เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - AST บทที่ 284 – พยัคฆ์บนเทือกเขาในศิลาหินแกะสลัก ขั้นต่อไปของรูปลักษณ์พยัคฆ์
- หน้าแรก
- เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
- AST บทที่ 284 – พยัคฆ์บนเทือกเขาในศิลาหินแกะสลัก ขั้นต่อไปของรูปลักษณ์พยัคฆ์
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 284 – พยัคฆ์บนเทือกเขาในศิลาหินแกะสลัก ขั้นต่อไปของรูปลักษณ์พยัคฆ์
"ดีมาก พวกเจ้าทุกคนฝึกฝนด้วยตนเองต่อไป ข้าจะอธิบาย 10 ขั้นตอนต่อไปในอีก 3 วันข้างหน้า ตอนนี้พวกเจ้าทุกคนอาจจะเหมือนเหล็กที่กำลังตีร้อนๆอยู่และมีความมุ่งมั่น พวกเจ้าจงตั้งใจฝึกซ้อมหรือจะพูดคุยกันเองก็ตามแต่ตัวเจ้า" ผู้อาวุโสหัวเราะเบาๆ การเคลื่อนไหว 10 ท่วงท่าในครั้งนี้ใช้เวลานานถึง 3 ชั่วโมง!
ชิงสุ่ยเจอพื้นที่ว่างสำหรับการฝึกซ้อมหลังจากที่ผู้อาวุโสเดินลงจากเวที ขั้นแรกเขาค่อยๆสัมผัสถึงการมีอยู่ของมัน กักเก็บมันเอาไว้และปล่อยให้มันไหลรินออกมาขณะที่เขาดึงกระบี่ออกจากฝัก
เขากำลังจะหลับหลังจากฝึกซ้อมอย่างรวดเร็วและต้องการรักษาเสถียรภาพของการเคลื่อนไหวทั้ง 10 ท่วงท่า เนื่องจากเขายังสามารถฝึกฝนต่อในดินแดนหยกยุพราชอมตะตอนเวลากลางคืนได้ สำหรับตอนนี้เขาจำเป็นจะต้องจดจำจุดสำคัญของมันก่อน ส่วนเวลาที่เหลือในช่วงกลางวันนั้นสำหรับศิลาหิน
เขาเงยหน้าขึ้นมองและพบว่าหลายๆคนมองมาทางเขาด้วยความประหลาดใจและเขาก็มองย้อนกลับไปที่พวกนั้นอย่างสงสัย!
"บ้าจริงๆ เขาน่ากลัวมากขนาดไหนกันนะ เพียงแค่ฝึกซ้อมครั้งแรก…!" มีคนร้องตะโกน
"เจ้ารู้ได้อย่างไรว่านี่เป็นครั้งแรกของเขา?" เห็นได้ชัดว่าก็ยังมีคนอื่นๆที่ไม่เห็นด้วย
"เจ้าจะไปถึงระดับนี้ได้หรือไม่ ถ้าข้าให้เวลาเจ้า 3 ปี?" ชายคนแรกตอบกลับอย่างเงียบๆ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ใช่คนแปลกหน้าระหว่างกัน
ชิงสุ่ยส่ายหัว ไม่มีความหมายอะไรในคำพูดเหล่านี้ เขาได้เชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างเข้ากับเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลแล้ว เขารักทุกสิ่งที่เขามีอยู่ตอนนี้
"เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไป!" เสียงอันอ่อนโยนเปล่งออกมา
ชิงสุ่ยเห็นหญิงสาวแสนสวยคนหนึ่งเข้ามาหยุดเขา ผิวของเธอดูเรียบเนียนเหมือนหยก ดวงตาสีดำและสีขาวที่โดดเด่นมาพร้อมกับชุดสีม่วงอ่อนๆที่ทำให้รู้สึกว่าเธอไม่ค่อยแยแสใดๆ
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?" ชิงสุ่ยขมวดคิ้วมองไปทางหญิงสาวแสนสวยที่หยุดเขาอย่างสับสน
“น้องสาวเยียนหลิงเก้อทำอะไรไม่ดีตรงไหน เจ้าถึงทำให้นางอารมณ์เสียและร้องไห้ นางแทบไม่ได้สนิทสนมอะไรกับใคร เจ้าเป็นใครกันถึงทำกับนางเช่นนี้?" หญิงสาวไม่พอใจและจ้องมองอย่างสนใจไปที่ชายหนุ่มด้านหน้าเขา
"ด้านจิตใจ!" ชิงสุ่ยไม่ชอบนิสัยการพูดที่ไม่มีเหตุผลของเธอและตกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะพูดกลับไปด้วยความไม่พอใจและเดินจากไป
"ข้าชอบแบบนั้นจริงๆที่มีชายที่กล้าพูดแบบนั้นกับซือเยี่ย!"
"วิธีการที่เขาทำเป็นเฉยเมยช่างมีเสน่ห์มากเหลือเกิน ถ้าหากเพียงเขาพูดกับข้าเช่นนั้นบ้างก็คงจะดี!" หญิงสาวที่มีหน้าอกอันใหญ่โตมองไปที่ด้านหลังของชิงสุ่ยด้วยความปรารถนา
"จิตใจ!" เสียงอ่อนๆพูดขึ้น
“ไอระยำคนไหนเป็นคนพูด? ก้าวออกมา เจ้าอย่าได้คิดฝันว่าจะได้นอนหลับอย่างสบายใจอยู่บนเตียง"
,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,
ซือเยี่ยกลับรู้สึกดีขึ้นหลังจากที่ชิงสุ่ยจากไปและเธอก็เดินออกมาด้วยความรู้สึกแปลกๆ เธอรู้ว่าเยียนหลิงเก้อต้องมีความรู้สึกบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้
แม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดอะไร ซือเยี่ยสามารถมองเห็นและตัดสินใจที่จะกระทำสิ่งดังกล่าวได้ในขณะนั้นและเยียนหลิงเก้อก็ไม่สามารถหยุดเธอได้ทันเวลา
เธอไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะพูดออกมาว่าจิตใจ นับตั้งแต่ที่เธอเกิดมาก็เหมือนกับว่าโลกหมุนรอบตัวเธอ เธอเป็นลูกสาวสุดที่รักภายในบ้าน เป็นดั่งลูกแอปเปิ้ลสีแดงสดใสในสายตาของพ่อแม่ของเธอ รูปลักษณ์ที่เพรียวบางและงดงามของเธอทำให้เธอเป็นหนึ่งในสิ่งที่สวยงามที่สุด แม้ว่าจะเทียบเป็นพันหรือล้านคนก็ตาม
"เยียนหลิงเก้อข้าขอโทษ ข้ากลับก่อปัญหาให้กับเจ้าแทน!" ซือเยี่ยกล่าวกับเยียนหลิงเก้อที่ยืนอยู่ที่นั่นและมองเธอในความงุนงง
"พี่สาวซือเยี่ย ข้าเองต่างหากที่ควรจะขอโทษท่าน ข้าทำให้ท่านรู้สึกผิด" เยียนหลิงเก้อตอบอย่างผิดหวัง
"เอาล่ะ พวกราอย่ามาทำตัวเกรงใจกันในหมู่พี่น้องเลย!" ซือเยี่ยจับมือเยียนหลิงเก้อและเดินออกไป!
ชิงสุ่ยกำลังเดินไปที่ศิลาหิน เขาไม่ได้สนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง แต่ก็รู้สึกหงุดหงิดกับความโอหังของหญิงสาวคนนั้น มันเป็นเรื่องที่น่ารำคาญที่สุดเมื่อมีคนทำอะไรอย่างไร้เหตุผล แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์ใดๆและยังประพฤติตัวอย่างทะนงตน
อันที่จริงชิงสุ่ยเข้าใจเธอผิด จากเรื่องทุกที่เกิดขึ้น เธอทำมันลงไปเพราะมุมมองของพี่น้องและจากการเห็นท่าทีของเยียนหลิงเก้อและทุกปัจจัยอื่นๆ การพยายามที่จะทำความเข้าใจกับชิงสุ่ยหลังจากที่เขาทำให้เธอร้องไห้นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ผิด มันเป็นเรื่องน่าสงสารสำหรับเยียนหลิงเก้อที่เกิดเป็นคนของตระกูลเยียน
เกือบเที่ยงแล้วเมื่อชิงสุ่ยเดินมสงมาถึงศิลาหิน มีคนไม่มากที่นี่แม้ว่าหลายคนในที่นี่จะเหมือนมากันแบบคู่รัก!
ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะเมื่อได้ยินบทสนทนานั้น!
"เฟยเฟยมองดูสิ แม้แต่อัณฑะของพยัคฆ์ก็ถูกแกะสลักออกมาอย่างประณีต!" ชายหนุ่มที่หล่อเหลาแสดงความคิดเห็นด้วยความประหลาดใจ
"เรื่องไร้สาระ นั่นคือขาหลัง เจ้านี่แย่มากจริงๆ พยัคฆ์จะไปมีอัณฑะที่ใหญ่ขนาดนั้นได้อย่างไรกัน…" หญิงสาวที่น่าสนใจตอบอย่างเหี้ยมโหด
"ทำไมเจ้าถึงไม่เห็นด้วยกับข้า? มันใหญ่มากๆ!" ชายคนนั้นหัวเราะ
"ข้าจะตัดมันออก ถ้าเจ้ายังกล้าที่จะพูด!" หญิงสาวหัวเราะแบบเย้าแหย่
ชิงสุ่ยรู้สึกมีความสุขกับทั้งคู่หลังจากฟังเรื่องราวนี้ เขาค่อนข้างอิจฉาเมื่อมองดูพวกเขาโต้ตอบกันอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย ชิงสุ่ยชอบเป็นอย่างยิ่งสำหรับภรรยาที่แสนยั่วสวาทและมีชีวิตที่เรียบง่าย
ชิงสุ่ยคิดถึงเรื่องนี้และพบว่าเขาไม่ได้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว สือฉิงจวงเป็นภรรยาของเขาอย่างเป็นทางการ แต่เธอก็เป็นสาวที่สันโดษ จะมีใครรู้ได้ว่าเมื่อไหร่กันที่เธอจะอ่อนโยน? สือฉิงจวงและเขาเป็นเหมือนเหตุบังเอิญ เขาเหมือนเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอ
เมื่อมาถึงศิลาหินที่มีพยัคฆ์อยู่บนเทือกเขา พยัคฆ์กำลังนั่งอยู่บนเทือกเขาและปกครองที่นั่นเหมือนดั่งเป็นกษัตริย์ โดยใช้ความสูงของธรรมชาติมองลงไปที่พื้นเบื้องล่าง
ทุกคนรู้ดีว่าพยัคฆ์ดุร้ายดุจดั่งมังกรที่บินอยู่บนท้องฟ้าเมื่อขึ้นสู่เทือกเขา แต่จริงๆแล้วมันมีพลังอันเต็มเปี่ยมอยู่ในตำแหน่งที่มันนั่งอยู่ เมื่อพยัคฆ์หมอบอยู่บนนั้น นั่นหมายความว่ามันเป็นกษัตริย์แห่งเทือกเขา เป็นผู้ปกครองที่อยู่ในสถานะสูงสุดแล้ว แม้แต่พยัคฆ์ตัวอื่นๆก็ไม่สามารถเปรียบเทียบได้
มังกรที่กำลังร่ายรำและพยัคฆ์ซึ่งหมอบอยู่บนเทือกเขา!
ชิงสุ่ยจ้องมองอย่างจริงจังไปในอากาศและการแสดงออกของพยัคฆ์ดุร้ายที่กำลังหมอบ มีแสงแวววับในดวงตาของพยัคฆ์มันไม่ได้เป็นพยัคฆ์ที่โดดเดี่ยว มันเป็นพยัคฆ์ที่สูงสง่าเหมือนกับเทือกเขาและการโจมตีของมันทุกครั้งก็เหมือนดั่งคลื่นภูเขาขนาดใหญ่
นี่คือขนทางที่จะบรรลุความสำเร็จของหมัดรูปลักษณ์สัตว์อสูร ชิงสุ่ยซาบซ่านขึ้นมาในทันที อุปสรรคที่ขวางกันไว้หายตัวไปทันทีทันใด เกิดเส้นทางที่กว้างและไม่มีที่สิ้นสุด
ขณะนั้นชิงสุ่ยรู้สึกว่าความแข็งแกร่งในร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ ชิงสุ่ยรู้สึกร่าเริง
รูปลักษณ์พยัคฆ์พัฒนาไปสู่โลกที่สูงขึ้นเช่นเดียวกับกวางย่างก้าว พลังภายในร่างกายของเขามีความแข็งแกร่งดั่งพยัคฆ์ที่ดุร้ายบนเทือกเขา มันเป็นความแข็งแกร่งของการคงอยู่ที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายและซึมซับเข้าไปในการเคลื่อนไหวของเขา!
ชิงสุ่ยค่อยๆเชี่ยวชาญเกี่ยวกับมันและเงยศีรษะขึ้น เขาทำสำเร็จแล้วสำหรับภาพวาดแกะสลักพยัคฆ์อันดุร้ายบนเทือกเขาในช่วงบ่ายและผลลัพธ์ของมันก็เป็นที่น่าพอใจ
เขากลับไปยังพักที่ของเขาและพบกับเยียนหลิงเก้อด้านล่างและข้างๆเธอคือหญิงสาวที่หยุดเขาเมื่อก่อนหน้านี้ ชิงสุ่ยเหนื่อยและเดินขึ้นไปเงียบๆ
"พี่ชายชิงสุ่ย!"
ชิงสุ่ยเพิ่งเดินขึ้นบันไดไป เขาหันกลับมาอย่างไม่เต็มใจ "เยียนหลิงเก้อเจ้าต้องการสิ่งใด?"
เมื่อได้ยินคำพูดของชิงสุ่ย มันทำให้เยียนหลิงเก้อรู้สึกผิดอย่างยิ่ง เธอมองไปที่ชิงสุ่ยและพูดว่า "ข้าแค่อยากเป็นเพื่อนกับท่าน ท่านไม่ชอบข้ามากขนาดนั้นเลยหรือ? ข้าไม่รู้ว่าทำไมท่านถึงเกลียดตระกูลเยียน แต่ข้าไม่มีสิทธิ์พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านจะเข้าใจเมื่อท่านไปที่นั่นในวันข้างหน้า”
"เยียนหลิงเก้อ ทำไมเจ้าถึงอ่อนโยนกับคนที่น่ารังเกียจเช่นนี้?"
ชิงสุ่ยมองไปที่หญิงสาวที่จ้องมองเขาด้วยความโกรธและไม่สนใจเธอ ทำให้หญิงสาวรู้สึกว่างเปล่าและยิ่งเลวร้ายยิ่งกว่าการถูกว่าเรื่องจิตใจ
ชิงสุ่ยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเงียบๆ
"มันจะดีกว่าสำหรับตัวเจ้าเองหรือเจ้าอยากจะรู้สึกแย่มากขึ้นในอนาคต เจ้าจะเข้าใจได้เองในครั้งต่อไป" ชิงสุ่ยทิ้งคำพูดเหล่านั้นและเดินขึ้นไป ปล่อยให้หญิงสาวทั้งสองคนงุนงง
"เขามีอะไรกับตระกูลของเจ้าหรือไม่?" ซือเยี่ยถามเยียนหลิงเก้อด้วยอารมณ์เศร้าหมอง
"เขายังหนุ่มและครอบครัวของพวกเราก็ไม่ได้อยู่ในเมืองเดียวกัน เขาเห็นพี่สาวคนหนึ่งที่ขายใบชาของข้าถูกรังแกและขับไล่ เขามีความรู้สึกแย่ๆกับครอบครัวของข้า…"
"นั่นหมายความว่าเขาภายนอกเขาอาจจะดูเย็นชา แต่จริงๆแล้วภายในหัวใจเป็นคนที่อบอุ่น" ซือเยี่ยกล่าวอย่างกระวนกระวาย
"เขาเป็นคนดี เขายังสอนเพลงกระบี่ให้กับข้าในครั้งแรกที่เราพบกัน แต่เริ่มละเลยข้าหลังจากพบว่าข้ามาจากตระกูลเยียน" เยียนหลิงเก้อนึกถึงชิงสุ่ยที่เธอพบเป็นครั้งแรก เขาเป็นคนที่แตกต่างจากตอนนี้
"เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมพี่สาวของเจ้าถึงต้องออกไปขายใบชา?"