิ่งให้เร็วเกินไปจนอาเซเลียตามเขาไม่ได้…โอเค ลืมมันไปซะเถอะ มันชัดเจนสำหรับลิงค์ดีว่าอาเซเลียนั้นรวดเร็วมากขนาดไหน!
ลิงค์มีความคิดขึ้นมา
“เพิ่มปริมาณมานาสูงสุด” เขาสั่งระบบเกม “ใช้ค่าโอมนิ 200 แต้ม”
ไม่เพียงแค่นั้น ลิงค์ยังหยิบน้ำยามานาระดับสูงขึ้นมาดื่มอีกด้วย ตอนนี้ มานาของเขาได้เพิ่มเป็น 4,135 แต้ม จากนั้นลิงค์ก็ใช้ข้ามมิติโดยไม่ลังเล
เขาได้ใช้มานา 1,800 แต้มไปในครั้งเดียว แสงสีขาวเริ่มปกคลุมร่างของลิงค์ และในเสี้ยววินาทีต่อมา เขาก็อยู่ห่างจากจุดเดิมที่เขายืนอยู่ถึงครึ่งไมล์
เขามองกลับไปและเห็นอาเซเลียตัวเล็กลงจนแทบจะมองไม่เห็นในพื้นที่ทุ่งหิมะสีขาว
โดยไม่ชักช้าลิงค์ได้วิ่งหนีต่อ
“เบาดั่งขนนก!”
“รวดเร็วดั่งชีต้าห์!”
ด้วยความช่วยเหลือของเวทย์ทั้งสอง ลิงค์ก็กระโดดลงจากทางลาดหิมะ และจากนั้นเขาก็ลอยบนอากาศเหมือนกับขนนก หลังจากร่อนลงไปได้ประมาณ 100 ฟุต ร่างของเขาก็เริ่มร่วงลง แต่ก่อนที่เขาจะถึงพื้น เขาก็แตะไปที่พื้นหิมะเบาๆเพื่อทำให้เขาสามารถลอยได้ไกลขึ้น และนี่ก็เป็นวิธีการที่ลิงค์ใช้หนีโดยที่ไม่ทิ้งรอยเท้าเอาไว้บนหิมะเลย
ความเร็วของเขานั้นค่อนข้างสูงมันอยู่ที่ประมาณ 70 ฟุตต่อวินาที แต่ว่ามันก็ยังเร็วไม่พอ จากที่เขาเห็น, อาเซเลียนั้นรวดเร็วพอๆกับเสือนภาที่ประมาณ 650 ฟุตต่อวินาที เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับความเร็วของเขาก็เหมือนกับเต่าคลาน เธอจะไล่ตามเขาทันในไม่ช้านี้
อย่างที่คิดเอาไว้ พอลิงค์มาถึงปลายสุดของทางลาดซึ่งเป็นระยะประมาณ 650 ฟุต อีก 10 วินาทีต่อมา อาเซเลียก็ได้มารอเขาอยู่ที่นั่นแล้ว
“ทำไมเจ้าถึงหนีล่ะ ลิงค์?” เธอถามด้วยน้ำเสียงยั่วยวน “อย่ากลัวข้าไปเลย ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก”
เสียงของอาเซเลียนั้นทำให้ลิงค์ขนลุกไปทั้งตัว
ภายในเกม แม้ว่าชื่อจริงของเธอจะชื่ออาเลเซีย แต่ก็ไม่มีใครเรียกเธออย่างนั้น เธอโด่งดังมากกว่าในชื่อสตรีอสรพิษ เขาว่ากันว่าผู้เล่นหลายคนได้ถูกน้ำเสียงของเธอหว่านสเน่ห์ บางคนถึงกับเปลี่ยนไปเพียงเพราะได้ฟังเธอพูด ในขณะที่บางคนก็ถูกยั่วยวนด้วยการส่ายเอวอันผอมบางของเธอในตอนที่เธอเดิน ผู้เล่นหลายคนถึงขั้นสร้างแฟนวิดีโอที่มีเนื้อหาลามกด้วยชื่อว่า “วันที่ผมและสตรีอสรพิษได้***กัน”
แต่นั่นเป็นเพียงความบ้าคลั่งของผู้เล่นซึ่งตัวลิงค์เองไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับมัน โดยเฉพาะในตอนนี้ ในตอนที่สตรีอสรพิษพยายามที่จะพาเขาไปที่ป้อมและแปลงกายเขาให้เป็นสิ่งมีชีวิตไสยเวทย์ ความรู้สึกเดียวที่เสียงของเธอส่งผลกับเขาก็คือความกลัว เขาไม่ต้องการอะไรนอกจากการไปให้ไกลจากผู้หญิงคนนี้ให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่ก็โชคร้ายที่ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหนีจากเธอในตอนนี้ แม้ว่าเขาจะอัญเชิญอินทรีพายุออกมา เขาก็ไม่สามารถบินไปได้ไกลเพราะว่ามานาของเขาเหลือน้อยแล้ว
แต่ว่าลิงค์ยังคงมีแผนการบางอย่างซ่อนเอาไว้อยู่
เขามองอาเซเลียและเดินลงมาจากทางลาดหิมะอย่างช้าๆ จากนั้นเขาก็เอารูนแสงที่เอร์เรร่าได้ให้เขาออกมา หินรูนนี้มีพลังมหาศาลอยู่ เมื่อดูจากออร่าของมัน ลิงค์คาดว่ามันน่าจะมีพลังเท่ากับเวทย์เลเวล 7 ยังไงก็ตาม นี่มันก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้อาเซเลียบาดเจ็บได้ ถ้าไร้ซึ่งไหวพริบ มันก็อาจจะไม่เพียงพอที่จะทำให้เธอช้าลงด้วยซ้ำ
หลังจากที่เอาหินรูนออกมา ลิงค์ยังไม่ได้ใช้มันในทันที เขาได้ร่ายเวทย์อื่นออกมาก่อน-บิดเบือนพื้นที่!
ประมาณ 0.1 วินาทีต่อมา เลนส์ทรงกลมที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6.5 ฟุตก็ปรากฏขึ้นข้างตัวเขา มันดูเหมือนกับลูกแก้วยักษ์โปร่งแสงเลย
นี่เป็นขั้นแรกของแผนการของลิงค์
จากนั้นลิงค์ก็ได้ใช้งานรูนแสง
พลังงานแสงที่อยู่ข้างในได้เริ่มทำงาน และในทันใดนั้นเองก็มีแสงสีขาวปรากฏขึ้นบนพื้นผิวของหินรูน มันขยายออกและระเบิด แต่ก่อนที่มันจะระเบิด ลิงค์ได้รีบโยนหินรูนเข้าไปในพื้นที่บิดเบี้ยวยักษ์ที่อยู่ข้างเขา
เมื่อหินรูนได้ไปถึงใจกลางของมิติบิดเบี้ยว ระเบิดแสงสว่างจ้าก็เกิดขึ้น แต่ที่น่าแปลกก็คือแสงนั้นถูกทำให้บิดเบี้ยวและติดอยู่ในมิตินั้น และออกมาจากมันไม่ได้ ถ้าเกิดว่าลำแสงมีความคิดของมัน พวกมันก็คงคิดว่ากำลังเดินทางเป็นเส้นตรงอยู่ แต่เมื่อมองจากภายนอก แสงนั้นเพียงแค่วนเป็นวงกลมอยู่ในมิติปิดของพื้นที่บิดเบี้ยวเท่านั้นเอง
เหตุผลนั้นก็ง่ายนิดเดียว-พื้นที่ภายในมิตินั้นได้ถูกดัดให้เป็นวงกลมยังไงหล่ะ!
ในตอนนี้ มันดูเหมือนกับว่าวงกลมนั้นไม่ได้ส่องแสงอะไรเลย ดังนั้นมันจึงดูโปร่งแสงเหมือนกับก่อนหน้านี้และไม่เป็นอันตราย
บนทางลาดหิมะ อาเซเลียเดินต่อไปอย่างเอื่อยเฉื่อย เธอไม่ได้สนใจการกระทำของลิงค์มากเพราะเธอคิดว่ามันอ่อนแอเกินกว่าที่จะทำอะไรเธอได้ ในสายตาของเธอในตอนนี้, มันเหมือนกับมองสัตว์เลี้ยงตัวเล็กๆของเธอกำลังเล่นกับของเล่นของมันอยู่ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลให้เธอไปขัดมันเลยแม้แต่นิดเดียว
แต่ไม่นานนัก มันก็ไม่ได้ดูไร้เดียงสาอีกต่อไปแล้ว บอลโปร่งแสงที่อยู่ใกล้ๆลิงค์เริ่มมีแสงจางๆ และในตอนนี้มันก็ดูไม่มีพิษภัย แต่สิ่งที่ทำให้อาเซเลียตกใจก็คือ พลังงานแสงนั้นเป็นพลังงานที่ควบคุมได้ยากที่สุดในโลกนี้ ถ้าเกิดว่ามันถูกปล่อยออกมา ก็จะไม่มีทางย้อนกลับได้ ไม่มีทางที่จะควบคุมเส้นทางหรือพฤติกรรมของมันได้ แต่นักเวทย์ที่อยู่ตรงหน้าของเธอกำลังใช้เวทย์มิติของเขาในการควบคุมพลังงานแสงอันมหาศาลเหมือนกับนักขี่ม้าที่ทำให้ม้าเชื่องด้วยบังเหียน!
ซึ่งนี่แสดงให้เห็นถึงปัญญาและพลังอันน่าอัศจรรย์!
“อ้า..ช่างประณีตสวยงาม ไร้เดียงสาและฉลาดอะไรเยี่ยงนี้ ลิงค์” เธอพูด “แต่ข้าเกรงว่าเวลาเล่นของเจ้าจะหมดลงแล้วหล่ะ”
พอเธอพูดจบ ความเร็วของอาเซเลียก็เพิ่มขึ้นจนถึงจุดสูงสุดและตัวของเธอก็เริ่มกลายเป็นหมอก จากนั้นเธอก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเหมือนกับลำแสงและพุ่งตรงมาหาลิงค์
ลิงค์เพียงแค่ยืนอยู่ที่นั่นและไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว ดวงตาของเข้าได้โฟกัสและกลายเป็นสีดำสนิท ตอนนี้เขาได้เข้าสู่สถานะการร่ายเวทย์แล้ว
ในตอนนี้ ทุกอย่างในโลกนั้นดูเคลื่อนที่ได้ช้ามากๆ ยกเว้นแค่อาเซเลีย ที่ความเร็วของเธอในตอนนี้สูงมากจนคนปกติไม่สามารถมองเธอได้อย่างชัดเจน แต่เธอก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เร็วที่สุดที่ลิงค์เคยสู้ด้วย อันที่จริง ความเร็วของอาเซเลียนั้น เป็นเพียงแค่ครึ่งเดียวของนานะเท่านั้น
แม้ว่าความเร็วนั้นจะสูงมากๆ แต่แม้กระทั่งนานะก็ยังไม่เคยลอบโจมตีลิงค์ได้เลย แล้วอาเซเลียจะไปมีโอกาสอะไรหล่ะ?
สายตาของลิงค์จดจ่ออยู่กับอาเซเลีย และจิตใจของเขาก็เยือกเย็น ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็ควบคุมมิติบิดเบี้ยวซึ่งช่วยให้เขานำทางและควบคุมพลังงานแสงที่อยู่ข้างในได้
ขั้นตอนนั้นเกิดขึ้นอยู่ประมาณครึ่งวินาที; ลิงค์รู้ว่าเขาจะถึงขีดจำกัดในตอนที่อาเซเลียอยู่ห่างจากเขาเพียงแค่ 100 ฟุต
“ไป!” ลิงค์ตะโกน
ภายในชั่วพริบตา พลังงานแสงที่ติดอยู่ก็เจอทางออกที่จะหนีออกจากมิติบิดเบี้ยวได้ และในทันใดนั้นเอง พลังงานทั้งหมดที่ถูกกักอยู่ข้างในก็พุ่งออกมาผ่านรูเล็กๆ
ในสายตาที่อาเซเลียเห็นคือสิ่งนี้: ลิงค์ถือคทาอยู่ในมือของเขา และด้านหน้าคทาก็มีบอลแสงคริสตัลอันใหญ่ ภายในของมันมีแสงสีม่วงอยู่ เมื่อมองจากด้านข้าง แสงสีม่วงนี้ดูไม่ได้สว่างมากมายนัก แต่มันดูเหมือนกับถูกบีบอัดเอาไว้อยู่ อาเซเลียคิดว่าแสงนี้คงจะไม่เป็นภัยคุกคามอะไรเพราะว่าพลังที่เธอสัมผัสได้จากบอลแสงนั้นไม่ได้มากมายนัก แต่เมื่อแสงสีม่วงได้มาโดนร่างกายของเธอ เธอก็รู้สึกได้ว่ามันร้อนมากๆ ดังนั้นเธอจึงหยิบโล่เบาพลังงานความมืดเลเวล 7 ขึ้นมาตามสัญชาติญาณ
เธอรู้ว่าที่แสงนั้นไม่ได้สว่างมากเพราะว่ามันได้ถูกบีบอัดเอาไว้และหนาแน่นมาก เมื่อมองจากด้านข้าง มันดูค่อนข้างอ่อน แต่เมื่อมองมันตรงๆ มันสว่างมากจนทำให้คนที่มองตาบอดได้เลย
ซู่ววว!!!
ลำแสงทะลุผ่านโล่เลเวล 7 เหมือนกับว่ามันบางราวกับฟองสบู่
ตูมมม!!!
หน้าผากของอาเซเลียโดนเข้ากับลำแสง ทำให้กะโหลกของเธอเกิดรูขนาดเท่ากำปั้นขึ้น ซึ่งนี่ทำให้เธอเสียหลักในทันทีและกระเด็นออกห่างจากลิงค์ ในตอนที่ร่างของเธอลอยอยู่กลางอากาศ ลิงค์ก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า มีแผ่นแสงสีดำๆลอยป้องกันอยู่รอบตัวเธอ ลิงค์รู้ว่าถึงแม้ว่าเธอจะมีรูอยู่บนกะโหลก แต่อาเซเลียก็ยังไม่ตาย พลังงานของอุปกรณ์ระดับเทพเจ้าได้ปกป้องเธอเอาไว้ ตอนนี้อาเซเลียได้กลายเป็นหุ่นเชิดของอสรพิษทมิฬแล้ว ดังนั้นเธอคงจะไม่ถูกจัดการได้ง่ายๆ ด้วยพลังของลิงค์ในตอนนี้ เขาไม่มีทางที่จะทำลายการป้องกันที่อยู่รอบๆตัวของอาเซเลียได้เลย ลิงค์คาดว่าต่อให้เขามีนักเวทย์ในตำนานอีกคนก็ยังไม่สามารถยืนยันได้อย่างแน่นอนว่าพวกเขาจะจัดการกับอาเซเลียได้
ผ่านม่านสีดำรอบตัวเธอ ลิงค์เห็นรูบนกะโหลกของอาเซเลียกำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและกลายเป็นสมองอันใหม่,กล้ามเนื้อ,เส้นเลือด และอื่นๆ หัวหน้าใหญ่ของพวกกูลนั้นมีความเร็วในการฟื้นตัวที่มากกว่าพวกกูลปกติถึง 10 เท่า แม้ว่ากะโหลกของเธอจะเป็นรูมันก็เป็นเพียงแค่แผลเล็กน้อยเพราะว่าเธอนั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่เป็นอิสระอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอเป็นทาสรับใช้ของอุปกรณ์ระดับเทพเจ้า!
แต่ถึงอย่างนั้น การโจมตีของลิงค์ก็ยังมีผลกับเธอ เธอจะต้องได้รับความเจ็บปวดและรู้สึกมึนหัวไปพักนึง ดูจากความเร็วในการรักษาแผลของเธอ มันคงใช้เวลาประมาณ 1 นาทีในการทำให้เธอมีสติกลับมา
นี่เป็นโอกาสทองของเขาที่จะใช้เวทย์เทเลพอร์ทได้อีกครั้ง
พรึ่บ…
แสงสีขาวปกคลุมร่างของลิงค์ และเขาก็หายไปจากตรงนั้น ในพริบตาต่อมา เขาก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง แต่เขาไม่ได้หนีลงไปทางใต้ กลับกัน ตอนนี้เขามาอยู่ที่ประตูทางเข้าป้อมโครงกระดูก
อีกไม่นานอาเซเลียจะได้สติกลับมา ดังนั้นลิงค์จึงรีบเข้าไปในป้อมในขณะที่จัดการฆ่านักรบโครงกระดูกที่เขาเจอตามทางไปด้วย
“เฟลิน่า!” เขาตะโกน “แอนนี่! ลาร์สัน! เอาตัวคาร์โนสแล้วหนีออกมาได้เลย!”
3 วินาทีต่อมา ลิงค์ก็เห็นเฟลิน่าวิ่งออกมาจากห้องโถงใหญ่ที่อยู่ชั้นแรก เธอนำทางมาในขณะที่กวัดแกว่งอาวุธของเธอที่เป็นกรงเล็บมังกรใหญ่โตไปด้วย ด้านหลังของเธอ แอนนี่กับคนที่เหลือได้ตามมา แอนนี่กับหน่วยสอดแนมคนอื่นได้คอยช่วยเหลือคาร์โนสที่ดูเหมือนว่าเขาจะถูกปกคลุมด้วยพลังงานแห่งความมืด
ดูเหมือนว่าคาร์โนสจะยังคงสติเอาไว้ได้อยู่ แต่ดวงตาของเขาเป็นสีแดง และร่างกายของเขาก็กระตุกอย่างไม่เป็นธรรมชาติในบางครั้ง ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่
เมื่อเห็นอย่างนั้น ลิงค์ก็สังหรณ์ได้ถึงอันตราย แต่ในตอนนี้ เขาไม่มีเวลามาชักช้าแล้ว ดังนั้นเขาจึงร่ายเวทย์ระเบิดเพลิงใส่กองทัพนักรบโครงกระดูก 100 กว่าตัว
ตู้มมม!!!
นักรบโครงกระดูกกลายเป็นซากทั้งหมด และลิงค์ก็วิ่งตรงไปเข้าร่วมกับเฟลิน่าและคนอื่นๆ
เมื่อเขามาถึง เขาก็หยิบคัมภีร์มิติที่เขาได้มาจากเอเลนอร์ออกมาในทันที
“ทุกคนตามฉันมา” เขากระซิบ “พวกเราจะต้องออกจากที่นี่ผ่านอาณาจักรอื่น ”
อาณาจักรนั้นถูกเข้าใจในภาษามนุษย์โลกเหมือนกับคำว่ามิติ ในจักรวาลนี้มีอยู่หลากหลายมิติ บางที่ก็ขยายไปอย่างไม่มีสิ้นสุด บ้างก็บีบตัวเองให้เป็นวง โดยปกติแล้ว มนุษย์นั้นจะอาศัยอยู่ได้ในเฉพาะมิติที่ขยายออก และนั่นก็คือพื้นฐานของมิติของโลกของพวกเรา
ในอีกด้านหนึ่ง นักเวทย์สามารถเข้าไปในมิติที่เป็นวงได้เช่นกัน และพวกมันก็เป็นที่รู้จักกันในชื่อ อาณาจักรอื่น
ตามทฤษฏีนั้น มีอาณาจักรอื่นอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน ไม่ได้มีเพียงแค่อาณาจักรที่เหมาะสมกับการดำรงชีวิตเท่านั้น ความจริงคือ มีเพียงแค่ประมาณ 10 อาณาจักรเท่านั้นที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตได้
แต่ว่าในการเข้าไปสู่อาณาจักรอื่นนั้น จำเป็นต้องใช้กุญแจ
คัมภีร์มิติที่เอเลนอร์ให้เขามานั้นก็เป็นหนึ่งในกุญแจพวกนั้น หากมีมัน คนผู้นั้นจะสามารถเข้าไปยังอาณาจักรวิญญาณได้ ที่นั่นมันคงจะอันตรายมาก เพราะว่าคุณจะได้เห็นวิญญาณเร่ร่อน สัตว์ประหลาดจากฝันร้ายที่กลืนกินวิญญาณและอื่นๆ แต่ว่า ในตอนนี้พื้นที่อันตรายนั้นยังดีกว่าโลกแห่งความเป็นจริงที่อาเซเลียกำลังไล่ตามพวกเขาอยู่
ยังไงซะ การเข้าไปยังอาณาจักรวิญญาณก็เป็นเพียงแค่ทางเดียวที่ลิงค์กับคนอื่นๆที่เหลือจะสามารถหนีออกจากป้อมโครงกระดูกและกลับไปยังป้อมบนยอดภูเขาน้ำแข็งได้
พวกเขาคนอื่นที่ไม่ใช่นักเวทย์ไม่สามารถเข้าใจแนวคิดเรื่องอาณาจักรอื่นได้อย่างถ่องแท้ หน่วยลาดตระเวนนั้นสับสนอย่างเต็มที่ แอนนี่สามารถเข้าใจมันได้เล็กน้อย ในขณะที่เฟลิน่านั้นคุ้นเคยกับมันมาก เธอเป็นคนแรกที่ตอบสนองกับลิงค์
“เข้าใจแล้ว” เธอพูดพร้อมกับพยักหน้า “งั้นพาพวกเราเข้าไปเลย!”
ลิงค์พยักหน้าพร้อมกับใช้คัมภีร์มิติ
มีเสียงเบาๆดังขึ้นตามมา จากนั้นฉากที่อยู่ด้านหน้าพวกเขาก็เปลี่ยนไปในทันที
ภูมิประเทศหยาบๆรอบๆพวกเขาไม่ได้เปลี่ยนไปมาก แต่ว่ามันไม่มีป้อมโครงกระดูกอีกต่อไปแล้ว ไม่มีลมหนาว ไม่มีทุ่งหิมะ นักรบโครงกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วนก็หายไปเช่นกัน แต่ทุกอย่างกลับถูกแทนที่ด้วยเมืองใหญ่
เมืองนั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่ดูเหมือนกับคนเถื่อนในทุ่งน้ำแข็งโดยตัดสินจากท่าทางและลักษณะภายนอก สีหน้าของพวกเขานั้นแปลกมาก พวกเขาดูมึนงง ดวงตาว่างเปล่า และเดินอย่างไม่มีจุดหมาย อีกทั้งพวกเขายังไม่สนใจลิงค์และคนอื่นๆในตอนที่พวกเขาเดินผ่านอีกด้วย
สิ่งที่แปลกก็คือ ผิวหนังของพวกเขาทุกคนถูกเผาไหม้
“ทำไมที่นี่มันถึงหลอนอย่างนี้เนี่ย?” หน่วยสอดแนมคนนึงถาม
“นี่คือป้อมโครงกระดูกในอาณาจักรวิญญาณ” ลิงค์กระซิบ “พวกนี้คือวิญญาณที่ยังไม่ถูกอสรพิษทมิฬกลืนกิน รีบออกเดินทางกันเถอะ พวกเราจะขึ้นไปทางเหนือ ระวังตัวอย่าให้ถูกอสรพิษทมิฬพบเข้าหล่ะ”
ตัวอาเซเลียนั้นไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น ที่น่ากลัวจริงๆก็คืออุปกรณ์ระดับเทพเจ้าที่อยู่ในมือของเธอ ซึ่งการโจมตีนั้นสามารถทะลุผ่านบาเรียระหว่างอาณาจักรได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นพวกเขาจะต้องระวังตัวตลอดเวลา