เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - AST บทที่ 282 - สตรีผู้งดงาม เพลงกระบี่เทวโลก
- หน้าแรก
- เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
- AST บทที่ 282 - สตรีผู้งดงาม เพลงกระบี่เทวโลก
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 282 – สตรีผู้งดงาม เพลงกระบี่เทวโลก
อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ใช่เพราะเคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์ 9 อสูรของเขา เขาก็คงจะไม่สามารถมองภาพวาดแกะสลักเหล่านี้ออก เขาเข้าใจได้ในทันทีว่ามันคือรูปแบบหนึ่งของศิลปะการต่อสู้รูปแบบสัตว์และมันสามารถใช้ในการฝึกตน
ศิลาหินหลายสิบอันมีการแสดงรายละเอียดภาพแกะสลักของกวางที่ประณีตและวิจิตรบรรจงมาก ชิงสุ่ยยังคงครุ่นคิดอย่างรอบคอบถึงศิลาหินเหล่านั้นพร้อมกับดื่มด่ำและเพลิดเพลินไปกับศิลปะของมัน เวลาผ่านไปและมันก็เป็นช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตกดินแล้วเมื่อเขารู้สึกตัว
จากนั้นเขาก็รีบไปยังที่พักของชางหวู่ย่า เฟยหวู่จี้ก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน ชิงสุ่ยรีบเอ่ยคำทักทายของเขาอย่างเร่งรีบ ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าอาหารค่ำนั้นถูกจัดเตรียมโดยชิงสุ่ย รสชาติของอาหารที่เขาทำขึ้นนี้สามารถบอกได้ว่ามันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของสวรรค์ ชางหวู่ย่า, เฟยหวู่จี้ และหญิงสาวทั้งสอง ลองชิมอาหารแต่ละจานและรู้สึกพึงพอใจกับพวกมันมาก นอกเหนือจากนั้นเขายังได้ให้ส่วนผสมบางอย่างเพื่อเพิ่มรสชาติของอาหารให้กับพวกเขา
การกระทำเช่นนั้นชี้ให้เห็นว่าจะมีช่วงเวลาที่เขาจะไม่ได้มาที่นี่ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าต้องการจะศึกษาศิลาเหล่านั้นให้เสร็จ
เมื่อกลับไปยังที่พักของเขา ตามปกติชิงสุ่ยจะใช้เวลาฝึกฝนกว่าสี่ชั่วโมงในดินแดนหยกยุพราชอมตะของเขา เมื่อเขาอยู่ในนั้นเขาได้ศึกษาภาพวาดอันงดงามอีกครั้ง หลังจากฝึกฝนเขาก็ได้ลองใช้ทักษะต่างๆดู ประสิทธิภาพของเคล็ดกระบี่พื้นฐานจากดินแดนไร้ขอบเขตเพิ่มมากขึ้นและหมัดไทเก๊กของเขาก็บุกเข้าสู่ดินแดนไร้ขอบเขตอย่างไม่คาดฝัน! หมัดไทเก๊กครอบคลุมทั้งแข็งและอ่อนความสามารถในการใช้ความนุ่มนวลเพื่อตอบโต้แข็งแรงของผู้อื่น มันจะเป็นประโยชน์อย่างมหาศาลสำหรับเขาในอนาคต
การฝึกฝนเป็นไปอย่างยากลำบากในดินแดนหยกยุพราชอมตะ แต่มันก็ใช้เวลาไปอย่างคุ้มค่า การฝึกฝนเล็กน้อยอย่างหนึ่งเท่ากับความสำเร็จเล็กน้อยอย่างหนึ่งของเขา ชิงสุ่ยรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่เขารู้สึกว่าตัวเองมีพลังเพิ่มขึ้น การคิดถึงแม่ของเขา ตระกูลเยียน อาจารย์เทพธิดาของเขา และอีเย่เจี้ยนเก้อ สำหรับการฝึกฝนในระดับนี้จะถือว่าลำบากแค่ไหน?
ไม่มีใครที่จะสามารถบรรลุถึงความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งได้โดยปราศจากความยากลำบากในครั้งแรก!
ในวันที่สองเมื่อชิงสุ่ยไปที่ลานสาธารณะเพื่อฝึกซ้อมตามกิจวัตรประจำวันของเขา เขาได้ตระหนักว่ามีคนเกือบหมื่นคนที่ทำสิ่งเดียวกันกับเขา โชคดีที่ลานสาธารณะแห่งนี้มีขนาดใหญ่พอ นอกจากนั้นยังมีผู้อาวุโสจากวังเทวโลกมาทำการฝึกซ้อมในตอนเช้า
เมื่อผู้อาวุโสมาถึงและมองดูพวกเขา เหล่าสาวกในลานสาธารณะก็ได้หยุดทำสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ นี่เป็นนิกายที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ชิงสุ่ยไม่รู้จะพูดอะไร แต่เขารู้สึกประทับใจมาก อย่างน้อยคฤหาสน์ดาราจันทราก็มีความเป็นปึกแผ่นและความสามัคคีอันแรงกล้า
ทุกคนมองไปที่นี่ วันนี้ข้าจะอธิบายแนวคิดของเพลงกระบี่เทวโลกของพวกเรา ข้าจะอธิบายและสาธิตเรื่องนี้สักหนึ่งครั้ง" เสียงของผู้อาวุโสอ่อนนุ่ม แต่ก็มีพลังก้องกังวาลไปทั่วทั้งลานสาธารณะ
เมื่อได้ยินคำว่าเพลงกระบี่เทวโลก ชิงสุ่ยรู้ว่าเพลงกระบี่เทวโลกเป็นเทคนิคที่สมบูรณ์แบบอย่างมาก อย่างไรก็ตามทักษะระดับฝ่ามือสังหารเทวอัสนีและเคล็ดคุ้มครองศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนมีโอกาสได้เรียนรู้
"เพลงกระบี่เทวโลกมีสามสิบหกท่วงท่า ดังนั้นอย่าได้ดูแคลนมันเกินไป นี่เป็นเทคนิคพลังระดับขั้นเซียนเทียนชั้นสรวงสวรรค์และอยู่ห่างจากพลังระดับขั้นตำนานเพียงขั้นเดียว"
จากคำพูดของผู้อาวุโสทำให้ชิงสุ่ยเกือบจะหัวเราะออกมา ที่ผู้อาวุโสกล่าวมานั้นถูกต้องเรื่องที่ว่าเป็นเทคนิคพลังระดับขั้นเซียนเทียนชั้นสรวงสวรรค์ที่อยู่ห่างจากพลังระดับขั้นตำนานเพียงขั้นเดียว… แต่ความห่างระหว่างทั้งสองขั้นนั้นเปรียบดั่งสวรรค์กับโลก
ชิงสุ่ยจดจ่ออยู่กับคำอธิบายและการแสดงเพลงกระบี่ของผู้อาวุโสในทันที อย่างไรก็ตามเขาเข้าใจมันได้ทั้งหมดจากการเคยฝึกท่วงท่าจากเคล็ดกระบี่พื้นฐานและกระบี่คลื่นสามสะท้านมาก่อน แม้ว่ามันจะไม่ใช่การเรียนรู้ที่อยู่ในขั้นสมบูรณ์ เทคนิคพลังระดับขั้นเซียนเทียนชั้นสรวงสวรรค์นั้นล้ำค่าอย่างแน่นอน ส่วนเทคนิคขั้นตำนานและขั้นเทพพระเจ้าก็เป็นสิ่งที่หายากเช่นเดียวกับขนนกของวิหคเพลิงและเขาของกิเลน
"เพลงกระบี่เทวโลกเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ‘กระบี่อัสนีพิโรธร่ายรำ’ เป็นเทคนิคกระบี่ที่สามารถยืมพลังของฟ้าร้องได้ กล่าวกันว่าเมื่อฝึกจนถึงขั้นสูงสุด คนผู้นั้นจะสามารถเรียกฟ้าผ่าและฟ้าร้องออกมาจากฟากฟ้าได้ ฝ่ายตรงข้ามจะถูกสายฟ้าจู่โจมถึงตายด้วยความช่วยเหลือจากสวรรค์ ชุดท่วงท่าร่ายรำนี้ถูกคิดค้นขึ้นโดยผู้ก่อตั้งของเรา แต่นับตั้งแต่ที่เขาเสียชีวิตไปก็ไม่มีใครสามารถเข้าถึงดินแดนแห่งการอัญเชิญฟ้าผ่าและฟ้าร้องได้"
ชิงสุ่ยศึกษาการเคลื่อนไหวของผู้อาสุโส ท่าทางของเขาเหมือนพายุฝนฟ้าคะนอง เขาการอธิบายจุดสำคัญของการร่ายรำด้วยท่วงท่าของกระบี่ที่เขาทำ
สองชั่วโมงต่อมาการบรรยายก็จบลงหลังจากที่ผู้อาวุโสอธิบายและสาธิตการเคลื่อนไหว 10 ท่วงท่า เหล่าสาวกก็เริ่มฝึกฝนถึงสิ่งที่พวกเขาได้รับการสั่งสอน เนื่องจากชิงสุ่ยมีเคล็ดกระบี่พื้นฐานแห่งดินแดนไร้ขอบเขต มันจึงใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวในการฝึกฝน ไม่เพียงแค่นั้นเขายังมีความจำที่ดีเลิศและมีความเร็วในการเข้าใจอย่างบ้าคลั่ง เขาเข้าใจถึงท่วงท่าทั้ง 10 ของกระบี่อัสนีพิโรธร่ายรำแล้ว มันเป็นเพียงการเคลื่อนไหวและการโจมตีโดยใช้การร่ายรำกระบี่เนื่องจากท่วงท่าทั้งหมดยังไม่ครบสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามเมื่อเขาทำการร่ายรำ เขาก็ดูจะประทับใจมาก
เมื่อมองไปที่สาวกหลายคนที่ยืนอยู่ในลานสาธารณะส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ซึ่งมันทำให้กลุ่มของหญิงสาวในฝูงชนแออัดนั้นดูโดดเด่น มีเพียงหญิงสาว 3 คนที่ยืนอย่างโดดเดี่ยว มันก็เหมือนโอเอซิสที่สวยงามในทะเลทราย เรือนร่างอันงดงามและผมสีดำสลวยลอยไปตามสายลม อาจถือได้ว่ามันเป็นอาหารตาจริงๆ
“สวัสดี!”
ทันใดนั้นเสียงที่ชัดเจนดังขึ้นข้างๆเขา ชิงสุ่ยหันศีรษะของเขาไปและพบหญิงสาวคนหนึ่งที่งดงามกำลังยิ้มให้เขา
หญิงสาวดูสุภาพเรียบร้อยมากและมีดวงตากลมโตที่มีความบริสุทธิ์แผ่ออกมาจากเธอ ริมฝีปากสีแดงอ่อนๆของเธอเมื่อจับคู่เข้ากับปลายจมูกที่เรียวงามและเรือนร่างอันผุดผ่องมันช่างเป็นเหมือนผลงานศิลปะชิ้นเอก เธอแตกต่างจากความงดงามแห่งท้องฟ้าของอีเย่เจี้ยนเก้อ หรือความงามที่โค่นล้มอาณาจักรของชางห่ายหมิงเยวี่ย และเสน่ห์อันน่าหลงใหลถึงตายของห่าวหยุนลิ่วลี่
"สวัสดีมีอะไรที่เจ้าต้องการจากข้าไหม" ชิงสุ่ยยิ้มให้
"ข้ารู้สึกตกใจเมื่อเห็นท่านฝึกมัน ท่านช่วยชี้แนะข้าสักสองสามข้อเพื่อเป็นแนวทางได้หรือไม่?" ดวงตาที่สดใสเหมือนคริสตัลของหญิงสาวนั้นจ้องมองเข้าไปในดวงตาของชิงสุ่ย
"ความเชี่ยวชาญของข้าอาจจะไม่เพียงพอที่จะใช้เป็นแนวทาง แต่ข้าก็ยินดีที่จะแลกเปลี่ยนคำแนะนำกับเจ้า" ชิงสุ่ยตอบ
"ขอบคุณ!" หญิงสาวกระปรี้กระเปร่าและยิ้มอย่างเป็นประกาย
ชิงสุ่ยดูการฝึกของเธอ จากการเคลื่อนไหวของเธอ เขาสามารถบอกได้ว่าระดับความเข้าใจของเธอไม่ได้แย่ เพียงแค่ว่ามีการเคลื่อนไหวบางอย่างของเธอที่ไม่ได้สอดคล้องเข้าด้วยกัน แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาที่สำคัญใดๆ
ชิงสุ่ยแสดงการเคลื่อนไหวของเขาอย่างช้าๆเพื่อชี้แนะข้อผิดพลาดและชี้นำให้เธอให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น หลังจากไม่นานทุกอย่างก็เสร็จสิ้น…
"ขอบคุณท่านมาก ข้าชื่อ ‘เยี่ยน หลิงเก้อ’ ยินดีที่ได้พบเจ้า!" หญิงสาวคนนี้กล่าวอย่างมีความสุข
"ช้าชื่อ ชิงสุ่ย" ชิงสุ่ยยิ้มให้
"พี่ชายชิงสุ่ย ข้าขอขอบคุณ!" หลังจากนั้นหญิงสาวก็จากไป การเคลื่อนไหวร่างกายของเธอคล้ายกับผีเสื้อที่บินหนีไป
ชิงสุ่ยถูจมูกของเขาและหัวเราะขณะที่เขาเดินไปทางด้านหลังของเทือกเขา เขายังคงนึกถึงภาพวาดแกะสลักที่เขาเห็นอยู่ เขาต้องการที่จะทำความเข้าใจ "จิตวิญญาณของสัตว์อสูร" ภายในตัวเขา เมื่อมาถึงที่นั่นเขาก็เดินต่อจากที่เขาเคยดูและพยายามจะเข้าใจพวกเขาต่อไป ทันใดนั้นสายตาของเขาก็มองไปที่ภาพแกะสลักพยัคฆ์ เขารู้สึกตกใจมาก! นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก การแกะสลักพยัคฆ์จะช่วยให้เขาสามารถควบคุมรูปลักษณ์พยัคฆ์ได้ดียิ่งขึ้นหรือไม่? เขามีความรู้สึกว่าเขาจะสามารถเข้าใจข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมได้จากเรื่องนี้ เขายังสังเกตเห็นศิลาหินอื่นๆที่มีภาพของอสรพิษปรากฎอยู่ในนั้น
"มันจะดีกว่าถ้าข้าทำมันทีละขั้นตอนและไม่ผลีผลามมากเกินไป" ชิงสุ่ยตัดสินใจที่จะตั้งใจกับมันก่อน แล้วค่อยพยายามทำความเข้าใจกับสัตว์อสูรตัวอื่นๆ ภาพแรกเป็นพยัคฆ์ที่กำลังคำรามเมื่อเผชิญหน้ากับสวรรค์ เพียงแค่จากการแกะสลักนี้ ชิงสุ่ยก็สามารถรู้สึกถึงกลิ่นอายของการบัญชาการและความทรงจำอันน่ากลัวจากมันราวกับว่ามันกำลังท้าทายโลก ชิงสุ่ยจ้องที่มันจนกว่าเขาจะรู้สึกถึงเลือดในร่างกายของเขาที่เดือดพล่านและไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขา ชิงสุ่ยสัมผัสได้ถึงแนวความคิดเชิงลึกซึ่งเปลี่ยนแปลงเป็นกลิ่นอายของความเชื่อมั่นของเขาและเพิ่มพลังอำนาจให้แก่เขา จากนั้นเขาก็หันมาจ้องมองและสังเกตการแกะสลักของพยัคฆ์ที่กำลังไต่ลงจากภูเขาเพื่อล่าเหยื่อในป่า ชิงสุ่ยรู้สึกถึงแนวความคิดที่มีอยู่ภายในภาพวาดแกะสลักเหล่านี้ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับจิตรกรรมภาพเขียนพยัคฆ์ที่เขามีอยู่ กลิ่นอายของเขาได้รับการเปลี่ยนแปลงขึ้นแม้ว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ตามเขายังคงสามารถพัฒนาขึ้นได้อีกได้ แม้ว่ารูปลักษณ์พยัคฆ์ของเขาจะอยู่ในขั้นสมบูรณ์แล้ว
แล้วสิ่งที่เหลืออยู่ในร่างของเขาซึ่งยังไม่ถึงขั้นสมบูรณ์มีอะไรบ้าง? เขาไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไรในการค้นหาข้อมูลเชิงลึกจากภาพวาดแกะสลักจำนวนหลายพันชิ้นเหล่านี้ เพราะเขายังไม่ทราบว่ารูปลักษณ์สัตว์ถูกวาดไว้ในภาพวาดแกะสลักบนศิลาหินที่อยู่ข้างหน้าของเขากี่แบบ!