advent of the archmage - Chapter 231: ฟังเสียงพลุนั่นสิ
กลูยี่สิบคนกำลังวิ่งขึ้นเนินเขา
โชคไม่ดีที่, พวกเขาไม่มีประสบการณ(ในการจัดการกับหัตถ์ไททัน ผนวกกับสติปัญญาอันน้อยนิดของพวกเขา, พวกเขาจึงวิ่งติดกัน, ทำให้เกิดการกระจุกกันขึ้นมาและทำให้พวกเขากลายเป็นเป้าหมายที่ง่ายดายของเวทย์นี้
“หมัดไททัน!”
หัตถ์ไททันที่เพิ่งจะกำจัดนักรบมังกรทมิฬเปลี่ยนเป็นหมัดในทันที, และด้วยเสียงระเบิดดังสนั่น, หมัดก็พุ่งเข้าใส่พวกกลูอย่างไร้ความปราณี
ตูม! ตูม! ตูม!
เสียงปะทะกันดังจนได้ยินได้ กลูทุกคนมีเลเวล 6 ดังนั้นจึงไม่สามารถทนแรงกระแทกของเวทย์เลเวล 7 ได้ พวกเขาถูกพลังอันน่าหวาดกลัวนี้อัดกระเด็นในทันที
ฉากนี้เป็นภาพที่คล้ายกับภาพที่มองเห็นได้ในลานโบว์ลิ่ง ในตอนที่บอลชนพินที่ปลายทางของเลน, พินจะกระจายไปทุกทิศทางจากแรงกระแทก
ฟู่ววว ที่กลางอากาศ, หมัดไททันเปลี่ยนเป็นมืออีกครั้งและเริ่มคว้ากลูทุกคนกลางอากาศ ในตอนที่มันจับกลู มันจะปล่อยคลื่นความร้อนอุณหภูมิสูงออกมาเพื่อละลายสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายเหล่านี้
“อ้า! โอ้พระเจ้า! อ้ากก!” เสียงร้องดังไปทั่วพื้นหิมะ
ณ เวลานี้, ลิงค์ได้ใช้พลังเต็มที่ของเขาอย่างแท้จริง
ในสายตาของเขา, เวลาดูเหมือนจะเดินช้ากว่าเดิม กลูที่ถูกอัดกระเด็นลอยผ่านบรรยากาศอย่างช้าๆเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นลูกโป่งอัดแก๊ส, ซึ่งนั่นทำให้เขาสามารถเลือกคนที่อยากจะระเบิดทิ้งก่อนได้
ภายใต้ผลของสมาธิและความเร็วในการร่ายเวทย์ระดับนี้, ดวงตาของลิงค์เปล่งประกายและอ่านยากยิ่งกว่าเดิม ยิ่งมองเข้าไปใกล้ก็จะเผยให้เห็นแสงสีเงินจางๆที่อยู่รอบๆม่านตาของเขา นี่คือความเจิ้ดจ้าของจิตวิญญาณที่หนีจากโซ่พันธนาการของร่างกายหลังจากที่วิญญาณทำงานจนสุดความสามารถของมัน
จากมุมมองของคนอื่น, พวกเขาจะมองเห็นภาพติดตาหลังจากที่ภาพของมือยักษ์สีน้ำเงินอยู่ห่างออกไป 150 ฟุต ความเร็วที่มือเคลื่อนไหวนั้นเร็วเกินกว่าที่ตาเปล่าจะจับได้ มือนั้นยังดูอย่างกับภาพลวงตาอีกด้วย, และด้วยภาพลวงที่จับต้องได้นี้, มือก็กำจัดกลูด้วยความเร็วที่ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้
ภายในเวลาสามวินาที, หลังจากที่ภาพหายไปอย่างกระทันหันและกลับมาลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ กลูที่กระเด็นกลางอากาศก็ไม่กลับมาที่พื้นอีกเลย พวกเขาทุกคนกลายเป็นเถ้าถ่านในระยะเวลาอันสั้นในขณะที่พวกเขาอยู่กลางอากาศ
ดูเหมือนว่าพวกแกจะภูมิใจในพลังชีวิตที่แข็งแกร่งของพวกแกมากสินะ? แล้วออร่าต่อสู้ที่ไร้ขีดจำกัดของพวกแกหล่ะ? ฉันสามารถเผาพวกแกเป็นเถ้าถ่านได้ด้วยอุณหภูมิที่สามารถละลายได้แม้กระทั่งเหล็ก!
หลังจากที่กำจัดกลูพวกนี้เสร็จ, หน่วยสอดแนมของมือแห่งความตายจะเป็นรายต่อไป
พวกนี้เป็นหัวหน้าหน่วยสอดแนมที่ทุกคนมีเลเวลอย่างน้อย 4 นี่ถือว่าเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งมากๆในระดับมาตรฐาน อย่างไรก็ตาม, ในการเผชิญหน้ากับนักเวทย์ที่น่าเกรงขามนั้น, พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกับเด็กแรกเกิด
“โอ้สตรีแห่งความมืด, มันต้องไม่ใช่อย่างนี้สิ!”
“เป็นไปไม่ได้! มนุษย์แข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไงกัน!”
“หนีเถอะ! พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน!”
หัวหน้าของพวกเขาเมาล์ได้ตายไปแล้ว และพวกเขายังได้เห็นนักเวทย์คนนี้จัดการกับนักรบที่ได้รับพรจากสตรีแห่งความมืดกับตาตัวเอง พวกดาร์คเอลฟ์ทั่วๆไปสูญเสียความตั้งใจที่จะต่อสู้และหนีเพื่อเอาตัวรอด
ในอีกด้านนึง, นักรบโครงกระดูกที่มีแค่ความรู้พื้นฐานและไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่าความกลัว พวกเขามุ่งหน้าขึ้นเนินเขาด้วยการเคลื่อนไหวที่เหมือนกับเครื่องจักร
หลังจากจัดการพวกกลูเสร็จ, ลิงค์ก็รู้สึกโล่งใจมากๆ เขาให้ความสำคัญกับการกำจัดกลูอย่างมาก ถ้าการต่อสู้ยืดเยื้อและเขาไม่สามารถฆ่าพวกเขาทุกคนได้ ผลของการต่อสู้ก็อาจจะแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตาม, กลูพวกนี้ได้กลายเป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว
หลังจากที่ฆ่าสิ่งมีชีวิตระยำพวกนี้, ลิงค์ก็ออกจากสภาพการร่ายเวทย์อย่างเต็มที่ของเขาและยกเลิกเวทย์เลเวล 7 หัตถ์ไททัน
ที่ทำแบบนี้ไม่ได้เป็นเพราะขีดจำกัดด้านความแข็งแกร่งของเวทมนตร์, แต่เป็นเพราะการใช้มานาอย่างบ้าคลั่งของมัน ในระหว่างการต่อสู้เมื่อสักครู่นี้, อัตราการเสียมานาสูงสุดของลิงค์ได้พุ่งไปถึง 220 แต้มต่อวินาทีและ 55 แต้มต่อวินาทีในระดับปกติ ถ้าลิงค์ยังใช้เวทย์นี้ต่อไป, เขาจะอยู่ได้อีกแค่ประมาณสองนาทีเท่านั้น
แม้ว่าหัตถ์ไททันจะหายไปแล้ว, แต่ลิงค์ก็ยังร่ายเวทย์ต่อ เขาชี้คทาตรงไปที่ดาร์คเอลฟ์สอดแนมที่กำลังวิ่งหนีแล้วตะโกน “ระเบิดเพลิง!”
เสื้อคลุมผู้ควบคุมเพลิงได้เพิ่มความเร็วในการร่ายเวทย์ธาตุไฟ 50% ส่วนคทาเพลิงพิโรธแห่งสวรรคของเขาก็เพิ่มความเร็วในการรวบรวมธาตุอีก 200% ดังนั้นเมื่อผลของสองอุปกรณ์นี้มารวมกันก็จะทำให้ลิงค์มีความเร็วในการร่ายเวทย์อันน่ามหัศจรรย์แม้ว่าจะไม่มีโดมิงโก้คริสตัลก็ตาม
มันใช้เวลาแค่ 0.7 วินาทีในการก่อตัวขึ้นมาสำหรับเวทย์ระเบิดเพลิงเลเวล 4 จากนั้นลูกไฟ้ร้อนระอุที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่าสี่ฟุตที่เปล่งแสงจนแสบตาก็ปรากฎขึ้น
“ระเบิด!”
การที่เวทย์ระเบิดเพลิงมีพลังเพิ่มขึ้นมา 150% นั้นมีนัยสำคัญมาก ความแข็งแกร่งของเวทย์ระเบิดเพลิงในตอนนี้สามารถเปรียบเทียบได้กับอันที่เขาเคยปล่อยในแกลดสโตนในตอนที่อยู่ภายใต้ผลของน้ำยาเวทมนตร์พร่ำบ่น
ในทันทีทันใด, บอลเพลิงก็ลอยไปกลางกลุ่มดาร์คเอลฟ์สอดแนม
ตูม!
ระเบิดสะเทือนโลกดังสะท้อนไปทั่วทุ่งหิมะ เปลวเพลิงโหมกระหน่ำและคลื่นความร้อนที่มองเห็นได้กวาดไปทั่วพื้นที่ที่เกิดระเบิดขึ้น ชั้นหิมะหนาบนพื้นเองก็ลอยฟุ้งไปพร้อมกับแขนขาที่ขาดออกจากแรงกระแทกอันมหาศาล
เวทย์ระเบิดเพลิงยังคงเป็นเวทย์โจมตีอันน่าหวาดหวั่นแม้ว่ามันจะถูกพิจารณาเป็นเวทย์เล็กๆสำหรับนักเวทย์ระดับลิงค์
การควบคุมมานาของลิงค์นั้นพัฒนาขึ้นไปมากเมือเทียบกับตอนที่เขาอยู่ในแกลดสโตน เขาใช้มานาแค่ 260 แต้มจากปกติ 320 แต้มในตอนที่ร่ายเวทย์ระเบิดเพลิงที่มีสัดส่วนความรุนแรงเท่ากัน
การระเบิดครั้งเดียวนี้ได้ส่งดาร์คเอลฟ์สอดแนมอย่างน้อยครึ่งนึงไปสู่ความตาย
ลิงค์ตรวจสอบมานาที่เหลืออยู่ในร่างของเขา เขาประเมินว่าเขามีมานาเหลืออยู่ 5,100 แต้ม, ซึ่งเป็นจำนวนที่เพียงพอสำหรับการต่อสู้ ถ้าเขาร่ายแค่เวทย์ระเบิดเพลิง, เขาก็น่าจะยังร่ายได้อีก 20 ครั้ง
จากนั้นเขาก็มองไปทางป้อมโครงกระดูกที่อยู่ไกลๆแล้วคิด, ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแกจะยังรู้สึกปลอดภัยในป้อมหลังจากที่ฉันสร้างความวุ่นวายขนาดนี้
แล้วเขาก็มุ่งหน้าต่อไปแล้วปล่อยเวทย์ระเบิดเพลิงขณะที่กำลังเดินทาง
ตูม! ระเบิดสะเทือนโลกอีกลูกดังก้องไปทั่วพื้นที่เปิด ใครก็ตามที่อยู่ในรัศมีสิบไมล์น่าจะได้ยินเสียงรบกวนที่ดังขนาดนี้
ดาร์คเอลฟ์สอดแนมถูกกำจัดไปตามระเบียบ มีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่รอดมาได้ แม้ว่าหลังจากนั้น, พวกที่รอดมาได้จะสูญเสียความตั้งใจที่จะต่อสู้ไปจนหมดและร้องไห้ฟูมฟายวิ่งหนีไปอย่างกับคนเสียสติก็ตาม,
แม้ว่านักรบโครงกระดูกจะเห็นฉากที่หน้ากลัวนี้, แต่พวกมันทุกตัวก็ยังคงวิ่งเข้าหาลิงค์ นี่รวมทั้งพวกที่คุ้มกันป้อมโครงกระดูกในตอนแรกด้วย
จากนั้นนี่ก็ได้สร้างพื้นที่ไร้การป้องกันขึ้นที่ชายแดนป้อม, ทำให้มีโอกาสบุกรุกเข้าไปในป้อมที่ไร้ช่องโหว่วเมื่อก่อนหน้านี้
ที่ลาดเขา, เฟลิน่ากระซิบกับพวกหน่วยสอดแนม “ฉันจะออกไปตอนนี้; ตามหลังฉันมาหล่ะ!”
ลิงค์ได้ทำสิ่งที่เขาทำได้ไปแล้ว เธอจะไม่เป็นตัวถ่วงเขา
แอนนี่แลกเปลี่ยนสายตากับหน่วยสอดแนมแล้วพยักหน้า “ไปกันเถอะ พวกเราจะเคลื่อนไหวด้วย”
จากนั้นหน่วยสอดแนมก็แอบออกมาจากที่ซ่อนของพวกเขาแล้วบุกเข้าไปในป้อม
ที่ฝั่งของการต่อสู้, ลิงค์กำลังหนีเพื่อปกป้องตัวเองจากการถูกพวกนักรบโครงกระดูกล้อม ในเวลาเดียวกันนั้น, เขาก็ยิงระเบิดเพลิงไปยังจุดที่นักรบโครงกระดูกกระจุกกันเป็นกลุ่ม
ตูม! ตูม!
ทุกสิบวินาทีหรือมากกว่านั้น, เวทย์ระเบิดเพลิงจะปรากฎขึ้นและกำจัดนักรบโครงกระดูกที่เปราะบางนับร้อยตัว
นี่ไม่ใช่ทั้งหมด
ลิงค์ไม่ได้เอาแต่โจมตีนักรบโครงกระดูกเท่านั้น, แต่เขายังย่นระยะระหว่างตัวเขากับป้อมโครงกระดูก ดูเหมือนว่าเขากำลังพุ่งตรงไปที่ฐาน
การบุกรุกอันชัดเจนนี้มองออกได้ยังง่ายดายและแม้กระทั่งคนรอบๆก็ยังได้ยิน
นักรบปีศาจบรูธตันเป็นหนึ่งในคนพวกนี้ เขาได้เห็นฉากการต่อสู้ทั้งหมดบนเนินที่ห่างไกล
เขาได้เห็นเมาล์ที่เพิ่งจะพนันกับเขาถูกเปลี่ยนเป็นกองขี้เถ้า แล้วเขาก็เห็นนักเวทย์คนนั้นฆ่ากลู 20 คน, และกลุ่มของคู่แข่งอันน่าหวั่นเกรงที่แม้แต่เขาก็คงจะมีปัญในการจัดการด้วยเวลาไม่ถึงห้าวินาที นักเวทย์คนนี้สังหารหมู่ดาร์คเอลฟ์และนักรบโครงกระดูกราวกับว่าพวกเขาเป็นปศุสัตว์
นี่มันเป็นสิ่งที่ยากจะเข้าใจได้จริงๆ
“ข้าควรเข้าไปยุ่งไหมนะ?” บรูธตันถามตัวเอง ไม่กี่วินาทีต่อมา, คำตอบปรากฎขึ้นในความคิดของเขา “ข้าไม่ยุ่งดีกว่า ข้าตายแน่ถ้าบุกเข้าไปตอนนี้”
อย่างไรก็ตาม, นั่นก็ไม่ใช่ทางเลือกเช่นกัน ถ้ายัยเด็กเหลือขอที่อยู่ในป้อมโครงกระดูกเห็นเขาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หล่ะก็, เขาก็คงมีปัญหาอยู่ดี จากนั้นเขาก็คิดแผนการอย่างรวดเร็วแล้วตะโกนบอกกลูและหน่วยสอดแนมจากมือแห่งความตายที่อยู่ข้างๆเขา “นักเวทย์คนนี้ช่างหยิ่งทะนงเหลือเกิน, มันกล้าคิดโจมตีป้อมโครงกระดูกงั้นหรอ มุ่งหน้าไปฆ่ามันเถอะ!”
เขาแกว่งดาบในมือของเขาแล้วชี้มันไปทางลิงค์
กลูกับดาร์คเอลฟ์ที่อยู่ข้างหลังเขาแลกเปลี่ยนสายตากัน พวกเขาเองก็ได้เห็นฉากการต่อสู้ทั้งหมดและได้รู้ถึงความแข็งแกร่งเหนือมนุษย์ของนักเวทย์คนนี้แล้ว การบุกไปข้างหน้าจะไม่เป็นการฆ่าตัวตายหรอ?
อย่างไรก็ตาม, หัวหน้าพุ่งไปข้างหน้าแล้ว พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากทำตามแม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจก็ตาม หลังจากนั้น, พวกเขาทุกคนก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดูเหมือนว่าวันนี้หัวหน้าของพวกเขาจะวิ่งช้าผิดปกติ พวกเขาสามารถไล่ตามเขาได้อย่างง่ายดาย นี่มันแปลกๆนะ อ๋อ, เขากำลังวิ่งให้ช้าๆเพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับนักเวทย์นี่เอง…หน่วยสอดแนมคิด
ไม่มีใครเปิดโปงแผนการสกปรกของบรูธตันและตามหลังเขาไปทั้งอย่างนั้น, พวกเขามุ่งหน้าไปหานักเวทย์อย่างช้าๆแต่ก็มั่นคง
…
ป้อมโครงกระดูก
ในห้องโถงที่มืดมิดชั้นใต้ดิน, ร่างเงาของงูอันสง่างามดูเหมือนจะผูกรัดอยู่กับชายรูปร่างดีคนนึง ชายคนนั้นถูกถอดเสื้อผ้าจนเปลือยเปล่า, และแขนขาของเขาก็ถูกเชือกพันธนาการเอาไว้, ห้อยเป็นรูปดาวจากกำแพง
ร่างเงาเลื้อยไปตามร่างกายของชายคนนั้นในขณะที่น้ำเสียงอันชั่วร้ายแต่นุ่มนวลดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง “คาร์โนส, ฟังสิ มีใครบางคนกำลังจุดพลุอยู่หล่ะ มนุษย์น่าสมเพชพวกนั้นมาที่นี่เพื่อพาเจ้าออกไป”
คาร์โนสหายใจฟืดฟาดและเหนื่อยหอบ ดวงตาของเขาเป็นสีแดงเลือด, และออร่าสีดำจำนวนมหาศาลก็ดูเหมือนจะเข้าๆออกๆร่างกายของเขา, มันดูเหมือนกับมีงูสีดำตัวเล็กๆนับไม่ถ้วนกำลังเรื้อยไปทั่วตัวเขา
พอได้ยินเสียงอันน่ารังเกียจนี้, เขาก็ส่ายหัวเล็กน้อยเพื่อรักษาสติแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “ข้าไม่ยอมหรอก! ข้าจะไม่มีวันกลายเป็นปีศาจ! ข้าจะไม่มีวัน…ไม่มีวัน…”
“งั้นหรอ 555! ช่างเป็นมนุษย์ที่โง่เง่าจริงๆ เจ้าคิดจริงๆหรอว่าเจ้าหนุ่มจุดพลุนั่นจะสามารถช่วยเจ้าได้? ไม่, ไม่หรอก, อีกไม่นานนี้วิญญาณของเขาก็จะกลายเป็นการแสดงพลุอันงดงามเช่นกัน”
ขณะที่เธอพูด, เธอก็เลื้อยลงมาจากร่างของคาร์โนสแล้วมุ่งหน้าไปยังทางออกของห้องโถง
ในตอนที่เธอออกมาจากห้องโถงแล้วเดินขึ้นไปชั้นหนึ่งของป้อมโครงกระดูก, เธอก็เพิ่มเสียงของเธอเล็กน้อยแล้วตะโกนเรียก “ที่รักของข้า, เจ้าหิวไหม?”
ซู่ววววว
เสียงซู่วดังก้องตอบกลับน้ำเสียงอันมีเสน่ห์ของเธอ จากนั้น, งูยักษ์เกล็ดสีดำที่มีความกว้างอย่างน้อยสามฟุตและยาว 80 ฟุตก็เลื้อยออกมาจากมุมมืดของห้องโถง ในตอนที่งูยักษ์มาถึงตัวคนๆนั้น, ก็มีประกายอันเจิดจ้าฉายออกมาจากเกล็ดของมัน ในตอนที่แสงนี้สลายไป, แส้สีดำที่มีหัวงูอยู่ที่ปลายของมันก็ปรากฎขึ้นในมือของคนๆนั้น
ขณะที่กำลังแกว่งแซ่, คนๆนั้นก็มุ่งหน้าตรงไปยังทางออกของป้อม จากนั้นเธอก็เห็นนักเวทย์ผ้าคลุมดำคนนึงกำลังรอการมาถึงของเธอ
นักเวทย์ผ้าคลุมดำยิ้มในตอนที่เห็นเธอแล้วพูด “นายหญิง, คนที่อยู่ข้างนอกคือนักล่าปีศาจครับ”
“หรอ, แน่ใจนะทาลอน?”
“แน่นอนครับ, ผมเห็นเขากับตาในตอนที่เขาต่อสู้กับทราวิสที่สถาบันเวทมนตร์ระดับสูงอีสโควฟ ผมคุ้นเคยกับความผันผวนของเวทมนตร์ของเขาดี” คนที่กำลังพูดอยู่นั้นคือปีศาจโลหิตทาลอน, นักโทษหลบหนีจากหอคอยอสุรา
“เจ้ามั่นใจว่าจะชนะเขาไหม?” คนๆนั้นถาม
“ก่อนหน้านี้, ผมคงเอาชนะไม่ได้ แต่ตอนนี้, ผมได้รับพรจากสตรีแห่งความมืดมาแล้ว, ผนวกกับพลังของคทาเวทมนตร์อันทรงพลังนี้, ผมมั่นใจว่าจะชนะได้ครับ”
“ถ้างั้นก็ไปซะ ฉันจะให้การสนับสนุนจากป้อมปราการเอง” คนๆนั้นยิ้มให้ทาลอนด้วยท่าทีที่น่าดึงดูด
“รอฟังข่าวดีได้เลยครับ!”
พอพูดจบ, หมอกเลือดก็ห่อหุ้มร่างกายของทาลอน แล้วเขาก็ลอยออกไปจากป้อมด้วยความเร็วสูง
จากนั้นคนๆนั้นก็ย้ายไปยังดาดฟ้าของป้อมโครงกระดูกเพื่อมุมมองที่ดีขึ้น
พอไปถึงดาดฟ้า, เธอก็เห็นบอลเลือดอยู่ห่างจากที่ที่เธอจำได้ครั้งล่าสุดหนึ่งไมล์แล้ว มันเป็นการย่นระยะระหว่างตัวมันกับนักล่าปีศาจที่สูงมาก
จากนั้นเธอก็หัวเราะในใจ, แล้วพูด “โถ โถ มนุษย์เอ๋ย, พวกเจ้ามักจะประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไปเสมอ ข้าจะรอแล้วดูว่าพวกเจ้าคนไหนจะแข็งแกร่งกว่ากัน, และเหมาะสมที่จะกลายเป็นคนรับใช้อันต่ำต้อยของข้ามากกว่ากัน”
เสียงของเธอยังคงมีเสน่ห์และชวนฝันเหมือนเช่นเคย