advent of the archmage - Chapter 202: หุ่นเชิดเวทย์มนตร์อันไร้เทียมทาน ส่วนที่ 2
พระราชวังใต้ดิน
หลังจากที่เดินไปได้ประมาณ 150 ฟุต, พวกเขาก็เห็นร่างร่างนึงนอนบนพื้นซึ่งแขนของมันถูกตัดไป
“นี่มันโมเรสเทิร์น” แวนซ์กระซิบ
เซลีนก้มตัวลงอย่างรวดเร็วเพื่อตรวจสอบบาดแผลบนร่างกายของนักเวทย์วูดู หลังจากที่มองตั้งแต่หัวจรดเท้า, เธอก็อดอ้าปากค้างออกมาไม่ได้ “มันเป็นความเร็วการโจมตีที่ไวอะไรขนาดนี้เนี่ย!”
จากรูปร่างและความลึกของบาดแผลบนหน้าผากของโมเรสเทิร์น, เซลีน, ที่เป็นนักดาบ, สามารถระบุได้อย่างแม่นยำถึงความเร็วในการโจมตีอันน่าหวาดกลัวของหุ่นเชิดเวทย์มนตร์ มันเป็นระดับที่เธอทำได้แค่หวังเท่านั้น
ในขณะเดียวกันนั้นเอง, แวนซ์กับลิงค์ก็สังเกตุร่องรอยเวทย์มนตร์ที่เหลืออยู่ในพื้นที่
แวนซ์ใช้นิ้วหยิบกองฝุ่นสีขาวที่อยู่บนพื้นขึ้นมาแล้วกระซิบ “ดูเหมือนว่าไอแก่คนนี้จะร่ายเวทย์โนว่ากัดกร่อนก่อนที่มันจะตายนะ จากความผันผวนของเวทย์มนตร์ที่เหลืออยู่, เวทย์นี้ถูกปล่อยออกมาด้วยความเร็วที่สูงมาก จากที่ข้าประเมินดูเวลาที่ใช้ในการร่ายทั้งหมดนั้นน่าจะแค่ประมาณ 0.2 วินาทีเท่านั้น ตุลาการแห่งความมืดนี่เป็นคทาที่ทรงพลังจริงๆ”
ลิงค์ชี้ไปที่รอยเท้าที่อยู่ข้างๆแล้วพูด “รอยเท้าเล็กๆที่เหลืออยู่นี่น่าจะเป็นของหุ่นเชิดเวทย์มนตร์นะ”
แวนซ์มองตามแล้วพยักหน้า “ใช่ นานะมีรูปร่างเหมือนเด็กสาวอายุ 17 ปี…อย่าคิดแบบนั้นเชียวนะ! เหตุผลเดียวที่ข้าใช้รูปร่างแบบนี้ก็เพื่อทำให้ศัตรูหลงเสน่ห์!”
ลิงค์ยักไหล่แล้วตัดสินใจที่จะไม่แสดงความคิดเห็นกับการตัดสินใจนั้น เขาสังเกตุร่องรอยบนพื้นต่อ หลังจากผ่านไปได้ไม่กี่นาที, เขาก็พูดออกมา, “หลังจากที่หุ่นเชิดเวทย์มนตร์ตัวนี้ฆ่าโมเรสเทิร์น, เธอก็จากไปในทันที แล้วพอผ่านไปประมาณครึ่งนาที, โดเรียนก็ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง เขามาหยุดอยู่ที่นี่…นี่น่าจะเป็นจุดที่คทาเคยอยู่นะ เขาหยิบมันขึ้นมาแล้วกลับไป”
จากนั้นลิงค์ก็เปลี่ยนมุมเพื่อสังเกตุร่องรอยในขณะที่เขาพูดต่อ “จากรอยเท้าที่อยู่บนพื้น, มีการระเบิดพลังสองจุด จุดแรกก็คือที่นี่, ที่หุ่นเชิดเคลื่อนไหวแบบแนวนอนเป็นระยะสามฟุต, และการโจมตีของเธอก็คือหลบอีกจุดนึงที่เป็นเวทย์สลายธาตุที่ถูกปล่อยออกมา แล้วจากนั้นเธอก็ต่อสู้กลับ”
ลิงค์พูดราวกับว่าเขาได้เห็นฉากการต่อสู้กับตาตัวเอง จากนั้นลิงค์ก็เดินไปที่ร่างของโมเรสเทิร์น เขาเห็นสสารสีขาวเหนียวๆและใช้นิ้วของเขาแตะมัน หลังจากที่ลองดมดู, เขาก็พูดต่อ “ในตอนที่หุ่นเชิดเวทย์มนตร์ตอบโต้, โมเรสเทิร์นกำลังจะปล่อยเวทย์หยากไย่ออกมา แวนซ์, คุณคิดว่าโมเรสเทิร์นใช้เวลาแค่ไหนในการร่ายเวทย์นี้?”
แวนซ์รู้ว่าลิงค์กำลังประเมินพลังของหุ่นเชิดเวทย์มนตร์ ดังนั้นเขาจึงยอมให้ความร่วมมือด้วย เขาสังเกตุสสารสีขาวแล้วพูด “ข้าเคยเห็นเขาร่ายเวทย์มาก่อน เขาเร็วมากๆ ความสำเร็จระดับนี้น่าจะใช้เวลาไม่ถึง 0.1 วินาที”
“ไม่ถึง 0.1 วินาทีหรอ? นี่มันคลุมเครือเกินไป ผมอยากให้ระบุให้เจาะจงกว่านี้” ลิงค์กดดัน
แวนซ์คิดกลับไปถึงสิ่งที่เขาเคยเห็นแล้วรายงานตัวเลขที่แม่นยำ “0.08 วินาทีน่าจะประมาณนั้นนะ”
จากนั้นลิงค์ก็วัดระยะห่างระหว่างจุดที่มีการระเบิดพลังสองจุดแล้วขมวดคิ้ว จากนั้นเขาก็พูดออกมา “ระยะห่างระหว่างรอยเท้าทั้งสองมีประมาณ 150 ฟุต ถ้าหุ่นเชิดเวทย์มนตร์โจมตีในขณะที่โมเรสเทิร์นกำลังร่ายเวทย์อยู่, ความเร็วของเธอก็น่าจะประมาณ 2,000 (0.3787ไมล์:0.60กิโลเมตร) ฟุตต่อวินาที แวนซ์, คุณคิดถูกแล้วหล่ะ, หุ่นเชิดเวทย์มนตร์ตัวนี้พัฒนาไปมากจริงๆ”
เซลีนตกตะลึง “ถ้าพิจารณาจากจุดออกตัวและจุดลงมือ, ความเร็วสูงสุดของเธอน่าจะมากกว่า 2,000 ฟุตต่อวินาทีนะ นี่มันบ้าไปแล้ว!”
การระเบิดพลังระดับนี้สามารถเทียบได้กับเวทย์เทเลพอร์ตระยะสั้นเลยก็ว่าได้
แวนซ์ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นแล้วพูด “ดูเหมือนว่านานะจะเหนือกว่าที่ข้าคาดเอาไว้นะ แล้วตอนนี้พวกเราจะทำยังไงดีหล่ะ?”
แวนซ์ไม่มั่นใจว่าจะต่อสู้กับความเร็วในการตอบสนองและความเร็วในการโจมตีระดับนี้ได้ เขาคงจะไม่รอดพ้นความตายแน่ๆ! ไม่ต้องพูดถึงความอับอายที่เขาจะพ่ายแพ้ให้กับผลงานของตัวเอง
เซลีนหันไปมองลิงค์
ลิงค์ยังคงเงียบกริบ จากข้อมูลที่พวกเขามีในตอนนี้, เขาคำนวนขีดจำกัดพลังของหุ่นเชิดเวทย์มนตร์ตัวนี้อย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านไปประมาณสามนาที, เขาก็พูดออกมา “มันค่อนข้างจะตึงมืออยู่หล่ะนะ, แต่พวกเรายังมีโอกาสอยู่ ยกตัวอย่างเช่น, ในตอนที่กำลังเคลื่อนด้วยความเร็วระดับนั้น, เธอจะไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางได้ ซึ่งนี่สามารถสังเกตุได้จากร่องรอยการต่อสู้”
การเปลี่ยนระยะทางในขณะที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 2,000 ฟุตต่อวินาทีนั้นจะสร้างแรงสู่ศูนย์กลางขนาดยักษ์ที่จะสร้างแรงกดดันกับร่างกายของหุ่นเชิดเวทย์มนตร์อย่างมหาศาล และต่อให้ร่างกายของเธอแข็งพอที่จะทนแรงกดดันระดับนั้นได้ ,แต่พื้นที่อยู่ใต้เท้าของเธอก็คงจะไม่สามารถให้แรงเสียดทานที่เพียงพอที่จะเปลี่ยนทิศทางได้ นี่มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่พลังของหุ่นเชิดเวทย์มนตร์, แต่ยังขึ้นอยู่กับขีดจำกัดทางสภาพแวดล้อมด้วย
เขามองไปที่เซลีนแล้วพูด “เอากำไลมาให้ฉันที; ฉันต้องทำการเปลี่ยนแปลงบางอย่างกับเวทย์ที่อยู่ในนี้”
กำไลที่เก็บเวทย์เอเดลไวซ์สีแดงเข้มเลเวล 5 เอาไว้นั้น ในฐานะที่เป็นผู้สร้างเวทย์นี้, แน่นอนว่าลิงค์เข้าใจเวทย์นี้เป็นอย่างดี เขาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่าเวทย์นี้เองก็มีจุดผันผวนของเวทย์มนตร์ที่จะอยู่ประมาณ 0.06 วินาที ซึ่งนี่เป็นเวลาที่มากพอสำหรับหุ่นเชิดเวทย์มนตร์ในการเผด็จศึก และเพื่อที่จะรับรองความปลอดภัยของเซลีน, เขาต้องบีบระยะเวลาของจุดผันผวนของเวทย์มนตร์ให้อยู่ในช่วง 0.01 วินาที
เซลีนส่งกำไลเวทย์ป้องกันของเธอให้กับลิงค์ จากนั้นลิงค์ก็นั่งลงบนกองเศษหินแล้วเอาวัตถุดิบที่ดีที่สุดที่เขามีออกมา, ทอเรียมดาราเพลิง, จากนั้นเขาก็เริ่มเปลี่ยนทอเรียมธรรมดาในกำไลด้วยวัตถุดิบระดับสูง กระบวนการในการเปลี่ยนนั้นเร็วมากๆและสามารถสำเร็จได้ด้วยเวทย์มนตร์แทนที่ง่ายๆ มันใช้เวลาแค่สิบนาทีเท่านั้น จากนั้น, ลิงค์ก็ใช้เวทย์สนามพลังฮิกส์เพื่อซ่อมจุดอ่อนเล็กๆในกำไลอย่างระมัดระวัง ก่อนหน้านี้เขาไม่ค่อยมีเวลา, เขาจึงไม่ได้เจียระไนกำไลนี้ตามมาตรฐานปกติของเขา ตอนแรกเขาคิดว่าไม่มีใครในโลกนี้ที่จะสามารถใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนเล็กๆนี้ได้ อย่างไรก็ตาม, ในตอนนี้พอหุ่นเชิดเวทย์มนตร์ตัวนี้ปรากฏตัวขึ้นมา, เขาจะต้องป้องกันมันเอาไว้ก่อน
ทั้งกำไลนั้นมีจุดอ่อนประมาณห้าจุด แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้เด่นชัด, แต่เมื่อผลของพวกมันมารวมกันก็ทำให้เวทย์เอเดลไวซ์สีแดงเข้มทั้งหมดไม่สมบูรณ์ คนธรรมดาคงจะไม่สามารถรู้สึกถึงความแตกต่างนี้ได้ อย่างไรก็ตาม, นักเวทย์ที่แข็งแกร่งนั้นสามารถบอกได้อย่างง่ายดายจากความผันผวนของมานาที่แผ่ออกมาจากกำไลนี้
หลังจากที่ลิงค์ปรับปรุงกำไลสำเร็จ, แวนซ์, ที่เฝ้าสังเกตุอยู่ตลอดเวลา, ก็อดปรบมือไม่ได้ “กำไลนี้มันช่างสวยงามจริงๆ!”
ลิงค์ยิ้มแล้วสวมกำไลที่ข้อมือของเซลีน กำไลที่เขาให้เซลีนก่อนหน้านี้นั้นมีคุณภาพระดับเดียวกับกำไลมังกรที่เขามอบให้เอเลนอร์ อย่างไรก็ตาม, คุณภาพของกำไลในตอนนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่านั้น
“ตอนนี้, ฉันก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่หุ่นเชิดเวทย์มนตร์จะเจาะทะลุจุดเวทย์มนตร์ผันผวนได้แล้ว” ลิงค์พูดในขณะที่เขาจับมืออันเนียนนุ่มของเซลีน ลิงค์ไม่อยากปล่อยมันไปในขณะที่เขาลูบไล้มันอย่างอ่อนโยน
เซลีนแค่ยิ้มออกมาและไม่ได้ดึงมือของเธอกลับ
จากนั้นลิงค์ก็หันไปหาแวนซ์ในขณะที่จับมือของเธอ “การร่ายเวทย์ในทันทีนั้นต้องการสมาธิอย่างเต็มที่ ห้ามมีสิ่งกวนใจหรือความแปรปรวนในอารมณ์ของคุณ มีแค่การทำสิ่งเหล่านี้ให้ได้เท่านั้นถึงจะปล่อยเวทย์อันไร้ที่ติออกมาได้”
“ข้าจะทำอย่างเต็มที่”
แวนซ์ลูบกระโหลกอันเรียบเนียนของเขาและขาดความมั่นใจอย่างกระทันหัน มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับสัตว์ประหลาดอายุหนึ่งพันปีอย่างเขาในการที่จะทำให้จิตใจสงบ แต่, สำหรับความแปรปรวนในอารมณ์นั้น…ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่, มันก็คงจะแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะทำในระหว่างการต่อสู้! คำขอนี้มันฝืนธรรมชาติพื้นฐานของมนุษย์!
ตอนนี้พอเตรียมการเสร็จสิ้น, ความสำเร็จของพวกเขาก็คงจะขึ้นอยู่กับการตอบสนองของพวกเขาทั้งหมด
“เอาหล่ะ, เข้าไปข้างในกันเถอะ”
พวกเขาทั้งสามเดินหน้าต่อ
ขณะที่พวกเขาเดินผ่านห้องรักษาความปลอดภัย, เส้นทางที่ยาวและคดเคี้ยวก็ปรากฏขึ้น มีรูปปั้นอันงดงามทั้งสองฝั่งของทางเดิน, และพื้นก็ถูกทำด้วยหยกดำทั้งหมด มันเป็นภาพที่รู้สึกยิ่งใหญ่
“พระราชวังใต้ดินมันควรจะให้ความรู้สึกแบบนี้สิ” ลิงค์พูดด้วยรอยยิ้ม
“นี่เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น” แวนซ์พูดด้วยความภาคภูมิใจ
ขณะที่พวกเขาเดินไปตามทางเดิน, พวกเขาก็รู้สึกได้ว่าพวกเขากำลังเดินไปตามทางลาดชันเล็กน้อยซึ่งพาพวกเขาไปยังระดับพื้นที่สูงขึ้น หลังจากที่วนไปได้สองรอบ, ประตูทองแดงขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของพวกเขา ประตูนี้มีความสูงอย่างน้อย 30 ฟุตและความกว้าง 24 ฟุต ฉากอันรุ่งโรจน์ที่เทพแห่งแสงได้สร้างโลกขึ้นมานั้นได้จารึกเอาไว้ที่สองฝั่งของประตู, ทำให้ประตูมีประวัติศาสตร์อันเข้มข้นและความรู้สึกยิ่งใหญ่
เซลีนรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับภาพนี้, ขณะที่เธอจ้องไปที่แวนซ์อีกครั้ง “ฉันไม่คิดเลยนะว่าคุณจะมีรสนิยมที่ดีขนาดนี้”
ลิงค์เห็นด้วย
แวนซ์รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก
ประตูถูกแง้มเอาไว้, แล้วพวกเขาก็เดินผ่านมันโดยไม่มีสิ่งกีดขวางอะไร ด้านหลังประตู, มีห้องโถงที่กว้างขวางมากๆ, มันมีความกว้างกว่า 2,000 ฟุต พื้นถูกสลักด้วยออบซิเดียน, และเพื่อที่จะรักษาความมั่นคงของห้องโถง, เสา 20 ต้นที่แต่ละต้นมีความกว้างเท่ากับผู้ใหญ่สองคนจึงถูกสร้างเอาไว้ ในทำนองเดียวกันนั้นเอง, รูปปั้นหินก็ถูกสลักเอาไว้ตามเสาแต่ละต้นเพื่อความงดงาม
พวกเขาทั้งสามเดินหน้าต่อไป, โดยใช้เสาเป็นที่กำบัง หลังจากที่เดินไปได้ประมาณ 60 ฟุต, พวกเขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นข้างหน้าพวกเขา
“เจ้านาย, โอเคไหมครับ?”
จากเสียง, มันสามารถบอกได้อย่างง่ายดายว่าเป็นนักดาบเวทย์มนตร์โดเรียน
แต่เขาเป็นเจ้าของพระราชวังใต้ดินไม่ใช่หรอ? จะมีอีกคนนึงได้ยังไงกัน? ใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของ พวกเขาทั้งสามสับสน
ในตอนนั้นเอง, เสียงอันแจ่มใสก็ดังขึ้น
“ตัวหล่อลืนรอยต่อของรูนเวทย์มนตร์อยู่ในระดับ 89%, อยู่ภายใต้การคาดการณ์, หมายเลขสอง, เริ่มต้นใหม่!”
“ครับ, เจ้านาย” เสียงของดอเรียนดังขึ้นอีกครั้งขณะที่มีเสียงแปรงตามมา
ขณะที่พวกเขาฟังบทสนทนา, ความไม่เชื่อก็ปกคลุมใบหน้าของพวกเขา พวกเขาเข้าใจผิดมาโดยตลอด โดเรียนไม่เคยเป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้ เจ้าของพระราชวังที่แท้จริงนั้นก็คือหุ่นเชิดเวทย์มนตร์, ขณะที่โดเรียนเป็นแค่ข้ารับใช้เท่านั้น จู่ๆเรื่องทั้งหมดก็มีเหตุผลขึ้นมา โดเรียนเผชิญหน้ากับนักเวทย์เลเวล 7 โดยที่ไม่มีความหวาดกลัวได้ยังไง, แล้วทำไมเขาถึงขี้เหนียวขนาดนั้นและยอมอาศัยอยู่ในพระราชวังแห่งนี้แม้ว่าเขาจะเป็นนักดาบเวทย์มนตร์ที่แข็งแกร่งก็ตาม?
เหตุที่ทำให้เขาไม่ยอมไปจากที่นี่ไม่ใช่ความมั่งคั่ง, แต่เพราะเขาเป็นหุ่นเชิดเวทย์มนตร์!
จากนั้นลิงค์ก็มองไปที่แวนซ์ “นานะเป็นผลงานของคุณ ทำไมเธอถึงไม่เชื่อฟังคุณหล่ะ?”
แวนซ์ผายมือออกมาอย่างจนปัญญา “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน สี่ร้อยปีก่อน, นานะเป็นแค่หุ่นเชิดเวทย์มนตร์ที่ข้าสร้าง ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าเรื่องมันจะกลายมาเป็นแบบนี้?”
“ถ้างั้น, คุณยังสามารถมอบคำสั่งให้เธอได้ไหม?” ลิงค์ถาม
เซลีนเองก็มองแวนซ์อย่างคาดหวัง ตราบใดที่เธอมีโอกาสในการหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับหุ่นเชิดเวทย์มนตร์ตัวนี้, เธอก็จะรับมัน
แวนซ์พูดอย่างเศร้าสลด “ข้าเกรงว่าไมนะ ข้าดูไม่เหมือนกับข้าเมื่อ 400 ปีก่อนเลย นอกจากนี้, ก่อนที่ข้าจะถูกขัง, ข้าก็ได้เซตนานะเอาไว้ให้อยู่ในสภาพนอนหลับ ตอนนี้ที่เธอตื่นขึ้น, ข้าเกรงว่าต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ”
สี่ร้อยปีเป็นเวลาที่ยาวนาน มันเป็นความจริงที่สิ่งต่างๆมากมายสามารถเปลี่ยนไปได้
ลิงค์สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะพูดออกมา “ถ้างั้นผมเดาว่าคงไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วสินะ มาจัดการกันเถอะ ผมจะเริ่มการซุ่มโจมตีในขณะที่เซลีนช่วยผมป้องกันการโจมตีที่ไม่คาดคิด”
“เข้าใจแล้ว” เซลีนยืนขึ้นเบื้องหน้าลิงค์ในขณะที่เธอพูดด้วยความมุ่งมั่น
จากนั้นลิงค์ก็เริ่มรวบรวมมานาของเขา เขากำลังจะร่ายเวทย์หัตถ์ไททันเลเวล 6
ลิงค์สามารถร่ายเวทย์นี้ได้ในเวลา 0.5 วินาที ซึ่งนี่ก็นับว่าเร็วมากๆแล้ว อย่างไรก็ตาม, ในตอนที่เขาเริ่มรวบรวมมานา, ความผันผวนของเวทย์มนตร์ก็เจาะทะลุเวทย์ปกปิดของพวกเขา จากนั้นเสียงของนานะก็ดังก้องไปทั่วห้องโถง
“เตือนภัยผู้บุกรุก! ภัยคุกคามระดับ: 3 ดาว!”
จากนั้น, เด็กสาวที่มีหน้าตาอันไร้ที่ติและดวงตากลมโตสดใสก็ปรากฏขึ้น
เซลีนระวังนานะอย่างเต็มที่ ในตอนที่เธอเห็นนานะ, เธอก็เปิดใช้เวทย์สายเลือดเลเวล 6, โล่ออบซิเดียน ตามสัญชาติญาณของเธอ เวทย์นี้พิเศษมากๆ, เพราะมันจะไม่แทรกแซงเวทย์ที่ถูกร่ายในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้, มันยังสามารถเปิดใช้ได้ทันที หลังจากที่เวทย์นี้ทำงาน, เซลีนก็กระตุ้นเวทย์เอเดลไวซ์สีแดงเข้ม ลิงค์ได้ใส่ความสามารถในการเก็บมานาเอาไว้ในกำไลด้วย เพราะฉะนั้นจึงทำให้เวทย์ถูกร่ายได้ในทันทีตามที่เซลีนต้องการ จากนั้น, ภายในเวลา 0.1 วินาที, โล่ออบซิเดียนเลเวล 6 ก็ปกคลุมสนามพลังสีแดงเข้มเลเวล 5
ในตอนที่สองเวทย์นี้ก่อตัวขึ้น, การโจมตีของนานะก็มาถึงแล้ว
มีร่างปรากฏขึ้นที่หน้าเวทย์เอเดลไวซ์สีแดงเข้ม เธอวิ่งเข้าใส่สนามพลัง, โดยไม่สนใจคลื่นความร้อนจากสนามพลังเลย แม้ว่าความร้อนดูจะไม่ได้ผลกับเธอ, แต่สนามพลังนี้ก็ดูเหมือนว่าจะลดความเร็วของเธอไปได้อย่างมหาศาล
อย่างไรก็ตาม, ความเร็วของเธอก็ยังเกินกว่ามาตรฐานอยู่ดี จากนั้นมีดในมือของเธอก็จ้วงเข้ามาเหมือนกับงูพิษ, เจาะทะลุเวทย์เอเดลไวซ์ก่อนที่จะทะลุการป้องกันชั้นที่สองของเซลีน, โล่ออบซิเดียน มันกำลังจะโดนร่างของเซลีนในเร็วๆนี้
นี่ไม่ใช่การโจมตีที่ใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนในเวทย์มนตร์ นานะแค่ใช้กำลังอันเหี้ยมโหดของเธอในการเจาะทะลุเวทย์ป้องกันระดับสูงทั้งสองนี้
ลิงค์ตกตะลึง ไหงเธอถึงมีพลังทำลายล้างสูงขนาดนี้เนี่ย!