advent of the archmage - Chapter 222: ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนที่สำคัญอย่างท่าน
ป้อมปราการ, ยอดภูเขาน้ำแข็ง
เพื่อรักษาภารกิจของเขาให้เป็นความลับ ลิงค์จึงยืนอยู่หน้าประตูป้อมโดยสวมผ้าคลุมนักเวทย์ระดับต่ำเอาไว้ จากนั้นเขาก็ตะโกนบอกการ์ดที่ยืนอยู่ตรงกำแพงชั้นนอก “ผมชื่อมิโรส เป็นนักเวทย์จากสถาบันเวทมนตร์ระดับสูงอีสโควฟ ผมมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมกองทัพครับ”
“พิสูจน์ตัวตนของเจ้ามาซิ!” หัวหน้าการ์ดกำแพงชั้นนอกตอบกลับ เขาไม่ได้รับข่าวอะไรที่แจ้งเลยว่าจะมีนักเวทย์จากสถาบันมาเข้าร่วมกับกองทัพในวันนี้ ถ้าเกิดว่าเขาเป็นนักรบทั่วๆไปหล่ะก็ เขาคงไม่มาเสียเวลาอยู่แบบนี้หรอก เขาอาจจะสั่งฆ่าไปแล้วด้วยซ้ำถ้าเขาถลำเข้ามาใกล้มากเกินไป ยังไงก็ตาม อีกฝ่ายนั้นเป็นนักเวทย์; เขาจะต้องระวังเอาไว้
พิสูจน์ตัวเองงั้นหรอ? ลิงค์รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยกับคำขอนี้และคิดอยู่พักนึงก่อนที่เขาจะตอบ “ผมเป็นเพื่อนกับลูกศิษย์ของอาจารย์ใหญ่แอนโทนี่ที่มีชื่อว่ามาร์โก้ ถ้าคุณไม่เชื่อผมหล่ะก็ คุณสามารถไปยืนยันกับเขาได้นะ”
แม้ว่าภารกิจของเขาจะเป็นความลับ แต่กษัตริย์ลีออนก็ได้เตรียมการทุกอย่างเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ชื่อปลอมมิโรสเองก็เป็นเรื่องหนึ่งที่พวกเขาได้ตัดสินใจร่วมกันเพื่อเป็นการทำความให้เข้าใจตรงกัน
หัวหน้าการ์ดรู้สึกลังเล เขารู้จักมาร์โก้เป็นการส่วนตัว ในอดีต การกระทำแบบนี้ก็มากพอแล้วที่จะทำให้เขาลดการป้องกันลง ยังไงก็ตาม สถานการณ์ในตอนนี้มันตึงเครียดมากๆ เขาจะรู้ได้ยังไงกันว่าคนๆนี้ไม่ใช่สปายของดาร์กเอลฟ์?
จากนั้นเขาก็พูด “รอสักครู่, ข้าจะไปตามมาร์โก้มาที่นี่”
จากนั้นเขาก็รีบมุ่งหน้าไปยังหอคอยเวทมนตร์ที่อยู่ในป้อม ส่วนลิงค์นั้นทำได้แค่รออยู่ด้านนอกกำแพงปราสาทเท่านั้น
สิบนาทีต่อมา นักเวทย์มาร์โก้ก็ปรากฏตัวขึ้นบนกำแพงปราสาทด้วยสีหน้างุนงง
มิโรสหรอ? ใครกันนะ?
เขาได้รับข่าวเมื่อสองวันก่อนว่าทางสถาบันจะส่งนักเวทย์หนุ่มที่ชื่อมิโรสมาที่ป้อม ข่าวนี้ดูแปลกประหลาดอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เข้าใจว่าทำไมสถาบันถึงส่งตัวนักเวทย์มาแค่คนเดียว มันจะไม่เป็นปัญหาเลยถ้านักเวทย์คนนั้นแข็งแกร่งและมีชื่อเสียง ยังไงก็ตาม มิโรสเนี่ยนะ….ไม่ใช่ว่ามันเป็นชื่อของนักเวทย์ฝึกหัดหรอ?
จากกำแพงของปราสาท มาร์โก้มองลงมาและเห็นนักเวทย์หนุ่มคนนึงยืนอยู่ที่ด้านนอกกำแพง เขามองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มเชื้อเชิญบนใบหน้า
มาร์โก้จดจำคนๆนี้ได้ด้วยการมองเพียงแวบเดียว— ผม, ดวงตาสีดำและท่าทีที่ดูอ่อนเยาว์นี้ ที่สถาบันมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีลักษณะแบบนี้-คนๆนั้นก็คือจอมเวทย์คนใหม่ ลิงค์ โมรานี่!
เขาเป็นนักเวทย์เลเวล 4 ที่สามารถรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ได้ แม้ว่าเขาจะตื่นเต้นและตกใจกับการมาของลิงค์ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้าเลยแม้แต่นิดเดียวและเขาก็พูดว่า “เขาเป็นคนจากสถาบัน ให้เขาเข้ามาได้”
ด้วยการยืนยันจากเขา หัวหน้าการ์ดก็รู้สึกโล่งใจและสั่งการ์ดที่อยู่ข้างๆเขา “เปิดประตู”
เสียงการเสียดสีกันของฟันเฟืองสามารถได้ยินได้จากสะพานแขวนที่ถูกลดลงมาอย่างช้าๆเพื่อเปิดทางเข้าให้กับลิงค์ ก่อนที่ลิงค์จะได้เข้าไปในป้อม นักเวทย์มาร์โก้ก็ออกมาให้การต้อนรับเขา
หลังจากที่เขาเดินมาถึงลิงค์ เขาก็มองไปรอบๆเพื่อทำให้แน่ใจว่าไม่มีใครมองอยู่ก่อนที่จะกระซิบด้วยความตื่นเต้น “ท่านครับ ผมได้ข่าวมาว่าแบทเทิลเมจจะมา แต่ผมคิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคนสำคัญแบบท่าน!”
ลิงค์นั้นได้สร้างชื่อเสียงไปทั่วโลกแห่งนักเวทย์จากการเลื่อนขั้นเป็นมาสเตอร์ด้วยอายุเพียง 18 ปี และความสำเร็จของเขาในการจัดการปีศาจเลเวล 8 ด้วยเวทย์เลเวล 9 ก็เป็นข้อพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของเขาได้เป็นอย่างดี อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้นเขาก็จะได้เป็นระดับตำนานแล้ว
ภายใต้ความเปล่งประกายของเขา เวเวอร์จากทางใต้ เอเลียร์ดที่สามารถเป็นนักเวทย์เลเวล 3 ได้ภายในครึ่งปี และนักเวทย์คนอื่นที่เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะนั้นพากันหมองไปเลยเมื่อเทียบกับเขา
ลิงค์ยิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดแก้ไข “ผมไม่ใช่จอมเวทย์ ผมคือมิโรส นักเวทย์เลเวล 2 นี่คุณลืมไปแล้วหรอ?”
“โอ้ ใช่ ใช่ มิโรส” มาร์โก้พยักหน้า
ลิงค์มุ่งหน้าเข้าไปในป้อมโดยที่มาร์โก้ตามหลังเขาไปอย่างเร่งรีบราวกับว่าเป็นผู้ติดตามของเขา
“นักดาบรุ่งอรุณอยู่ไหน? พาผมไปหาเขาหน่อย” ลิงค์ไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่นิดเดียว เขารู้ว่ายิ่งเขาอยู่ในป้อมนานเท่าไหร่ โอกาสที่ตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผยก็จะสูงขึ้นเท่านั้น
เขาเป็นศัตรูคู่อาฆาตของดาร์กเอลฟ์ อาชญากรที่ฆ่า นักฆ่าแห่งหมู่ดาวของตระกูลโนริแกน ถ้าพวกดาร์กเอลฟ์รู้เรื่องการมาถึงป่าแบล็คฟอเรสของเขาหล่ะก็ พวกเขาจะต้องมาตามล่าเขาด้วยกำลังทั้งหมดที่พวกเขามีอย่างแน่นอน
ยังไงก็ตาม ประโยคนี้ก็ทำให้มาร์โก้ขมวดคิ้ว เขาดูโศกเศร้าอย่างเห็นได้ชัด
ลิงค์รู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีจึงพูดออกมา “เกิดอะไรขึ้น?”
มาร์โก้กระซิบ “กลุ่มแนวหน้าที่กองทัพส่งไปถูกพวกดาร์คเอลฟ์ทำลายยับเลยครับ คาร์โนสได้ถูกเลือกให้เป็นกองกำลังป้องกันและยังไม่มีใครพบเขาเลย แต่ว่าท่านดยุคได้ส่งหน่วยช่วยเหลือออกไปเพื่อจุดประสงค์นี้โดยเฉพาะเลยครับ แม้แต่เจ้าหญิงแอนนี่เองก็ไปด้วยในครั้งนี้”
ลิงค์รู้สึกตกใจกับข่าวแล้วขัดจังหวะ “มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่?”
“หนึ่งชั่วโมงก่อนที่ท่านจะมาครับ หน่วยช่วยเหลือพึ่งจะออกเดินทางไปเมื่อสักครู่ แต่ว่า, ป่าแบล็คฟอเรสนั้นเต็มไปด้วยพวกกูล ผมเกรงว่าภารกิจนี้เองก็…” มาร์โก้พูดไม่จบประโยคของเขา แต่ความหมายนั้นชัดเจนมาก
ลิงค์สงสัยคำๆนึงที่อยู่ในประโยคของเขาแล้วถาม “กูล? นายจะบอกว่าเจ้าพวกนี้ปรากฏตัวขึ้นในแบล็คฟอเรสแล้วงั้นเหรอ?”
มาร์โก้แสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาในทันที “ใช่ครับ พวกมันเนี่ยแหละ! พวกมันแข็งแกร่งเกินไป! ทั้งกองทัพต่างก็ตกอยู่ในความสิ้นหวัง พวกกูลเกือบจะยึดป่าแบล็คฟอเรสได้ทั้งหมดแล้วครับ!”
พอได้ยินคำพูดเหล่านี้ ลิงค์ก็ตกอยู่ในความเงียบแล้วหยุดเดิน จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเสียดสีกันของเหล็กดังมาจากข้างหลังเขา นั่นคือการ์ดที่กำลังดึงสะพานแขวนกลับนั่นเอง
“ดูเหมือนว่าผมจะต้องลงมือเดี๋ยวนี้เลยสินะ มาร์โก้ บอกให้พวกเขาเอาสะพานลง ผมจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้เลย”จากนั้นลิงค์ก็เดินไปทางประตูป้อม
“ลิงค์…ฉันหมายถึง มิโรส..จะไปคนเดียวงั้นหรอ?” มาร์โก้ตามหลังลิงค์มาอย่างรวดเร็วและส่งสัญญาณให้การ์ดลดสะพานลง
“ไม่ ผมจะไล่ตามหน่วยช่วยเหลือและเดินทางไปพร้อมกับพวกเขา ดยุคตัดสินใจถูกต้องแล้ว สถานการณ์ปัจจุบันของนักดาบรุ่งอรุณจะไม่แน่นอนแบบนี้ไม่ได้! พูดให้ถูกก็คือ เขาจะต้องรอดให้ได้ต่างหาก!”
เขาต้องการพละกำลังของนักดาบรุ่งอรุณในการจัดการกับพวกดาร์กเอลฟ์ที่ถูกเสริมพลังให้กลายเป็นกูล
ในอีก 10 ปีถัดจากนี้ นักดาบรุ่งอรุณจะยังคงเป็นนักรบที่เก่งที่สุดในโลกแห่งฟิรุแมน ในตอนนั้น เขาได้ไปถึงจุดสูงสุดของระดับตำนานและได้รับสมญานามว่านักดาบศักดิ์สิทธ์ เอเลียร์ดกับเขาจะถูกขนานนามว่าเป็นสองนักบุญของเผ่าพันธุ์มนุษย์ โดยทำหน้าที่เป็นเสาหลักที่ยึดเหนี่ยวจิตใจในสงคราม
นี่เป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้วสำหรับลิงค์ในการที่จะออกไปช่วยเหลือคาร์โนส
ในตอนนั้นเอง สะพานแขวนก็ได้ถูกลดลงมา จากนั้นลิงค์ก็ร่ายเวทย์รวดเร็วดั่งชีต้าห์ใส่ตัวเองแล้วรีบพุ่งออกนอกประตูไป แล้วเขาก็ร่ายเวทย์ลอยเลเวล 0 เพื่อใช้ในการเพิ่มความเร็วของเขาจนมีความเร็วอยู่ที่ 150 ฟุตต่อ 1 ก้าว จากนั้นเขาก็ลอยลงมาจากยอดภูเขาน้ำแข็งและรีบไปที่ป่าแบล็คฟอเรส
ไม่นานนักเขาก็มาถึงอาณาเขตของป่าแบล็คฟอเรสและดูเหมือนว่ามันจะเป็นการเข้าสู่แหล่งกบดานของดาร์กเอลฟ์ที่เป็นอันตรายด้วย
พวกการ์ดมองเขาจากกำแพงปราสาทด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
“นักเวทย์คนนั้นจะเข้าไปในแบล็คฟอเรสด้วยตัวคนเดียวงั้นหรอ? นี่เขาเป็นบ้ารึไง?”
“นี่เขาพยายามจะฆ่าตัวตายงั้นเหรอ?”
“มีใครรู้สึกรึเปล่าว่าการร่ายเวทย์ของเขาเร็วมากเลยนะ?”
“เขาเร็วแล้วมันจะยังไงหล่ะ? เขาตัวคนเดียวนะ?”
หัวหน้าการ์ดเดินลงมาจากกำแพงปราสาทและเดินไปหามาร์โก้ จากนั้นเขาก็ถามด้วยความสงสัย “ท่านครับ เกิดอะไรขึ้นกับชายที่ชื่อมิโรสคนนั้นกันครับ?”
เขาพึ่งจะมาถึงเมื่อสักครู่เองแต่เขากลับออกไปยังป่าแบล็คฟอเรสในทันที มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
จากนั้นมาร์โก้ก็จ้องไปที่ลิงค์ที่หายเข้าไปในเงาของป่าแบล็คฟอเรส แล้วเขาก็ส่ายหน้า “นักรบ นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าควรรู้นะ”
ถ้าเกิดว่านักดาบรุ่งอรุณคาร์โนสเป็นเสาหลักที่สนับสนุนนักรบทุกคนในอาณาจักรนอร์ตัน ลิงค์ที่เป็นนักเวทย์ที่สามารถจัดการปีศาจทราวิสได้ด้วยตัวคนเดียวก็คงจะเป็นบุคคลในตำนานของนักเวทย์สายต่อสู้ทุกคน
ถ้าเกิดว่าเขาไม่สามารถช่วยคาร์โนสจากสถานการณ์นี้ได้หล่ะก็ มันก็คงไม่มีใครที่สามารถทำได้อีกแล้ว
…
ที่ป่าแบล็คฟอเรส
หน่วยสอดแนมระดับสูงจำนวนสามสิบห้าคนที่สวมชุดหนังสีดำกำลังรีบเร่งไปที่ฐานของศัตรูภายใต้การปลอมตัวและการหลบซ่อน พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังค่ายแนวหน้าเพื่อที่จะไปรวมตัวกับกองกำลังที่เหลืออยู่ก่อนที่จะแทรกซึมเข้าไปในฐานของศัตรูพร้อมกันเพื่อช่วยเหลือนักดาบรุ่งอรุณ
ในแววตาของหน่วยสอดแนมนั้นเต็มไปด้วยการเตรียมใจ ไม่มีร่องรอยแห่งความหวังอยู่ในสายตาของพวกเขาเลย ในตอนที่พวกเขาเข้ามายังแบล็กฟอเรส พวกเขาก็เตรียมใจที่จะตายเอาไว้แล้ว
กา! กา! กา!
อีกาบินผ่านพวกเขาไป ดูเหมือนว่ามันจะเยาะเย้ยกลุ่มสอดแนมกลุ่มนี้ที่ประเมินความสามารถของตนเองสูงเกินไป
เสียงฝีเท้าของพวกเขาที่จมเข้าไปในหิมะนั้นยิ่งเน้นให้บรรยากาศอันน่ากลัวของป่าแบล็คฟอเรสเด่นชัดขึ้น ในบรรดาหน่วยสอดแนมที่เดินทางกันอย่างกระจัดกระจายนั้น มีสี่คนคนที่รวมตัวอยู่ด้วยกัน คนที่อยู่ตรงกลางของกลุ่มก็คือ แอนนี่ อาเบล ลูกสาวเพียงคนเดียวของดยุคเหล็ก เธอถูกบอดี้การ์ดสามคนปกป้องอย่างใกล้ชิดรอบตัวเธอ, พร้อมที่จะรับการโจมตีถึงตายแทนเจ้าหญิงในตอนที่เธอตกอยู่ในอันตราย
แม้ว่าแอนนี่จะไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้ แต่นี่ก็เป็นการเตรียมการของพ่อเธอ เธอทำได้แค่ยอมรับมันเท่านั้น
ลูกน้องทั้งหมดของเธอได้เสียชีวิตไปแล้วที่สงครามทางเหนือของป่าแบล็คฟอเรส ในครั้งที่แล้วที่พวกเขาได้พบกับอันตราย พรรคพวกแทบทุกคนของเธอได้พยายามอย่างบ้าคลั่งเพื่อที่จะปกป้องเธอด้วยชีวิตของพวกเขา และสร้างโอกาสให้เธอได้หลบหนี
ในตอนนั้น เธอได้เห็นหัวของอัลด์วินถูกพวกกลูตัดขาดตายคาที่ เลือดนั้นไหลพุ่งออกมาจากคอของเขาไปเกือบ 3 ฟุต ในขณะที่ดวงตาของเขายังเต็มไปด้วยประกายแห่งความโกรธ และเธอก็ยังเห็นร่างกายที่สวยงามของมอลลี่ถูกพวกกลูแสนโหดร้ายฉีกเป็นสองซีก แม้ว่าเธอจะถูกกระทำอย่างโหดร้าย แต่เธอก็ยังคงจับขาของกูลไว้แน่น จนกระทั่งเธอหมดสติไป เธอได้เห็นการเสียสละมามากพอแล้ว แต่ว่า เธอก็ยังมีชีวิตอยู่
จากนั้นเธอก็มองไปยังหน่วยสอดแนมที่อยู่รอบตัวเธอ เธอเห็นดวงตาของทั้งสามคนที่เต็มไปด้วยความเยาว์วัยและอนาคตที่ดีกว่า พวกเขานั้นเหมือนกับอัลด์วินและมอลลี่ ผู้คนที่สมควรจะได้สนุกกับชีวิตในวัยหนุ่มสาวของพวกเขา
แอนนี่ได้แต่รู้สึกเจ็บแปล๊ปในหัวใจในตอนที่เธอมองไปยังใบหน้าของพวกเขา ฉากของค่ำคืนแห่งโชคชะตานั้นยังคงติดแน่นอยู่ในจิตใจของเธอ หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง มันเหมือนกับว่ามีเลือดออกทุกครั้งที่มันเต้น
เธอเกลียดการที่เธอเป็นทายาทขุนนาง ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น เธอคงจะต่อสู้กับกูลจนตัวเองตายไปนานแล้ว ซึ่งนั่นคงจะดีกว่าการมีชีวิตอยู่โดยที่ต้องแบกรับการเสียสละและความเจ็บปวดอันไร้ที่สิ้นสุดที่เธอเผชิญอยู่ในตอนนี้
ทันใดนั้นเอง กัปตันของหน่วยสอดแนมก็ได้ยกมือของเขาขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้พวกเขาหยุด จากนั้นหน่วยสอดแนมทุกคนก็หยุดเดินและรีบไปหาที่ซ่อนในทันที
จากนั้นแอนนี่ก็ไปซ่อนหลังต้นไม้ที่ล้มอยู่
ป่านั้นเงียบลงมาก เสียงร้องของนกกับแมลงได้หายไปในทันที เหลือแต่เพียงเสียงโหยหวนของสายลม มันเหมือนกับว่าทุกชีวิตในแบล็คฟอเรสได้หายไปเฉยๆชั่วขณะนึง จากนั้นแอนนี่ก็แอบมองจากต้นไม้ที่เธอซ่อนตัวอยู่ เธอเห็นกิ้งก่าตัวเล็กๆกำลังเคลื่อนที่ด้วยท่าทางที่ไม่ปกติ มันรีบเข้าไปหลบในต้นไม้ที่ล้มอยู่ในทันที เหมือนกับว่ามันกำลังกลัวอะไรบางอย่าง มันไม่ใช่แค่กิ้งก่าเท่านั้น มด หนอน แมงมุมและพวกแมลงเล็กๆต่างก็พากันหนีด้วยความกลัว
แอนนี่เคยเห็นฉากแบบนี้มาก่อนแล้ว เธอรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
หัวใจของเธอเต้นอย่างรุนแรงและเธอก็กำมีดของเธอเอาไว้ในมืออย่างแน่นหนา แม้ว่ามันอาจไม่เพียงพอที่จะฆ่ากูล แต่มีดของเธอก็ได้ชุบน้ำมนต์ที่เป็นอันตรายต่อพวกกูลเอาไว้
สถานการณ์นั้นกดดันขึ้นมากในทันที แอนนี่เห็นว่าหน่วยสอดแนมทุกคนกำลังถือมีดของพวกเขาอย่างแน่นหนาในขณะที่ร่างกายของพวกเขากำลังสั่น นี่ไม่ใช่เพราะอะดรีนาลีนก่อนการต่อสู้ แต่มันเป็นเพราะความกลัว
ลมกรรโชกสามารถรู้สึกได้ตามมาด้วยภาพของเงาที่กำลังเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง
แอนนี่ถอนหายใจออกมายาวๆและตกใจที่เธอรู้สึกใจเย็นกว่าทุกที พวกเขาถูกเจอตัวแล้ว พวกกูลอยู่ที่นี่ และนี่ก็อาจจะเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายในชีวิตของเธอ