เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - AST บทที่ 281 – คฤหาสน์ดาราจันทรา อนุสรณ์สถานศิลาหินรูปแบบสัตว์
- หน้าแรก
- เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
- AST บทที่ 281 – คฤหาสน์ดาราจันทรา อนุสรณ์สถานศิลาหินรูปแบบสัตว์
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 281 – คฤหาสน์ดาราจันทรา อนุสรณ์สถานศิลาหินรูปแบบสัตว์
"ผู้อาวุโสเฟยกำลังจะบอกว่ามีความขัดแย้งที่รุนแรงในวังเทวโลกเช่นนั้นหรือ?" ชิงสุ่ยถามด้วยความรู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อ
"ในความเป็นจริงมีข้อขัดแย้งที่รุนแรงระหว่างนิกายต่างๆ ยิ่งนิกายใหญ่มากเท่าไรความขัดแย้งก็มากขึ้นเท่านั้น ในขณะที่ราชวังเทวโลกทั้ง 9 คฤหาสน์จะปรากฏตัวต่อหน้าบุคคลภายนอก แต่การแข่งขันภายในก็ยังคงรุนแรงอยู่เช่นกัน อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติมากและเมื่อมีการแข่งขันก็จะทำให้เกิดการพัฒนามากขึ้น" เฟยหวู่จี้หัวเราะ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับประเด็นสำคัญของปัญหา
ชิงสุ่ยรู้ว่าไม่จำเป็นต้องไปคาดคั้นต่อ เขาเดินลงไปตามขั้นบันไดหินที่คล้ายกับของคฤหาสน์เมฆา พวกเขาเดินขึ้นไปยังคฤหาสน์หลังสีม่วงที่มีขนาดเล็กกว่าคฤหาสน์สมบัติหลิงเซียว มันตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าชิงสุ่ย
มีคำสามคำ ‘คฤหาสน์ดาราจันทรา’ สลักอยู่บนป้ายซึ่งเขียนขึ้นโดยบุคคลคนเดียวกันกับที่เขียนคำสี่คำว่า ‘คฤหาสน์สมบัติหลิงเซียว’ ทางเดินบริเวณรอบข้างเต็มไปด้วยเสาหินสีดำซึ่งมีขนาดเท่ากับสองคนโอบ
ชิงสุ่ยสังเกตเห็นว่าสีของเสื้อผ้าของทุกคนไม่เหมือนกัน แต่ทั้งหมดใส่เสื้อคลุมยาวดาราจันทรา เมื่อพวกเขาเห็นเฟยหวู่จี้ พวกเขาก็จะเดินผ่านไปและคำนับ ส่วนคนที่อยู่ใกล้ๆก็จะทักทายและเรียกเขาว่าผู้อาวุโสเฟย!
มีลานสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดใหญ่อยู่ใกล้ๆคฤหาสน์ดาราจันทราซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้คนจะมารวมตัวกันเพื่อฝึกซ้อม นอกจากนี้ยังเป็นที่ที่พวกเขาจะศึกษา อภิปราย และมีการซ้อมต่อสู้เกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ของพวกเขา
ที่นั่นมีลานสี่เหลี่ยมจัตุรัสอยู่มากมาย แต่มันก็มีขนาดไม่ใหญ่มากเมื่อเทียบกับอันแรก ชิงสุ่ยเห็นว่ามีผู้คนรายล้อมอยู่รอบๆลานมากมายและต่างก็กำลังส่งเสียงเชียร์อย่างคับคั่ง มันดูคึกคักด้วยเสียงอึกทึกและความตื่นเต้น
"ผู้อาวุโสเฟย เอ่อออ ท่านลุงเฟยพวกเขากำลังฝึกซ้อมกันอยู่หรือ?" ชิงสุ่ยถามและมองไปทางลานที่มีผู้คนกำลังฝึกอยู่
"ถูกต้อง แต่นี่เป็นเพียงการซ้อมแบบปกติเท่านั้น วังเทวโลกเน้นประสบการณ์ในการต่อสู้ ดังนั้นการฝึกซ้อมของพวกเขาจึงต้องผ่านการต่อสู้และซ้อมร่วมกันอย่างต่อเนื่อง" ผู้อาวุโสเฟยหัวเราะและยิ้ม
ชิงสุ่ยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และรู้สึกว่าถึงแม้ว่าวิธีการนี้จะไม่ใช่อะไรแปลกใหม่ แต่ก็มีไม่กี่นิกายที่ใช้มัน นั่นเป็นเพราะการซ้อมอย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก มันคือราคาที่ต้องจ่ายสำหรับประสบการณ์ที่ดี
การต่อสู้เป็นสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวัน ในช่วงชีวิตก่อนหน้าชิงสุ่ยรู้ดีว่าแม้จะมีการเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้มาเป็นอย่างดีถึงสามปีแล้วก็ตาม แต่บางครั้งก็อาจจะเจอเหตุการณ์ที่คนเราไม่สามารถเอาชนะพวกอันธพาลที่มีประสบการณ์การต่อสู้ข้างถนนมาแล้วถึง 3 ปีก็ได้
ประสบการณ์การต่อสู้เป็นสิ่งที่ล้ำค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อสู้ที่เดิมพันถึงชีวิตและความตายซึ่งอาจทำให้คนๆหนึ่งบรรลุถึงขีดความสามารถใหม่และแข็งแกร่งขึ้น
"ท่านลุงดูแลเหล่าสาวกของวังเทวโลกทุกคนภายในที่นี้หรือ?" เมื่อตอนที่ชิงสุ่ยอยู่ที่คฤหาสน์สมบัติหลิงเซียว เขาได้เห็นกับตาตัวเองว่ามีสนามประลองอยู่มากมาย แต่เขาก็ไม่ได้สังเกตมันมากนัก
"อืมม โดยทั่วไปก็ใช่ อย่างไรก็ตามผู้ที่มีความสามารถมากขึ้นเช่นผู้อาวุโสก็จะอยู่ในความดูแลโดยตรงของท่านประมุขและจะไม่ค่อยใช้วิธีการฝึกนี้บ่อยนัก" เฟยหวู่จี้กล่าวขณะที่พวกเขาเดินต่อไป
ชิงสุ่ยไม่ใช่คนโง่ เขารู้เหตุผลนี้ ตัวอย่างเช่น ผู้ฝึกตนระดับปราณเทวะเซียนเทียนขั้นที่ 1 หรือ 2, 3, 4… ไม่ว่าเขาจะมีประสบการณ์มากแค่ไหน พวกเขาก็จะไม่สามารถเอาชนะผู้ฝึกตนระดับปราณเทวะกษัตริย์ได้และอีกสิ่งหนึ่งที่พวกเขากลัวก็คืออุบัติเหตุ
มีแถวตึกอยู่ไม่ไกลจากบริเวณโดยรอบ ส่วนใหญ่มันจะมีสองชั้น สาวกของคฤหาสน์ดาราจันทราจำนวนมากจะเข้าและออกที่นี่บ่อยๆ นั่นจึงเป็นที่พักสำหรับเหล่าสาวกของวังเทวโลก
ภายใต้การนำทางของเฟยหวู่จี้ ชิงสุ่ยถูกนำไปหานายทะเบียนเพื่อดำเนินการขึ้นทะเบียนให้เสร็จสมบูรณ์ ตอนนี้เขาเป็นสาวกของวังเทวโลกอย่างเป็นทางการแล้วและได้รับการจัดสรรชุดเสื้อผ้า อาวุธ 1 อย่าง และกุญแจ 1 ดอก!
"ชิงสุ่ยหมายเลขบนกุญแจคือที่พักของเจ้า ลานฝึกซ้อมนั้นทุกๆสองชั่วโมงในช่วงเช้าและช่วงบ่ายจะมีผู้อาวุโสคอยสอนศิลปะการต่อสู้ ถ้าเจ้าสนใจในอนุสรณ์สถานศิลาหินศิลปะการต่อสู้ที่อยู่ด้านหลังเทือกเขาเจ้าก็สามารถไปดูได้ เจ้าจะสามารถเข้าใจมันได้หรือไม่นั่นก็สุดแล้วแต่ตัวเจ้าเอง" เฟยหวู่จี้กล่าวอย่างไม่แยแส
"อืมม ท่านลุง ข้าคงจะรบกวนท่านเพียงเท่านี้ ข้าสามารถดูแลตัวเอง!"
"อืมม แล้วอย่าลืมมาทานอาหารค่ำคืนนี้ล่ะ!" เฟยหวู่จี้ยิ้มและพูด
"ตกลง ข้าข้อตัวลาก่อน" ชิงสุ่ยยิ้ม เขารู้ว่านี่เป็นเพราะเขาทำอาหารเมื่อตอนกลางวัน
ชิงสุ่ยมองที่ป้ายกุญแจ สิ่งที่เขียนอยู่คือบล็อกที่ 1000, ชั้น 2, ห้อง 100!
ชิงสุ่ยหยิบกุญแจ เสื้อผ้า และอาวุธที่ดูไม่ค่อยดีเดินจากไป อาวุธชิ้นนี้ไม่อาจจะเทียบอาวุธที่เขาเคยหลอมได้เลยสักชิ้น กระบี่เล่มนี้เป็นตัวแทนของตัวตนของเขาซึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะของสาวกในวังเทวโลก แน่นอนว่าถ้าใครสามารถขึ้นเป็นผู้พิทักษ์ได้ อาวุธของพวกเขาก็จะได้รับการจัดสรรใหม่ให้ค่อนข้างดีขึ้นและแม้แต่เสื้อผ้าก็จะทำจากผ้าไหมชั้นดี!
ชิงสุ่ยมุ่งหน้าไปยังตึกแถวสองชั้น ชิงสุ่ยเห็นว่าแต่ละแถวหนึ่งบล็อกก็จะมีหมายเลขแตกต่างกันไปและเขาก็มุ่งหน้าไปยังพื้นที่ที่ลึกที่สุด
นี่คือบริเวณที่อยู่อาศัยซึ่งกว้างขวางมาก สถานที่ที่เหล่าสาวกของคฤหาสน์ดาราจันทราพักผ่อนอยู่ ชิงสุ่ยคาดเดาว่าถ้า 1 คนต่อ 1 ห้องแล้ว ตึก 2 ชั้นก็จะมีจำนวน 200 คน!
ก็หมายความว่าคฤหาสน์ดาราจันทราอย่างน้อยก็จะมีเหล่าสาวกถึง 200,000 คน และนี่ก็เป็นเพียงจำนวนสาวกปกติเท่านั้น มีคฤหาสน์ 9 แห่งในวังเทวโลก ซึ่งก็หมายความว่ามีผู้เชี่ยวชาญระดับปราณเทวะเซียนเทียนอย่างน้อย 1 ล้านคน…
การคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เพียงอย่างเดียวก็ทำให้ชิงสุ่ยถึงกับขนลุก มีที่ใดบ้างที่จะมีผู้ฝึกตนระดับปราณเทวะเซียนเทียนกว่า 1 ล้านคน? อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาดูก็นับว่านี่เป็นนิกายที่ยิ่งใหญ่ที่สามารถยืนหยัดต่อสู้อยู่ในทวีปแห่งนี้ได้นานนับหมื่นปี เรื่องแบบนี้ก็คงจะไม่แปลกอะไร
มีประชากรมากมายอยู่บนโลกใบนี้ เมืองเพียงแห่งเดียวก็มีประชากรนับหมื่นล้านคนและแต่ละประเทศก็มีมากถึง 81 เมือง แต่ละทวีปมี 81 ประเทศ การคำนวณจำนวนผู้คนในแต่ละทวีปเป็นไปได้ยากมาก เนื่องจากมีจำนวนที่มากเกินไปและมันก็ยากที่จะคำนวณให้แน่ชัด
แต่ละแถวมีความยาวอย่างน้อย 10 เมตร และมีจำนวน 1000 แถว ก็จะเท่ากับมีความยาว 10,000 เมตร โชคดีที่ชิงสุ่ยแค่เดินลวกๆก็มาถึง ความเร็วของเขาค่อนข้างเร็วมาก เขาใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีในการเดินทางประมาณ 10,000 เมตร
ความสูงของพื้นที่แตกต่างกันไป ชิงสุ่ยมองไปที่อาคารสูง 1000 ชั้น อาคารที่นี่ต่างก็เป็นกลางทั้งหมด หลังจากนั้นชิงสุ่ยก็เดินตรงไปหาห้องที่ 100 ของเขา
บริเวณชั้น 2 มีบันไดขึ้นสู่ชั้น 2 ของอาคารซึ่งทำมาจากหินบนเทือกเขาวังเทวโลก มันเต็มไปด้วยพลังทางจิตวิญญาณและหินบนเทือกเขาวังเทวโลกก็เป็นวัสดุที่ดีสำหรับการก่อสร้าง
ชิงสุ่ยก้าวขึ้นไปที่ชั้น 2 เขาเปิดประตูเพื่อหาว่าดูว่ามันกว้างขวางมากและเพียงพอสำหรับหนึ่งครอบครัวหรือไม่ เขาจำได้ว่าเห็นหญิงสาวบางคนที่ไม่ได้เป็นสาวกของวังเทวโลกบนถนนที่นี่ บางคนอุ้มเด็กเอาไว้ในอ้อมแขนหรือจับมือเดินกัน ผู้คนเหล่านี้เป็นสมาชิกในครอบครัวของเหล่าสาวกหรือเปล่า อย่างไรก็ตามวังเทวโลกสนับสนุนให้สาวกชายที่แต่งงานกับสาวกหญิง ไม่เพียงแค่เด็กที่เกิดมาจะมีความสามารถ แต่เด็กที่พวกเขาให้กำเนิดมาจะมีความรู้อันแรงกล้าได้เกิดมาในวังเทวโลก
เขาเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นขนาด 100 ตารางเมตร มีห้องนอน 3 ห้อ งห้องครัว 2 ห้อง ห้องน้ำ 2 ห้อง และระเบียง ชิงสุ่ยได้มองและเห็นว่าเครื่องเรือนและอุปกรณ์ทั้งหมดเป็นของใหม่
หลังจากมองดูผ่านๆ ชิงสุ่ยก็สรุปได้ว่าคฤหาสน์เมฆาเป็นคฤหาสน์เดียวในคฤหาสน์ทั้ง 9 ที่มีแต่ผู้หญิงเท่านั้น ทั้งหญิงและชายในคฤหาสน์อีก 8 แห่งมีทั้งสาวกชายและสาวกหญิง คฤหาสน์สมบัติหลิงเซียวมีสาวกหญิงมากกว่าสาวกชาย ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในนั้นก็เป็นสาวกหญิงด้วยเช่นกัน แม้สาวกของที่พักคนอื่นๆจะเรียกเธอว่าเป็นศิษย์พี่อาวุโสและสถานะของเธอในวังเทวโลกก็เป็นอันดับสองรองจากผู้อาวุโสคนอื่นๆเท่านั้น นั่นเป็นเพราะเธอเป็นผู้พิทักษ์ของวังเทวโลกและเป็นศิษย์โดยตรงของประมุขคฤหาสน์สมบัติหลิงเซียว!
ชิงสุ่ยนึกถึงคำพูดของเฟยหวู่จี้ที่บอกว่ามีอนุสรณ์สถานศิลาหินศิลปะการต่อสู้อยู่ที่ด้านหลังของเทือกเขา เนื่องจากเฟยหวู่จี้กล่าวว่าศิลปะการต่อสู้ที่นั่นจะเป็นประโยชน์อย่างแน่นอน ดังนั้นชิงสุ่ยจึงวางแผนที่จะใช้เวลาที่เหลือของเขาในการไปตรวจสอบที่นั่น
ด้านหลังของเทือกเขาอยู่ไม่ไกลมากนัก ชิงสุ่ยเดินตามเส้นทางที่กว้างมากๆและพยายามหาเส้นทางที่แห่งนี้จากการถามผู้คนสองคนเพื่อขอเส้นทาง มันเป็นพื้นที่ที่ดูเหมือนเหมืองหิน
อนุสรณ์สถานขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่นั่นที่ระดับความสูง 5 เมตรและกว้าง 3 เมตร มีผู้คนประมาณ 1000 คน มันเหมือนกับว่ามีคนอยู่ที่นั่นเสมอ บางคนมุ่งหน้าไปและบางคนก็ออกมาจากอนุสรณ์สถานศิลาหิน บางส่วนมีความสุขแต่บางส่วนก็มีแต่ความผิดหวัง
ชิงสุ่ยไม่ได้คาดหวังว่าจะมีผู้คนจำนวนมาก ศิลปะการต่อสู้แบบเปิดดังกล่าวมีคุณค่าขนาดไหน?
ชิงสุ่ยรู้ว่าสาวกทั่วไปจะไม่สามารถเรียนรู้ฝ่ามือสังหารเทวอัสนีและเคล็ดคุ้มครองศักดิ์สิทธิ์ได้ เนื่องจากวังเทวโลกกำหนดไว้ว่าสาวกนั้นๆจะต้องมีระดับอย่างน้อยระดับปราณเทวะกษัตริย์ ชิงสุ่ยรู้สึกว่าวังเทวโลกกำลังพยายามซ่อนสิ่งที่ดี เพียงแค่เข้าถึงศิลปะการต่อสู้ดังกล่าวก็จะทำให้เป็นสาวกโดยตรงและสมาชิกที่สำคัญของแต่ละคฤหาสน์
ชิงสุ่ยเดินไปบนเส้นทางเล็กๆที่ทำจากก้อนกรวดและหิน แต่ละเส้นทางเหล่านี้จะผ่านอนุสรณ์สถานและเชื่อมต่อกันเหมือนใยแมงมุมขนาดมหึมา
เมื่อชิงสุ่ยเห็นภาพวาดครั้งแรก เขาก็ต้องตกใจ มันเป็นกวาง บนอนุสรณ์สถานหินมีภาพวาดกวางขนาดใหญ่วิ่งและกระโดดไปมา! เป็นจารึกที่มีรายละเอียดที่ให้ความรู้สึกน่าเกรงขามมาก ชิงสุ่ยรู้สึกว่าทักษะการแกะสลักของคนๆนี้เหมือนกับทักษะการวาดภาพของคนที่วาดภาพจิตรกรรม
เมื่อชิงสุ่ยมองดูมันครั้งแรก เขาก็รู้สึกได้ถึงสาระสำคัญที่แท้จริงของงานแกะสลักนี้ ความว่องไวของขาทั้งสี่และจังหวะการเคลื่อนไหวที่กลมกลืน แม้กระทั่งการไหลเวียนของพลังงานและเลือดก็สำคัญเช่นเดียวกับท่วงท่า
ในขณะนั้นชิงสุ่ยสังเกตเห็นว่ากวางย่างก้าวซึ่งเขามีพัฒนาการที่คืบหน้าอย่างช้าๆกำลังสัมผัสได้ถึงพลังงานอันยิ่งใหญ่มากขึ้น เขารู้สึกมานานแล้วว่าการบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์กำลังจะมาถึงและรู้สึกเหมือนกับว่าประตูบานใหม่ใกล้จะเปิดออก
ลมปราณจากเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลของเขาหมุนเวียนโดยอัตโนมัติและขณะนี้กำลังหมุนเวียนตามเทคนิคกวางย่างก้าวในจุดตันเถียนของเขา ชิงสุ่ยค่อยทำตามขั้นตอนบนอนุสรณ์สถานและฝึกฝน มันเป็นความรู้สึกที่จะเลียนแบบการแสดงออก ชิงสุ่ยรู้ดีว่ารูปแบบของสัตว์ดังกล่าวขั้นตอนที่สำคัญที่สุดคือการเลียนแบบจิตวิญญาณ
เลียนแบบจิตวิญญาณ เขาเคยเลียนแบบมันมาก่อน หลังจากที่เขาเข้าใจรูปแบบของสัตว์ มันก็จะค่อยๆถูกนำเข้าสู่จิตวิญญาณของเขาด้วยเช่นเดียวกับการเข้าถึงขั้นตอนของสาระสำคัญที่แท้จริงของมัน
ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเทคนิคกวางย่างก้าวของเขาได้เข้าสู่ขั้นตอนที่ลึกลับ มันเป็นความรู้สึกแปลกๆเหมือนผู้ชายที่แข็งแรงกำลังมองไปที่เด็กตัวเล็กๆ ชิงสุ่ยรู้ว่านี่คือการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้นในเขตแดนจิตวิญญาณของเขา
ในขณะนั้นชิงสุ่ยรู้ว่าความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอีก 20% เขาไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นหลังจากเข้าสู่ขั้นสมบูรณ์ ระดับสุดยอดของขั้นสมบูรณ์?
ชิงสุ่ยเดินไปดูภาพวาดที่สอง มันก็ยังคงเป็นกวาง นี่คือกวางที่กำลังกระโดดอยู่บนหน้าผา มันทำให้รู้สึกว่ามันไม่ได้กระโดดลงจากหน้าผาเผื่อที่จะตาย แต่มันพยายามที่จะข้ามหน้าผาไป
เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรวดเร็วของพลังงานหลังจากช่วงเวลาที่เขาเข้าใจถึงภาพวาดนี้ ชิงสุ่ยชื่นชมยินดีเป็นอย่างมาก ด้วยเคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์ 9 อสูรของเทคนิคกวางกวางได้บรรลุไปถึงขั้นสมบูรณ์
"เพียงแค่ภาพวาดกวาง? ศิลปะการต่อสู้คืออะไร? เรียนรู้ที่จะวิ่งเหมือนกวาง? เรียนรู้ที่จะกระโดดเหมือนกวาง?" ชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังมองไปที่ภาพวาดกวางพึมพำ
เมื่อชิงสุ่ยเห็นการแสดงออกที่น่าแปลกใจและดูถูกของเขา ชิงสุ่ยก็อยากจะพูดออกไปว่าจุดสำคัญคือการที่เจ้าเรียนรู้ที่จะวิ่งเหมือนกวางและกระโดดเหมือนกวาง!