เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - AST บทที่ 285 - แส้เดี่ยวไทเก๊ก บรรลุสู่รอบที่ 95
- หน้าแรก
- เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
- AST บทที่ 285 - แส้เดี่ยวไทเก๊ก บรรลุสู่รอบที่ 95
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 285 – แส้เดี่ยวไทเก๊ก บรรลุสู่รอบที่ 95
"เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมพี่สาวของเจ้าถึงต้องออกไปขายใบชา?"
ซือเยี่ยและเยียนหลิงเก้ออยู่ในช่วงเวลาที่ดีและพวกเธอใช้เวลาอยู่ร่วมกันเป็นเวลานานเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งต่างๆภายใต้ดวงอาทิตย์ ซือเยี่ยรู้ว่าตระกูลเยียนมีอำนาจเป็นใหญ่ในอาณาจักรเยียนเจี้ยง พวกเขาอาจได้รับการกล่าวว่าเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรเยียนเจี้ยง
ดังนั้นเมื่อได้ยินว่ามีหญิงสาวจากตระกูลเยี่ยนผู้ออกมาขายใบชา เธอจึงรู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อ แม้ว่าเธอจะไม่ใช่ลูกของภรรยาที่ถูกต้องกฎหมาย แต่ก็ไม่ควรทำเช่นนั้นกับเธอ พวกเขาไม่กลัวที่จะพูดติฉินนินทาหรือ?
"พี่สาวซือเยี่ย ท่านมาจากตระกูลที่น่านับถือ ข้ายังไม่ค่อยแน่ใจเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเท่าไหร่! ข้าเคยถามท่านปู่มาก่อน แต่ท่านปู่ผู้ซึ่งไม่เคยตำหนิข้ามาก่อนเลยกลับดุด่าข้า! นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาข้าก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีกเลย!" เยียนหลิงเก้อกล่าวอย่างหมดหนทาง
ซือเยี่ยยิ้ม "พวกเราไปกันเถอะ กลับไปที่ห้องของพวกเราและอย่าไปคิดถึงสิ่งที่น่ารำคาญเหล่านี้! "
ซือเยี่ยเดาได้ว่าต้องมีสาเหตุอะไรบ้าง ทำไมพวกเขาจึงต้องขับไล่สาวขายใบชายออกไปจากตระกูลเพื่อให้เกิดความอับอาย…..
ชิงสุ่ยกลับไปที่ห้องของเขา นับตั้งแต่ที่เขารู้ว่าเยียนหลิงเก้อมาจากตระกูลเยียน เขาก็รู้ว่าทุกครั้งที่เขาเห็นเธอเขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และนึกถึงสิ่งต่างๆที่หนักอึ้งอยู่ภายในหัวใจของเขา
“เปรี๊ยะ!”
เสียงที่คมชัดซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลของชิงสุ่ยได้เข้าสู่รอบที่ 95 แล้ว พลังงานที่อบอุ่นแต่แข็งแรงทะลุผ่านร่างของเขาและค่อยๆรวมเข้ากับเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลของเขาอย่างไม่หยุดยั้ง
ชิงสุ่ยหมุนเวียนพลังของรอบที่ 95 รอบอีกครั้งอย่างไม่หยุดหย่อน ตอนนี้ทุกครั้งที่เขาก้าวเข้าสู่รอบใหม่ เขาจะรู้สึกว่าพลังอำนาจของเขาเพิ่มพูลขึ้นอย่างมาก มันคือการปรับปรุงโดยรวมที่ดีขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความแข็งแกร่ง ความเร็ว และการป้องกันของเขา
ชิงสุ่ยเคยชินกับเรื่องนี้ เคล็ดเสริมกายาบรรพกาลถือเป็นเทคนิคระดับตำนานและเป็นเทคนิคที่สามารถเสริมสร้างและฝึกกล้ามเนื้อและกระดูกของตนเองได้ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้อย่างสมบูรณ์แบบสำหรับเขาที่จะได้รับพลังอำนาจเช่นนี้
เขาหยิบกระบี่ดารายุพฆาตออกมา ชิงสุ่ยรีดเร้นพลังของเขาออกมาและแปลกใจกับพลังที่เพิ่มสูงขึ้น เขาลองใช้เพลงกระบี่เทวโลก ในวันนี้ชิงสุ่ยประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แต่ก่อนเมื่อเขามาถึงที่นี่เขาก็ได้ปิดกั้นระดับพลังให้เหลือแค่ระดับที่ 1 ในขั้นปราณเทวะเซียนเทียน
แต่ตอนนี้ที่เขาอยู่ในดินแดนหยกยุพราชอมตะ ชิงสุ่ยก็ไม่ได้อดกลั้นเอาไว้อีกต่อไป เพลงกระบี่เทวโลกเป็นที่รู้จักกันในชื่อ กระบี่อัสนีพิโรธร่ายรำ ทุกท่วงท่าของเทคนิคคือการใช้พลังอำนาจตลอดเส้นทางและเป็นการใช้พลังเพื่อขับไล่พลังอำนาจอื่นๆออกไป!
การกวัดแกว่งเพลงกระบี่อย่างเต็มรูปแบบทำให้เกิดเสียงฟ้าร้องขึ้นเล็กน้อยซึ่งดูเหมือนกับเป็นเสียงคำรามของพยัคฆ์ ท่วงท่าแต่ละท่านั้นแข็งแกร่ง ชิงสุ่ยรู้สึกสบายและพอใจทุกครั้งราวกับว่าเขาได้รับการปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่
หลังจากสะสมพลังในระดับหนึ่ง มันจะรู้สึกเหมือนคนที่กำลังโกรธเดือดดาลและเมื่อความโกรธเพิ่มขึ้นถึงจุดๆหนึ่ง มันก็จะเป็นเหมือนพลังรูปแบบหนึ่ง ชิงสุ่ยโจมตีด้วยกระบี่ของเขา การโจมตีเป็นเหมือนแม่น้ำที่พลุ่งพล่านและเหมือนดั่งพยัคฆ์ซึ่งกำลังพุ่งลงมาจากเทือกเขา มันเป็นพลังที่สามารถชนและทำลายอะไรบางอย่างได้อย่างง่ายดาย!
ชิงสุ่ยค่อยๆเคลื่อนไหวกระบี่อย่างช้าๆ เมื่อไปถึงดินแดนไร้ขอบเขตของกระบี่แล้ว การใช้เพลงกระบี่ก็ง่ายขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ท่วงท่าเทคนิคการใช้กระบี่นี้ยังสามารถใช้งานได้กับรูปลักษณ์พยัคฆ์อีกด้วย สิ่งนี้ทำให้ชิงสุ่ยรูปลักษณ์พยัคฆ์ของเขาก้าวหน้าขึ้น มันเป็นจุดๆหนึ่งที่สำคัญ
มันเป็นเพราะชิงสุ่ยเข้าใจถึงข้อมูลเชิงลึกจากภาพวาดแกะสลักพยัคฆ์และสามารถรวมมันเอาไว้ในกระบี่ของเขาได้
ต่อจากนั้นชิงสุ่ยร่ายรำ 10 ท่วงท่าต่อจากของเมื่อวานนี้ เขาค่อยๆเคลื่อนไหวตามสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาในวันนี้ อย่างไรก็ช่องว่างระหว่างท่วงท่ายังไม่ค่อยราบรื่นและความเร็วของเขาก็ช้ามาก!
ในขณะที่เขาฝึกฝนท่วงท่าทั้ง 10 กับเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลเมื่อคืนก่อนและพิจารณาว่าท่วงท่าของเทคนิคก่อนหน้านี้มีแนวโน้มที่จะเข้าใจได้ง่ายขึ้น มันเห็นได้ชัดว่า 10 ท่วงท่าก่อนหน้านี้ เมื่อรวมเป็น 20 ท่วงท่าแล้วมันมีความแข็งแกร่งมากขึ้น
เขาค่อยๆคุ้นเคยกับเทคนิคกระบี่มากขึ้นและสามารถที่จะแสดงพลังได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยไม่ได้ใส่ใจกับช่วงเวลาที่ผ่านไปมากนัก ในขณะเขาจะท่านอาหารเมื่อใดก็ตามที่เขาหิวและหยุดพักเมื่อเขาเหนื่อย ตลอดระยะเวลาที่เหลือเขาจะฝึกฝนกระบี่ ใช้ระฆังสะท้านจิต และปรุงยา
เงื่อนไขสำหรับสูตรยาเม็ด 5 มังกร ยาเม็ดฟื้นฟูมหัศจรรย์ และยาเม็ดวิศิษฐ์โฉมนั้น แต่ละชนิดเขายังขาดส่วนผสมที่สำคัญอยู่และไม่สามารถหาอะไรมาทดแทนได้ ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกเสียดายโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับยาเม็ดฟื้นฟูมหัศจรรย์ที่ขาดหางวิหคเพลิงและยาเม็ดวิศิษฐ์โฉมที่ขาดผลวิศิษฐ์โฉม ทั้งสองจะกระตุ้นความสามารถในการปรุงยาของชิงสุ่ยให้เพิ่มมากขึ้น
ชิงสุ่ยเคยพยายามลองทำพวกมัน ตั้งแต่ที่เขามีเต่าทองคำ 1000 ปี และหอยหลอดเงินขาว 1000 ปีที่สามารถทำหน้าที่ทดแทนสมุนไพรและส่วนผสมอื่นๆที่มีอายุกว่า 1000 ปีได้ แต่หลังจากการทดลองหลายครั้งแล้วมันก็ยังคงล้มเหลว
เมื่อชิงสุ่ยรู้สึกว่าเพลงกระบี่เทวโลกอยู่ในเกณฑ์ที่พอใจแล้วมันก็ผ่านมากว่าครึ่งเดือน ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเวลาครึ่งเดือนที่เขาอยู่ในดินแดนหยกยุพราชอมตะนั้นช่างสั้นลงและสั้นลง ในอนาคตเขาจะต้องเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นและเวลาที่เขาต้องการก็จะเพิ่มขึ้น นั่นเป็นเหตุผลที่ชิงสุ่ยเต็มไปด้วยความคาดหวังสำหรับการเติบโตของดินแดนหยกยุพราชอมตะ
เช้าวันรุ่งขึ้นชิงสุ่ยตื่นแต่เช้าและฝึกฝนไทเก๊กอย่างเช่นทุกๆวัน เมื่อเร็วๆนี้ชิงสุ่ยสังเกตเห็นว่าเมื่อเขาร่ายรำไทเก๊กไปทางทิศทางของดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นภาพหยินหยางในจิตใต้สำนึกของเขาก็จะเปลี่ยนไปด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นเ นื่องจากการฝึกไทเก๊กของเขา
แม้ระดับการเพิ่มขึ้นจะน้อยมาก แต่ชิงสุ่ยก็สามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจน! เขารู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องแย่เพราะหยินหยางเป็นเหมือนลำธารไหลมาพร้อมกับผลประโยชน์ที่ไม่สิ้นสุด แม้จำนวนของมันจะน้อยมากแต่มันก็ยาวนานและไม่สิ้นสุด การ
เหตุผลที่ชิงสุ่ยฝึกฝนไทเก๊กก็เพื่อจุดประสงค์ในการเสริมสร้างร่างกายของเขาและเขาฝึกฝนด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ได้หวังว่าจะสามารถใช้มันเพื่อจัดการกับศัตรูได้ แต่ใช้เพื่อการพักผ่อน
นี่เป็นเพียงความคิดที่ถูกต้องสำหรับการฝึกไทเก๊ก บางครั้งความสำเร็จหรือความล้มเหลวอาจจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับการกระทำหรือแผนการที่ตั้งเป้าไว้ แต่เป็นสิ่งที่ต้องหลงเหลืออยู่ เขาคิดว่าไทเก๊กเป็นศิลปะการต่อสู้ที่สองที่เข้าสู่ดินแดนไร้ขอบเขตหลังจากเคล็ดกระบี่พื้นฐาน
ตอนนี้ไทเก๊กของเขาไม่ได้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเช่นเดิม มันมีพลังไม่แพ้แม้กระทั่งรูปแบบพยัคฆของเขาและอาจจะดีกว่า!
ชิงสุ่ยค่อยๆฝึกฝนไทเก๊ก ฝ่ามือของเขาปกคลุมไปด้วยชั้นของพลังงานสีแหลือและเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ แต่พลังนั้นมีแรงกดอันรุนแรงอยู่ราวกับว่าเขาสามารถกดให้ภูเขาแบนลงได้
มีหลายคนที่สังเกตเห็นชิงสุ่ย แต่พวกเขาทั้งหมดก็มองข้ามเขาและส่ายหัว "มันช้าเกินไป จะใช้เพื่อเผด็จศึกได้อย่างไร? เมื่อถึงเวลาที่เขาโดนจู่โจมใครบางคนคงจะอัดใส่เขาไปแล้วหลายครั้ง "
"ถูกตัอง ข้าไม่เคยเห็นศิลปะการต่อสู้ที่เชื่องช้าเช่นนี้ จุดสำคัญของศิลปะการต่อสู้คือความเร็ว ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้ฝึกฝนเทคนิคกำปั้นที่ไร้ประโยชน์ซึ่งเคลื่อนไหวดั่งกับความเร็วของหอยทากเช่นนี้" ผู้คนต่างสนใจและได้แสดงความคิดเห็น
ชิงสุ่ยไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้ พวกเขาไม่ได้อยู่ห่างมากนัก แต่ในขณะนั้นชิงสุ่ยก็ทำการฝึกฝนอย่างเต็มที่และเพลิดเพลินกับตัวเองราวกับว่าวิญญาณของเขากำลังเดินทางออกจากร่างกายของเขา มันเป็นวันที่เขาค้นพบว่าการฝึกไทเก๊กอาจเป็นเหมือนเช่นความรู้สึกอบอุ่นและสบายใจ
"ดูสิ เขากำลังสนุกอยู่กับตัวเองมากแค่ไหน รูปลักษณ์ของเขาที่คล้ายคนขี้เหล้าเมายาเหมือนกับว่าเขากำลังฝึกฝนเทคนิคระดับตำนานบางอย่าง" บางคนกล่าวด้วยความดูถูก
"น้องชายลองมองดูคนที่แต่งตัวประหลาดผู้นั้นสิ เขาเป็นคนที่กล้าพูดจาไม่ดีกับแม่นางซือเยี่ย!" ทันใดนั้นมีเสียงดังออกมา มันฟังดูคมและแปลกมาก
"เขากล้าพูดเช่นนั้นกับเทพธิดาของข้าได้อย่างไร! วันนี้ข้าจะบอกให้เขารู้ว่าใครที่เขาไม่ควรลบหลู่" เมื่อเทียบกับเสียงที่คมชัดก่อนหน้านี้ เสียงของชายคนนี้หยาบกว่ามาก
ทุกคนที่กำลังซุบซิบอยู่ในขณะนี้ทั้งหมดต่างสนใจเป็นอย่างยิ่งและมองไปยังชิงสุ่ยที่ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถคาดเดาการกระทำของเขาได้ แต่เขาก็ยังเป็นคนธรรมดาที่ไม่อาจจะมองข้ามได้
ชายคนนั้นแข็งแกร่งและแข็งแรง ความสูงของเขาสูงกว่าคนอื่นๆ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเคราที่คล้ายกับเข็มที่เรียวแหลมและผมของเขาก็เป็นระเบียบสมบูรณ์ เขามีโครงสร้างและดวงตาที่ใหญ่ เขาดูดีมาก
ชายคนนี้ดูเหมือนเป็นคนตรงไปตรงมาในขณะที่เขามุ่งหน้าไปหาชิงสุ่ย เขามีโครงสร้างขนาดใหญ่และย่างก้าวของเขาก็มากกว่าของคนธรรมดาครึ่งหนึ่ง เมื่อเขาเดินมันก็เหมือนกับมีสายลมขนาดย่อมๆถูกสร้างขึ้น และนี่เป็นเพียงแค่การเดินลวกๆของเขา
ชิงสุ่ยฝึกฝนไทเก๊กของเขาภายในรัศมีหนึ่งเมตร ดวงตาของเขาหลับสนิท
เขาดูเหมือนจะไม่ทราบว่ามีใครบางคนกำลังเดินไปหาเขา ขณะที่เขายังคงเดินหน้าฝึกฝนอยู่เรื่อยๆ คนที่มองดูเขาอย่างใกล้ชิดอาจเลียนแบบการกระทำของเขา แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเลียนแบบเสน่ห์ทางจิตวิญญาณเหล่านั้นได้
"เด็กหนุ่ม มันเป็นเจ้า…"
ก่อนที่เสียงตะโกนของชายคนนั้นจะจบลง เขาก็เอื้อมมือไปจับแขนชิงสุ่ยแล้ว แต่ก่อนที่เขาจะสามารถสัมผัสกับแขนของ ชิงสุ่ยได้…
แขนซ้ายของชิงสุ่ยซึ่งช้าเหมือนหอยทากก็กลายเป็นเหมือนกระต่ายเจ้าเล่ห์ที่เคลื่อนไหวเร็วมาก เขาได้ใช้ท่วงท่าแส้เดี่ยวของไทเก๊กตบและโจมตีลงไปบนแขนของชายคนนั้น!
ถึงแม้ในเวลานี้ดวงตาของชิงสุ่ยจะยังคงปิดสนิทขณะที่เขาฝึกฝนไทเก๊กของเขา เขาดูเหมือนจะไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่แม้แต่จะก้าวออกไปจากที่ที่เขาอยู่
ด้วยแส้เดี่ยว ชายผู้คนนั้นถูกส่งกลับไปถึง 3 ก้าวและแขนของเขาที่ได้รับการโจมตีก็ชาจนไม่สามารถยกขึ้นมาได้ชั่วครู่หนึ่ง
การถากถาง มันเป็นการเยาะเย้ยอย่างแน่นอน!
ชายคนนั้นโกรธเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะต้องการตบไหล่ของชิงสุ่ย แต่เขาก็ไม่ได้ใช้กำลังมากนัก เขาไม่เคยคิดเลยว่าเพื่อนคนนี้จะโจมตีทันทีทันใดและด้วยความเร็วที่ยอดเยี่ยมจนเขาไม่สามารถหลบได้
เขาหายใจลึกๆสองครั้งและถูแขนที่ชาชั่วครู่หนึ่ง ชายคนนั้นกำหมัดไว้ "เจ้ากล้าทำร้ายข้าได้อย่างไร วันนี้ข้าจะสอนบทเรียนให้กับเจ้า"
ชายคนนั้นปล่อยเสียงโห่ร้อง เขาโกรธอย่างจริงจัง เขาโบกกำปั้นขนาดใหญ่ของเขาและพุ่งเข้าหาซี่โครงของชิงสุ่ยอย่างหนักหน่วง กระดูกซี่โครงนั้นอ่อนแอและมีแนวโน้มที่จะเกิดกระดูกหักได้เมื่อถูกกระแทกเข้าที่นั่น
ดวงตาของชิงสุ่ยยังคงปิดอยู่ เขาดูเหมือนจะสบายใจที่ทุกคนสงสัยว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ อย่างไรก็ตามการแสดงออกของเขาทำให้ทุกคนรู้สึกว่าพวกเขาไม่รู้อะไรเลย
อย่างไรก็ตามในขณะที่กำปั้นที่รุนแรงของชายผู้นั้นกำลังจะเข้าสู่ซี่โครงของเขา ชิงสุ่ยสูดลมหายใจเล็กน้อยทำให้พื้นที่ใกล้กับซี่โครงของเขาหุบลง ช่วงเวลาเท่านี้ก็เพียงพอที่จะให้ชิงสุ่ยใช้แส้เดี่ยวกับชายคนนั้นอีกคราว ครั้งนี้เขากระเด็นออกไป 3 เมตร หลังจากที่ลงถึงพื้นแล้วชายคนนั้นก็ตระหนักว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด ความแข็งแกร่งของชิงสุ่ยนั้นยอดเยี่ยมแต่มันก็กลับอ่อนโยนเช่นกัน
"อย่าทำให้ข้ารำคาญ ข้าไม่ได้มีเวลามาวุ่นวายกับเจ้า" ชิงสุ่ยกล่าวอย่างใจเย็น แล้วเขาก็เปิดตาของเขาและมองไปที่ชายคนนั้นที่ถูกส่งกระเด็นออกไปอย่างไม่แยแส
"โอ้ ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะรวดเร็วได้ขนาดนี้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มันยังเชื่องช้าอยู่เลย! มันเป็นเพียงแค่การแสดงออกเท่านั้น!" มีคนพูดด้วยความประหลาดใจ