advent of the archmage - Chapter 217: พวกเราไม่สามารถสูญเสียเจ้าไปได้!
มันเป็นเวลาหลายเดือนแล้วนับตั้งแต่ที่ลิงค์พบกับผู้อาวุโสแอนโทนี่ครั้งสุดท้าย ผมของเขานั้นขาวกว่าเดิมมาก และเสน่ห์ตามธรรมชาติกับความสง่างามของเขาก็ลดลงไปอย่างชัด แม้กระทั่งหลังของเขาก็เริ่มค่อมแล้วในตอนนี้ ซึ่งนี่ได้แสดงให้เห็นถึงความชราของเขาที่ไม่เคยปรากฎให้เห็น
เห็นได้ชัดว่าสงครามอันย่ำแย่ทางเหนือนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบทางจิตใจแค่กับกษัตริย์ลีออนและกรินซ์เท่านั้น-แม้กระทั่งผู้อาวุโสของสถาบันอีสโควฟในตอนนี้ก็ยังตกอยู่ในภวังค์แห่งความเศร้าเพราะมัน
เพราะว่าเขาใช้ขาเทียมเวทมนตร์ในการเดิน แอนโทนี่จึงเคลื่อนที่ได้ช้ามากๆ
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าจะขึ้นเหนือ” แอนโทนี่พูด
ลิงค์ไม่แปลกใจเลยที่ผู้อาวุโสจะรู้เรื่องนี้ เขาเป็นบุคคลสำคัญในอาณาจักร ในขณะที่ลิงค์นั้นเป็นนักเรียนของสถาบันอีสโควฟ ดังนั้นมันจึงเป็นธรรมดาที่แอนโทนี่จะมีสิทธ์ในการรู้ถึงการตัดสินใจที่จะขึ้นเหนือของเขา
แอนโทนี่เดินมาหาลิงค์และกำลังจะพูดอะไรบางอย่างที่สำคัญกับเขาก่อนที่เขาจะถูกดึงความสนใจด้วยคทาที่อยู่ในมือของลิงค์
“นั่นมันอะไรหน่ะ?”เขาถาม
“นี่คือคทาใหม่ของผมครับ” ลิงค์ตอบ “ผมเรียกมันว่าเพลิงพิโรธแห่งสวรรค์” จากนั้นเขาก็ยื่นคทาให้ผู้อาวุโสตรวจสอบ
แอนโทนี่รับคทามาอย่างระมัดระวังด้วยมือทั้งสองข้างของเขาและตรวจสอบมันอย่างใกล้ชิด หลังจากผ่านไป 10 นาที เขาก็ลูบคทาเบาๆและส่งมันกลับไปให้แก่ลิงค์
“นี่คงจะเป็นคทาที่ทรงพลังที่สุดที่ถูกสร้างขึ้นมาในรอบศตวรรษนี้เลย” เขาพูดอย่างอ่อนโยน แต่ก็เต็มไปด้วยความตกใจ “เพลิงพิโรธแห่งสวรรค์-ช่างเป็นชื่อที่เหมาะสมจริงๆ!”
จากนั้นเขาก็ตกอยู่ในความเงียบไปพักนึงก่อนที่เขาจะเริ่มพูดต่อ
“ข้าขอเกียรติในการเพิ่มชื่อท้ายให้มันได้ไหม?” ผู้อาวุโสถาม
ในสถานการณ์ทั่วๆไป มันคงจะเป็นเกียรติสำหรับนักเรียนในการที่ผู้อาวุโสมอบชื่อให้กับคทาของพวกเขา แต่ในตอนนี้ สถานการณ์ได้กลับตาลปัตร แอนโทนี่รู้สึกว่ามันจะเป็นเกียรติกับเขามากถ้าเกิดว่าเขาได้รับอนุญาติให้ตั้งชื่อให้คทาอันแข็งแกร่งจากนักเรียนที่มีพรสวรรค์โดดเด่นคนนี้
แต่ว่าสำหรับลิงค์ ชื่อมันก็เป็นเพียงแค่ชื่อ นี่ไม่ใช่คทาระดับอีพิคอันแรกที่เขาสร้าง และมันก็จะไม่ใช่อันสุดท้ายด้วย สิ่งที่ผู้อาวุโสขอนั้นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยสำหรับเขา
“ผู้อาวุโสแอนโทนี่” เขาพูดพร้อมกับชี้ไปที่ผิวทเรียบๆของคทา “คุณสามารถสลักชื่อของคทาลงตรงนี้ได้เลยครับ”
แอนโทนี่รู้สึกดีใจในทันทีที่ได้ยินมัน เขาคิดอย่างเงียบๆอยู่พักนึงก่อนที่เขาจะเปิดใช้สนามพลังฮิกซ์และค่อยๆแกะสลักตัวอักษรรูนอันงดงามลงไปที่คทา มันมีอักษรรูนทั้งหมด 13 ตัว และชื่อเต็มของคทานี้ก็คือ “เพลิงพิโรธแห่งสวรรค์, คทาของผู้รวบรวมเปลวเพลิง”
พอผู้อาวุโสเขียนเสร็จ ลิงค์ก็มองไปที่คทาอีกครั้งผ่านระบบของเกม จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าตอนนี้ชื่อของคทาได้เปลี่ยนเป็น “เพลิงพิโรธแห่งสวรรค์, คทาของผู้รวบรวมเปลวเพลิง”
ลิงค์คิดว่าชื่อนี้ดูน่าเกรงขามมาก เขาชอบมันมากๆ
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าจะขึ้นเหนือ” แอนโทนี่พูดหลังจากที่คืนคทาให้กับลิงค์ “ตอนแรกข้าวางแผนที่จะมอบคทาของข้าให้กับเจ้าเพื่อใช้ในสนามรบ แต่ตอนนี้ดูเหหมือนว่ามันจะไม่จำเป็นแล้วสินะ เพลิงพิโรธนั้นเหมาะกับเจ้ามากกว่า”
มันมีทั้งคทาที่ทรงพลังและคทาที่อ่อนแอ แต่คทาที่ดีที่สุดสำหรับนักเวทย์นั้นไม่จำเป็นต้องเป็นคทาที่ทรงพลังที่สุดเสมอไป สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือว่าคทานั้นเหมาะสมกับความถนัดของนักเวทย์คนนั้นหรือเปล่า ยกตัวอย่างเช่น ถ้าลิงค์ได้คทาที่เน้นไปทางด้านเวทย์ลึกลับเป็นพิเศษหล่ะก็ มันก็คงจะไม่มีประโยชน์แม้ว่าคทานั้นจะดีแค่ไหนก็ตาม
“แต่ว่าข้ามีอย่างอื่นจะให้เจ้าแทน” ผู้อาวุโสพูดต่อด้วยรอยยิ้ม “เอายานี่ไป”
ในขณะที่เขาพูด แอนโทนี่ก็เอาขวดใสที่มีประกายสีแดงออกมา เมื่อมองผ่านพื้นผิวคริสตัล ลิงค์สามารถเห็นได้ว่าขวดนั้นได้ใส่ของที่คล้ายกับน้ำยาสีแดงอยู่ข้างใน สิ่งที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมากก็คือตัวน้ำยานั้นดูเหมือนจะส่งแรงกดดันอย่างลึกลับมาที่ลิงค์ในทันทีที่ผู้อาวุโสนำมันออกมา
“มันคือยาอะไรครับ?” ลิงค์ถาม ในครั้งนี้ เป็นทีของเขาที่จะต้องตกใจ อันที่จริง เขารู้อยู่แล้วว่านี่คือยาอะไร แต่เขาเพียงแค่เชื่อไม่ลงว่าผู้อาวุโสจะใจกว้างกับเขาขนาดนี้
“นี่คือน้ำยาระดับอีพิคที่มีชื่อว่า พรจากราชินีมังกรแดง” ผู้อาวุโสพูด “ผู้อาวุโสคนก่อน จอมเวทย์เลเวล9 แอมบรอน เคยช่วยเผ่าพันธุ์มังกรแดงเอาไว้เมื่อ 400 กว่าปีก่อน ยานี้คือของขวัญจากราชินีมังกรแดงที่ได้มอบให้กับเขา ซึ่งมันมียาทั้งหมด 3 ขวด 230 ปีก่อน เนโครแมนเซอร์ แอนดรูวได้ส่งกองทัพอันเดดมาโจมตีดินแดนแห่งแสง ดังนั้นมันจึงถูกใช้ไปขวดนึง และเมื่อ156 ปีก่อน มังกร อลอซจากทางเหนือก็เกิดคุ้มคลั่งขึ้นมา แล้วขวดที่ 2 ก็ถูกใช้ไป ตอนนี้มันเหลือแค่ขวดเดียวเท่านั้น และเจ้าก็ควรใช้มันเพื่อปกป้องตัวเองในตอนที่อยู่ทางเหนือ”
ในตอนที่ผู้อาวุโสกำลังอธิบาย การแจ้งเตือนก็ได้ปรากฏขึ้นมาบนหน้าอินเตอร์เฟส
พรของราชินีมังกรแดง
คุณภาพ: อีพิค
ผล: หลังจากที่ดื่มน้ำยานี้ ผู้ดื่มจะได้รับส่วนประกอบสำคัญของมังกรแดงและจะเข้าสู่สถานะนักเวทย์มังกรแดงเป็นเวลา 10 นาที
สถานะนักเวทย์มังกรแดง: สามารถร่ายเวทย์ธาตุทุกชนิดที่มีเลเวล 7 หรือต่ำกว่าได้ในทันที เพิ่มพลังของเวทย์ธาตุทุกชนิดที่เลเวลต่ำกว่า 9, 500%
ผลข้างเคียง: หลังจากที่สถานะนักเวทย์มังกรแดงหมดลง ผู้ดื่มยาจะเข้าสู่สถานะปฏิเสธธาตุซึ่งจะทำให้นักเวทย์คนนั้นไม่สามารถร่ายเวทย์ธาตุได้ และผลนี้ก็จะมีอยู่เป็นเวลา 1 ปี
(หมายเหตุ: มีรสชาติของพลังมังกรในตอนที่คุณดื่มมัน!)
ผลพวกนี้…ยานี้มันเหมือนกับสูตรโกงในเกมเลย!
ยังไงก็ตาม ผลข้างเคียงของมันนั้นก็ค่อนข้างรุนแรงเลยทีเดียว สำหรับนักเวทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเวทย์ธาตุไฟอย่างลิงค์ การที่ไม่สามารถใช้เวทย์ธาตุได้เป็นเวลา 1 ปีนั้นก็หมายถึงว่าเขาจะไร้พลังอย่างสมบูรณ์เป็นเวลาตลอดทั้งปีเลยทีเดียว
แต่ว่ามันก็ยังคงคุ้มค่ามากพอ เพราะว่าใน 10 นาทีที่ยามีผลนั้น มันจะสามารถทำให้นักเวทย์คนเดียวสามารถพลิกสมดุลพลังในสงครามให้ย้อนกลับไปได้อย่างสมบูรณ์และเปลี่ยนจากความพ่ายแพ้ให้เป็นชัยชนะได้!
เมื่อเผชิญกับยาที่ทรงพลังเช่นนี้ ลิงค์จึงรู้สึกลังเลที่จะรับมันเล็กน้อย
“แต่ว่า ผู้อาวุโสแอนโทนี่” เขาโต้แย้ง “ยานี้ทรงพลังเกินไปสำหรับนักเวทย์เลเวล 6 อย่างผมนะครับ ผมเกรงว่าผมจะทำให้ศักยภาพอันแข็งแกร่งของมันสูญเปล่า”
“ไม่หรอก เจ้าไม่ได้ทำให้มันสูญเปล่าเลยแม้แต่นิดเดียว” แอนโทนี่พูด พร้อมกับยัดขวดยาใส่มือของลิงค์ “รับมันไปก่อน จากนั้นก็ฟังข้า”
ลิงค์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับขวดยาด้วยสองมือของเขาในตอนที่ผู้อาวุโสยืนกรานออกมาแบบนั้น เขารู้สึกชาๆที่มือของเขาในตอนที่เขาถือขวดยา ซึ่งนี่คือข้อพิสูจน์ถึงพลังอันน่าเหลือเชื่อของยา
“ยานี้ได้ถูกเก็บเอาไว้ในหอคอยแปรธาตุมาโดยตลอด” ผู้อาวุโสอธิบาย “การปลดปล่อยทราวิสนั้นเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดทำให้ข้าไม่มีเวลาที่จะไปเอามัน แต่ตอนนี้พอข้ามาคิดดูแล้ว การดื่มยานี้ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ข้าสามารถล้มทราวิสได้”
พอเขาพูดมาถึงจุดนี้ ดวงตาของเขาก็มองตรงไปที่ดวงตาของลิงค์ และน้ำเสียงของเขาก็จริงจังขึ้นในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ลิงค์, เจ้าได้ช่วยสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟเอาไว้” ผู้อาวุโสพูด “เจ้ามีคุณสมบัติที่จะใช้ยานี้ เจ้าจะต้องพบกับอันตรายมากมายในตอนที่เจ้าอยู่ทางเหนือ สิ่งที่ข้าต้องการจะสื่อก็คือ—นักรบทุกคนสามารถตายได้ ต่อให้เขาเก่งแค่ไหนก็ตาม อันที่จริงแล้ว มันคงไม่เป็นปัญหามากนักหรอกถ้านักดาบรุ่งอรุณคาโนสตายในการต่อสู้ แต่ว่าเจ้าจะต้องรอดนะ ลิงค์!พวกเราไม่สามารถสูญเสียเจ้าไปได้! เจ้าคือผู้สืบทอดที่แท้จริงของไบรอันที่จะสามารถตัดสินชะตากรรมของมนุษยชาติได้ อาณาจักรต้องการพลังของเจ้าในตอนนี้ ดังนั้นข้าจะไม่ห้ามเจ้าขึ้นเหนือ แต่ว่าข้าต้องพยายามเพิ่มพลังให้เจ้าอย่างถึงที่สุด”
ในที่สุด, ผู้อาวุโสก็ตบไปที่ไหล่ของลิงค์
“ลิงค์, เจ้าคือความภาคภูมิใจของสถาบันอีสโควฟ” เขาพูด “เจ้าจะต้องรอดกลับมาให้ได้!”
ลิงค์ไม่รู้ว่าเขาควรจะตอบสนองยังไงดี ดังนั้นเขาจึงทำแค่พยักหน้าเพียงเท่านั้น
“ผมจะพยายามให้ถึงที่สุดครับ” เขาพูดสั้นๆ
“ข้าเชื่อในตัวเจ้านะ” ผู้อาวุโสพูด เขานั้นแทบที่จะยื่นมือไปลูบหัวของลิงค์แล้ว แต่เขาก็เปลี่ยนใจในทันทีที่เขาคิดว่ามันอาจจะไม่เหมาะสม จากนั้นเขาก็หันหลังแล้วเดินจากไป
ด้วยความที่ขาเทียมเวทมนตร์นั้นไม่ได้ยืดหยุ่นมากนัก ผู้อาวุโสจึงเดินอย่างเชื่องช้าและแปลกมากๆ ลิงค์มองไปที่หลังของผู้อาวุโสในตอนที่เขาค่อยๆเดินห่างจากเขาไปอย่างช้าๆและเขาก็กำขวดยาที่อยู่ในมือของเขาแน่น
ตอนนี้มันเป็นโลกแห่งความจริง มันไม่ใช่แค่เกม ความรับผิดชอบที่อยู่บนบ่าของเขาในตอนนี้ก็เป็นความจริงเช่นกัน และมันก็รู้สึกหนักมากๆด้วย
หลังจากที่ยืนอยู่ในโถงเป็นเวลาพักใหญ่ๆ ลิงค์ก็เก็บน้ำยาใส่จี้ต่างมิติของเขาและเดินออกจากสวนมหัศจรรย์ จากนั้นเขาก็เห็นใครบางคนกำลังรอเขาอยู่ที่รถม้าของสถาบันอีสโควฟที่อยู่ด้านนอกสวน เมื่อเขาไปถึงรถม้า ผู้หญิงคนนั้นก็ออกมา-เธอคือเอร์เรร่า
นางฟ้าแห่งแสงนั้นดูอ่อนแอและมีผิวซีดอย่างกับกระดาษในตอนที่เธอเดินเข้ามาหาลิงค์
“ฉันได้ยินมาว่าเธอจะขึ้นเหนือ” เธอพูด “นี่สำหรับเธอ”
ลิงค์รับมันมาและพบว่ามันคือหินรูน พื้นผิวของหินรูนนั้นส่องประกายสีขาวในขณะที่มันส่งคลื่นมานาออกมาในอากาศที่อยู่รอบๆมัน มันทำให้ลิงค์ขนลุกซู่ เขารู้ว่าหินรูนนี้มีพลังอันน่ากลัวอยู่ข้างใน
“ถะ…ถ้าเธอตกอยู่ในอันตรายและไม่สามารถหลบหนีได้หล่ะก็” เอร์เรร่ากระซิบข้างหูของลิงค์ “ใช้หินนี้นะ แล้วเธอจะพบกับพลังงานแห่งแสงอันไร้ขีดจำกัดที่อยู่ข้างใน”
ลิงค์สามารถสัมผัสถึงความอ่อนแอของเอร์เรร่าได้อย่างชัดเจนจากระยะไกลๆ เขารู้ว่าเธอได้เสียสละอย่างมากในการทำหินรูนนี้มาให้กับเขา
“ผมเข้าใจแล้ว” ลิงค์พูดพร้อมกับพยักหน้า
เอร์เรร่าไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้ เธอแค่โบกมือให้ลิงค์แล้วเดินกลับไปที่รถม้า ลิงค์มองเห็นว่าผู้อาวุโสแอนโทนี่ก็นั่งอยู่ในรถม้าคันนี้เหมือนกัน ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งคู่จะได้ยินข่าวเรื่องที่เขาจะขึ้นเหนือแล้วก็มาด้วยกัน
ไม่นานนักรถม้าก็ออกไปจากพระราชวัง ลิงค์มองตามมันไปตลอดทางจนมันพ้นทัศนวิสัยของเขา
จากนั้น กรินซ์ก็เดินมาหาลิงค์จากภายในพระราชวัง
“นี่ก็ผ่านมา 5 วันแล้ว มาสเตอร์ลิงค์” เขาพูด “มีเรื่องอื่นที่ท่านต้องเตรียมตัวอีกรึเปล่า?”
“ผมจะต้องกลับไปยังดินแดนของผม” ลิงค์พูด เขาเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็ว “ผมจะไปเตรียมการบางอย่างที่นั่น จากนั้นผมก็จะตรงขึ้นเหนือเลยภายใน 2 วันข้างหน้านี้แล้วจะไปพบกับนักดาบรุ่งอรุณที่นั่น”
“ข้าเข้าใจแล้ว” กรินซ์พูดพร้อมกับพยักหน้า จากนั้นเขาก็ทำความเคารพแบบนักเวทย์ให้ลิงค์อย่างเป็นทางการแล้วพูด “ขอให้ความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรนอร์ตันคงอยู่ตลอดไป!”
”ขอให้ความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรนอร์ตันคงอยู่ตลอดไป!” ลิงค์ตอบ
จากนั้น รถม้าหลวงก็แล่นมาอยู่ข้างๆลิงค์ เขาปีนขึ้นรถม้าแล้วเดินทางออกจากพระราชวังหลวง
1 ชั่วโมงต่อมา ลิงค์ก็ได้มาถึงเขตชายแดนของเมืองฮอตสปริง
“หยุดรถม้าที” เขาตะโกนบอกคนขับรถม้า “สัตว์ขี่ของฉันรออยู่ที่นี่”
“ครับ มาสเตอร์ลิงค์” คนขับรถม้าพูดด้วยความเคารพ จากนั้นเขาก็หยุดรถม้าในทันที
ลิงค์ลงจากรถม้าและตรงเข้าไปในป่าเกอแวนท์ เขาเดินไปประมาณ 1 ไมล์ก่อนที่เขาจะเอาคทาออกมาและชี้ขึ้นฟ้าและร่ายเวทย์เลเวล 2 ใบมีดลม 5 นาทีต่อมา ก็มีเสียงของฝีเท้ารีบเร่งเข้ามา ไม่นานนัก ดอเรียสก็ปรากฏตัวขึ้น
“นี่ ทำไมครั้งนี้นายถึงไปนานจังเลยหล่ะ?” เสือถาม ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ
ลิงค์เกือบหลุดขำในตอนที่เห็นมัน เพราะเขารู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร
“แกเจอเสือตัวเมียแล้วหรอ?” ลิงค์ถาม
“ใช่แล้ว” ดอเรียสตอบ “แต่ข้าแค่เล่นด้วยเฉยๆเท่านั้นหล่ะ ผู้หญิงพวกนั้นน่าเบื่อเกินไปสำหรับข้า”
“…” ลิงค์พูดไม่ออกไปพักนึง จากนั้นเขาก็ปีนขึ้นหลังเสือแล้วพูด “แกจะไม่ปอดแหกพอพวกเรากลับไปที่เทือกเขามอดไหม้แล้วใช่มั้ย?”
“เจ้าล้อข้าเล่นหรอ?” เจ้าเสือพูด “ข้า ดอเรียสผู้แข็งแกร่ง ไม่เคยปอดแหกและไม่มีวัน—”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็สะดุดเนินดินที่อยู่ด้านหน้าเขา เขาเกือบจะล้มแล้วแต่เขาก็กลับมาทรงตัวได้ทันเวลา ลิงค์ร่ายเวทย์ลอยใส่ตัวเองอย่างรวดเร็วซึ่งนั่นได้ช่วยพวกเขาทั้งคู่จากการลอยออกจากระยะ
“อุ๊ย ความผิดข้าเอง 5555…” ดอเรียสพูด พร้อมกับเขินเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หยุดคุยโม้ตลอดการเดินทางที่เหลือ
หลังจากที่วิ่งอยู่ในป่าไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมง ลิงค์ก็รับรู้ได้ถึงออร่าแปลกๆมาจากทิศทางหนึ่ง
“ไปทางนั้นกันเถอะ” เขาบอกกับดอเรียส “ดูเหมือนว่าจะมีเพื่อนของพวกเรารอเราอยู่ที่นั่นนะ”
ดอเรียสรีบหักเลี้ยวตรงมุมแล้ววิ่งตรงไปยังทิศทางนั้นเป็นระยะครึ่งไมล์ จากนั้นพวกเขาก็มาถึงพืนที่โล่งที่อยู่ใจกลางป่า ที่นั่นมีเอเลนอร์ที่สวมชุดเดรสสีดำของเธอยืนพิงต้นไม้อยู่โดยที่มือทั้งสองของเธอนั้นประสานกันอยู่ที่หน้าอก
เธอมองไปที่ดอเรียสแล้วรู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่เธอก็รีบหันไปมองลิงค์ในทันที และเธอก็ยิ้มให้อย่างอบอุ่น
“ฉันได้ยินมาว่านายจะไปทางเหนืองั้นหรอ?” เธอถาม
“เธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?” ลิงค์ตกใจ เขาคาดเอาไว้แล้วว่าแอนโทนี่กับเอร์เรร่าจะต้องรู้ข่าว; แต่ว่าเอเลนอร์รู้ข่าวนี้มาได้ยังไง?
“นายลืมแล้วเหรอว่าฉันเป็นนักเวทย์ที่เชี่ยวชาญในเวทย์ลึกลับน่ะ” เอเลนอร์ตอบ “เสียงลมในป่า เสียงกระแสน้ำไหล เสียงนกร้องเพลง เสียงของวิญญาณคนตาย…ฉันได้ยินทุกเรื่องราวที่พวกเขาเล่ามาโดยตลอด เอานี่ รับมันไปสิ”
เอเลนอร์โยนคัมภีร์ให้กับลิงค์
“มันคือคัมภีร์มิติ” เธอพูด “ถ้านายตกอยู่ในอันตราย เปิดคัมภีร์นี้ และมันจะทำให้นายเข้าไปยังโลกแห่งเงา นายจะต้องระวังให้มากนะในตอนที่นายใช้มันในการหนี เพราะว่ามีสัตว์ร้ายมากมายอยู่ในโลกนั้นที่นายจะต้องระวังตัว”
คัมภีร์นี้อาจจะมีประโยชน์จริงๆก็ได้ ลิงค์นำคัมภีร์เก็บเข้าไปในจี้ต่างมิติในทันที
“ขอบคุณนะ” เขาพูด
“ตอนนี้นายติดหนี้อุปกรณ์เวทมนตร์กับฉันแล้วนะ” เอเลนอร์พูด “สร้างจี้เก็บของต่างมิติมาให้ฉันด้วยหล่ะ”
“ไม่มีปัญหา” ลิงค์ดีดนิ้วของเขาและตบคอของดอเรียสเบาๆ จากนั้นเขาก็เพิ่มความเร็วและมุ่งตรงไปยังที่รกร้างเฟิร์ด
หลังจากวิ่งไปได้ซักพัก ดอเรียสก็ไม่สามารถหยุดพูดได้อีกต่อไป
“เจ้าจะขึ้นเหนืองั้นหรอลิงค์” เขาถาม “แต่ว่าที่สนามรบนั่นอันตรายมากเลยนะ!”
“ฉันต้องไป ฉันไม่มีทางเลือก” ลิงค์พูด
ดอเรียสตกอยู่ในความเงียบไปพักนึง
“งะ…งั้นข้าก็จะไปกับเจ้าด้วย” ในที่สุดเขาก็พูดออกมา “อย่าคิดว่าข้าจะเข้าร่วมสงครามหล่ะ ข้าไปที่นั่นเพียงเพื่อพาเจ้ากลับมาถ้าเกิดว่าเจ้าตกอยู่ในอันตรายเท่านั้น”
“แค่นั้นก็พอแล้ว” ลิงค์พูด แน่นอนว่าเขาไม่มีปัญหาหามีวิธีหนีจากอันตรายเพิ่มขึ้น
พอเขาคิดถึงมัน ลิงค์ก็รู้สึกตัวว่า ตอนนี้เขามีผู้ช่วยที่ดีถึง 4 คน ตอนนี้เขาคิดว่าต่อให้เขาถูกดาร์กเอลฟ์หมายหัว เขาก็น่าจะยังรอดอยู่
ดอเรียสนั้นเร็วมากๆ หลังจากผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง เขาก็เดินทางไปได้ถึง 150 ไมล์แล้ว ลิงค์มองเห็นเขตแดนของเทือกเขามอดไหม้แล้ว
“ตอนนี้อย่าเพิ่งไปทางนั้น” ลิงค์พูดขึ้นมากระทันหัน “เลี้ยวไปทางนั้นก่อน ฉันจะไปหาตาเฒ่าสักหน่อย”
แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีหลากหลายวิธีในการรักษาชีวิตของเขา แต่ลิงค์ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ลิงค์ยังอยากไปพบกับลิซพันปี แวนซ์และขอคำแนะนำจากเขา
ลิงค์ส่งมานาของเขาไปที่หินรูนสื่อสาร และภายใน 10 วินาทีต่อมาก็มีการตอบสนองจากก้อนหิน ลิงค์สัมผัสได้ถึงข้อความภายในเวลาชั่วพริบตา จากนั้น เขาก็ชี้นิ้วขึ้นมา
“เลี้ยวไปทางนั้น” เขาบอกกับดอเรียส