advent of the archmage - Chapter 229: ตัวตนที่แท้จริง
กลุ่มไปถึงตีนหน้าผาอย่างรวดเร็ว
หน้าผานั้นสูงหกฟุตและมีรอยบุ๋มลึกเข้าไปสามฟุต รอยบุ๋มนี้สามารถป้องกันพื้นข้างล่างจากหิมะเอาไว้ได้ซึ่งเหลือเป็นโพลงตรงกลางเอาไว้, ก่อให้เกิดถ้ำหิมะตามธรรมชาติ มันเป็นสถานที่ที่ดีสำหรับการหลบซ่อนจากลมหนาวเป็นการชั่วคราว
ทุกคนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกในตอนที่พวกเขาเข้ามาในสวรรค์อันแสนอบอุ่นนี้
จากนั้นเฟลิน่าก็มีโอกาสระเบิดคำถามในใจของเธอออกมา เธอเข้าสู่การปะทุ, แล้วรัวคำถามออกมาเป็นชุด “ฉันอยู่ที่ไหน? พวกเจ้าเป็นใคร? แล้วไอพวกชาติชั่วนั่นอยู่ที่ไหน?”
แน่นอนว่าลิงค์ตอบคำถามพวกนั้นตามลำดับ
หลังจากได้ฟัง, เฟลิน่าก็จ้องไปที่มนุษย์รอบๆเธอด้วยความไม่เชื่อ, “พวกเจ้ามีออร่าต่อสู้แค่เลเวล 4 ดูร่างกายอันอ่อนแอของพวกเจ้าสิ! นอกจากนี้, ออร่าต่อสู้ของพวกเจ้าก็สามารถสนับสนุนทักษะการต่อสู้ได้มากที่สุดก็แค่ห้าทักษะเท่านั้น และนักเวทย์ที่อยู่ที่นี่, แม้ว่าเจ้าจะมีความแข็งแกร่งเท่ากับเลเวล 6, แต่มันดูเป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าจะจัดการสัตว์ประหลาดพวกนั้นได้ในที่เดียว พวกเจ้าไม่คิดงั้นหรอ?”
เธอได้รับประสบกับพลังในการต่อสู้ของสิ่งมีชีวิตพวกนั้นมากับตัว พวกมันจัดการได้ไม่ง่ายเอาซะเลยแล้วต่อให้ได้รับบาดแผลร้ายแรงนับไม่ถ้วนก็ยังไม่ตาย พวกมันจะลุกขึ้นมาในเวลาไม่กี่นาทีหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บร้ายแร็ง
พวกมันนั้นเห็นได้ชัดว่ามีความแข็งแกร่งแค่เลเวล 6 เพียงเท่านั้น อย่างไรก็ตาม, พวกมันสามารถเอาชนะเธอที่เป็นนักรบอัจฉริยะของเผ่ามังกรได้อย่างราบคาบ, แล้วมนุษย์ที่อ่อนแอและไม่เป็นระเบียบพวกนี้สามารถเอาชนะพวกมันทั้งๆที่เธอทำไม่ได้ได้ยังไงกัน?
แอนนี่โกรธเคืองขึ้นมาในทันที นักรบมังกรคนนี้หยิ่งทะนงมาตั้งแต่แรกแล้วและดูเหมือนว่าจะเรียกพวกเขาว่ามนุษย์และชอบพูดคำพูดเสื่อมเสียที่ฟังแล้วระคายหู และตอนนี้, เธอยังมีข้อสงสัยถึงความแข็งแกร่งของพวกเขา มันถึงเวลาสำหรับเธอที่จะสู้กลับแล้ว
“เธอดูถูกพวกเราหรอ ท่านมิโรสเคยกำจัดกลูสามตัวในเวลาไม่ถึงนาทีมาแล้วนะ กลูสองตัวที่สามารถจับเธอได้ก็ถูกพวกเรากำจัดในเวลาไม่ถึง 20 วินาที ร่างของพวกมันอย่างนอนอยู่ในบ้านไม้ที่พวกเราเพิ่งออกมาอยู่เลย ถ้าเธอไม่เชื่อพวกเรา, เธอก็กลับไปดูด้วยตาของตัวเองสิ!”
หน่วยสอดแนมเองก็เริ่มปกป้องตัวเอง
ตอนแรก, พวกเขามีเจตคติที่ดีต่อนักรบมังกรหญิงคนนี้เพราะเกราะนักรบอันงดงามและรูปร่างที่ดีของเธอ อย่างไรก็ตาม, ทั้งหมดที่เธอพูดนั้นมีแต่คำพูดที่ดูถูกและไม่ไว้วางใจ มันเป็นฟางเส้นสุดท้ายแล้วในตอนที่เธอเริ่มตั้งคำถามถึงความแข็งแกร่งของท่านมิโรส
“องค์หญิงพูดถูก เธอจะดูถูกพวกเราก็ได้, แต่อย่ามาดูถูกท่านมิโรส! ท่านเป็นคนที่เพิ่งจะช่วยชีวิตของเธอเอาไว้นะ!”
“เผ่ามังกรไม่รู้จักแนวคิดของการขอบคุณหรอ?”
“ฉันเป็นมนุษย์ก็ได้ แต่เธอเองก็ถูกพวกกลูจับตัวได้เหมือนกัน เธอจะแข็งแกร่งแค่ไหนกันเชียว!”
ทุกคนเริ่มวิจารณ์พฤติกรรมที่หยิ่งทะนงของเฟลิน่า จากนั้นเธอก็ตกอยู่ในความเงียบก่อนที่จะขอโทษ, “เข้าใจแล้ว, ข้าไม่ควรพูดคำพูดพวกนั้นออกมา ข้าขอโทษ แต่ข้ายังสงสัยอยู่—พวกเจ้าทำมันได้ยังไง?”
แอนนี่กำลังจะพูดในตอนที่ดูเหมือนว่าเธอจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จากนั้นเธอก็หันไปมองลิงค์ที่พยักหน้าเป็นการอนุญาติ
จากนั้นแอนนี่ก็เอามีดที่ถูกเคลือบด้วยแร่เงินศักดิ์สิทธิ์ออกมาแล้วพูด “เธอเห็นบางสิ่งที่แตกต่างในมีดเล่มนี้ไหม? มีแร่เงินศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่พื้นผิวของมัน, ซึ่งสามารถทำลายความสามารถในการฟื้นตัวของไอกลูบ้าพวกนั้นได้ แล้วพวกเรายังมีหน้าไม้กับลูกศรที่เคลือบแร่เงินศักดิ์สิทธิ์ด้วย มันสามารถยิงลูกศรแร่เงินศักดิ์ออกมาได้สิบดอกในเวลาสี่วินาที นอกจากนี้, พวกเราก็มีนักเวทย์ที่แข็งแกร่งอยู่กับพวกเรา ดังนั้นในตอนนี้, เธอยอมรับว่าพวกเรามีพลังที่จะเอาชนะพวกกลูได้รึยังหล่ะ?
เฟลิน่าตรวจสอบอาวุธแร่เงินศักดิ์สิทธิ์ด้วยความสนใจ อาวุธเงินพวกนี้ดูเหมือนจะถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยแสงที่เจิดจ้าและคมกริบ มันพิเศษ, อบอุ่น, แต่ก็ดุดัน
จากนั้นเธอก็พยักหน้า “ถ้าธาตุเงินศักดิ์สิทธิ์เป็นคำตอบที่แท้จริงสำหรับไอพวกเอ่อ…กลู, ข้าก็คงเชื่อว่าพวกเจ้าสามารถเอาชนะพวกมันได้ ข้าขอโทษอีกครั้งนะสำหรับการกระทำของข้า ขอบคุณที่ช่วยชีวิตของข้าเอาไว้”
ตอนนี้พอความหยิ่งทะนงของเฟลิน่าถูกยับยั้งแล้ว, ลิงค์ก็พูดออกมา “จากที่ผมรู้มา, นักรบมังกรไม่ค่อยติดต่อกับโลกภายนอก, เว้นเสียแต่ว่าจะมีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้น ถ้าคุณเชื่อใจพวกเรา, บางทีพวกเราน่าจะช่วยคุณได้นะ”
ภารกิจของเขาคือการขอความช่วยเหลือจากเฟลิน่าให้ได้
แม้ว่าเขาจะสามารถใช้ประโยชน์จากนิสัยภาคภูมิใจในตัวเองของเผ่ามังกรเพื่อขอให้เธอช่วยเป็นการตอบแทนที่ช่วยชีวิตของเธอได้, แต่มันก็คงจะทิ้งเจตคติแย่ๆให้กับฝั่งของเฟลิน่าอย่างแน่นอน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ลิงค์ไม่ต้องการ; เขาอยากให้อีกฝ่ายเสนอความช่วยเหลือด้วยความยินยอมของตัวเอง
ดังนั้นเขาจึงต้องทอดสะพานบางอย่างระหว่างพวกเขา
พอได้ยินคำพูดพวกนี้, เฟลิน่าก็เกิดลังเลขึ้นมา
ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในตอนที่เธอเพิ่งจะมาถึงป่าแบล็คฟอเรสหล่ะก็, เธอก็คงจะเยาะเย้ยและไม่สนใจพวกเขาอย่างแน่นอน เธออาจจะดูถูกพวกเขาแล้วมุ่งหน้าเข้าไปในป่าแบล็คฟอเรสคนเดียวก็ได้ อย่างไรก็ตาม, ตอนนี้เธอได้เห็นความน่ากลัวที่แท้จริงของนรกนี้แล้ว, ดังนั้นคู่หูที่เชื่อถือได้คงจะมีประโยชน์อย่างยิ่ง
มนุษย์กลุ่มนี้เพิ่งจะช่วยชีวิตของเธอเอาไว้และดูเหมือนว่าจะมีอุปกรณ์ที่เอาไว้จัดการกับพวกกลูด้วย พวกเขาสามารถให้ความช่วยเหลือได้ตลอดทาง
อย่างไรก็ตาม, เธอยังไม่สามารถวางความภาคภูมิใจของเธอลงได้ “ภารกิจของข้าอันตรายมากๆ พวกเจ้าอาจจะเสียชีวิตเพราะมันก็ได้…เดี๋ยวนะ”
จากนั้นเธอก็มีความคิดบางอย่างแล้วมองตรงไปที่ลิงค์ก่อนที่จะถาม “สถานที่แห่งนี้เป็นใจกลางของอาณาจักรพาลิค ตอนนี้อาณาจักรนอร์ตันกำลังมีสงครามกับดาร์คเอลฟ์อยู่ไม่ใช่หรอ? ในเมื่อพวกเจ้าอยู่ที่นี่, แสดงว่าพวกเจ้าอาจจะอยู่ในระหว่างทำภารกิจใช่ไหม? บางทีข้าอาจจะสามารถช่วยได้เหมือนกันนะ”
มันเป็นเรื่องจริงที่ลิงค์ได้ช่วยชีวิตของเธอเอาไว้ เธอคงจะโล่งใจถ้าเธอสามารถตอบแทนบุญคุณนี้ได้
พอได้ยินคำพูดพวกนี้, หน่วยสอดแนมก็ดีใจขึ้นมา ลิงค์เองก็ดีใจมาก; ดูเหมือนว่ามังกรหญิงคนนี้จะมีนิสัยดีกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้
แล้วเขาก็พูดออกมา “นักดาบรุ่งอรุณคาร์โนสถูกพวกดาร์คเอลฟ์จับตัวไป เดิมที, พวกเรามาที่นี่เพื่อช่วยเขา แต่ดูเหมือนว่า, โอกาสจะน้อยมาก”
ในขณะที่เขาอธิบาย, ลิงค์ก็เริ่มยิ้มอย่างขมขื่น, และหน่วยสอดแนมรอบตัวเขาเองก็เริ่มมีสีหน้าจริงจัง
“นักดาบรุ่งอรุณ? เจ้าหมายถึงนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรนอร์ตัน, คาร์โนสหน่ะหรอ?” เฟลิน่าตกใจ แม้ว่าเผ่ามังกรจะซ่อนตัวจากโลกภายนอก, แต่พวกเขาก็ยังสนใจเหตุการณ์สำคัญที่กำลังเกิดขึ้น, รวมทั้งการปรากฎตัวของผู้มีสวรรค์อันโดดเด่นในเผ่าพันธุ์อื่นๆด้วย ซึ่งนักดาบรุ่งอรุณก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น
เขามีอายุแค่สามสิบห้าปีแต่ก็มีความแข็งแกร่งถึงเลเวล 8 แล้ว เขามีสิทธิ์อย่างเต็มที่ในการที่ถูกเรียกว่านักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรนอร์ตัน, หรือแม้กระทั่งทั้งเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่หาตัวได้ยากจริงๆ
แม้กระทั่งเผ่ามังกรที่มีความภาคภูมิใจในตัวเองก็ยังรู้สึกประหลาดใจกับการเติบโตของนักดาบรุ่งอรุณ อันที่จริง, เฟลิน่าอยากจะท้ายทายนักดาบรุ่งอรุณในตอนที่เธออยู่ในหมู่บ้านมังกร เธอหวังเอาไว้เสมอว่าสักวันนึงเธอจะได้ประลองกับอัจฉริยะที่กล่าวขาวกันนี้และตัดสินกันว่าใครกันแน่ที่แข็งแกร่งกว่ากัน
พอคิดว่าเขาน่าจะถูกจับ; พวกกลูแข่งแกร่งขนาดนั้นจริงๆหรอ?
ลิงค์พยักหน้าเพื่อยืนยันความสงสัยของเธอ “ผมคิดว่าไม่มีคนอื่นหรอกที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นนักรบในตำนานในทวีปฟิรุแมน”
เฟลิน่าตกตะลึงจริงๆ ดวงตาของเธอเปล่งรัศมีสีเงินตามธรรมชาติออกมา; ดังนั้น, ไม่ว่าใครก็สามารถสังเกตุได้อย่างง่ายดายว่าเธอกระพริบตารึเปล่า อย่างไรก็ตาม, ดวงตาของเธอในตอนนี้ไม่ได้กระพริบแต่เบิกกว้าง เธอพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับ
“แม้แต่เขาก็ยังหยุดพวกกลูไม่ได้หรอ?”
ลิงค์พูดต่อ “นั่นก็ไม่ใช่เรื่องจริงเหมือนกัน เขาแค่ถูกจับหลังจากที่เผชิญหน้ากับกองทัพของพวกมัน พวกเราพบว่าเขาถูกส่งไปยังสถานที่ที่ชื่อว่าป้อมโครงกระดูก, แล้วก็มีพลังอำนาจอันชั่วร้ายที่จะทำให้เขากลายเป็นปีศาจ, เปลี่ยนเขาให้เป็นบางสิ่งที่เหมือนกับกลู ถ้าผมคิดไม่ผิด, พวกมันอาจจะจับคุณไปเพื่อเหตุผลเดียวกัน”
“ป้อมโครงกระดูกหรอ?” เฟลิน่าจ้องลิงค์ คำพูดของลิงค์ทำให้เธอหนาวไปจนถึงสันหลัง
“ใช่, ฐานของดาร์คเอลฟ์ที่เป็นที่อยู่ของหัวหน้าพวกกลู พลังของเธอนั้น…ผมเกรงว่ามันจะไปถึงจุดที่มนุษย์ไม่สามารถหวังที่จะเข้าใจได้แล้ว”
“ความแข็งแกร่งที่ไม่สามารถเข้าใจได้หรอ? กลูอมตะรึไง?” ดูเหมือนว่าเฟลิน่าจะหมกมุ่นอยู่ในความคิดของเธอ เธอพึมพำ “ถ้านักดาบรุ่งอรุณกลายเป็นปีศาจ, นั่นก็คงจะเป็นฝันร้ายเลยหล่ะ…พวกกลูก็แข็งแกร่งมากแล้ว; หัวหน้าของพวกมันจะมีพลังแบบไหนกัน? โลกนี้มีพลังที่น่าหวาดกลัวขนาดนั้นได้ยังไง?”
ไม่มีใครตอบเธอ ลิงค์กับหน่วยสอดแนมยังคงเงียบอยู่
เฟลิน่าไม่คิดว่าคำถามของเธอจะได้รับคำตอบเช่นกัน เธอได้ข้อสรุปบางอย่างของตัวเอง, แล้วพึมพำออกมา “ราชินีบอกว่ามีพลังทำลายล้างกำลังสร้างความเสียหายให้กับสมดุลของโลกนี้อยู่ เธอส่งฉันมาที่โลกมนุษย์เพื่อสอบสวนเรื่องนี้ ป้อมโครงกระดูกน่าจะเป็นต้นตอของพลังนั้น! กลูไม่ควรมีตัวตนอยู่ในโลกนี้!”
ลิงค์ตั้งใจฟัง, แล้วพอเธอมาถึงจุดนี้, เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา กลูไม่ควรมีตัวตนอยู่ในโลกนี้จริงๆ, แต่ถึงกระนั้น, นั่นก็เป็นพลังของอุปกรณ์ระดับพระเจ้า
โลกแห่งฟิรุแมนกำลังใช้พลังของมันเพื่อปฏิเสธตัวตนของอุปกรณ์ระดับพระเจ้าชิ้นนี้ เพื่อที่จะรักษาความเสถียรของอุปกรณ์ระดับพระเจ้าชิ้นนี้, ดาร์คเอลฟ์จึงได้สังเวยชีวิตอย่างน้อยหนึ่งแสนคน!
ทันใดนั้น, เฟลิน้าก็จ้องมาที่ลิงค์ “เจ้ารู้ตำแหน่งที่แน่นอนของป้อมโครงกระดูกไหม?”
“ผมพอรู้พิกัดคร่าวๆ อันที่จริง, พวกเรากำลังวางแผนบุกรุกเข้าไปในฐานของศัตรูหลังจากที่พักผ่อนหนึ่งคืน” ลิงค์ตอบ
ดวงตาของเฟลิน่าเบิกกว้างอีกครั้งกับคำประกาศที่กล้าหาญนี้, รัศมีสีเงินในดวงตาของเธอเปล่งประกายเจิดจ้าในขณะที่เธอพูด “ตรงเข้าไปในฐานเพื่อช่วยใครสักคนหรอ? พวกเจ้าแค่นี้เนี่ยนะ? นี่มันเป็นภารกิจฆ่าตัวตายชัดๆ!”
จากนั้นแอนนี่ก็พูด “นักดาบรุ่งอรุณจะกลายเป็นปีศาจไม่ได้ พวกเราไม่มีทางเลือกนอกจากทำให้ดีที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น”
ลิงค์ผายมืออย่างจนปัญญาแล้วพูด “ไม่มีทางเลือกในยามสงครามหรอก”
เฟลิน่าถอนหายใจออกมาแล้วส่ายหัวของเธออีกครั้ง “ภารกิจนี้ล้มเหลวแน่ๆ ข้าไม่อยากจะบอกกับพวกเจ้าหรอกนะ แต่พวกเจ้าอ่อนแอเกินไป และเจ้า, นักเวทย์มิโรส, หากพลังของเจ้าไม่ได้ทัดเทียมกับนักล่าปีศาจ, ข้าแนะนำให้เจ้าทิ้งภารกิจนี้ไปเถอะ อย่าเอาชีวิตไปทิ้งอย่างไร้ค่าเลย”
คำพูดของเธอฟังดูแปลกเล็กน้อย เธอหมายความว่ายังไงที่ว่าทัดเทียมกับนักล่าปีศาจ? นักล่าปีศาจคนนี้เป็นใครกัน?
ลิงค์สับสนเล็กน้อยกับคำพูดพวกนี้ เขารู้สึกราวกับว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนจากที่ไหนสักแห่ง, แม้ว่าเขาจะจำไม่ได้แล้วว่ามันหมายถึงใครก็ตาม
นี่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้เช่นกัน หลังจากเอาชนะทราวิสมาได้, เขาก็ยุ่งมากกับการวิจัยเวทย์มนตร์หรือไม่ก็การพัฒนาดินแดนของเขา เขาไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะประเมินความสำเร็จของเขายังไง ถึงแม้ว่าชื่อนักล่าปีศาจอาจจะฟังดูคุ้นเคย, แต่เขาก็ไม่ได้เอามาโยงกับตัวเองเลย
ในอีกด้านนึง, ดวงตาของแอนนี่เบิกกว้างด้วยความร่าเริง แล้วเธอก็พูดกับเฟลิน่า “เธอบอกว่าถ้านักล่าปีศาจอยู่ที่นี่, พวกเราอาจจะมีโอกาสใช่ไหม?”
เฟลิน่าพยักหน้า “ถ้าเขาอยู่ที่นี่จริงๆ, ผนวกกับความแข็งแกร่งเลเวล 7 ของฉัน, มันก็อาจจะคุ้มที่จะลองนะ”
พอได้ยินคำพูดพวกนี้, หน่วยสอดแนมที่เหลือก็ถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา นักล่าปีศาจเป็นชนชั้นสูงที่มีดินแดนเป็นของตัวเอง แล้วเขาก็เป็นจอมเวทย์ของสถาบันเวทมนตร์ระดับสูงอีสโควฟด้วย คนที่มีตำแหน่งสำคัญอย่างเขาคงจะไม่เอาชีวิตมาเสี่ยงในนรกแบบนี้อย่างแน่นอน
ความหวังที่มหัศจรรย์แบบนั้นคงมีแค่ในความฝันของพวกเขาเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม, ดวงตาของแอนนี่เปล่งประกายสดใสยิ่งขึ้นในขณะที่เธอหันไปหาลิงค์ สายตานี้คาดหวังมากจนลิงค์รู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย
“ใครคือนักล่าปีศาจ?” ลิงค์ถามเพราะเขารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ
“เขาเป็นใครไปไม่ได้นอกจากลอร์ดแห่งที่รกร้างเฟิร์ด” แอนนี่พูดอย่างตื่นเต้น
“อ้อ…” ลิงค์ลูบหัวของเขาแล้วเข้าใจสถานการณ์ขึ้นมาในทันที เขาได้รู้แล้วว่าพวกเขากำลังหมายถึงเขามาโดยตลอด ในตอนที่ชื่อนักล่าปีศาจออกมาจากปากของนักรบปีศาจ, เขาก็เชื่อมโยงมันกับบุคคลที่เป็นวีรบุรุษในประวัติศาสตร์ เขาไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเป็นเขา
ในเมื่อเฟลิน่าพูดถึงมันด้วยตัวเอง, ลิงค์ก็ไม่อยากปกปิดตัวตนของเขาอีกต่อไป เขาหันไปหาเฟลิน่าแล้วพูด “ผมคิดว่าผมสามารถลองดูได้นะ”
“นี่ไม่ตลกนะ, นักเวทย์” เฟลิน่าขมวดคิ้วในขณะที่เธอเยาะเย้ย
ลิงค์ยิ้มแล้วพูด “มิโรสเป็นแค่นามแฝงของผม ชื่อจริงของผมคือ…ลิงค์ โมรานี่”
หน่วยสอดแนมกลืนน้ำลายพอได้ยินคำพูดพวกนี้ แอนนี่มองลิงค์ด้วยความภาคภูมิใจที่เขียนอยู่บนใบหน้าขาวเนียนและน่ารักของเธอ นักเวทย์หนุ่มคนนี้เป็นฮีโร่ในใจเธอ
จากนั้นเฟลิน่าก็อ้าปากเหวอด้วยความตกใจอีกครั้ง มันใช้เวลาสักพักก่อนที่เธอจะพูดต่อ “ไม่แปลกใจเลย…สรุปเป็นเจ้าเองสินะ”
มันสมเหตุสมผลแล้วที่ทำไมพวกเขาถึงสามารถจัดการกับพวกกลูได้ เธอแค่กำลังคิดว่ามีนักเวทย์มนุษย์ที่แข็งแกร่งปรากฎตัวขึ้นมาโดยที่เผ่ามังกรไม่รู้เรื่องได้ยังไง
นักดาบรุ่งอรุณเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่ามนุษย์, และเฟลิน่ายังมีความกล้าที่จะท้าดวลกับเขา อย่างไรก็ตาม, เธอไม่มีความตั้งใจที่จะทำแบบเดียวกันถ้าเธอกำลังเผชิญหน้ากับนักล่าปีศาจ ซึ่งนี่เป็นเพราะเขาเคยเอาชนะทราวิสมาแล้ว เธอคงจะไม่สามารถเอาชนะทราวิสได้ต่อให้เธอแข็งแกร่งกว่านี้อีกเท่านึง
ในตอนที่เธอพูดประโยคนี้, ก็มีแสงปรากฎขึ้นในทัศนวิสัยของลิงค์ มันคือภารกิจ
ภารกิจขั้นที่สอง: สำเร็จ
ผู้เล่นได้รับค่าโอมนิ 100 แต้ม
ภารกิจขั้นที่สาม: ลักลอบหรือใช้กำลัง?
รายละเอียดภารกิจ: ฝ่าสิ่งกีดขวางของดาร์คเอลฟ์แล้วไปให้ถึงป้อมโครงกระดูก
รางวัลภารกิจ 1 : ค่าโอมนิ 100 แต้ม
รางวัลภารกิจ 2 : พลังสายเลือดความสัมพันธ์ธาตุ (หมายเหตุ: ภายใต้ผลของพลังสายเลือดนี้, เวทย์ธาตุทั้งหมดที่ถูกร่ายโดยผู้ใช้จะแรงขึ้น 50%)
ลิงค์ถอนหายใจและรับภารกิจอีกครั้ง