เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - AST บทที่ 279 - เข้าร่วมนิกายเทวโลก
- หน้าแรก
- เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
- AST บทที่ 279 - เข้าร่วมนิกายเทวโลก
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 279 – เข้าร่วมนิกายเทวโลก
เฒ่าประหลาดทั้งหลายถึงแม้จะมีชื่อเสียงที่โด่งดังและมีชีวิตที่ยั่งยืนราวกับขุนเขา อย่างไรซะพวกเขาก็ไม่อาจใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวได้ เพราะความเหงาคือฆาตกรที่น่ากลัวที่สุด
ดังนั้นผู้อาวุโสเหล่านี้ จึงมักจะอยู่รวมตัวกันและสานสัมพันธไมตรีมาเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 100 ปีแล้ว พวกเขามีความใกล้ชิดสนิทสนมกันยิ่งกว่าพี่น้องในสายเลือด นิกายเทวโลกก็เป็นดั่งบ้านของพวกเขา เป็นสถานที่ที่พวกเขาพาลูกหลานในตระกูลเข้ามาฝึกฝนณที่แห่งนี้
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสเฟยบอกกล่าวเกี่ยวกับเรื่องราวของเหล่าสังฆราช ชิงสุ่ยก็เริ่มคิดตาม และมันก็ดูเหมือนเป็นความจริงที่เขาสามารถพบได้โดยง่าย ภายในนิกายเทวโลก และด้วยเหตุผลนานาประการมันจึงทำให้ชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของนิกายเทวโลกยังคงอยู่ตราบนานเท่านาน ถ้าหากว่านิกายยังคงได้รับการสนับสนุนจากเฒ่าประหลาดที่ทรงพลังเหล่านี้
ภายในภูมิภาคกลางของมหาทวีปเมฆามรกต มีขุมกำลังมากมายไม่ว่าจะเป็นขุมกำลังจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่ หรือจะเป็นขุมกำลังจากนิกายที่แข็งแกร่ง แต่ถึงกระนั้น สถานที่แห่งนี้ก็ยังไม่เคยมีข่าวลือเรื่องการปรากฏตัวของผู้ฝึกตนปราณนักบุญพิโรธมาก่อนเลย ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งมากที่สุดยังคงอยู่เพียงแค่ขั้นสูงสุดของปราณเทวะกษัตริย์เท่านั้น ดังนั้นระดับพลังอำนาจของนิกายและตระกูลต่างๆจึงถูกวัดจากจำนวนของผู้ฝึกตนขั้นระดับปราณเทวะกษัตริย์ขั้นสูงสุดที่พวกเขาถือครอง
ถึงแม้จะมีนิกายที่ถูกสร้างขึ้นมากมายเพื่อรวบรวมเหล่าบรรดาผู้ที่มีพรสวรรค์อันโดดเด่น แต่มันก็ยังห่างไกลจากนิกายที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าหมื่นปีอย่างนิกายเทวโลก
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีจำนวนผู้ฝึกตนปราณเทวะกษัตริย์ขั้นสูงสุดจำนวนไม่น้อย อาจเป็นเพราะทรัพยากรและเครือข่ายความสัมพันธ์ยังคงอ่อนแอนะ พวกเขาจึงไม่อาจเอาชนะนิกายเก่าแก่เหล่านี้ได้
นิกายเทวโลกมีความโด่งดังอย่างมากถามเรื่องพลังการโจมตี ทั้งเรื่องการบ่มเพาะ หรือแม้กระทั่งเคล็ดวิชาสวรรค์ในการป้องกัน เคล็ดคุ้มครองศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าเคล็ดวิชาฝ่ามือสังหารอัสนีจะไม่ใช่เคล็ดวิชาระดับตำนาน แต่มันก็ไม่ห่างไกลจากความจริงเช่นนั้นมากนัก เพราะเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งนี้จะถูกถ่ายทอดเฉพาะภายในเหล่าสาวกที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกายเทวโลกเท่านั้น
ชิงสุ่ยกำลังมองดูผู้อาวุโสเฟยเดินเข้าไปยังอาคารที่ซ่อนอยู่ในหลืบ ในขณะที่ผู้อาวุโสเฟยค่อยๆกล่าวออกมาว่า "อาจารย์"
ชิงสุ่ยเองก็ตกตะลึง อาจารย์ของผู้อาวุโสเฟยอาจมีความเป็นไปได้ว่าเขาจะต้องเป็นหนึ่งในเหล่าสังฆราช ตัวของเขาเองที่ยืนอยู่ด้านข้างของผู้อาวุโสเฟยเริ่มรับรู้ได้ถึงความหนาแน่นในบรรยากาศโดยรอบ
"เอี๊ยดดดดดดดดดดดด"
ประตูเปิดกว้างขึ้น ตัวของชิงสุ่ยเองก็เงยหน้าขึ้นและพบกับชายชราคนหนึ่ง ที่มีหนวดเคราสีขาวยาวพร้อมกับแก้มบนใบหน้าที่เปล่งประกาย ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความเงียบสงบ รอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนก็เริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้า
"ท่านอาจารย์!!"เฟยหวู่จี้โค้งคำนับแสดงความเคารพอย่างสุภาพขณะกล่าวทักทาย
"หวู่จี้ ทำไมวันนี้เจ้าถึงมีเวลาว่างกลับมาเยี่ยมชายชราคนนี้ล่ะ?"เสียงของชายชราคมชัดและอัดแน่นไปด้วยพลัง
หลังจากชายชรากล่าวจบ เขาก็เหลือบมองไปทางชิงสุ่ย และก่อนที่เฟยหวู่จี้จะได้กล่าวอะไร ความสนใจทั้งหมดของชายชราคนนั้นก็ตรึงอยู่ที่บริเวณจุดที่ชิงสุ่ยยืนอยู่ และภายในชั่วพริบตาร่างกายของชายชราก็หายไปก่อนที่จะปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าชิงสุ่ยในทันที
ขณะที่ชายชราเคลื่อนไหว ชิงสุ่ยก็รับรู้ได้ทันทีเลยว่า มันคือย่างก้าวอำพรางเมฆของนิกายเทวโลก ซึ่งเขาเองก็เคยเห็นชางห่ายใช้กระบวนท่านี้มาก่อน ซึ่งในช่วงเวลาที่ชายชราหายตัวไป ชิงสุ่ยก็ได้พยายามกระโดดเพื่อหลบหนี
แม้การกระโดดหลบของเขาจะประสบความสำเร็จ แต่เขากลับรู้สึกได้ว่ามีมือบางสิ่งบางอย่างได้สัมผัสกับตัวเขา และเมื่อร่างของชายชราปรากฏตัว ชิงสุ่ยก็พบว่าเหรียญตราเทวโลกที่ชางห่ายเคยมอบให้กับเขาในตอนนี้มันได้อยู่ในมือของชายชราแล้ว
สายตาของชายชราเริ่มเอ่อล้นไปด้วยคราบน้ำตาในขณะที่เขามองจ้องมองเหรียญตราเทวโลก คราบน้ำตาก็เริ่มไหลลงบนใบหน้า
"ข้า และ ชางห่าย นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะไม่มีความสัมพันธ์ใดใดกับนิกายเทวโลก ข้าจะแบกรับผลกรรมที่ตามมาจากการกระทำของตัวข้าเอง"
"ข้าขอย้ำ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าและชางห่ายจะไม่ถือเป็นสมาชิกของนิกายเทวโลกอีกต่อไป"
" ท่านอาจารย์………ชางห่ายเป็นคนที่ทำให้ท่านต้องเสียหน้า…….."
"ชางห่าย เจ้าคือลูกศิษย์ของข้า ชางหวู่ย่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นและไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรเอาไว้ ในเมื่อข้าเป็นอาจารย์ของเจ้า ข้าก็จะรับผิดชอบในการกระทำของเจ้า"
"ชางห่าย ข้าจะทำให้ดีที่สุด อาจารย์ของเจ้าช่างไร้ประโยชน์ยิ่งนักแม้แต่จะรั้งเจ้าไว้ให้อยู่กับนิกายเทวโลกถ้ายังไม่อาจทำได้ ข้ามันเป็นคนไร้ประโยชน์อย่างแท้จริง"
น้ำตาของชายชราไหลท่วมเหรียญตรานิกายเทวโลก ภาพความทรงจำที่เขาเคยพูดคุยกับชางห่ายคลังครัวมาได้เรื่อยๆ เฟยหวู่จี้ทำได้เพียงแค่จ้องมอง ในขณะที่ชิงสุ่ยเองก็รู้สึกเสียใจในการกระทำของเขา ทำไมเขาถึงไม่ยอมเก็บมันเอาไว้ภายในดินแดนห้วงมิติของเขา
"ชางห่าย หวังว่าเจ้าจะอยู่อย่างสงบสุขหลังจากที่เจ้าจากที่แห่งนี้ไป เจ้าอย่าได้กังวล จะไม่มีใครกล้าแตะต้องใดๆตัวเจ้า อาจารย์ของเจ้าเป็นคนที่โดดเดี่ยวไร้ครอบครัว หากมีผู้ใดกล้าแตะต้องเจ้าแม้แต่ปลายนิ้วข้าจะทำให้มันรู้ว่าชีวิตที่ไร้ค่านั้นมันเป็นอย่างไร และพวกมันจะได้สัมผัสกับนรกบนดิน"
"ชางห่าย เหรียญตราเทวโลกชิ้นนี้เปรียบดังเครื่องรางแห่งความทรงจำ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่พวกเราศิษย์อาจารย์จะได้พบเจอกันอีก"
มือของชายชรากำลังสั่นเครือในขณะที่เขาถือเหรียญตราสัญลักษณ์เอาไว้ น้ำตายังคงไหลอาบทั่วไปหน้าโดยมิได้ลดลงแม้แต่น้อย คำพูดของชางห่ายยังคงดังขึ้นมาจากจิตใจของชายชรา
"ท่านอาจารย์ ศิษย์ของท่านมีเรื่องที่จะขอร้องและหวังว่าท่านจะเมตตา"
"ถ้าหากในอนาคตมีคนที่นำเหรียญตราเทวโลกชิ้นนี้มาที่นิกายเทวโลก โปรดดูแลพวกเขาแทนข้าด้วย คนเหล่านี้เปรียบดังลูกหลานของข้า ถ้าหากพวกเขาแสดงเหรียญตราเทวโลกชิ้นนี้ นั่นก็หมายความว่า ข้าคงไม่มีความสามารถในการปกป้องพวกเขาได้อีกแล้ว"
"ท่านอาจารย์ ศิษย์เป็นคนอกตัญญู ก็ขอตัวลา………….."
ชายชราถอนหายใจอย่างหนักหน่วงในขณะที่เขาเหลือบไปมองชิงสุ่ย "ตอนนี้ ชางห่ายเป็นอย่างไรบ้าง?" แม้ว่าเขาจะคาดเดาเรื่องราวเอาไว้บ้างแล้ว แต่เขาเองก็ยังคาดหวังว่าชางห่ายจะยังคงมีชีวิตอยู่
"เขาไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว"ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ จากเรื่องราวทั้งหมดเขาสามารถคาดเดาความสัมพันธ์ระหว่างชางห่ายกับชายชราคนนี้ได้
"ท่านอาจารย์ พี่ใหญ่เขา………."เฟยหวู่จี้ตอบด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นในขณะที่เขามองดูชายชราก่อนที่จะหันมามองชิงสุ่ย
"เขาตายได้อย่างไร?" ชายชราเอ่ยถาม
"เขาปลิดชีพของเขาไปพร้อมกับเฒ่าตาบอดจากนิกายเทพกระบี่"
"เฒ่าตาบอดที่มันตาบอดเมื่อ 30 ปีที่แล้วใช่หรือไม่?"ชายชราเปล่งเสียงตะโกนด้วยความโกรธ
"ถูกต้องแล้ว!!"
"เจ้าเด็กน้อย หรือว่าเจ้าคือลูกชายของชางห่าย?"ชายชราเอ่ยถามอีกครั้ง
"ต้องขออภัยที่ข้านั้นไม่ใช่ลูกชายของชางห่าย"
สายตาของชายชรายังคงจับจ้องไปที่ชิงสุ่ยก่อนที่จะเอ่ยวาจาเบาๆออกมาว่า "หรือว่าชางห่ายจะไม่มีลูกหลานสืบสกุล?"
ชิงสุ่ยจ้องมองชายชราที่กำลังเต็มไปด้วยความกังวล สายตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน และเมื่อเขาเห็นใบหน้าที่ดูกังวลของชิงสุ่ย เขาก็รู้ได้ทันทีว่าชิงสุ่ยพยายามคิดอะไรอยู่
"ตัวข้านั้นเป็นอาจารย์ของชางห่าย เมื่อ 30 ปีที่แล้วเขาได้ทำบางสิ่งบางอย่างที่รุนแรงอย่างมากจนข้ามิอาจปกปิดมัน แม้ว่าข้าจะทำทุกอย่างอย่างดีที่สุดแล้ว เพื่อให้เขาสามารถเลือกเส้นทางแห่งชีวิตได้ แต่มันก็ไม่สามารถทำให้เขาอาศัยอยู่ในนิกายเทวโลกแห่งนี้ได้ ดังนั้นก่อนที่เขาจะจากไป ข้าจึงมอบเหรียญตราเทวโลกเพื่อเป็นตัวแทนความทรงจำระหว่างข้ากับตัวของเขา และข้าก็ได้สัญญาว่าจะยอมรับทุกคำขอร้องของเขา ซึ่งเขาได้กล่าวไว้ว่าในอนาคตอาจจะมีคนที่นำเหรียญตราเทวโลกชิ้นนี้มามอบแก่ข้า ซึ่งคนที่มามอบให้ข้านั้นควรจะเป็นลูกหลานของเขา ซึ่งถ้าหากข้าได้รับเหรียญชิ้นนี้ นั่นก็หมายถึงว่าตอนนี้ชางห่ายคงจะตายไปแล้ว…….."
แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวชางห่ายมากนัก แต่เขาก็รู้ดีว่าบุคลิกชางห่ายมันเป็นคนที่เถรตรงเขาไม่เคยคิดที่จะมาขอความช่วยเหลือจากนิกายเทวโลกเลยแม้แต่ครั้งเดียวตราบจนเขาต้องตกอยู่ในภาวะวิกฤต มิเช่นนั้นเขาคงไม่เลือกเส้นทางเดินนี้
"ผู้อาวุโสชางห่ายมีลูกสาวอยู่คนหนึ่ง"ชิงสุ่ยตัดสินใจบอกความจริงเพราะเขาไม่ต้องการปิดบังอีกต่อไป
"ลูกสาว ลูกสาว!!! ยอดเยี่ยม อย่างน้อยเขาก็มีทายาท"รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายชรา
"เธอรู้เรื่องราวของนิกายเทวโลกเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น และในตอนนี้เธอกำลังเดินทางไปยังคฤหาสน์เมฆา"
"มิน่าล่ะ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ข้าจะรู้สึกว่าหญิงสาวที่ข้าได้พบหน้าก่อนหน้านี้ช่างคุ้นหน้าคุ้นตาเหลือเกิน นั่นคงจะเป็นลูกสาวของพี่ใหญ่ข้า พี่ใหญ่ท่านจากไปอย่างสงบเกิด ตอนนี้ลูกสาวของท่านปลอดภัยแล้วและเธอจะได้พบอาจารย์ของท่าน"เฟยหวู่จี้มองท้องฟ้าขณะที่เขากล่าวพึมพำออกมา
"ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็คงจะเป็นคนที่ชางห่ายเลือกให้เป็นสามีของลูกสาวของเขา"ดวงตาของชายชราจับจ้องมาที่ชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยทำได้เพียงแค่ยิ้มอย่างเฉยชาหลังจากตอบสนองคำพูดเหล่านั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชายชราคนนี้จะต้องเป็นอาจารย์ของชางห่ายอย่างแน่นอน ชายชราดูเรื่องจะกลับชางห่ายดี ราวกับว่าเป็นอีกด้านหนึ่งของชางห่าย
"ฮ่าๆๆๆๆ ดี ดี รีบไปเถิด พาชายชราคนนี้ไปพบหน้าลูกสาวของลูกศิษย์ข้า"ชายชราร้องตะโกนอย่างมีความสุข
"ท่านผู้อาวุโส ข้าว่าให้ข้าเป็นคนไปพาหมิงเยวี่ยมาพบท่านแทนจะดีกว่า "ชิงสุ่ยแนะนำ
"ไม่เป็นไร ถือซะว่าเป็นการเดินเล่นของข้าแล้วกัน ข้าไม่ได้ออกจากสถานที่นี้มาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว หมิงเยวี่ย ชื่อของนางคงจะเป็น ชางห่ายหมิงเยวี่ย ช่างเป็นชื่อที่งดงามจริงๆ"ชายชราหัวเราะออกมาเสียงดัง
ชิงสุ่ยและเฟยหวู่จี้เดินตามชราไปตามทางเดินเพื่อมุ่งสู่คฤหาสน์เมฆา ตลอดทางเดินนั้นมันทำให้ชิงสุ่ยรู้ว่ามหาทวีปเมฆามรกตไม่ได้ขาดแคลนผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง มันยิ่งทำให้เขาสงสัยว่าอาจารย์ของชางห่ายจะมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับใด
ก่อนหน้านี้เมื่อเขาได้พบกับไป๋ลี่จิงเว่ย ความแข็งแกร่งของไป๋ลี่จิงเว่ยเปรียบดังความแข็งแกร่งระดับพระเจ้า ซึ่งความรู้สึกที่เขามีต่อชายคนนี้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่แตกต่างกัน
"ชิงสุ่ย เจ้าอยากเข้าร่วมกับนิกายเทวโลกหรือไม่?"ชายชราเอ่ยถาม
"ตั้งแต่ที่ข้าได้พบกับผู้อาวุโสเฟย ในตอนที่ข้ามาถึงนิกายเทวโลก ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าข้านั้นได้รับการพิจารณาเป็นหนึ่งในสมาชิกของนิกายแห่งนี้หรือยัง"ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับเสียงหัวเราะ
"ชางห่ายและหวู่จี้ ทั้งสองคนคือลูกศิษย์ของข้า ตลอดชีวิตของข้านั้นมีลูกศิษย์เพียง 3 คน ไปในตอนนี้เหลือเพียงแค่หวู่จี้คนเดียวเท่านั้น จากนี้เป็นต้นไป เจ้าสามารถเข้าร่วมคฤหาสน์ดาราจันทราที่หวู่จี้ดูแลอยู่ได้"
"ชิงสุ่ย ขอกล่าวคำขอบคุณต่อหน้าท่านผู้อาวุโสด้วยความนับถือ!!!"
"ฮ่าๆๆๆ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ข้านั้นมีชีวิตยาวนานมากกว่า 300 ปีแล้ว อีกทั้งข้ายังไม่มีลูกหลานคนใดเลย เหล่าลูกศิษย์ของข้านั้นถือได้ว่าเป็นญาติคนสนิทของข้า หวู่จี้ตอนนั้นมุ่งมานะเอาแต่ฝึกฝน ส่วนชางห่ายในตอนนั้นเขาอายุ 40 กว่าปี หญิงสาวที่มีพรสวรรค์มากมายในนิกายเทวโลกของเราต่างก็ตกหลุมรักเขา ช่างน่าเศร้า ที่นี่มีใครสามารถขโมยหัวใจของเขาไปได้ แต่ตอนนี้ในที่สุดถ้าก็รู้แล้วว่าเขาได้มีลูกสาวสืบสกุล ข้าช่างมีความสุขจริงๆ"ชายชรากล่าวออกมา แต่ชิงสุ่ยก็รับรู้ได้ถึงน้ำเสียงที่ข่มขื่นภายในใจของเขา
โดยปกติชายชราที่มีอายุกว่า 300 ปีนั้นย่อมจะต้องมีลูกหลานจำนวนมากที่คอยสร้างความสุขภายในครอบครัว แต่ชายชราคนนี้เป็นคนที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวมาโดยตลอด ในตอนนี้เขาจะได้พบลูกหลานของเหล่าบุคคลที่เขารัก มันจะไม่ทำให้เขามีความสุขได้อย่างไร?
คฤหาสน์สมบัติหลิงเซียวเปรียบดั่งจันทราที่อยู่ท่ามกลางผืนนภา มันตั้งอยู่ใจกลางโดยมีคฤหาสน์อื่นๆล้อมรอบ และมีอาคารน้อยใหญ่มากมายจัดเรียงรายกันอยู่ในระยะทางที่แตกต่างกัน
คฤหาสน์เมฆาเป็นสถานที่ที่อยู่ใกล้ที่สุดกับคฤหาสน์สมบัติหลิงเซียว ในเวลาไม่นานนักพวกเขาก็เดินทางได้ประมาณ 10 ลี้ ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึง ภายในคฤหาสน์เมฆาจะมีเพียงแค่สาวกนิกายหญิงเท่านั้น มันช่างคล้ายคลึงกับหุบเขาจรู้ชิงของนิกายกระบี่นภา
มีหญิงสาวตั้งเรียงแถวเป็น 2 แถวอยู่บริเวณบันไดหิน หลังจากสังเกตไม่กี่อึดใจ ชิงสุ่ยก็พบว่าหญิงสาวส่วนใหญ่ที่นี่จะเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตาผิวพรรณเป็นอย่างดี อีกครั้งพรสวรรค์ของพวกเธอนั้นล้วนเป็นส่วนส่งเสริมให้พวกเธอสามารถก้าวขึ้นสู่ระดับเทวะเซียนเทียนได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย แต่ไม่ว่าพวกเธอจะดูงดงามมากเพียงใด ความงามของพวกเธอนั้นก็ตกต่ำลงทันทีเมื่อเทียบกับชางห่ายหมิงเยวี่ย
ชางห่ายหมิงเยวี่ยเป็นหญิงสาวที่งดงามที่สุดและสมบูรณ์แบบที่สุดในชีวิตของชิงสุ่ย ซึ่งอาจารย์เทพธิดาของเขา อีเย่เจี้ยนเก้อ ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่พอจะเปรียบเทียบได้ อีกทั้งสือฉิงจวงและเหวินเหรินอูซวงก็ยังมีความงดงามที่สมบูรณ์แบบอย่างมากอีกด้วย แต่อาจจะลดหลั่นลงมาอีกเล็กน้อย
ความงามอันน่าพิศวงของเธอนั้นทำให้ทุกคนตกหลุมรักได้ในทันทีเพียงแค่สบตา ความงามของเธอนั้นเปรียบดั่งเทพธิดาที่งดงามไร้ที่ติ เป็นความงามที่สามารถโค่นล้มอาณาจักรลงได้เพียงแค่ขยับนิ้วมือ