เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - AST บทที่ 292 – ความฉลาดที่ยอดเยี่ยมและอาวุธระดับสองค้อนสะท้านสวรรค์
- หน้าแรก
- เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
- AST บทที่ 292 – ความฉลาดที่ยอดเยี่ยมและอาวุธระดับสองค้อนสะท้านสวรรค์
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 292 – ความฉลาดที่ยอดเยี่ยมและอาวุธระดับสองค้อนสะท้านสวรรค์
"ขอบคุณที่ยั้งมือ!" กงซุน เจี้ยนหวู่ ยิ้มให้กับชิงสุ่ยและกล่าวว่า
คำพูดของกงซุน เจี้ยนหวู่ทำให้คนแถวนั้นหายใจลำบาก ทุกคนต่างก็ประหลาดใจมาก ที่ตั้งแต่เริ่มต้นผู้บ่มเพาะอยู่ในขั้นสูงสุดเทวะเซียนเทียน กับแพ้ให้กับชิงสุ่ย โดยการโจมตีเพียงครั้งเดียว พวกเขารู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่าที่เมื่อได้ยินคำพูดของ กงซุน เจี้ยนหวู่
"ไม่จริง! เป็นไปไม่ได้เขาสามารถเอาชนะคนที่อยู่จุดสูงสุดของเทวะเซียนเทียนด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว? "ชายหนุ่มที่ดูสะอาดตาพูดออกมาด้วยถ้อยคำหยาบคาย เขาไม่อาจเชื่อกับสิ่งที่เกิด
"คนที่สามารถเอาชนะคนที่อยู่จุดสูงสุดของเทวะเซียนเทียนด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว นั้นหมายความว่าเขาอยู่ในเป็นอาณาจักรพลังปราณนักบุญพิโรธ… "
"อาณาจักรพลังปราณนักบุญพิโรธ? เข้าสามารถเข้าถึงมันด้วยวัยแค่นี้ … "
ชิงสุ่ยมองไปที่กงซุน เจี้ยนหยุ่น ผู้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆกงซุน เจี้ยนหวู่ ไปหน้าของกงซุน เจี้ยนหวู่นั้นถูกปกคลุมด้วยเหงื่อเย็นๆ ใบหน้าของเขานั้นแดงกล่ำมาก ความผิดหวังนั้นเต็มไปคู่ในดวงตาของเขา
ชิงสุ่ยเดินลงเวทีไปทางหญิงสาวทั้งสองที่กำลังยิ้มให้เขา กับเขาท่ามกลางการคำพูดสรรเสริญ และเสียงเชียร์ของทุกๆคน เขาไม่ได้รู้สึกว่ามันคุ้มค่าที่จะรู้สึกมีความสุข แต่เนื่องจากอาวุโสเฒ่าและเฟย หวู่จี้บอกให้เขาก้าวไปข้างหน้าเพื่อประกาศชัยชนะ
เมื่อมองไปที่การแสดงออกของ กงซุน เจี้ยนหยุ่น ชิงสุ่ยรู้ว่านี่เป็นความปราชัยกับความผิดหวังครั้งยิ่งใหญ่ มันนั้นทำให้เขาสงสัยถึงความสามารถของตัวเองมากขึ้น!
ความรู้สึกของกงซุน เจี้ยนหยุ่นนั้นกำลังงุนงง และรู้สึกว่าการฝึกฝนอย่างหนักมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาของเขาถูกทำลายไปในช่วงเวลาที่สั้นๆ ความรู้สึกผิดหวังที่ได้ถาโถมเข้ามาในหัวใจของเขา
"เจี้ยนหยุ่น เจ้ากำลังคิดว่าตัวเองล้มเหลวใช่หรือไม่?" กงซุน เจี้ยนหวู่ กำลังรักษากระดูกที่แตกหักของกงซุน เจี้ยนหยุ่น ขณะที่เธอถามออกมา
"พี่สาวข้ามัน ไร้ประโยชน์อะไร? ข้าสร้างความอับอายให้ตระกูลของเรา หรือไม่? "กงซุน เจี้ยนหยุ่นพยายามจะพูด
กงซุน เจี้ยนหวู่ ยิ้ม
"เจี้ยนหยุ่นจงจำไว้ว่าวันนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับเจ้า ข้ารู้มานานแล้วว่าเจ้าไม่ใช่คู่ของเขา แต่ข้านั้นไม่ได้ห้ามเจ้าไว้ "กงซุน เจี้ยนหวู่ ถอนหายใจและพูด เมื่อได้ยินคำพูดของพี่สาวของเขา เขาก็ตะลึงออกมา เขารู้สึกสับสนกับพี่สาวที่เขาเคารพ
"เจ้านั้นไม่เคยผ่านอุปสรรค และความพ่ายแพ้มาก่อน และได้อาศัยความช่วยเหลือของคนอื่นมาตลอด มันทำให้เจ้านั้นมีจิตใจที่อ่อนแอ เจ้ารู้สึกยังไงบ้างเมื่อได้สัมผัสกับความผิดหวัง เมื่อหวังทั้งหมดของเจ้าถูกทำลายไปแล้ว? "กงซุน เจี้ยนหวู่ยังคงยิ้มให้สดใสเหมือนดอกไม้ ขณะเธอกล่าวออกมา
"พี่สาวท่านรู้ได้อย่างไร?"
"มันแสดงอยู่บ้านใบหน้าของเจ้าในตอนนี้ พี่สาวหมายหมายความว่า เป็นไปไม่ได้ใช้มั้ย ที่คนเราจะไม่พบอุปสรรคในชีวิตของเขาเลย และนี้คือความแตกต่างระหว่างคนที่แข็งแก่รงกับคนที่อ่อนแอเจ้ารู้มั้ย คนที่ความแข็งแกร่งมักจะลุกยืนขึ้นได้ทุกครั้งที่เขาล้มลง ขณะที่คนอ่อนแอจะเลือกที่จะไม่ลุกขึ้นยืนอีกครั้งเพราะหวาดที่กลัวจะล้มลงอีกเจ้าเข้าใจใช่มั้ย "กงซุน เจี้ยนหวู่ กล่าวเบาๆและจ้องมองไปชิงสุ่ยที่กำลังเดินอยู่หญิงสาวทั้งสองคนก่อนที่จะจากไป
"พี่สาวขอบคุณมาก แต่ตอนนี้ข้ารู้สึกแย่มากๆ "
"เป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกไม่ดี ความพ่ายแพ้แต่ละครั้งคือการทดลอง ใช้มันเป็นบทเรียนและลุกขึ้นยืนอีกครั้ง อย่าคิดเอาชนะจนสูญเสียตัวตนไป อีกสิ่งหนึ่งคือชื่อเสียงที่น่าเบื่อหน่าย แม้ว่ามันจะสามารถนำพามาถึงเกียรติยศและศักดิ์ศรี แต่ข้าอยากให้เจ้ารู้ไว้ สิ่งเดียวที่เจ้าควรเคารพคือการต่อสู้กับตัวเอง "กงซุน เจี้ยนหวู่ เอื้อมมือออกไปขยี้หัวของกงซุน เจี้ยนหวู่
"อืมมมม. พี่สาวรู้จักข้าดีที่สุดจริงๆ " กงซุน เจี้ยนหยุ่นรู้สึกดีขึ้นมาก
"ชิงสุ่ย ระดับการบ่มเพาะที่แท้จริงของเจ้าอยู่ในขั้นไหน?" นี่เป็นสิ่งแรกที่ลิ่วลี่กล่าวในระหว่างเดินทาง
"ข้าไม่รู้จริงๆ ด้วยทักษะที่ข้าบ่มเพาะมันไม่สามารถอธิบายออกมาได้! "ชิงสุ่ยได้บอกความจริงไป แต่ทั้งสองผู้หญิงรู้สึกงงงวยได้ยินมัน
"ชิงสุ่ย!"
"หือ!" ชิงสุ่ยเริ่มรู้สึกตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของลิ่วลี่ เนื่องจากเสียงของเธอนั้นแหล่มคมมากในตอนนี้
"หญิงสาวที่ขอบคุณเจ้าก่อนหน้านี้สวยมากนะ!"
ชิงสุ่ย: "… "
"เจ้ารู้จักนางหรือไม่?"
"ไม่…"
"ดูเหมือนว่ามันจะไม่ถูกต้องนะ? ทำไมข้ารู้สึกราวกับว่ามีพวกเจ้ามีอะไรแอบซ่อนอยู่สายตาที่นางมองที่เจ้ามันไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักกัน? เหมือนกับว่าพวกเจ้ามีข้อตกลงอะไรกันบางอย่างก่อนหน้านี้! "ลิ่วลี่บอกจุดที่สงสัย
ชิงสุ่ย: "… "
เหงื่อของชิงสุ่ยไหลออดมาเป็นทาง เขาคิดว่าทักษะการสังเกตของผู้หญิงคนนี้นั้นมีความแข็งแกร่งอย่างมาก!
"เจ้าต้องการที่จะพาผู้หญิงคนนั้นไปที่ห้องนอนสินะ?" ลิ่วลี่เปิดเผยดวงตาคู่งาม
ชิงสุ่ย: "… "
"อะไรเจ้าไม่ชอบนางหรอกหรือ?" ดวงตาที่สวยงามของเธอกำลังส่องประกายด้วยรอยยิ้มที่แสนซน!
ชิงสุ่ย เอื้อมมือออกและจับลงที่ก้นของเธอทำให้ ลิ่วลี่ร้องออกมาเสียงหลงด้วยท่าทีที่ไม่พอใจ
"มันช่างรู้สึกดีจริงๆที่ได้สัมผัสอะไรที่นุ่มยืดหยุ่นแบบนี้ กลมกล่อมนี้ช่างนุ่มนวลและอ่อนโยน จริงๆ… มันจะดีกว่านี้ถ้าปราศจากเป็นเสื้อผ้าเหอะๆ " ชิงสุ่ย ยิ้มแล้วรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อที่จับชางห่าย หมิงเยวี่ย หมิงเยวี่ยรีบหุบรอยยิ้มของเธอทันที ขณะหันไปมองที่ชิงสุ่ย
"ข้าไม่รู้จริงๆว่า เจ้าสามารถใช้ย่างก้าวอำพรางเมฆไปถึงระดับนั้นแล้วเพียงแค่สองวันเท่านั้น แม้ว่าเจ้าจะใช้เวลาสองเดือนเพื่อไปถึงระดับนั้น เจ้าก็นับว่าเป็นอัจฉริยะหนึ่งในหมื่นคนแล้ว สิ่งที่สามารถอธิบายตัวตนของเจ้าได้คงมีแค่คำว่าปิศาจเท่านั้น "ชางห่าย หมิงเยวี่ย ยิ้มอย่างนุ่มนวลและพูดออกมา
"แล้วเจ้าคิดว่าที่ถูกเรียกว่าปิศาจมันดีหรือไม่ละ?" ชิงสุ่ย มองไปที่ชางห่าย หมิงเยวี่ย จากด้านข้างเปลือกตาที่ประณีตของเธอนั้นดูสวยงามเป็นพิเศษ ผิวของเธอนั้นนุ่มนวลมากจนดูเหมือนว่ามันเมื่อสัมผัสมันแทบจะละลายในมือของเขา เธอนั้นเปล่งประกายคล้ายกับหยกสีขาว คอเรียวๆของเธอนั้นดูสมบูรณ์แบมากมันกระตุ้น ให้ชิงสุ่ยอยากจะคว้าเธอมาจูบในตอนนี้
"ปีศาจ นั้นเป็นสิ่งที่ดีแน่นอน มีเพียงอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะเท่านั้นที่สามารถใช้คำว่าปีศาจได้ " เธอชั้นปากสีชมพูขึ้น มันทำให้ความงามของเธอนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก
"แล้วเจ้าชอบปีศาจมั้ย … "
ในตอนนั้นลิ่วลี่ ได้เข้าไปขว้างแล้วดึงหมิงเยวี่ยออกมา เธอพลักชิงสุ่ยออกไปและก้าวไปข้างหน้าเธอหันกลับมาและก็พูดว่า "ถ้าเจ้าชอบพี่สาวหมิงเยวี่ยจริงๆ นั้นเจ้าต้องพิสูจน์ให้เห็น"
"ต้องพิสูจน์ให้เห็น?ข้าต้องทำอะไร ? "ชิงสุ่ยคิดถึงเรื่องนี้อย่างละเอียด ในชีวิตก่อนหน้านี้เขาไม่รู้วิธี่ที่จะจีบสาวๆ และไม่รู้ว่ารักคืออะไร เขาไม่รู้ว่าจะอะไรคือโรแมนติก
"ลิ่วลี่, เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร!" ชางห่าย หมิงเยวี่ย ขัดจังหวะ ของลิ่วลี่
เมื่อพวกเขาไปถึงที่พักพิงของ ชาง หวู่ย่า เฟย หวู่จี้ก็อยู่ที่นั่นด้วยในตอนนี้ เฟย หวู่จี้มองทั้งสามคนและหัวเราะออกมา!
"ข้าประเมินชิงสุ่ยต่ำเกินไป รู้สึกว่าท่านจะคิดไม่ผิดจริงๆที่ท่านขัดขวางกงซุน เจี้ยนหวู่ในตอนนั้น ดูเหมือนคฤหาสน์ดาราจันทราของเราจะสามารถต่อกรกับคฤหาสน์อื่น ๆ ได้ในอนาคต "เฟย หวู่จี้มองไปที่ ชิงสุ่ยอย่างมีความสุข
ชาง หวู่ย่าได้แค่ยิ้มออกมา แต่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ ชิงสุ่ยร็สึกว่าอาวุโสเฒ่าคนนี้สามารถมองความสามารถที่แท้จริงของเขาออก ถ้าไม่ใช่แล้วเขาคงจะไม่สนับสนุนชิงสุ่ยขนาดนี้ เป็นไปได้จริงๆใช่ไหมที่เขาสามารถมองเห็นถึงความสามารถที่แท้จริงของชิงสุ่ย…
"เขานั้นดูหยิ่งเกินไปจริงๆ" ชิงสุ่ย ยิ้มและกล่าว
"ชิงสุ่ย เจ้าชอบใช้อาวุธอะไร?" ชาง หวู่ย่า มองไปที่มือและแขนของชิงสุ่ยแล้วถาม
"กระบี่!"
"แต่ก็สามารถใช้ค้อนได้เช่นกัน!" ชิงสุ่ยกล่าวหลังจากคิดอะไรบางอย่าง เขารู้สึกว่ามันไม่ผิดที่จะบอกอาวุโสเฒ่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ในขณะนี้
"เจ้าสามารถใช้ค้อนได้?" ชาง หวู่ย่าถามอย่างมีความสุข
เฟย หวู่จี้ก็มองไปที่ชิงสุ่ยอย่างแปลกประหลาด
"อืม ข้าพอมีทักษะของช่างโลหะอยู่บ้าง ความสามารถในการใช้ค้อนของข้าไม่ได้อยู่ในระดับที่เลวร้ายจนเกินไป" ชิงสุ่ยกล่าวอย่างจริงจัง
"ทักษะของช่างโลหะ?" เฟย หวู่ย่าถามอย่างประหลาดใจ
“อืม!”
หญิงสาวที่สองยิ้มอย่างไม่แปลกใจ พวกเธอเคยเห็นทักษะของชิงสุ่ยมาสองครั้งแล้ว และยังได้เห็นทักษะของช่างโลหะที่ลึกซึ้งอย่างมากของเขาอีกด้วย
"หวู่จี้, เจ้าจงไปนำค้อนอันนั้นมา เจ้าร็ว่ามันอยู่ตรงไหนใช่มั้ย "ชาง หวู่ย่า มองที่เฟย หวู่จี้และกล่าวว่า
เฟย หวู่จี้มองไปที่ชิงสุ่ยแล้วยิ้มและเดินขึ้นไปชั้นบน!
ชิงสุ่ย พยายามจะคาดเดาว่าค้อนนั้นมีลักษณ์เป็นอย่างไร เขาสังเกตเห็นว่าชางหวู่ย่านั้นรักมันมาก มันต้องไม่ใช้ของธรรมดาสามัญเป็นแน่ เขาสงสัยว่าสามารถใช้มันในการสร้างยุทธภัณฑ์หรือไม่…
"ชิงสุ่ย เจ้านั้นฉลาดมากดังนั้น มันทำให้ข้าอยากจะมองทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเจ้า ข้านั้นมีความคาดหวังที่สูงมากสำหรับอนาคตของเจ้า ดังนั้นข้าจะยังใช้ชีวิตอยู่ต่อไป และแน่นอนว่าข้าจะเฝ้ามองตัวตนที่ยอดเยี่ยมของเจ้า ข้าอยากจะเห็นว่าเจ้าจะมีอนาคตแบบไหนต่อจากนี้ไป "ชางหวู่ย่ายิ้มอย่างมีความสุขและกล่าวว่า
"ท่านอาวุโส ท่านต้องล้อข้าเล่นแน่ๆ … "
ในขณะที่เฟย หวู่จี้กลับลงมา ชิงสุ่ยสังเกตเห็นค้อนสีดำในมือของเขา มันทำให้ชิงสุ่ยตกใจอย่างมาก เมื่อเห็นหัวค้อนขนาดใหญ่ซึ่งมีความสูงครึ่งหนึ่งของมนุษย์ที่โตเต็มที่ ที่มีความหนาของเท่ากับรอบเอวของมนุษย์ที่โตเต็มที่
ค้อนสะท้านสวรรค์!
ค้อนสะท้านสวรรค์!มันถูกสร้างขึ้นเหล็กกล้าเหมันต์ 1000 ปีที่แสนหายาก มันมีขนาดที่ใหญ่มากและหนักมีมากมาย ด้วยการฟาดเพียงครั้งเดียวกลิ่นอายของมันก็เพียงพอที่จะสั่นคลอนท้องฟ้า!
ชิงสุ่ยมองไปที่ค้อนสะท้านสวรรค์ด้วยความตกตะลึงจากการปรากฏตัวของวัตถุที่คุ้นเคย ชื่อของมันเป็นสิ่งที่น่าประทับใจ มันดูยิ่งใหญ่และทรงพลังมากขึ้น
ค้อนมีด้ามจับมีความยาว 4ฟุตมีความหนาเท่ากับข้อมือผู้ชายและเป็นสีดำสนิท ส่วนหัวของค้อนมีความหนาเท่ากับเอวของผู้ชายขนาดใหญ่ มันนั้นมีความยาวเกินกว่า 2 ฟุตและเป็นสีดำสนิท
มันมีส่งแรงกดดันที่แข็งแกร่งมากออกมา ค้อนสะท้านสวรรค์ เป็นชื่อนี้เหมาะกับมันจริงๆ! ทั่วทั้งอันนี้เต็มไปด้วยสีดำและเต็มไปด้วยพลังอันมหาศาล
"ท่านอาวุโส!" เฟย หวู่จี้ส่งค้อนสะท้านสวรรค์!ยัง ชาง หวู่ย่า
ชาง หวู่ย่ายิ้มและคว้าค้อนสะท้านสวรรค์อย่างเบา ๆ ลงเคาะลงบนหัวค้อนเบาๆ! มันเป็นการแสดงออกที่สามารถบอกได้ว่าเขานั้นรักมันมากแค่ไหน
"ชิงสุ่ยนี่คือค้อนสะท้านสวรรค์ที่ทำจาก เหล็กกล้าเหมันต์พันปี แต่มันก็หนักเกินไป มันนั้นมีน้ำหนักกว่าพันจิน อย่างไรก็ตามเมื่อใช้มันแล้ว มันสามารถเพิ่มแข็งแกรงเพิ่มขึ้นขึ้นอีก 20% "
คำพูดของชาง หวู่ย่าทำให้ ชิงสุ่ยประหลาดใจ นี่ไม่ใช่อาวุธระดับสองหรอกหรือ?