advent of the archmage - Chapter 200: จุดเริ่มต้นของความผิดพลาดทั้งหมด
ความคิดของโมเรสเทิร์นนั้นง่ายมาก
เขาสังเกตุเห็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญในพระราชวังใต้ดินของโดเรียน แผนการของเขาก็คือการซ่อนตัวอยู่ในที่ปลอดภัยในขณะที่ผู้บุกรุกกลุ่มนี้ต่อสู้กับโดเรียน ซึ่งสถานการณ์ที่ดีที่สุดก็คือตอนที่ทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง, ทำให้ความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาอ่อนแอลง จากนั้นเขาก็จะปรากฏตัวออกมาแล้วรวบผลประโยชน์ทั้งหมด
นี่เป็นแผนการที่สมบูรณ์แบบ!
หลังจากร่ายเวทย์หายตัวระดับสูงใส่ตัวเอง, โมเรสเทิร์นก็ย่องเข้าไปตามทางเดินในพระราชวังใต้ดินอย่างช้าๆ นี่เป็นครั้งที่สามของเขาแล้วที่เขาผ่านเส้นทางนี้ เขาจดจำตำแหน่งของนักรบโครงกระดูกที่สองฝั่งข้างทางเดินได้อย่างชัดเจนแล้วหลบพวกมันอย่างช่ำชอง จากนั้น, เขาก็ไปถึงห้องรักษาความปลอดภัยอย่างรวดเร็ว
ห้องนั้นเงียบมากๆเพราะโดเรียนได้กลับไปยังส่วนลึกของพระราชวังใต้ดินแล้ว ภายในห้อง, สัตว์คุ้มกันกำลังเดินลาดตระเวณพื้นที่นี้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย, ไม่ปล่อยให้ใครมีโอกาสลอบเข้าไปในพระราชวังได้เลย
“ถ้าสัตว์คุ้มกันยังอยู่ที่นี่, ก็หมายความว่าพวกมันยังมาไม่ถึงพื้นที่นี้สินะ หรือว่าพวกมันเป็นกลุ่มคนขี้ขลาดที่หมดกำลังใจกับความล้มเหลวเล็กน้อย?” โมเรสเทิร์นไม่สามารถเข้าใจได้
นี่มันแปลกๆนะ นักเวทย์ที่สามารถร่ายเวทย์ปกปิดที่ยอดเยี่ยมและละเอียดแบบนั้นได้จะต้องมีพื้นฐานด้านเวทย์มนตร์อันแข็งแกร่งอย่างแน่นอน อย่างน้อยมันก็ต้องเป็นนักเวทย์เลเวล 5 ซึ่งคนพวกนี้มักจะเป็นพวกยืดหยุ่นและเย่อหยิ่ง; แล้วพวกมันจะยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้ได้ยังไง?
“บางทีข้าอาจจะมาเร็วเกินไป…แต่นั่นก็เป็นไปไม่ได้เหมือนกันนะ ข้าออกไปแทบจะทันที ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้ยอมแพ้, พวกมันก็น่าจะเข้าไปในพระราชวังแล้วสิ…นี่มันแย่แล้วหล่ะ!” เขาอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
จู่ๆโมเรสเทิร์นก็คิดถึงความเป็นไปได้อีกอย่างนึงที่เลวร้ายขึ้นมาได้ แม้ว่าเขาจะสังเกตุเห็นตัวตนของศัตรู, แต่เขาก็ลืมคิดด้วยว่าศัตรูก็สังเกตุเห็นเขาเช่นกัน เหมือนกับการที่เขาคิดจะรวบผลประโยชน์ทั้งหมดโดยไม่ต้องเสียแรง, ศัตรูของเขาก็อาจจะคาดการณ์การเคลื่อนไหวของเขาเอาไว้ด้วย
ถ้าผู้บุกรุกกลุ่มนี้กำลังรอให้ข้าเข้ามาในพระราชวังแห่งนี้อีกครั้งจริงๆหล่ะ…ไม่นะ, ข้าต้องออกไปเดี๋ยวนี้! โมเรสเทิร์นเริ่มตื่นตระหนก
โมเรสเทิร์นก็เป็นนักเวทย์ที่แข็งแกร่งและมีไหวพริบเช่นกัน ในช่วงเวลาแห่งความประมาท, เขาได้พาตัวเองมาอยู่ในอันตราย อย่างไรก็ตาม, พอตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ, สัญชาติญาณในการตอบสนองของเขาก็คือการรับรองความปลอดภัยของตัวเองเป็นอันดับแรก
ถึงกระนั่น, นี่ก็เป็นการต่อสู้ระหว่างนักเวทย์ผู้แข็งแกร่ง ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจจะทำให้พ่ายแพ้การต่อสู้ได้ ซึ่งความเป็นไปได้ที่จะกู้สถานการณ์นั้นก็แทบจะเป็นศูนย์
ในช่วงเวลานี้พอโมเรสเทิร์นเตรียมที่จะออกไป, เขาก็เห็นบอลแสงสีม่วงสลัวๆกำลังพุ่งตรงมาที่เขาจากทางเดินอันมืดมิดที่อยู่ข้างหลังเขา
นี่มันเวทย์มนตร์แห่งความมืดเลเวล 4, เงาสลาย! โมเรสเทิร์นตกใจกับการโจมตีอย่างกระทันหันนี้และร่ายเวทย์ป้องกันเป็นการตอบสนองในทันที จากนั้นดวงไฟสีเขียวสามดวงก็ปรากฏขึ้นมาและเริ่มหมุนรอบตัวเขาด้วยความเร็วสูง ซึ่งมันได้สร้างระลอกคลื่นโปร่งแสงขึ้นมาโดยใช้บอลแสงสามลูกนี้เป็นจุดสำคัญในการสร้างโดมแสง
เวทย์มนตร์ป้องกัน: บาเรียสามด้าน
เวทย์เลเวล 4
มานาที่ใช้: 410 แต้ม
ผล: สร้างบาเรียอันแข็งแกร่งที่สามารถป้องกันพลังโจมตีทางกายภาพ, เวทย์ธาตุและเวทย์ลึกลับได้
(หมายเหตุ: ความภาคภูมิใจและความปลื้มปิติของโมเรสเทิร์น)
แวนซ์กับโมเรสเทิร์นนั้นเป็นนักเวทย์เลเวล 7 ทั้งคู่ ในทวีปฟิรุแมนในตอนนี้, นี่แทบจะเป็นความแข็งแกร่งที่สูงที่สุดที่สามารถเป็นได้ นอกจากนี้, พวกเขาทั้งคู่ก็เป็นสัตว์ประหลาดที่มีชีวิตอยู่มาจนนับปีไม่ได้แล้ว ดังนั้นในตอนที่พวกเขาร่ายเวทย์, มันมักจะไม่ใช่เวทย์ที่ต่ำกว่าเลเวล 4 แล้วพวกเขาก็สามารถร่ายพวกมันได้ในทันที, ทำให้พวกเขาเป็นศัตรูที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม, โมเรสเทิร์นก็ไม่ทันตั้งตัวอีกครั้ง
เงาสลายที่แวนซ์ร่ายออกมานั้นได้เลี้ยวโค้งในวินาทีสุดท้ายแล้วระเบิดทางเดินที่อยู่ข้างหลังโมเรสเทิร์น
เสียงระเบิดดังมากจนสามารถได้ยินได้, ขณะที่ละอองสีม่วงเข้มกระจายไปทุกทิศทาง
โมเรสเทิร์นตกตะลึงอย่างสมบูรณ์
หืม? สัตว์คุ้มกันหยุดเดินกันหมดแล้วหันมายังประตูที่อยู่ในห้องโถง
ในทิศทางที่โมเรสเทิร์นยืนอยู่ แม้ว่าบาเรียสามด้านบนร่างกายของเขาจะไม่ได้เปล่งแสงออกมารุนแรง, แต่มันก็น่าสะดุดตาพอเมื่ออยู่ในห้องใต้ดินอันมืดมิด
สัตว์คุ้มกันปล่อยเสียงหอนเหมือนกับหมาป่าออกมาในทันทีแล้วพุ่งเข้าใส่โมเรสเทิร์น มันเป็นภาพที่น่ากลัวมากเมื่อเห็นนักรบเลเวล 5 กว่า 30 ตัวกำลังพุ่งตรงมาที่คุณ แม้ว่าโมเรสเทิร์นจะเป็นนักเวทย์วูดูเลเวล 7, แต่เขาก็ยังค่อนข้างรู้สึกสับสน
เขารู้ว่าศัตรูของเขานั้นไม่ได้มีแค่สัตว์ป่าพวกนี้ มันยังมีนักเวทย์แห่งความมืดที่แข็งแกร่งที่กำลังซ่อนอยู่ในเงามืดด้วย นอกจากนี้, นักดาบเวทย์มนตร์โดเรียนก็ค่อนข้างจะเป็นตัวปัญหาเช่นกัน
“ซวยแล้วไงหล่ะ!” โมเรสเทิร์นอ้าปากค้าง เขารู้แล้วว่าเขาติดกับดักเข้าอย่างจัง
เขาไม่มีเวลาคิดมากนัก สัตว์คุ้มกันกำลังพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงสุด เขามีเวลาแค่ประมาณหนึ่งวินาทีเท่านั้นในการคิดหาทางเลือกที่ดีที่สุดก่อนที่เขาจะได้ลิ้มรสกงเล็บอันแหลมคมและเขี้ยวอันดุร้ายของพวกมัน จากนั้นโมเรสเทิร์นก็ยกคทาของเขาขึ้นมาแล้วชี้มันไปทางสัตว์ป่าพวกนี้ “หยากไย่เสริมพลัง!”
หยากไย่เสริมพลัง
เวทย์เลเวล 4
มานาที่ใช้: 290 แต้ม
ผล: สร้างหยากไย่ที่เหนียวมากๆขึ้นมา มันคือเวทย์จำกัดการเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งมากๆ
ยัยแมงมุมพุ่งไปยังสัตว์ป่าเหมือนกับตอนที่ชาวประมงกำลังเหวี่ยงแหของเขา มันไม่ได้ใช้ความพยายามมากนักสำหรับโมเรสเทิร์นในการดักสัตว์ป่าทั้งหมดนี้ด้วยเวทย์จำกัดการเคลื่อนไหวของเขา ความแม่นยำและความเร็วในการร่ายเวทย์นั้นเป็นเครื่องพิสูจน์ความแข็งแกร่งของโมเรสเทิร์นในฐานะนักเวทย์เลเวล 7 ได้อย่างแท้จริง
นี่เป็นเวทย์มนตร์ที่ทรงพลังจริงๆ แม้ว่ามันจะเป็นแค่เวทย์เลเวล 4, แต่ผลความเหนียวของมันนั้นก็น่าเหลือเชื่อ พอมีใครติดอยู่ในใย, ความเร็วในการเคลื่อนไหวของพวกเขาจะลดลงไปอย่างมหาศาล มันคงจะเป็นเรื่องมหัศจรรย์ถ้ามีคนที่สามารถเดินไปข้างหน้าได้ถึงสามก้าวในตอนที่เขาตกอยู่ภายใต้ผลของเวทย์นี้
ตอนนี้พอเขารอดพ้นจากอันตรายได้ชั่วคราว, โมเรสเทิร์นก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขาไม่ได้โจมตีใส่สัตว์ป่าพวกนี้ต่อเพราะเขายังระวังศัตรูของเขา, ที่ยังซ่อนตัวอยู่ในเงามืด
นี่มันอันตรายเกินไป เขาต้องถอย
ขณะที่เขาถอย, โมเรสเทิร์นก็ยังคงระแวดระวังอย่างเต็มที่ เมื่อใดก็ตามที่เขารู้สึกว่าเป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของเขา, เขาจะหาตำแหน่งศัตรูของเขาในทันทีและร่ายเวทย์ระยะกว้างเลเวล 7 อันรวดเร็วของเขาโดยไม่ลังเล หลังจากถอยมาได้ประมาณ 30 ฟุต, โมเรสเทิร์นก็ยังไม่สามารถหาตำแหน่งศัตรูของเขาได้ นักเวทย์คนนี้ดูเหมือนกับผีที่หายตัวไปหลังจากที่ยิงเวทย์เงาสลายใส่เขา
บ้าเอ้ย! นี้เป็นแผนของพวกมันมาตั้งแต่เริ่มแล้ว! เพื่อล่อให้ข้ามาติดกับ! นี่เป็นสิ่งที่โมเรสเทิร์นกังวลมากที่สุด
ในเวลานั้นเอง, ก็มีเสียงคำรามอันดุร้ายดังมาจากส่วนลึกของพระราชวัง “ใครกันที่มาสร้างความวุ่นวายในพระราชวังของข้า!”
มันคือเสียงของโดเรียน ซึ่งนี่ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าอันรวดเร็วและหนักหน่วง ในเวลาเดียวกันนั้น, กำแพงในพระราชวังก็เริ่มเปล่งประกายด้วยแสงเวทย์มนตร์อ่อนๆ, ให้ความสว่างกับพื้นที่แห่งนี้ ตอนนี้ไม่มีที่ให้ซ่อนแล้ว
นอกจากนั้น, นักรบโครงกระดูกที่กำลังนอนอยู่ในช่องกำแพงของพระราชวังก็ตื่นขึ้น ดวงตาของพวกมันฉายความบ้าเลือดออกมาและ, พวกมันก็เดินออกมาจากกำแพงพร้อมกับดาบในมือของพวกมัน, ขวางเส้นทางหนีของโมเรสเทิร์น
นอกจากนี้, โมเรสเทิร์นเองก็ตระหนักได้ว่ามีแสงสีน้ำเงินน่ากลัวกำลังปกคลุมทางออกของพระราชวังใต้ดินอยู่ เขารู้จากการเหลือบมองว่านี่เป็นเวทย์ผนึกพื้นที่เลเวล 7, ป้อมเงา ซึ่งการปรากฏตัวของเวทย์ผนึกพื้นที่นี้ก็ได้ผลักดันโมเรสเทิร์นไปถึงขีดจำกัดของเขา
ในตอนนั้นเอง, โดเรียนก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรักษาความปลอดภัย เขามาด้วยกันกับกลุ่มนักรบในชุดเกราะสีดำที่กำลังถือขวานยักษ์อยู่ในมือของพวกเขา
พวกเขาเป็นนักสู้ขวานทมิฬที่น่าภาคภูมิใจของโดเรียน ความแข็งแกร่งโดยเฉลี่ยของนักสู้ขวานนั้นคือเลเวล 5 และยังมีพวกเขาถึงสามคนที่ไปถึงเลเวล 6 แล้ว
ถ้ามีกองทัพที่มีความแข็งแกร่งระดับนี้ปรากฏขึ้นในอาณาจักรนอร์ตัน, มันก็คงจะเพียงพอที่จะทำให้เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม, โดเรียนไม่ต้องการที่จะเป็นจุดสนใจอย่างเห็นได้ชัด เป้าหมายชีวิตของเขานั้นง่ายมาก เขาแค่ต้องการอยู่ในพระราชวังใต้ดินด้วยกันกับความมั่งคั่งเหลือคณานับของเขา ใครก็ตามที่กล้ามารบกวนชีวิตอันเงียบสงบและร่ำรวยของเขาจะถือว่าเป็นศัตรูของเขา!
ในตอนที่เขาเห็นโมเรสเทิร์น, เขาก็ตะโกนออกมาอย่างเดือดดาล “โมเรสเทิร์น, ข้าไม่คิดเลยนะว่าเจ้าจะเป็นผู้บุกรุก! เจ้าโจรน่ารังเกียจ!”
“นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดนะ; ฟังข้าก่อน!” โมเรสเทิร์นพยายามจะอธิบาย
“ไม่มีเรื่องเข้าใจผิดทั้งนั้น! ข้าเชื่อแค่สิ่งที่ข้าเห็น ครั้งนี้, เจ้าทำให้ข้าโกรธ เพราะฉะนั้นเตรียมลิ้มรสความพิโรธของข้าได้เลย!” ออร่าแห่งความมืดอันแข็งแกร่งแผ่ออกมาจากตัวดอเรียนในขณะที่เขาเห็นสัตว์คุ้มกันของเขาติดอยู่ในหยากไย่
จากนั้นเขาก็ยกดาบธาตุมืดในมือของเขาขึ้นมาแล้วชี้มันไปที่โมเรสเทิร์นอย่างกล่าวหา “นับรบของข้า, สับมันให้เป็นชิ้นๆซะ!”
ว้ากกกกก! นักรบขวานคำรามแล้วพุ่งใส่โมเรสเทิร์น พวกเขาใช้รูปแบบกระจายตัวเพื่อลดความอ่อนแอต่อเวทย์มนตร์ของพวกเขา
“ไอพวกป่าเถื่อนเอ้ย!” โมเรสเทิร์นก็เดือดดาลขึ้นมาเช่นกัน เขารู้ว่าการแก้ตัวนั้นไม่มีประโยชน์อะไรแล้วในตอนนี้ เขาทำได้แค่พึ่งพาความแข็งแกร่งของตัวเองเท่านั้น
เขายกคทาของเขาขึ้นมาแล้วรอจนนักรบขวานมาถึงระยะที่เหมาะสมสำหรับระยะการร่ายเวทย์ของเขาก่อนที่จะตะโกนออกมา “โนว่ากัดกร่อน!”
โนว่ากัดกร่อน
เวทย์เลเวล 7
มานาที่ใช้: 3,200 แต้ม
ผล: ด้วยการที่ผู้ร่ายเป็นจุดศูนย์กลางของเวทย์มนตร์, เวทย์นี้จะปล่อยระเบิดพลังงานที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงออกมาสามครั้งภายในเวลาหนึ่งวินาที เวทย์นี้มีแรงกระแทกระดับนึงและสามารถปัดเป่าสิ่งกีดขวางที่ขวางทางของมันได้
(หมายเหตุ; เวทย์สังหารของโมเรสเทิร์น!)
เวทย์นี้ไม่ใช่เวทย์ที่ฉูดฉาดอะไรนัก วงแสงสีเขียวออกมาจากตัวโมเรสเทิร์นสามวงและค่อยๆขยายไปทุกทิศทาง
อย่างไรก็ตาม, พลังโจมตีของเวทย์นี้ก็รุนแรงมาก
ด้วยการที่โมเรสเทิร์นเป็นศูนย์กลางของการทำลาย, ทุกๆอย่างที่อยู่ในรัศมี 180 ฟุตจะถูกเป่าออกไปทุกทิศทางในทันที ขณะที่เป้าหมายอยู่กลางอากาศ, พวกเขาจะถูกกัดกร่อนและเน่าเปื่อยไปด้วยฤทธิ์กัดกร่อนของเวทย์นี้ พอตอนที่พวกเขามาถึงพื้น, พวกเขาก็จะกลายเป็นกองฝุ่นสีขาวไปแล้ว
นักรบโครงกระดูกและสัตว์คุ้มกันเป็นพวกแรกที่ได้เจอกับการทำลายล้างโดยตรง จากนั้นนักสู้ขวานทมิฬก็ตามมา, เวทย์นี้สามารถทำลายพวกเขาไปได้กว่า 30 คนในทันที ส่วนนักสู้ขวานที่เหลืออยู่กว่าสิบคนนั้นสังเกตุเห็นบางอย่างผิดปกติแล้วถอยกลับมาในทันที, ดังนั้นพวกเขาจึงรอดจากความตายมาได้อย่างฉิวเฉียด
พอคลื่นเวทย์มนตร์กัดกร่อนสามระลอกซาลง, โมเรสเทิร์นก็มองไปที่กองฝุ่นสีขาวที่อยู่บนพื้นด้วยความภาคภูมิใจ จากนั้นเขาก็จ้องไปที่โดเรียนอย่างเย็นชา “นักรบ, เจ้าคิดจริงๆหรอว่าเจ้าแข็งแกร่ง? เจ้ามันก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากมดในสายตาของข้าหรอก”
โดเรียนรู้สึกตกใจกับการระเบิดของพลังโจมตีนี้จริงๆ เขาดีใจที่เขาไม่ได้เป็นคนพุ่งเข้าไปอย่างคึกคะนอง อย่างไรก็ตาม, เขาก็ยังมีอารมณ์หัวเราะออกมา “เจ้าร่ายเวทย์เลเวล 7 ไปกี่บทแล้วหล่ะ? ข้ามั่นใจว่าตอนนี้มานาของเจ้าคงใกล้จะหมดแล้วสินะ”
ขณะที่เขาหัวเราะ, เขาก็สั่งนักรบขวานที่เหลืออยู่สิบกว่าคน “ฆ่ามันซะ!”
นักรบขวานทมิฬนั้นพุ่งเข้าใส่โดยไม่มีร่องรอยของความกลัวในหัวใจของพวกเขาเลย
โดเรียนไม่ได้โจมตี เขาแค่กลับไปยังส่วนลึกของพระราชวัง เขาไม่ได้ถอยแต่เรียกไพ่แห่งชัยชนะของเขาออกมา ขุมพลังที่น่ากลัวที่สุดในพระราชวังแห่งนี้ไม่ใช่โดเรียน, หรือนักสู้ขวานทมิฬ มันคือบางสิ่งที่มักจะซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกของพระราชวังใต้ดิน—บางสิ่งที่แข็งแกร่งมากๆจนโดเรียนไม่มีทางที่จะต่อกรได้
ขณะที่เขากลับไป, โดเรียนก็หันมามองนักเวทย์ที่แข็งแกร่งคนนี้แล้วกระซิบออกมา “โมเรสเทิร์น, เตรียมพบกับความตายของแกได้เลย!”
โมเรสเทิร์นกัดฟันของเขาในขณะที่เขามองไล่หลังของเขาไป เวทย์ผนึกพื้นที่, ป้อมเงายังมีผลอยู่ มันแค่อ่อนแอลงไปเล็กน้อยด้วยพลังโจมตีของเวทย์โนว่ากัดกร่อน, ทำให้แสงของมันอ่อนลงมานิดนึง
แต่ว่าเขาไม่มีเวลามาห่วงเรื่องเวทย์นี้ ตอนนี้นักรบขวานทมิฬอยู่ห่างออกไปแค่ 90 ฟุตเท่านั้นและกำลังปล่อยออร่าต่อสู้ของพวกเขาออกมา
โมเรสเทิร์นสบถ “บ้าจริง! มีเรื่องที่ต้องจัดการมากเกินไป”
ภายใต้ผลของป้อมเงา, เขาไม่สามารถใช้เวทย์เคลื่อนย้ายของเขาได้ ดูเหมือนว่าเขาจะถูกกำหนดให้ถูกทิ้งไว้ที่นี่
อย่างไรก็ตาม, โมเรสเทิร์นยังมีความภาคภูมิใจของนักเวทย์เลเวล 7 อยู่ แม้จะรู้ว่ามันคือจุดจบ, แต่เขาก็ไม่ได้ยอมแพ้
นักสู้ขวานทมิฬยี่สิบคนไม่พอที่จะเอาชนะข้าได้หรอก
ขณะที่ความคิดนี้แล่นอยู่ในหัวของเขา, นักสู้ขวานทมิฬสามคนที่เร็วที่สุดก็เริ่มพุ่งเข้าใส่เขา แล้วพวกเขาก็ยกขวานยักษ์ในมือซึ่งตอนนี้ถูกห่อหุ้มด้วยออร่าสีดำของพวกเขาขึ้นมาด้วย ดูเหมือนว่าพวกเขาจะทุ่มพลังทั้งหมดไปกับการโจมตีนี้
โมเรสเทิร์นเตรียมรีบมือเอาไว้ เขาชี้คทาของเขาไปที่ศัตรูของเขาแล้วตะโกนออกมาในทันที “ออกไปซะ!”
เวทย์เลเวล 4, ระเบิดทิศทางเดียว!
พลังมหาศาลระเบิดต่อหน้านักรบขวานทมิฬทั้งสามคน แถมจังหวะของเวทย์นี้ยังเหมาะเจาะพอดีอีกด้วย, เกิดระเบิดขึ้นในตอนที่นักสู้ไปถึงความเร็วในการพุ่งสูงสุดของพวกเขาพอดี, ซึ่งบังเอิญเป็นจังหวะที่สมดุลของพวกเขานั้นแย่ที่สุด
พวกเขาลอยไปยังทิศทางตรงข้ามในทันทีในขณะที่ออร่าต่อสู้จากขวานของพวกเขาระเบิดใส่เพดาน ซึ่งนั่นไม่ใช่ทั้งหมด ขณะที่พวกเขากำลังลอยไปด้านหลัง, พวกเขายังกระแทกกับพรรคพวกคนอื่นๆของพวกเขาอีกสิบคนด้วย
ในฐานะนักเวทย์วูดูเลเวล 7, โมเรสเทิร์นเชี่ยวชาญในการสาบแช่งผู้อื่นจากเงามืด อย่างไรก็ตาม, นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าทักษะในการต่อสู้ของเขาจะกระจอก ยังไงซะ, เขาก็มีชีวิตอยู่มาหลายร้อยปีและได้พัฒนาเวทย์มนตร์ขั้นสูงสุดมามากมาย เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เล่นด้วยง่ายๆแม้ว่าจะเป็นการต่อสู้ซึ่งๆหน้าก็ตาม
“ช่างเป็นพวกป่าเถื่อนที่โง่เง่าจริงๆ!” โมเรสเทิร์นพูดในขณะที่เขาจ้องไปที่นักสู้ขวานทมิฬที่กำลังล้มอยู่ จากนั้นเขาก็ทุ่มสมาธิทั้งหมดของเขาไปกับการจัดการสิ่งมีชีวิตที่สมองมีแต่กล้ามเหล่านี้
ด้านนอกพระราชวังใต้ดิน, แวนซ์ถอยกลับมาหลังจากที่ร่ายเวทย์เงาสลาย
ขณะที่พวกเขาสามคนรู้สึกได้ถึงความผันผวนของเวทย์มนตร์อันแข็งแกร่งจากพระราชวังใต้ดิน, พวกเขาก็มองหน้ากันด้วยความหวั่นเกรง
“นักเวทย์วูดูคนนี้แข็งแกร่งจริงๆ!” ลิงค์แสดงความคิดเห็น
“แม้ว่าจะมีด้านที่โง่อยู่หน่อยนึงหล่ะนะ” เซลีนหัวเราะ
“เขาเป็นคนที่ฉลาดมากจริงๆ เขาทำผิดไปแค่อย่างเดียว แต่ว่า, ถ้าเขายังมัวยุ่งอยู่กับนักรบของโดเรียน, เขาก็คงจะทำผิดเป็นครั้งที่สอง” แวนซ์ยิ้มในขณะที่เขาเกาคางของเขาด้วยนิ้วกระดูกอันเพรียวบางของเขา
“ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้นหล่ะ?” ลิงค์สงสัย
แวนซ์มองด้วยความย่ามใจ “นอกจากสัตว์คุ้มกัน, ยังมีหุ่นเชิดเวทย์มนตร์ในพระราชวังใต้ดินของข้าด้วย เพื่อที่จะสร้างหุ่นเชิดตัวนี้, ข้าได้ใช้เวลาไปเกือบ 20 ปีและวัตถุดิบจำนวนมหาศาล พูดตามตรง, มันคือเครื่องจักรสังหารที่สมบูรณ์แบบ แม้แต่ข้าก็ไม่สามารถเอาชนะมันได้”
ลิงค์กับเซลีนมองหน้ากันในขณะที่พวกเขาอาลัยให้กับโมเรสเทิร์นอยู่เงียบๆ