เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - AST บทที่ 310 – หญิงตระกูลเฟิง ผู้อาวุโสยวิ๋น
- หน้าแรก
- เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
- AST บทที่ 310 – หญิงตระกูลเฟิง ผู้อาวุโสยวิ๋น
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 310 – หญิงตระกูลเฟิง ผู้อาวุโสยวิ๋น
ตระกูลซงนั้นทรงอำนาจในนิกายเทวโลกและสืบทอดสิ่งนี้กันมาหลายชั่วอายุคนและถือเป็นตระกูลที่ผ่านช่วงเวลาอันยาวนานในนิกายเทวโลกมามากมาย ตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงปัจจุบันมีสังฆราชจำนวนมากนับไม่ถ้วนที่เกือบจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดภายในคฤหาสน์ดวงดาว ภายในหมู่คนพวกนั้นมีสังฆราช 3 คน ในคฤหาสน์ดวงดาวที่มาจากตระกูลซง รวมทั้งผู้อาวุโสกว่าสิบคน และผู้นำเหล่าสาวกซึ่งพวกเขาใช้พยายามอย่างมากในการคอยฟูมฟักขึ้นมา" ชางหวู่ย่า หัวเราะเบา ๆ
ชิงสุ่ยค้นพบบางสิ่งจากข้อความนี้ แต่ไม่สามารถระบุมันได้ เขาเงยศีรษะของเขาขึ้นในทันทีทันใดและพูดกับชางหวู่ย่าด้วยความตกใจ "ท่านอาจารย์อาวุโสกำลังจะบอกว่าคฤหาสน์ดวงดาวกำลังพิจารณาการเปลี่ยนแปลงจากการสืบทอดมรดกของเหล่านิยายไปเป็นพวกชนชั้นสูงเช่นนั้นหรือ?"
ชางหวู่ย่านิ่งเงียบและยิ้มให้ชิงสุ่ย… ในที่สุดเขาก็พยักหน้าตอบ!
ชิงสุ่ยนึกถึงการกระทำที่ไม่ตั้งใจของเขาในวันนี้และสงสัยว่าเขาได้ทำให้ตระกูลซงเสื่อมเสียผลประโยชน์บางอย่างไป
ชิงสุ่ยมองไปที่ชางหวู่ย่าและตระหนักว่าอาจารย์อาวุโสยังคงนั่งอยู่ที่นั่นพร้อมกับรอยยิ้ม ชางหวู่ย่านิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า "เวลานี้เจ้าได้ทำให้ตระกูลซงเกิดความขุ่นเคืองแล้ว ดังนั้นแม้ว่าเจ้าจะมีพวกเราคอยเฝ้าดูอยู่ แต่เจ้าต้องจำไว้ว่าต้องระวัดระวังการกระทำให้ดีเมื่อใดก็ตามที่เจ้าอยู่นอกนิกายเทวโลก เจ้าอาจจะรู้สึกสบายใจในตอนนี้ที่ยังอยู่ในนิกายเทวโลกเนื่องจากจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ แต่จงระวังเอาไว้เมื่อเจ้าอยู่ข้างนอกนิกายเทวโลก" ชางหวู่ย่าพูดเตือนชิงสุ่ยซ้ำๆอย่างจริงจัง
"อืม ขอบคุณท่านอาจารย์อาวุโส!" ชิงสุ่ยตอบอย่างจริงใจ ชางหวู่ย่ายังคงมีท่าทีเหมือนเดิมดั่งเช่นที่เคยเป็น ชิงสุ่ยรู้สึกขอบคุณอย่างแท้จริงต่อชายชราผู้ใจดีคนนี้ที่อยู่เบื้องหน้าเขา
ข่าวของชิงสุ่ย สาวกของคฤหาสน์ดาราจันทราที่จัดการผู้นำเหล่าสาวกแห่งคฤหาสน์ดวงดาวแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง เพียงแค่ชั่วครู่ทั่วทั้งนิกายเทวโลกก็ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้
ฝั่งคฤหาสน์ดาราจันทรานั้นเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและความพึงพอใจ สาวกทุกคนรีบส่งข่าวออกไป ตอนนี้มันดูคึกคักมากกว่าช่วงปีใหม่เสียอีกและพวกเขาจะรู้สึกถึงบรรยากาศที่ไม่ค่อยสบายใจถ้าพวกเขาไม่ได้แบ่งปันเรื่องราวนี้ให้กับผู้อื่น
ดังนั้นในเวลาไม่กี่วันมานี้ชื่อของชิงสุ่ยและข่าวที่เขาจัดการผู้นำสาวกของคฤหาสน์ดวงดาวจึงเป็นที่รู้จักกันไปทั่วของผู้คนในคฤหาสน์ดาราจันทรา
ตระกูลซง!
"ท่านพ่อ!" นี่เป็นครั้งแรกที่ซงหลางรู้สึกอับอายมากเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าบิดาของเขา
ซง หยวนจ้าน บิดาของซงหลาง มีหน้าตาคล้ายคลึงกับเขา แต่เป็นผู้ใหญ่วัยกลางคนและสวมเสื้อคลุมสีเหลืองทับเสื้อตัวในสีม่วง ทำให้สัมผัสได้ถึงความสง่าและมีภูมิฐานของเขา
ลักษณะใบหน้าของซงหลางมีความคล้ายคลึงกับซงหยวนจ้านมาก ทำให้ซงหลางนั้นเหมือนกับเป็นตัวแทนซงหยวนจ้านในวัยหนุ่ม
ในขณะนี้หน้าของซงหยวนจ้านเป็นสีเขียวทะมึนและริมฝีปากของเขาก็สั่นเล็กน้อย ทุกคนเห็นว่าเขาเต็มไปด้วยความโกรธ เลือดของเขาเดือดพล่านเมื่อเขาจ้องมองที่ซงหลาง
“โง่!”
ซงหลางก้มหน้าของเขาและมองไปทางบิดาที่เคารพนับถือของเขาด้วยความไม่เชื่อสายตา บิดาผู้ซึ่งรักและเอ็นดูเขามากตั้งแต่ยังวัยหนุ่มและไม่เคยขึ้นเสียงแบบวันนี้กับเขาเลย
ตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างแตกเป็นเสี่ยงๆ ภาพลักษณ์ของบิดา
ที่มีต่อเขาดูแปลกประหลาดไปและน่าตกใจ เขาตระหนักว่าความรู้สึกของความเกลียดชังค่อยๆเพิ่มขึ้นในหัวใจของเขา
"โง่เขลา หลายสิบปีที่ข้าอุตส่าห์เสียแรงเสียเวลา เจ้าทำให้ข้าผิดหวังอย่างมาก" หลังจบคำพูดซงหยวนจ้านก็อยู่ในท่าทางที่เย่อหยิ่งและลำตัวตั้งตระหง่านเล็กน้อย
เขาเตรียมการสำหรับตระกูลของเขามาเป็นเวลาหลายสิบปี โดยไม่รวมถึงสังฆราชทั้งสามคนและผู้อาวุโสอีกกว่าสิบคนที่มีอยู่แล้วพร้อมกับผู้อื่นในคฤหาสน์อีกด้วย เขาเพียงแต่หวังว่าลูกชายของเขาจะได้รับตำแหน่งประมุข ตลอดมาเขาพยายามสนับสนุนคนของตัวเองและกีดขวางทางผู้อื่น จนในที่สุดก็ทำให้ตระกูลซงสามารถกุมอำนาจในคฤหาสน์ดวงดาวเอาไว้ได้
แต่ตอนนี้ตำแหน่งผู้นำเหล่าสาวกของลูกชายเขาที่วางเอาไว้กลับใกล้จะถูกแย่งชิงไป เหล่ามิตรสหายจากตระกูลอื่นๆอาจจะใช้สิ่งนี้เพื่อสร้างความวุ่นวายได้
ไม่เพียงแค่นั้น ชื่อเสียงของตระกูลซงก็อาจจะเกิดความเสียหายเป็นอย่างมากเมื่อตระกูลที่มีอำนาจกลับต้องมาแพ้คฤหาสน์ดาราจันทรา…
"พี่ใหญ่อย่าได้ตำหนิหลางเอ๋อเลย ความสามารถของไอเด็กสารเลวนั้นมันเหนือกว่าหลางเอ๋อนัก" น้องสามกล่าวกับซงหยวนจ้าน
"เจ้ามันไม่มีสมอง ขี้เกียจ และอวดดีกับความสามารถของเจ้า แต่ความสามารถเหล่านั้นแท้จริงแล้วเป็นเพราะโอสถของข้าที่คอยมอบให้แก่เจ้า เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะ แต่จริงๆแล้วเจ้ามันโง่เง่า" ซงหยวนจ้านโกรธมากขณะที่เขาดุด่า
ซงหลางก้มศีรษะลง เขาไม่เคยถูกดุด่าเช่นนี้มาก่อนและขณะนี้เขาก็ถอยห่างออกมาจากตรงนั้นอย่างช้าๆ เขาไม่สามารถทนรับอารมณ์โกรธที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหันของบิดาได้
ในเวลานี้ชายชราคนหนึ่งที่มีผมสีเงินสวมชุดสีขาวได้เดินเข้ามา เขาเป็นคนที่มีรูปร่างสันทัดและไม่มีหนวดเครา แต่ลักษณะเด่นที่สุดของเขาคือปากของเขา ริมฝีปากของเขาบางอย่างไม่น่าเชื่อ
"ท่านลุงสาม ท่านมาที่นี่มีอะไรหรือ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?" ซงหยวนจ้านเห็นชายชราจึงรีบเดินไปด้านหน้าเพื่อทักทาย
ชายชราส่ายหัวและยิ้ม เขามองอย่างดูหมิ่นในขณะที่เขายิ้มด้วยริมฝีปากบางๆของเขา จากนั้นเขาก็มองไปที่ซงหยวนจ้านและกล่าวว่า "ตำแหน่งผู้นำเหล่าสาวกของหลางเอ๋อนั้นกำลังจะถูกแย่งชิงไปและผู้นำเหล่าสาวกคนถัดไปจะมีเพียงเงื่อนไขเดียวเท่านั้นที่จะต้องทำให้สำเร็จเพื่อรับตำแหน่ง"
เสียงของชายชราเป็นแค่เสียงกระเพื่อมเพียงเล็กน้อยและฟังดูแปลกมาก แต่ซงหยวนจ้านและเฮซานก็ไม่ได้มีท่าทีใดๆเปลี่ยนไป เหมือนกับว่าพวกเขาเคยชินกับมัน
"เงื่อนไขอะไร?"
"เอาชนะไอคนสารเลวจากคฤหาสน์ดาราจันทราแล้วเขาก็จะได้ขึ้นเป็นผู้นำเหล่าสาวกแห่งคฤหาสน์ดวงดาว!"
ซงหยวนจ้านนิ่งเงียบไป!
พร้อมกันนั้นในคฤหาสน์ดวงดาวผู้คนต่างก็พูดคุยและแสดงอารมณ์ต่างๆนานา หลายคนกำลังสาปแช่งซงหลางที่ไร้ความสามารถซึ่งพ่ายแพ้คนจากคฤหาสน์ดาราจันทราอย่างสิ้นเชิง
ในขณะที่บางคนกำลังทุกข์ทรมานอยู่ คนอื่นก็มีความสุข ทางด้านตระกูลเฟิงนั้นมีความกังวลที่แตกต่างออกไปจากตระกูลซง สมาชิกหลักของตระกูลได้มารวมตัวกันที่ห้องโถงใหญ่ของตระกูลซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้อาวุโสระดับสูงที่มีเส้นผมเป็นริ้วสีขาว
ผู้อาวุโสระดับสูงคนหนึ่งนั่งอยู่บนที่นั่งหลักเป็นชายชราที่มีรูปร่างปานกลาง ผมของเขากว่าครึ่งหัวเป็นสีขาวทำให้เขาดูเข้ากันดีกับสภาพแวดล้อมของเขา
ดวงตาทั้งสองข้างของเขาสว่างไสว เขาหรี่ตาเล็กลงและมองยาวไปยังกลุ่มคนที่นั่งอยู่ด้านล่างพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา ทำให้รู้สึกประทับว่าเขาแข็งแรงและรวดเร็วในการทำงานของเขา
"เหล่าพี่น้องผู้นำทั้งหลาย ตระกูลซงเคยฉกฉวยมันไปในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ตอนนี้ถึงเวลาของตระกูลเฟิงแล้ว" ผู้อาวุโสระดับสูงยืนขึ้นและพูดกับเหล่าสมาชิกหลักของตระกูลเฟิงตรงที่นั่งหลัก
"ผู้อาวุโสลั่วพูดถูก พวกเราเตรียมการมาพร้อมหลายปีแล้วและตำแหน่งผู้นำเหล่าสาวกถือเป็นก้าวที่สำคัญของพวกเรา มันเป็นก้าวที่แข็งแกร่งทั้งการโจมตีและป้องกัน" ชายหนุ่มที่สุภาพลุกขึ้นยืนและแสดงความคิดเห็น
"สิ่งต่างๆอาจจะไม่ราบรื่น?" ในเวลาเดียวกันหญิงวัยเจริญพันธุ์ผู้เย้ายวนที่ยืนอยู่ทางซ้ายมือของเขาก็พูดขึ้น อายุของเธอไม่สามารถระบุได้แน่ชัด เธอมีดวงตาที่ส่องประกายไปด้วยสติปัญญาบนใบหน้าอันงดงามของเธอและร่างกายที่เพรียวบาง แต่รูปร่างของเธอกลับอัดแน่นเต็มเสื้อผ้า เนินออกของเธอสั่นไหวอย่างนุ่มนวลขณะที่เธอพูด
ในขณะที่เธอพูดจบก็มีหลายคนมองมาที่เธอ ในบรรดาผู้ที่มองมาหลายคนมองด้วยความลามกและชั่วร้าย เธอเป็นหญิงที่โตเต็มวัย เธอไม่ได้สนใจต่อการจ้องมองของพวกเขาและจ้องไปที่เหล่าผู้นำตระกูลเท่านั้น
"ผู้อาวุโสยวิ๋นพูดต่อไป" ผู้นำตระกูลเฟิงยิ้มอย่างมั่นใจ
"ข้าคิดว่าการทวงคืนตำแหน่งผู้นำเหล่าสาวกจากตระกูลซงถือเป็นโอกาสสำหรับพวกเรา แต่อย่างไรก็ตามมันก็จะเป็นโอกาสสำหรับผู้อื่นเช่นกัน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นตัวปัญหาสำคัญมากนัก" ดวงตาอันชาญฉลาดของผู้หญิงคนนี้มุ่งตรงไปประมุขของเธอและการแสดงออกในสายตาของเธอก็เป็นอะไรที่เข้าใจได้ยาก
"เจ้ากำลังพูดเกี่ยวกับประมุขของคฤหาสน์ดาราจันทราหรือ" ผู้นำตระกูลเฟิงตอบเบาๆ
"ใช่ ท่านประมุขทราบถึงการตัดสินใจของตระกูลเฟิงแล้ว พวกเขาไม่มีหลักฐานหรือข้อแก้ตัวเพื่อป้องกันเรื่องนี้ พวกเขามีเวลาจำกัด เพราะฉะนั้นพวกเขาจะต้องหาหนทางที่จะหยุดยั้งเรื่องนี้เอาไว้" ดวงตาที่สดใสของผู้หญิงคนนี้มองตรงไปที่ผู้นำตระกูล
ชายหลายคนมองอย่างกระหายไปที่ดวงตาของเธอ แม้แต่กลุ่มคนชราก็ไม่อาจจะหักห้ามใจได้ ผู้หญิงคนนี้ช่างน่าหลงใหลและคลั่งไคล้โดยปราศจากคู่แข่ง
ชายชราบางคนมองอย่างเงียบๆขณะที่พวกเขาปิดตาลงเล็กน้อยและนั่งอยู่เช่นเดิม
"ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พวกเราต้องทำให้เทียนเอ๋อได้ตำแหน่งผู้นำเหล่าสาวกมาให้ได้ แม้ว่าพวกเราจะต้องรออีกเป็นสิบปีก็ตาม" ผู้นำตระกูลเฟิงกล่าวอย่างแน่วแน่
“ท่านผู้นำตระกูลโปรดวางใจ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถบรรลุถึงเป้าหมายดังกล่าวได้เช่นเดียวกับพวกเรา ดังนั้นมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่พวกเราจำเป็นที่จะต้องกังวล" เธอแสดงความคิดเห็นอย่างอ่อนโยน
"ผู้อาวุโสยวิ๋น ถ้าเจ้ามีความคิดใดๆก็สามารถแสดงออกมาได้ ที่นี่มีเพียงแค่คนของพวกเราเท่านั้น" คำพูดจากผู้นำตระกูลเฟิงทำให้ทุกคนในห้องโถงใหญ่รู้สึกอบอุ่น
เธอมองไปรอบๆและเผยรอยยิ้ม ทันทีทันใดก็ที่มีเสียงของคนที่กำลังกลืนน้ำลายของพวกเขา เธอเดินไปด้านหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า "ท่านประมุขกล่าวว่าพวกเราต้องเอาชนะชายหนุ่มจากคฤหาสน์ดาราจันทราให้ได้ ถ้าหากพวกเราต้องการตำแหน่งผู้นำเหล่าสาวก…"
,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,
ในเวลาเดียวกัน ชิงสุ่ยกำลังปรึกษาชางหวู่ย่าเกี่ยวกับเรื่องศิลปะการต่อสู้ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในแผ่นดินใหญ่ และดินแดนที่มีอิทธิพลบางแห่ง
"ชิงสุ่ย ถ้าใครมาหาเจ้าเพื่อขอความช่วยเหลือหรือมีปัญหาบางอย่างที่ไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก เจ้าอาจจะลองตกลงกับพวกเขาดูก็ได้และบอกสิ่งของที่เจ้าต้องการ โปรดจำไว้ว่าต้องเรียกร้องให้มากๆ" ชางหวู่ย่ายิ้มให้กับชิงสุ่ย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเมตตา สติปัญญา และความแน่วแน่
ชิงสุ่ยงงงวยเล็กน้อย แต่พยักหน้าอย่างจริงจัง!
ในตอนบ่าย ห่าวหยุนลิ่วลี่ดึงชิงสุ่ยและชางห่ายหมิงเยวี่ยออกไปเพื่อเดินเล่น ชางหวู่ย่าเห็นดังนั้นก็ยิ้มด้วยความผ่อนคลายขณะพวกเขาออกไป
"ชิงสุ่ย พวกเราไปที่ด้านหลังของเทือกเขาเถอะ ที่นั่นมันเงียบสงบ" ห่าวหยุนลิ่วลี่กล่าวกับชิงสุ่ยขณะเดินออกจากประตู
การพูดถึงด้านหลังของเทือกเขากับความเงียบสงบคืออะไร ชิงสุ่ยไม่รู้จะทำอย่างไร เขาจำได้ว่ามีคู่รักหลายคู่อยู่ที่นั่น ห่าวหยุนลิ่วลี่กำลังคิดอะไรถึงได้อยากไปที่นั่น?
แม้ว่าเขาจะรู้ว่ามันคงไม่ใช่อย่างนั้น แต่จินตนาการและหัวใจของชิงสุ่ยก็เดินและจ้องมองไปที่ยอดเขาสองลูกของหญิงสาวที่เหมือนเทพธิดาเบื้องหน้าเขา
ทั้งสองคนโกรธและจ้องมองมาที่ชิงสุ่ย โดยเฉพาะห่าวหยุนลิ่วลี่ผู้ซึ่งพูดว่า "คนสารเลวชั่วร้ายได้แค่คิด แต่ไม่มีความกล้าที่จะทำมัน"