advent of the archmage - Chapter 232: การปะทะกันระหว่างจอมเวทย์ (ส่วนที่1)
ทุ่งน้ำแข็ง, ด้านหน้าป้อมโครงกระดูก
ในตอนที่หมอกสีแดงเข้มปรากฏขึ้นมา ลิงค์ได้หยุดใช้เวทย์ระเบิดเพลิงของเขา
ตอนนี้เขาได้ร่ายเวทย์ระเบิดเพลิงไปทั้งหมด 5 ครั้ง ,ใช้มานาไปทั้งหมด 1,800 แต้ม เพราะผลของสมองปลอดโปร่งของเสื้อคุลมของเขา มานาของเขาจึงฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นมานาในปัจจุบันของเขาจึงมี 3,600 แต้ม ซึ่งมากกว่าครึ่งนึงจากตอนที่เขาเริ่มเล็กน้อย
หมอกสีแดงเข้มพุ่งมาหาเขาอย่างรวดเร็ว และมันก็สร้างความผันผวนลึกลับในอากาศในระหว่างที่มันพุ่งเข้ามา
นักเวทย์ไสยศาสตร์หรอ ลิงค์รู้สึกตัว แถมแข็งแกร่งมากด้วย! อย่างน้อยก็น่าจะเลเวล 7 ได้!
ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในใจของเขาในตอนที่หมอกสีแดงเข้ามาใกล้เขาในระยะ 400 ฟุตจากนั้นมันก็เข้มข้นขึ้นจนเป็นสีแดงเลือด เงานั้นเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นของแข็ง และตอนนี้มันก็กลายเป็นคนที่สวมผ้าคลุมสีดำ
ในระหว่างนั้น ลิงค์ก็รู้สึกได้ถึงการระเบิดของมานาที่เหมือนกับฟ้าแลบในท้องฟ้า ทันใดนั้นก็มีวงแหวนแสงสีแดงเลือดปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของนักเวทย์ผ้าคลุมดำ
ในทันทีที่มันเกิดขึ้น สัญญาณเตือนก็ดังขึ้นในจิตใจของลิงค์
มันคือเวทย์เลเวล 7 และมันก็อันตรายมากๆด้วย!
ลิงค์รู้ว่านี้จะต้องเป็นบางสิ่งที่คู่ต่อสู้ปลดปล่อยออกมาโดยใช้อุปกรณ์เวทมนตร์แบบพิเศษ บางทีอาจจะเป็นคทาที่ทรงพลังมากๆ!
วงแหวนแสงสีเลือดขยายออกในอากาศอย่างต่อเนื่อง ภายในเวลาไม่ถึงวินาที เส้นผ่าศูนย์กลางของมันก็ขยายไปถึง 15 ฟุต ยิ่งไปกว่านั้น มีเส้นกระแสเลือดจำนวนมากปรากฏขึ้นในอากาศรอบๆมันด้วย
ลิงค์รู้สึกตกใจเมื่อได้เห็นมัน เขานึกออกแล้วว่ามันคือเวทย์อะไร ในเวลาเดียวกันนั้น การแจ้งเตือนก็เด้งขึ้นมาบนหน้าอินเตอร์เฟสเพื่อแสดงข้อมูลรายละเอียดของเวทมนตร์
ลำแสงเลือด
เวทย์ขั้นสูงเลเวล 7
มานาที่ใช้: 3,900แต้ม
ผล: สร้างลำแสงอันน่ากลัวที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 ฟุตและมีระยะ 500 ฟุต ลำแสงจะวนรอบตัวผู้ใช้ก่อนรอบนึงก่อนที่จะยิงออกไปใส่เป้าหมาย หากเป้าหมายไม่ได้รับการป้องกันจากโล่ต้านทานเวทมนตร์ที่สามารถป้องกันเวทย์ที่สูงกว่าเลเวล 7 เป้าหมายก็จะถูกทำให้สลายกลายเป็นหมอกเลือด
(หมายเหตุ: เวทย์นี้ไม่สามารถหลบได้!)
ถ้าเกิดว่าลิงค์เป็นนักรบ เขาคงจะหันหลังและวิ่งหนีไปแล้ว เขาจะวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้จนกว่าจะหนีออกจากระยะ 500 ฟุตจากตัวนักเวทย์คนนี้เพื่อที่เขาจะได้ปลอดภัย
แต่ว่าเขาเป็นนักเวทย์
ถ้าเกิดว่าเป็นเมื่อ 2-3 เดือนที่แล้ว ลิงค์คงจะไม่มีทางสู้กับเวทย์นี้ได้ ทางเดียวที่จะรอดก็คือการใช้เวทย์ข้ามมิติและหนี แต่ว่าในตอนนี้ เขาได้เป็นจอมเวทย์เต็มตัวแล้ว
ภายในเสี้ยววินาที ลิงค์ก็ได้พบวิธีที่จะจัดการกับเวทย์อันน่าสะพรึงกลัวนี้ เขาตั้งสมาธิและเข้าสู่สถานะร่ายเวทย์ จากนั้นเขาก็ชี้คทาของเขาไปที่พื้นที่ว่างด้านหน้าเขาละร่ายเวทย์ “บิดเบือนพื้นที่!”
บิดเบือนพื้นที่
เวทย์มิติระดับต่ำ
มานาที่ใช้: 230 แต้ม
ผล: บิดเบือนพื้นที่และเบี่ยงเบนการเคลื่อนที่ของวัตถุกายภาพหรือพลังงานทุกชนิด
(หมายเหตุ: เจ้ามนุษย์ ถ้าเจ้าห่วงชีวิตของตัวเองหล่ะก็ อย่าพยายามที่จะเข้าใจถึงหลักการของเวทย์นี้เลย)
นี่เป็นเวทย์มิติของลิงค์เอง หลักการของเวทย์นี้ได้แนวคิดมาจากวิทยนิพนธ์มิติและเวลาของเขากับสมุดโน้ตของแวนซ์ จากภายนอก มันไม่ได้ดูซับซ้อนเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ถ้าเกิดเป็นนักเวทย์ทั่วๆไปจะต้องสมองระเบิดอย่างแน่นอนถ้าพวกเขาพยายามที่จะทำความเข้าใจในทฤษฎีอันซับซ้อนที่สร้างเวทย์นี้ขึ้นมา
มานาในตัวลิงค์ไหลเข้าไปในคทาอย่างรวดเร็วและมันก็กลายร่างเป็นโครงสร้างเวทมนตร์ที่ลึกลับและซับซ้อน หากมองครั้งแรก โครงสร้างเวทย์นี้ดูเหมือนจะง่าย มานาที่ใช้ก็ไม่ได้มากไปกว่าเวทย์เลเวล 4 ทั่วๆไป ซึ่งนั่นทำให้ลิงค์สามารถร่ายเวทย์นี้ได้สำเร็จภายในเวลา 0.01 วินาที
จากนั้นเมื่อเขาตั้งสมาธิ โครงสร้างเวทมนตร์ก็เริ่มที่จะหมุนด้วยความเร็วสูง
และสิ่งแปลกๆก็เกิดขึ้นตามมา ภายในการหมุนนี้ ไม่มีธาตุใดที่ตอบสนองต่อโครงสร้างเวทมนตร์นี้เลยแม้แต่นิดเดียว –ไม่มีธาตุพื้นฐาน ไม่มีธาตุแสง ไม่มีธาตุมืดหรือแม้กระทั่งธาตุลึกลับที่ตอบสนองต่อโครงสร้างเวทมนตร์นี้เลย
ทันใดนั้น อากาศที่อยู่เบื้องหน้าของลิงค์ก็เริ่มที่จะเปลี่ยนแปลง ไม่-ถ้าจะอธิบายให้ชัดกว่านี้ก็คือแสงที่อยู่ด้านหน้าเขาได้ถูกบิดเบือน เมื่อมองเข้าไป มันดูเหมือนกับมีเลนส์ยักษ์อยู่ในพื้นที่ด้านหน้าของเขา
ในทันทีที่เลนส์ปรากฏขึ้น ลำแสงเลือดก็ปะทะเข้ากับมัน
"อ้ากกก!!!!"
มันเป็นเสียงคำรามด้วยความโกรธ และลำแสงหนาก็ได้ถูกยิงออกไปโดนตัวลิงค์
ข้อดีที่สุดของการใช้เวทย์แสงก็คือความเร็วของมันนั้นจะเท่ากับความเร็วของแสง ในตอนที่มันถูกเล็งและยิงออกไป มันไม่มีทางที่เป้าหมายจะหลบได้เลย
แต่ก็เพราะความเร็วของมันเนี่ยแหละ มันจึงทำให้เวทย์นี้ควบคุมได้ยากในตอนที่ร่ายออกไปแล้ว ผู้ร่ายจะต้องล็อคเป้าหมายก่อนที่จะปล่อยเวทมนตร์ออกไป เพราะถ้ามันออกไปแล้ว มันจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้ร่ายจะควบคุมมันได้
ในเวลาต่อมา ลำแสงก็ได้ไปถึงตัวลิงค์ และมันก็ตรงเข้าไปสู่มิติบิดเบือนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จากนั้น ก็มีบางสิ่งที่แปลกประหลาดเกิดขึ้น
ในตอนที่ลำแสงเลือดเข้าไปในเลนส์ ลำแสงที่เคยตรงก็ได้ถูกดัดและเลี้ยวออกไปด้านข้างของลิงค์ แม้ว่ามันจะเป็นฉากที่น่าตกใจ แต่ลิงค์ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
นักเวทย์โลหิตทาลอนตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นและไม่สามารถทำความเข้าใจในสิ่งที่เขาเห็นได้ เขาคิดว่าลิงค์อาจจะใช้เวทย์เทเลพอร์ทส่งลำแสงของเขาไปอีกทาง แต่เขาก็คิดไม่ถึงเลยว่าลิงค์จะทำลายการโจมตีของเขาตรงๆแบบนี้
แต่ว่านี่มันเวทย์เลเวล 7 นะ! ทาลอนคิด เขาทำได้ยังไง….? หรือว่าจะเป็น…เวทย์พื้นที่?
ด้วยความที่เป็นจอมเวทย์ มันไม่ยากนักที่ทาลอนจะมองทริคของลิงค์ออก
ในบรรดาประเภทของเวทมนตร์ทั้งหมด มีเพียงแค่เวทย์ประเภทเดียวเท่านั้นที่สามารถใช้ได้กับเวทมนตร์ทุกเลเวล
มันสามารถสะท้อนเวทย์ใดก็ได้โดยไม่สนเลเวล ด้วยประสิทธิภาพที่เท่ากัน ยกตัวอย่างเช่น ต่อให้ถ้าทาลอนร่ายเวทย์เลเวล 8 หรือเวทย์เลเวล 9 ใส่ลิงค์ ตราบใดที่มันยังเป็นเวทย์แสง มันก็จะถูกบิดเบือนออกจากลิงค์เสมอ
นั่นคือสิ่งที่เวทย์พื้นที่ต่างกับเวทย์อื่นๆ
เวทย์ประเภทนี้ทรงพลังมากจนนักเวทย์ทุกคนต่างก็ใฝ่ฝันอยากที่จะเชี่ยวชาญมัน แต่ว่าเวทย์นี้ก็เชี่ยวชาญได้ยากมาก ยากเกินไปจนทำให้นักเวทย์ส่วนใหญ่ต้องยอมแพ้!
จนถึงตอนนี้, เวทย์พื้นที่ ที่นักเวทย์ทั่วๆไปเชี่ยวชาญนั้นจะไปถูกนำไปใช้ในการสร้างที่เก็บของต่างมิติ ยกตัวอย่างเช่น แหวนต่างมิติหรือจี้ต่างมิติและอื่นๆ แต่มันก็สามารถใช้ในการต่อสู้ได้ด้วยแต่มันยากมากๆซึ่งคุณต้องเป็นอัจฉริยะเท่านั้นถึงจะสามารถจับหลักการของมันได้อย่างถูกต้อง ดังนั้น ในตอนที่เขาเห็นลิงค์ใช้เวทย์พื้นที่ ทาลอนก็ทิ้งความดูถูกดูแคลนที่เขามีต่อนักเวทย์ที่อยู่ตรงหน้าเขาไปในทันที
การที่ผู้คนเรียกเขาว่านักล่าปีศาจผู้สืบทอดที่แท้จริงของนักเวทย์ในตำนานไบรอันนั้นไม่ใช่เรื่องที่กล่าวเกินจริงเลย!
ณ จุดนี้ ทาลอนได้เข้มข้นขึ้นจนกลายเป็นร่างคนอย่างสมบูรณ์ เขายืนอยู่ห่างจากลิงค์ไป 300 ฟุต ซึ่งระยะนี้เป็นขีดจำกัดของนักเวทย์ทั่วๆไป ถ้าเกิดว่าเขาก้าวถอยหลัง เขาก็จะสามารถหลบการโจมตีของคู่ต่อสู้ได้ ถ้าเกิดว่าเขาก้าวไปข้างหน้า เขาก็จะสามารถฆ่าคู่ต่อสู้ได้โดยตรงด้วยการโจมตีของเขา
เขาเริ่มตรวจสอบลิงค์อย่างระมัดระวัง เพื่อหาโอกาสโจมตีอีกครั้ง เขามีสมาธิมากจนเขาไม่มีเวลาที่จะร่ายเวทย์ป้องกันตัวเองเลย และด้วยความที่เขาทำอย่างนั้นลิงค์จะต้องโจมตีเขาในทันทีเพื่อบังคับให้เขาเข้าสู่สถานะป้องกัน และนั่นก็จะทำให้ลิงค์ได้เปรียบ
ทาลอนรู้ว่าเขายังคงได้เปรียบกว่าลิงค์อยู่มาก นักรบโครงกระดูกยังคงอยู่รอบๆเขาและโจมตีเขาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ซึ่งนั่นหมายความว่า ความสนใจของเขาจะถูกดึงดูด และมันก็มีโอกาสที่เขาจะพลาดในการสู้กับนักรบโครงกระดูก และเมื่อมันเกิดขึ้นทาลอนก็จะกระโจนเข้าไปโจมตีเขาในทันที!
ในอีกด้านนึง ลิงค์เองก็เฝ้าดูทาลอนอยู่
นักเวทย์ที่อยู่ตรงหน้าเขามีตาเป็นประกายสีแดง ร่างทั้งร่างของเขาถูกปกคลุมด้วยผ้าคลุมสีดำ และคทาแปลกๆเรืองแสงสีเขียวที่อยู่ในมือของเขา
คทานั้นมีหินตาแมวอยู่บนปลายของมัน และหินนั้นก็ได้ถูกสลักเป็นรูปใบหน้าที่กำลังกรีดร้องด้วยความกลัว แสงสีเขียวนั้นได้ออกมาจากดวงตาของใบหน้านั้น
ลิงค์จำคทานี้ได้ เขามองไปที่คู่ต่อสู่ของเขาในทุกย่างก้าว และลูกแก้วก็ออกมาเรื่อยๆจากปายคทาของเขา, ทำลายหัวของนักรบโครงกระดูกที่กล้าเข้ามาหาเขา ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็เปิดปากของเขาขึ้นเพื่อพูดชื่อคทาของคู่ต่อสู้
“ศตวรรษแห่งฝันร้าย” ลิงค์พูด “คทาพรากวิญญาณ”
ลิงค์ได้จัดการกับโมเรสเทิร์นมาแล้วเมื่อก่อนหน้านี้ คทาของเขา ผู้จ้องมองยามค่ำคืน คทาตุลาการทมิฬ นั้นเป็นลำดับ 3 ของคทาเวทมนตร์แห่งความมืดระดับอีพิคที่ทรงพลังที่สุด แต่คทาอันนี้ ศตวรรษแห่งฝันร้าย อยู่ลำดับที่ 5
ตัดสินจากความจริงนี้ นักเวทย์สามารถร่ายเวทย์เลเวล 7 ได้ด้วยรวดเร็วขนาดนั้นเมื่อก่อนหน้านี้ก็คงเป็นเพราะว่าคทานี้
“นักล่าปีศาจ” ทาลอนเยาะเย้ย “เจ้ามีชื่อเสียงที่โด่งดังดีนะ”
ในตอนที่เขาพูด ดวงตาของเขายังคงเฝ้ามองลิงค์อย่างระมัดระวัง รอให้เขาสร้างความผิดพลาดในระหว่างที่เขาปล่อยลูกแก้ว
ลิงค์ไม่ได้รีบ เขาใจเย็นเหมือนกับทุกครั้ง และเขาเองก็รอที่จะโจมตีคู่ต่อสู้ของเขาเช่นกัน จากนั้นเขาก็มองไปทางป้อมโครงกระดูกที่อยู่ด้านหลังของนักเวทย์ผ้าคลุมดำ
“มีใครบางคนที่แข็งแกร่งมากๆอยู่ในป้อมด้านหลังของนาย” เขาพูด “ทำไมพวกเขาถึงไม่ออกมาหล่ะ? ทำไมพวกเขาถึงส่งคนที่อ่อนแออย่างนายมาสู้กับฉัน?”
ทาลอนนั้นตกตะลึงและโกรธขึ้นมา
“เมื่อเจ้าได้ลงไปคลุกฝุ่นด้วยมือของข้า” เขาขู่ “เจ้าก็จะได้เห็นว่าจริงๆแล้วข้าอ่อนแอแค่ไหนกันแน่”
ในตอนนั้นเอง ทาลอนก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวที่หางตาของเขา ดวงตาของเขาเปล่งประกายในทันทีที่เขารู้ว่านั่นคือบรูธตัน และเขาก็กำลังวิ่งตรงมาทางพวกเขา ในเวลาอีกไม่ถึงเสี้ยววินาทีถัดจากนี้ บรูธตันจะเข้ามาร่วมการต่อสู้ด้วย
และเมื่อเวลานั้นมาถึง มันก็คงจะไม่มีโอกาสที่นักเวทย์จะสามารจัดการพวกเขาทั้ง 2 คนลงพร้อมกันได้!
“เจ้าแข็งแกร่ง ข้าขอชมเลย” ทาลอนพูดพร้อมกับยิ้มเย้ย “แต่เจ้าพลาดมากที่มาคนเดียว เจ้าจะต้องพบกับจุดจบในไม่ช้านี้ นักล่าปีศาจ!”
แต่ในจุดนั้นเอง บางสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
ลิงค์ทำพลาด ลูกแก้วที่ควรจะทำลายกะโหลกของนักรบโครงกระดูกได้พลาดเป้า และมันสามารถทำลายกะโหลกไปได้แค่ครึ่งเดียว ไฟวิญญาณที่อยู่ในสมองของมันยังไม่ดับลง ดังนั้นมันจึงสามารถทะลวงผ่านการป้องกันของลิงค์เข้ามาได้
ลิงค์ดูจะตื่นตระหนกและนั่นเองก็เป็นตอนที่ดวงตาของทาลอนเปล่งประกายขึ้น
ตอนนี้แหละที่เป็นโอกาสของเขา!
มันเป็นการเปิดที่หายากและตราบใดที่เขาสามารถร่ายเวทย์ก่อนลิงค์ได้เขาก็จะฆ่าลิงค์ได้อย่างแน่นอน โดยที่แทบจะไม่รู้ตัว มานาของทาลอนก็ไหลเข้าไปในคทาและเตรียมพร้อมที่จะร่ายเวทย์
แต่ในตอนนั้นเอง ทาลอนก็สังเกตเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของลิงค์!
เขารู้สึกตกใจ ดังนั้นการเคลื่อนไหวของเขาจึงช้าลงไปเสี้ยววินาที
ความผิดพลาดนั้นจงใจงั้นหรอ? ทาลอนสงสัย หรือมันจะเป็นกับดัก? หรือว่ามันยังมีทริคอื่นซ่อนเอาไว้อีก?
ความสงสัยและความลังเลนั้นเป็นอันตรายต่อนักเวทย์ในตอนที่พวกเขาอยู่ในการต่อสู้ โดยเฉพาะเมื่อทั้งคู่ต่างก็เป็นจอมเวทย์
ไม่มีใครรู้ว่าเวทย์ที่อีกคนใช้ต่อไปจะเป็นเวทย์อะไร บางครั้ง แม้แต่นักเวทย์ที่ได้เปรียบกว่าอย่างเห็นได้ชัด ก็ยังพลาดและถูกจัดการได้ในช่วงวินาทีสุดท้าย
รอยยิ้มแปลกๆของลิงค์ได้ทำให้ทาลอนลังเล และอยู่ๆเขาก็ไม่อยากที่จะเสี่ยงขึ้นมา เขาเพียงแค่รอต่อไปอีกหลายวินาที และบรูธตันก็จะมาที่นี่ จากนั้นเขาก็จะสามารถจัดการลิงค์ได้โดยที่ความเสี่ยงและเสียแรงน้อยลง
เขาจะต้องใจเย็น
แต่ว่าทาลอนสามารถลังเลได้ในระหว่างการปะทะกันระหว่างจอมเวทย์สองคน ได้จริงๆงั้นหรอ?