advent of the archmage - Chapter 204: หุ่นเชิดเวทย์มนตร์อันไร้เทียมทาน ส่วนที่ 4
พระราชวังใต้ดิน
น้ำเสียงสดใสดังไปทั่วพระราชวังใต้ดิน “ภารกิจเสร็จสิ้น ภัยคุกคามถูกกำจัด”
ดาบเรียวยาวของนานะแทงทะลุหน้าอกของลิงค์ในขณะที่เลือดสดๆไหลทะลักออกมาจากบาดแผลที่เกิดจากดาบสีน้ำเงินอ่อน ลิงค์จับดาบของนานะเอาไว้ในมือของเขาขณะที่เขายิ้มออกมาอย่างอ่อนแรง
“หึ, ช้าไปหน่อยนะ”
จังหวะต่อมา, ลิงค์ก็กลายเป็นภาพลางๆด้วยกันกับเซลีน, ที่ยังอยู่กลางอากาศ, และกระโหลกกับร่างไร้หัวของแวนซ์, ที่อยู่ในระหว่างการร่ายเวทย์ ในช่วงจังหวะสุดท้าย, ลิงค์ได้ใช้ปฏิกิริยาตอบสนองอันรวดเร็วของเขาเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีเผด็จศึกของนานะและได้เปิดใช้เวทย์มิติของเขาเพื่อหลบหนีโดยไม่ลังเล
หุ่นเชิดเวทย์มนตร์ตัวนี้น่ากลัวเกินไป มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะเธอแม้ว่าพวกเขาทั้งสามคนจะรวมพลังกันก็ตาม พวกเขาทำได้แค่หนีแล้วค่อยกลับมาอีกทีหลังจากที่คิดแผนให้ละเอียดกว่านี้
หลังจากเสียงอันแผ่วเบา, พวกเขาทั้งสามก็หายไปจากพระราชวังใต้ดิน นานะรู้สึกประหลาดใจกับเหตุการณ์นี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้ตั้งแต่ตอนที่เธอถูกสร้างขึ้นมา เธอยืนนิ่งอย่างไร้อารมณ์อยู่พักนึงก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงสดใส “ยืนยัน, ภัยคุกคามยังไม่ถูกกำจัด เป้าหมายถูกกำหนดแล้ว เริ่มการไล่ล่า”
เสียงระเบิดอากาศดังจนสามารถได้ยินได้, และในจังหวะต่อมา, เธอก็หายไปจากตำแหน่งของเธอแล้วปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าห้องโถง เสียงระเบิดอากาศดังก้องไปทั่วพระราชวังอีกครั้งนึงแล้วนานะก็เริ่มต้นการไล่ล่าของเธอ
บนหน้าผาที่อยู่ด้านนอกพระราชวังใต้ดิน, ลิงค์, เซลีน, แล้วก็แวนซ์ได้ปรากฎตัวออกมา
นี่เป็นประสบการณ์ครั้งที่สองของเซลีนที่ได้สัมผัสกับเวทย์ข้ามมิติ ดังนั้นเธอจึงสามารถรวบรวบสติของเธอได้เร็วพอ อย่างไรก็ตาม, แวนซ์ยังมึนงงอยู่บ้างในขณะที่กะโหลกของเขากำลังกลิ้งกับพื้น ถ้าไม่ใช่เพราะปฏิกิริยาตอบสนองอันรวดเร็วของลิงค์, กะโหลกของเขาก็อาจจะตกหน้าผาไปแล้ว
พอหยิบกะโหลกของเขาขึ้นมาแล้ววางมันบนร่างกายของเขา, แวนซ์ก็ขยับกระดูกอายุพันปีของเขาจนเกิดเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดแล้วในที่สุดเขาก็กลับมาเป็นปกติ
เขาถามในทันที “นั่นเป็นเวทย์ระดับตำนานหรอ?”
“ทำนองนั้น” ลิงค์พยักหน้า
แวนซ์อ้าปากค้างแล้วพูดอย่างไม่เชื่อ “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นผู้ถูกเลือก ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่เรื่องโกหกนะ”
ลิงค์ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดออกมา “ตอนนี้อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้เลย ผมรู้สึกว่าพวกเรายังไม่พ้นจากอันตราย”
ขณะที่เขาพูด, เขาก็กุมบาดแผลของเขาเอาไว้ด้วยมือของเขาแล้วเริ่มรวบรวมธาตุน้ำเพื่อปิดปากแผลของเขาด้วยน้ำแข็ง แม้ว่าบาดแผลจะไม่ได้ทำความเสียหายกับอวัยวะภายในของเขา, แต่มันก็ทะลุไปจนถึงเส้นเลือดและสร้างความเจ็บปวดอย่างมาก
หลังจากปิดแผลสำเร็จ, ลิงค์ก็ร่ายเวทย์ธาตุแห่งการรักษาใส่ตัวเองก่อนที่จะดื่มยาฟื้นพลังระดับสูงตามไป แล้วในที่สุดเขาก็รู้สึกพอใจกับกระบวนการฟื้นฟูของเขา ในตอนนี้เขาแค่ต้องไปหานักบวชเมื่อเขากลับไปที่ป่าเกอร์เวนท์เพื่อฟื้นสภาพร่างกายของเขาให้สมบูรณ์
ในตอนที่เขารู้สึกปลอดภัย, เซลีนก็ชี้ไปที่พื้นที่ที่อยู่ใต้หน้าผาในทันทีแล้วกรีดร้อง “ดูนั่น, นั่นมันหุ่นเชิดเวทย์มนตร์!”
“ฉันเห็นแล้ว!” ลิงค์แทบจะพูดไม่ออกแล้วยืนขึ้น “ตอนนี้พวกเรายังเอาชนะเธอไม่ได้, รีบไปกันเถอะ!”
ลิงค์จะไม่ประเมินค่าความสามารถของตัวเองสูงเกินไปอีกครั้ง แวนซ์กับเซลีนเองก็รู้สึกหวาดกลัวพอๆกันกับขอบเขตพลังของนานะ และแน่นอนว่าพวกเขาไม่มีความมั่นใจว่าจะชนะในการต่อสู้อีกครั้งนึง ดังนั้นพวกเขาจึงเห็นด้วยกับลิงค์ในทันทีสำหรับเรื่องหนี อย่างไรก็ตาม, หุ่นเชิดเวทย์มนตร์นั้นเคลื่อนที่เร็วเกินไป มันเป็นไปไม่ได้ที่จะวิ่งเร็วกว่าเธอเมื่ออยู่บนพื้น ดังนั้นลิงค์จึงถามแวนซ์ “เธอบินไม่ได้ใช่ไหม?”
แวนซ์ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูด “ก็อาจจะไม่นะ ข้าไม่ได้ใส่ความสามารถนั้นให้เธอ แต่ใครจะรู้หล่ะ?”
“ถ้างั้นก็บินกันเถอะ”
เวทย์บินเป็นสิ่งที่ลิงค์มีในคลังแสงของเขา เขาอัญเชิญอินทรีวายุออกมา
อินทรีวายุ
เวทย์ทั่วไป เลเวล 5
มานาที่ใช้: 100 แต้มสำหรับการอัญเชิญ, 10 แต้มต่อวินาทีหลังจากนั้น
ผล: นี่เป็นเวทย์บินที่มีความเร็วสูงมากๆ
เดิมทีลิงค์เรียนเวทย์นี้ก็เพื่อที่จะเดินทางให้ไวขึ้นในขณะที่เขากำลังรีบไปจากตำแหน่งนึงไปอีกตำแหน่งนึง สามวินาทีต่อมา, อินทรีธาตุลมบริสุทธิ์ขนาดยักษ์ก็ปรากฏตัวเบื้องหน้าพวกเขา
“ขึ้นมา” ลิงค์ขี่นกอินทรี พอเห็นว่าเซลีนกำลังจะบินด้วยปีกของตัวเอง, เขาก็พูด “เซลีน, เก็บแรงของเธอเอาไว้”
“ก็ได้” จากนั้นเซลีนก็ล่อนลงบนหลังของนกอินทรีอย่างนุ่มนวล คนที่ขึ้นนกอินทรีคนสุดท้ายก็คือแวนซ์
นกอินทรีส่งเสียงร้องแล้วสยายปีกของมันอย่างสง่าผ่าเผย จากนั้นมันก็กระโดดเข้าไปกลางอากาศแล้วบินไปทางทะเลในทันที
นี่ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดของลิงค์ แม้ว่าอินทรีวายุจะรวดเร็วและสามารถเดินทางในระยะกว่า 1,000 ไมล์ได้ในระยะเวลาหนึ่งชั่วโมง, แต่ลิงค์ก็ยังไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถหนีหุ่นเชิดเวทย์มนตร์ที่มีความเร็วสูงสุดที่ 2,000 ฟุตต่อวินาทีพ้นไหม
“หวังว่าหุ่นเชิดตัวนั้นจะไม่เร็วเท่านี้ในตอนที่อยู่ในน้ำนะ” ลิงค์ยิ้ม พอคิดว่ามืออาชีพเลเวล 6 สองคนและเลเวล 7 หนึ่งคนพ่ายแพ้ให้กับสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นยับเยินขนาดนี้—มันก็ค่อนข้างจะรู้สึกน่าอายจริงๆ
หลังจากบินไปได้แค่ไม่กี่วินาที่, แวนซ์ก็เตือน “ลิงค์, เร็วกว่านี้อีก! เธอกำลังไล่พวกเรามาทันแล้วนะ!”
ลิงค์ยังคงพยายามเร่งความเร็วนกอินทรียักษ์อยู่ในตอนที่เขาตกใจกับคำพูดของแวนซ์ เขาเหลียวหลังไปดูแล้วเห็นว่านานะอยู่บนหน้าผาแล้ว จากนั้นเธอก็กระโดดออกจากหน้าผาอย่างมุ่งมั่นแล้วพุ่งตรงมาที่พวกเขา
ด้วยการใช้ความเร็วสูงสุด 2,000 ฟุตต่อวินาทีของเธอ, การกระโดดของเธอจึงแทบจะเหมือนกับกระสุนปืนใหญ่ ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายลดลงอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม, หุ่นเชิดเวทย์มนตร์ไม่สามารถบินได้ มันเห็นได้ชัดว่าเธอกำลังเดินทางเป็นเส้นพาราโบล่า จากนั้นลิงค์ก็สั่งให้อินทรีวายุหักเลี้ยวอย่างกระทันหัน ภายในเวลาหนึ่งวินาที, หุ่นเชิดสาวใบหน้างดงามตัวนี้ก็มาถึงระยะที่ใกล้พอที่จะปล่อยการโจมตี อย่างไรก็ตาม, ด้วยความที่เธอเลี้ยวกลางอากาศไม่ได้, เธอจึงพลาดโอกาสไป
พวกเขาทั้งสามที่อยู่บนหลังนกอินทรีถอนหายใจด้วยความโล่งอก หุ่นเชิดตัวนี้มีความเร็วและตัวตนที่ยากจะต่อต้าน แม้กระทั่งลิงค์ก็รู้สึกกดดันในตอนที่ต่อสู้กับมัน
อย่างไรก็ตาม, มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้น
หุ่นเชิดเวทย์มนตร์โยนอะไรบางอย่างกลางอากาศ ลิงค์สังเกตุดูกระบวนการทั้งหมดอย่างระมัดระวังแล้วตระหนักได้ว่ามันคือหินก้อนใหญ่ ขณะที่หินลอยอยู่กลางอากาศ, ร่างของหุ่นเชิดก็หักเลี้ยวกลางอากาศ! จากนั้นเธอก็พุ่งมาหานกอินทรีด้วยความเร็วสูงสุดของเธอ!
นี่มันเหี้xอะไรเนี่ย? เธอกำลังใช้หลักโมเมนตัมกับฟิสิกส์ใช่ไหม? หุ่นเชิดตัวนี้มันบ้าชัดๆ! ลิงค์คิด
โมเมนตัมเป็นหนึ่งในสามกฏพื้นฐานของกฎทรงพลังงาน*บนโลก จรวดใช้ทฤษฎีเหล่านี้เพื่อที่จะบินในสูญญากาศ ซึ่งกฏพวกนี้ก็ถูกนำมาใช้ในโลกแห่งฟิรุแมนเช่นกัน ในตอนที่นานาโยนหินไปยังทิศทางตรงข้ามของสถานที่ที่เธอต้องการจะไปนั้น, มันก็เปรียบเสมือนกับการที่ไอพ่นเจ็ทถูกเปิดใช้ แน่นอนว่า, ร่างกายของเธอจะหันไปยังทิศทางตรงข้ามกับที่เธอโยนหิน
นี่เป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ขณะที่นานะเข้าใกล้พวกเขาทั้งสาม, ลิงค์ก็ทำอะไรไม่ถูก พวกเขากำลังจะประสานงากัน
ทุกคนต่างก็พูดไม่ออก ไหงหุ่นเชิดตัวนี้ถึงโหดเหี้ยมขนาดนี้!
ลิงค์เป็นคนแรกที่ตอบสนอง เขายกเลิกอินทรีวายุในทันทีแล้วคว้าเอวเซลีนเอาไว้ จากนั้นเขาก็ยกคทาของเขาขึ้นแล้วร่ายเวทย์สนามพลังต้านทานเวกเตอร์ใส่นานะ
สนามพลังต้านทานเวกเตอร์นั้นเป็นเวทย์เลเวล 1 มันเป็นเวทย์มนตร์ระดับต่ำและไม่ได้แข็งแกร่งเลย อย่างไรก็ตาม, เวทย์มนตร์ทุกบทล้วนมีข้อดีของมัน, ไม่ว่ามันจะดูไร้ประโยชน์แค่ไหนก็ตาม ซึ่งเวทย์สนามพลังต้านทานเวกเตอร์นี้ก็ใกล้เคียงกับคำว่าเหมาะสมสำหรับสถานการณ์นี้
บรรยากาศเบลอไปครู่นึงในขณะที่สนามพลังชนเข้าใส่นานะจากด้านข้าง
นานะมีความเร็วสูงมากเมื่ออยู่บนพื้น อย่างไรก็ตาม, เธอพึ่งจะใช้หินในมือของเธอไปและอยู่กลางอากาศที่ไม่มีแรงเสียดทานให้เธอใช้ประโยชน์ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถหลบเวทย์นี้ได้และโดนพลังกระแทกอย่างเต็มที่
จากนั้นหุ่นเชิดก็เอียงไปด้านข้างเล็กน้อยในขณะที่ลิงค์ใช้แรงต้านของการกระแทกร่อนผ่านนานะไป
จากนั้นพวกเขาทั้งสองฝ่ายก็สวนกันกลางอากาศในขณะที่ระยะห่างระหว่างพวกเขากว้างขึ้นอีกครั้ง
นานะหมดทางเลือกแล้วในครั้งนี้เพราะเธอกำลังจะตกลงไปในทะเลอย่างหมดหนทาง จากนั้นลิงค์ก็อัญเชิญอินทรีวายุออกมาอีกครั้งในขณะที่อยู่กลางอากาศก่อนที่จะสั่งให้มันไปรับแวนซ์, ที่ตอนนี้กำลังลอยอย่างเอ้อระเหยด้วยเวทย์ลอย
ด้วยเสียงซู่วและเสียงคลื่นกระแทกกัน, นานะก็ตกลงไปในทะเล พวกเขาทั้งสามเฝ้ามองจากหลังนกอินทรีด้วยความหวาดกลัว
“เธอจะยังไล่ตามพวกเรามาอีกไหม?” เซลีนถาม, ทั้งๆที่ยังรู้สึกตกใจกับการเผชิญหน้าก่อนหน้านี้
“ข้าก็ไม่รู้ แต่ว่า, เมื่อก่อนข้าได้ตั้งค่าให้เธออยู่ในโหมดไล่ล่าไร้สิ้นสุดเอาไว้นะ” แวนซ์รู้สึกสับสนอย่างสมบูรณ์ สีร้อยปีก่อน, เขาแค่รู้สึกไม่ไว้ใจพลังของนานะเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม, เขาก็ไม่สามารถทนทำลายผลผลิตนี้ที่เขาใช้เวลาในการสร้างนานขนาดนี้ได้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงออกคำสั่งให้นานะเข้าสู่สภาพหลับลึก แต่เขาก็หารู้ไม่ว่า 400 ปีต่อมา, ไม่ใช่แค่เธอจะตื่นขึ้นมาเท่านั้น, แต่เธอยังพัฒนาจนถึงจุดที่เขาไม่สามารถแม้แต่จะตอบโต้ในการต่อสู้โดยตรงได้ด้วย
แวนซ์รู้สึกว่าตัวเองโง่มากที่สร้างหุ่นเชิดเวทย์มนตร์ที่เขาไม่สามารถควบคุมได้ขึ้นมา
ลิงค์มองไปที่พื้นทะเลแล้วสังเกตุระลอกคลื่นบนผิวน้ำอย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็ถอนหายใจแล้วพูดออกมา “โหมดไล่ล่าไร้สิ้นสุดยังทำงานอยู่ เธอยังคงวิ่งอยู่ในขณะที่อยู่ใต้น้ำ แวนซ์, ดูเหมือนว่าพวกเราจะถูกทำเครื่องหมายเอาไว้ เธอถึงสามารถระบุตำแหน่งของพวกเราได้ไม่ว่าพวกเราจะไปที่ไหนก็ตาม คุณรู้ไหมว่ามันเป็นเครื่องหมายแบบไหน?”
“รู้สิ, แต่การลบมันนั้นเป็นไปไม่ได้หรอกนะ” แวนซ์ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน
“ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้นหล่ะ?”
“เครื่องหมายมันอยู่ที่เจ้า ในตอนที่นานาแทงดาบของเธอทะลุร่างกายของเจ้า, อนุภาคโลหะบนดาบของเธอก็เข้าไปในกระแสเลือดของเจ้า อนุภาคพวกนี้มีขนาดเล็กมากๆ วิธีเดียวที่จะทำลายมันได้ก็คือการสูบเลือดทั้งหมดของเจ้า”
สูบเลือดหรอ? นี่ไม่ใช่โลกที่สามารถถ่ายเลือดได้เมื่อไหร่ก็ตามที่ต้องการ ซึ่งนี่ก็หมายความว่าในตอนนี้พวกเขามีทางเลือกแค่สองทาง ทางแรกคือหนีไปตลอดชีวิตของพวกเขาจนกว่าหุ่นเชิดจะทำงานผิดปกติ และทางที่สองก็คือทำลายหุ่นเชิด
ในส่วนของการหนีจากการไล่ล่าของเธอนั้น, มันคงจะเป็นไปไม่ได้
“ถ้าให้ทั้งสองคนหนีไปก่อนแล้วผมพาเธอเข้าไปในป้อมทหารของนอร์ตันหล่ะ?” ลิงค์พูด เขาไม่สามารถเอาชนะหุ่นเชิดตัวนี้ด้วยตัวคนเดียวได้ อย่างไรก็ตาม, เขาเชื่อว่าพลังของทั้งกองทัพนั้นเพียงพอที่จะยับยั้งเธอ
“มันไม่ได้ผลหรอก” แวนซ์ยิ้มอย่างขมขื่น
“ทำไมหล่ะ?” ลิงค์สับสน
“เธอไม่ใช่แค่หุ่นเชิดไร้เดียงสานะ เธอฉลาดมากและสามารถระบุถึงอันตรายได้ เธอจะไม่มีวันเข้าไปในป้อมปราการตัวคนเดียวหรอก เว้นเสียแต่ว่าเจ้าจะเตรียมใช้เวลาทั้งชีวิตของเจ้าในค่ายทหารหล่ะนะ, แถมเธอจะต้องหาโอกาสเผชิญหน้ากับเจ้าในการต่อสู้โดยตรงอย่างแน่นอน” แวนซ์เกลียดการที่เขาออกแบบหุ่นเชิดตัวนี้มาดีเกินไป เพราะว่าเขาไม่สามารถหาจุดอ่อนในแบบนี้ได้
บางทีอาจจะมีจุดนึงในอดีต อย่างไรก็ตาม, ในช่วง 400 ปีที่เขาจากไปนั้น, จุดอ่อนนี้ก็อาจจะถูกปกปิดด้วยการพัฒนาของเธอแล้วก็ได้
“พวกเราจะต้องหนีไปทั้งชีวิตจริงๆหรอ?” เซลีนไม่สามารถทำใจเชื่อได้ว่านี่จะเป็นวิธีตายของเธอ
แวนซ์ตกอยู่ในความเงียบแล้วมองไปที่ลิงค์, ลิงค์รู้ดีว่าแวนซ์กำลังคิดอะไรอยู่
“คุณอยากให้ผมใช้เวทย์เลเวล 9 จัดการกับเธอหรอ?”
แน่นอนว่ามันเป็นไปได้ที่จะใช้เวทย์เลเวล 9 ทำลายหุ่นเชิด อย่างไรก็ตาม, มันสิ้นเปลืองและสูญเปล่ามากในการเสียเวทย์เลเวล 9 ไปกับสิ่งประดิษฐ์ตัวหนึ่ง
“ข้าไม่คิดว่าจะมีทางเลือกอื่นแล้วนะ” แวนซ์ถอนหายใจ
“เดี๋ยว, ขอผมคิดก่อน” ลิงค์เริ่มนึกถึงฉากต่อสู้โดยละเอียด, โดยหวังว่าจะพบจุดอ่อนที่เขาสามารถใช้ประโยชน์ได้
พอใช้ความทรงจำเสมือนจริงของเขา, การเคลื่อนไหวของนานะก็เล่นย้อนในหัวของเขาเหมือนกับฉากหนัง หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งนาที, ลิงค์ก็ลืมตาขึ้น
“นึกออกแล้ว!”
………………………………………………………………..
*เป็นทฤษฎีฟิสิกส์ถ้าสนใจไปค้นดูในgoogleนะครับ