เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - AST บทที่ 309 – ชิงสุ่ย ไปทำให้จิตใจคู่หมั้นเจ้าเย็นลงซะ
- หน้าแรก
- เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
- AST บทที่ 309 – ชิงสุ่ย ไปทำให้จิตใจคู่หมั้นเจ้าเย็นลงซะ
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 309 – ชิงสุ่ย ไปทำให้จิตใจคู่หมั้นเจ้าเย็นลงซะ
ไม่มีใครบอกได้ว่าซงหลางคิดอะไรอยู่ เขาพุ่งเข้ามาฟาดแส้ใส่ชิงสุ่ยดุจดังมังกรสบัดหาง ท่วงท่านี้สง่างามยิ่งกว่าก่อนหน้า แต่มันน่ากลัวและรับมือยากยิ่งขึ้น
ชิงสุ่ยไม่ได้รู้สึกว่าโดนกดดัน ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมนี้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติของสภาวะทางจิตใจในตอนนี้ของเขา เขาก้าวถอยหลังอย่างเป็นธรรมชาติ และทันใดนั้นพุ่งกลับเข้าไปด้วยความเร็วดั่งลำแสง
ด้วยเวลาที่เหมาะสม เขาหลบแส้ของศัตรูด้วยการก้าวถอยหลัง ตอนที่ศัตรูฟาดแส้ลงมา เขาใช้ย่างก้าวอำพรางเมฆเพื่อหลบการโจมตีนั่น
ทันใดนั้น ท่วงท่านั่นรวดเร็วขึ้นกว่าก่อนหน้าราวกับเดินผ่านทางลัด!
ซงหลางยืนอย่างงุนงง เขารู้ว่าตอนนี้มีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างทั้งคู่! ซงหลางยืนอย่างงุนงงกับการพุ่งเข้ามาของกระบี่เขารู้ว่านี่จะนำไปสู่ความตาย
“น้องชาย โปรดเมตตาด้วย!” มีเสียงตะโกนออกมา
ชิงสุ่ยยังคงจำสายตาที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟันของซงหลางได้ เขาต้องการให้มันพิการหากฆ่าสังหารไม่ได้ ชิงสุ่ยไม่ได้ละทิ้งพยายามใด ๆ และยังพุ่งกระบี่ของเขาไปทางซงหลาง
หากเป็นคนปกตินั้น มันดูเหมือนว่าสายเกินไปที่หยุดยั้งกระบี่ของเขาที่พุ่งไปข้างหน้า
และเมื่อกระบี่ของชิงสุ่ยสัมผัสกับผิวของซงหลาง มีเงากระบี่พุ่งเขามาปัดป้องกระบี่ของชิงสุ่ยทันที เสียงของใบมีดที่ปะทะกันกังวาลราวกับระฆัง
ชิงสุ่ยสามารถสัมผัสได้ถึงพลังทีพุ่งออกจากกระบี่ดารายุพฆาต เขาไม่สามารถต้านทานพลังงานได้ ดังเขาจึงถอยไป3ก้าวเพื่อรักษาสมดุลของตน ชิงสุ่ยยกศีรษะขึ้นเพื่อมองดูชายที่เหลือซงหลาง
ชายกำยำผิวสีดำและเต็มไปด้วยหนวดเครา มีคิ้วหนาและดวงตาใหญ่ สายเฉพาะตาคู่นั่นที่เปร่งประกายดังอัญมณีสีดำ ริมฝีคปากหนา และจมูกทรงหยดน้ำ แต่ชายคนนี้ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกประทับใจในจิตใจและสง่าผ่าเผยของเขา
“หลางน้อยของข้า เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?” ชายร่างกำยำมองหน้าซงหลางขณะกล่าว
ซงหลางส่ายหน้าอย่างหดหู่ แม้ว่าเขาจะรอดตาย เขาเป็นคนที่มักหยิ่งผยองและตอนนี้รู้สึกหดหู่กับความพ่ายแพ้ของเขา อย่างน้อยความกดดันที่เขามียังคงไม่หายไป และเขาไม่สามารถเชิดหน้าได้ ไม่ว่าจะไปที่ไหน
เพราะเขาแพ้ในการประลองกับคฤหาสน์ดาราจันทรา!
“น้องชาย การประลองสิ้นสุดลงแล้ว เจ้าจะได้รับการยกย่อง และในนามของตระกูลซ่ง ข้าจะตอบแทนให้ในภายหลัง” ชายร่างกำยำยิ้มเมื่อเขากล่าว ฟันของเขาสว่างดังลำแสง
ชิงสุ่ยคิดว่าชายผู้นี้ต้องมีตำแหน่งสูงในตระกูลซง เพราะเขาเรียกซงหลางว่า ‘หลางน้อยของข้า’ ไม่อย่างนั้น ชายกำยำผู้นี้คงไม่กล้ากล่าวแทนในนามของตระกูลซง
ไม่เป็นการดีหากมีปัญหากับชายผู้นี้ ชิงสุ่ยตัดสินใจปล่อยซงหลาง นอกจากนี้ เขายังรับข้อเสนอนั่นเพราะพลังของชายกำยำผิวดำผู้นี้ไม่ใช่เรื่องตลก ชิงสุ่ยรู้สึกถึงผู้ที่แข็งแกร่งกระจายอยู่รอบๆที่แห่งนี้
“น้องสามเฮย เหตุใดเจ้าจึงมากลั่นแกล้งผู้คนของคฤหาสน์ดาราจันทรา” เสียงอันเป็นมิตรดังเข้ามา
ชิงสุ่ยยิ้ม เขาส่งสารไปยังเฟย หวู่จี้ที่จู่ๆก็ปรากฏตัวออกมา – คนที่เขาเคารพมากที่สุด “อาจารย์ลุง!”
“ท่านพี่หวู่จี้ มันเป็นการเข้าใจผิด มันเป็นเพียงความเข้าใจผิดทั้งหมด เด็กๆย่อมมีข้อโต้แย้งกัน ครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นความผิดของเจ้าเด็กน้อยหลาง ข้ามาเพื่อขอโทษในนามของตระกูลซง แน่นอนว่าข้าจะตอบแทนให้น้องชายผู้นี้อย่างแน่นอน” ชายที่ชื่อพี่สามเฮย กล่าวอย่างตรงไปตรงมา เขามีรอยยิ้มและความรู้สึกอ่อนโยนและจริงใจ
“ฮ่าฮ่า ดี ข้าจะได้ไม่กังวลในเรื่องและจะจำไว้ว่าตระกูลซงได้แก้ไขเรื่องนี้แล้ว แล้วข้าจะลดเกียรติไปเยือนตระกูลซง!” เฟย หวู่จี้หัวเราะเสียงดัง
“ท่านลุงสาม ท่านพ่อ ท่านอาจารย์ พวกเขา…” ซงหลางหน้าซีด
“ค่อยพูดเรื่องนี้เมื่อกลับไป” ขณะที่พูดพี่สามเฮยยังคงยิ้ม
ขณะเดียวกัน เสียงกู่ร้องของคฤหาสน์ดาราจันทราดังไปทั่วจตุรัส โดยเฉพาะเสียงจากหญิงสาว พวกเขากู่ร้องไปชิงสุ่ย แต่หยุดลงเมื่อชิงสุ่ยคิ้วขมวด
“ชิงสุ่ย ไปหาท่านผู้อาวุโสนั่น พวกผู้หญิงก็มาและทุกๆคนก็มาที่นี่ ลิ่วลี่พึ่งบ่นที่ไม่ได้เจอเจ้ามาเป็นเดือน” เฟย หวู่จี้ ยิ้มอย่างมีความสุข
ชิงสุ่ยพยักหน้า“ตกลง ข้าจะไปหาท่านผู้อาวุโส”
เฟย หวู่จี้ รู้สึกประทับใจทุกครั้งที่เขาเห็นชิงสุ่ย เด็กหนุ่มมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว เมื่อเวลาผ่านไป เขายังคงรู้สึกเศร้ากับกลิ่นอายของสงบนิ่งดังภูผาบนร่างของชิงสุ่ย เพราะกลิ่นอายของเฟย หวู่จี้ ไม่ได้สง่าอย่างของชิงสุ่ย
ชีวิตของเฟย หวู่จี้ไม่ได้สมบูรณ์แบบ เขายังขาดบางอย่าง เช่น ความรักจากเด็กๆ บิดา มารดา อารมณ์แห่งความรัก…
ชิงสุ่ยเคยแทบจะไม่รอด และเคยเห็นอะไรมามาก สถานะภาพทางจิตใจและความเข้าใจของเขา และความแข็งแกร่งนั่นทำให้ชิงสุ่ยเข้า “สงบนิ่งดังภูผา” อย่างแท้จริง โดยบังเอิญ
สองเดือนก่อนหน้านี้เฟย หวู่จี้ สังเกตเห็นว่ากลิ่นอายบนร่างกายชิงสุ่ยเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เหมือนจะกดดันแต่เรียบง่ายในรากฐานของสงบนิ่งดังภูผา
ชิงสุ่ยรู้ว่าทั้งสองเดือนที่ผ่านมาเขาเอาแต่ฝึกวิชา เขาไม่เจอสตรีทั้งคู่เลย เขาไม่ต้องการคิดอะไรมาก ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาทั้งหมดในการฝึกฝน
เมื่อเขามาพบชาง หวู่ย่า สตรีทั้งสองเดินออกมาอย่างยินดี เมื่อพวกเธอได้ยินเสียงเท้าของชิ่งสุุ่ยและเฟย หวู่จี้ ชิงสุ่ยรู้สึกถึงความห่วงใยและความรู้สึกอื่น ๆที่ไม่ปรากฏจากดวงตาที่สวยงาม
ชิงสุ่ยเกาจมูกของเขาอย่างงุ่มง่ามเมื่อเขาเห็นความขมขื่นที่ซ่อนอยู่ในสายตาของพวกเธอ ห่าวหยุน ลิ่วลี่วิ่งตรงมายังเขาและโอบกอดรอบคอ
“ฮึ ฮึ ฮึ!”
เมื่อเธอเห็นว่าชิงสุ่ยยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น ห่าวหยุน ลิ่วลี่ หัวเราะออกมามันราวกับว่ามีเสน่ห์และมีความร้าย
เฟย หวู่จี้หัวเราะเบาๆและเดินไปข้างใน
ชิงสุ่ยวางมือของเขารอบๆเอวบางของห่าวหยุน ลิ่วลี่ อุ้มเธอขึ้นจากพื้นและหมุนรอบตัวไม่กี่รอบก่อนที่จะวางเธอลง เธอดุขดังถูกห่อหุ้มด้วยน้ำหอมและมันได้เข้าไปยังจมูกของเขา ชิงสุ่ยรู้สึกได้ถึงความนุ่มนวลและงดงามจากอ้อมกอดขณะที่เขาถูกมันครอบงำไปชั่วขณะ
แม้คนเจ้าชู้อย่างชิงสุ่ยจะไม่ได้ลิ้งลองรสชาติของ“เนื้อ”ชิ้นนี้ และก่อนที่เขาจะกล่าวอะไร เขารีบปล่อยตัวห่าวหยุน ลิ่วลี่ในตอนนั้น ชิงสุ่ยสังเกตเห็นความยินดีในตาคู่นั้น
ห่าวหยุน ลิ่วลี่ หัวเราะและผลักชิงสุ่ยไปหา ชางห่าย หมิงเยวี่ย “ไปทำให้จิตใจคู่หมั้นเจ้าเย็นลงซะ ก่อนเธอจะถูกฉกฉวยโดยผู้อื่น”
“ลิ่วลี่ เจ้ากล่าวอะไรไร้สาระ…”
ห่าวหยุน ลิ่วลี่หัวเราะเบาๆและเดินเข้าไปในบ้าน!
ชิงสุ่ยเข้าใจในสิ่งที่ห่าวหยุน ลิ่วลี่พูดเพราะซงหลางพยายามชิงตัวชางห่าย หมิงเยวี่ย เขาไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอเอาใจเจ้าเด็กที่น่าสงสารนั่นในช่วงเวลาสั้นๆนี้
“ฮ๋ษ ฮ่า เยว่ เยว่ ให้ข้าได้ยินเจ้าเรียกสามีหน่อยสิ หลังจากที่เจ้าเป็นคู่หมั้นข้า” ชิงสุ่ยโอบเอวชางห่าย หมิงเยวี่ยเบาๆ
ชิงสุ่ยตื่นเต้นกับความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมนี้ ราวกับว่าเขากำลังลอยตัวและไม่สามารถแตะกับพื้นได้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาตัวติดกัน บางทีเขาอาจขโมยจูบเธอ แต่เขามักจะรู้สึกสัมผัสได้ในสิ่งไม่อาจอธิบายได้
เธอสัญญากับชิงสุ่ยไว้ว่าจะให้เขากอด!
“ชิงสุ่ย อย่าฟังสิ่งที่ลิ่วลี่กล่าวไร้สาระ…”
ชางห่าย หมิงเยวี่ย ไม่ได้ออกจากอ้อมกอดของชิงสุ่ย เพราะเขาไม่ได้เอาเปรียบเธอแม้ว่าเขาโอบเอวเธอเอาไว้ แต่เขาก็สนุกกับคำพูดของเขา
“เจ้ารู้สึกยังไงกับสาวกของคฤหาสน์ดวงดาว?” ชิงสุ่ยยิ้มอย่างล้อเล่น
ตอนนี้ ชิงสุ่ยประกอบด้วย3ส่วนของความสุภาพ 3ส่วนของอ่อนโยน 3ส่วนของความโหดร้าย และหนึ่งส่วนของความเด็ดเดี่ยว ชางห่าย หมิงเยวี่ยมองไปยังชิงสุ่ยที่อยู่ข้างเธอ แต่เธอรู้สึกว่าเธอไม่สามารถมองเห็นเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ราวกับว่าเขาไม่คุ้นเคยมากขึ้นจากก่อนหน้านี้
แต่ยังไง เธอไม่ได้ปฏิเสธชิงสุ่ย เธอจดจำสิ่งที่ชิงสุ่ยทำเพื่อเธอ และมองไปที่ ชิงสุ่ยชั่วขณะ ดวงตาสีดำของเธอจ้องมองที่ชิงสุ่ยโดยไม่กระพริบ
ชิงสุ่ยรู้สึกผิดปกติลึกๆกับดวงตาสวยของเธอที่มองมายังเขา ดังนั้นเขาจึงตบเบาๆไปที่บ่าของเธอ
ขณะที่เธอรู้สึกว่ามีการสัมผัสที่ไหล่ที่เนียนและนุ่มของเธอ ชางห่าย หมิงเยวี่ยหลุดออกจากพะวังและสงบสติอารมณ์ ใบหน้าของเธอเป็นสีชมพูจากความอาย
ชิงสุ่ยชะงักจากดวงตาคู่สวยและการกระพือของขนตายาวของเธอ ความงามของเธอก็เพียงพอที่จะทำให้ ชิงสุ่ยสั่นไหว
“เข้าไปข้างในกันเถอะ อยู่ข้างนอกเช่นนี้ย่อมไม่ดี!”
มีบรรยากาศที่คลุมเครืออยู่ครู่หนึ่งก่อนชางห่าย หมิงเยวี่ยจะกล่าวออกมาเบาๆว่า เธอไม่ได้ตอบที่ชิงสุ่ยเยาะเย้ย เพราะเธอรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่ไร้สาระอีกต่อไป
ชิงสุ่ยยิ้มและพยักหน้าเขาโอบเอวเธอเอาไว้เบาๆ จากนั้นเขาก็เดินเคียงข้างเธอเข้าไปในห้องรับแขก
เมื่อชาง หวู่ย่าพบชิงสุ่ยอีกครั้ง เขาจ้องด้วยความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ชิงสุ่ยนั้นทำให้เขาประหลาดใจมาก ดังนั้นชาง หวู่ย่าสามารถรับสถานการณ์ที่เกิดได้แม้จะรู้สึกประหลาดใจ
เมื่อเขามองยังชิงสุ่ยและชางห่าย หมิงเยวี่ย ชาง หวู่ย่ามีรอยยิ้มอันพึงพอใจเพราะทั้งคู่กำลังเดินเคียงข้างกัน!
“ข้าขอโทษที่ไม่ได้มาพบผู้อาวุโสก่อนหน้านี้” ชิงสุ่ยยิ้มเมื่อพูดกับชาง หวู่ย่า
“ฮ่าฮ่า ผู้คนวัยเยาว์ย่อมต้องฝึกฝน เจ้าทำได้ดี ชายชราผู้นี้รับรู้ถึงจิตใจของเจ้า แม้ว่าตอนนี้ข้าจะชรามากแล้ว ข้ายังคงมีประสบการณ์ในบางเรื่อง หากมีอะไรที่มันรบกวนเจ้า โปรดบอกข้า บางทีข้าอาจช่วยเจ้าได้ ข้ามีเพียงพวกเจ้า”
คำพูดของชาง หวู่ย่าดูใจดี ชิงสุ่ยสามารถรู้สึกถึงความจริงใจของเขาผ่านคำพูดของเขา ไม่มีความไม่จริงใจในเสียงของเขา สำคัญที่สุด ชิงสุ่ยรู้สึกถึงความรู้สึกของชาง หวู่ย่าที่ต้องการให้เขาและชางห่าย หมิงเยวี่ยใช้ชีวิตด้วยกันในอนาคต บางทีอาจรวมถึงห่าวหยุน ลิ่วลี่
“ชิงสุ่ย เหตุผลที่ข้าอยากจะพบเจ้าเพื่อพูดเรื่องผลประโยชน์ระหว่างตะกูลซง” ชาง หวู่ย่ายิ้มเบาๆขณะนั่งลงบนโต๊ะกาแฟข้างๆทุกคน
ชิงสุ่ยตกใจที่ชายชราเปิดหัวข้อเรื่องตระกูลบางตระกูลที่ทรงอำนาจ อย่างน้อยมีอำนาจมากพอใน นิกายเทวโลก ชิงสุ่ยฟังอย่างตั้งใจ
“เจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้าได้พูดไปก่อนหน้าแล้วว่าจะช่วยเหลือ ตราบเท่าที่เจ้าไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างไร้สาระ ข้าจะช่วยเหลือเจ้าไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไร ข้าจะปกป้องชีวิตเจ้า นอกเหนือจากนั้น จะเป็นข้อแลกเปลี่ยนระหว่างเรา” ชาง หวู่ย่าเมื่อเขาสังเกตว่าชิงสุ่ยดูกังวลเล็กน้อย
ชิงสุ่ยมีความสงบสุขในชีวิตอีกครั้งเมมื่อได้ยินถ้อยคำของชาง หวู่ย่า เขารู้ว่าตนมีคนคอยช่วยเหลือดุจดังมีต้นไม้ใหญ่ให้พักพิง หากเขาไม่ได้รับคำกล่าวและการปกป้องจากผู้อาวุโส เขาคงเป็นคนขี้ขลาดตลอดชีวิต เป็นอัจฉริยะที่ล้มเหลวก่อนเวลาอันสมควร