เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - AST บทที่ 276 - กายาที่เป็นเอกลักษณ์
- หน้าแรก
- เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
- AST บทที่ 276 - กายาที่เป็นเอกลักษณ์
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 276 – กายาที่เป็นเอกลักษณ์
"หมิงเยวี่ย เจ้าต้องการที่จะเข้าร่วมกับนิกายเทวโลกหรือไม่?"ทั้งสามคนยังคงร่วมรับประทานอาหารอยู่บนด้านหลังของวิหคเพลิง ซึ่งชิงสุ่ยก็กล่าวถามลวกๆออกมา และอีกเวลาประมาณ 5 วัน ก่อนจะถึง "ภูมิภาคกลาง" ของนครเมฆามรกต ไม่เพียงแค่นั้นในตอนนี้เคล็ดวิชากายาบรรพกาลของเขานั้นก็ได้โคจรมาถึงรอบที่ 93 ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
"เออ จริงๆแล้วถ้าหากไม่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น ท่านพ่อของข้าก็คงจะมาส่งข้าไม่เข้าร่วมกับนิกายเทวโลก"ชางห่ายหมิงเยวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ต่ำลง
ชิงสุ่ยจ้องมองที่ลิ่วลี่ ที่กำลังเหมอลอย "กำลังคิดสิ่งใดอยู่ แล้วเจ้าวางแผนจะทำอะไรต่อล่ะลิ่วลี่?"
ห่าวหยุนลิ่วลี่เหลือบมองไปที่ชิงสุ่ย ก่อนที่จะเหลือบมองทางชางห่ายหมิงเยวี่ยและพูดว่า "ชิงสุ่ยเจ้าต้องการที่จะเข้าร่วมกับนิกายเทวโลกหรือไม่?" ไม่ว่าเธอจะดูเหมอลอยตลอดเวลา แต่เธอก็ยังคงได้ยินบทสนทนาระหว่างชิงสุ่ยกับหมิงเยวี่ย
"หลังจากที่ข้าไปส่งหมิงเยวี่ยเข้าสู่นิกายเทวโลก ข้าก็จะกลับทันที ในตอนนี้ข้ายังมีสิ่งสำคัญบางอย่างที่จะต้องทำ แต่เมื่อข้าทำมันจะสำเร็จแล้วถ้าจะกลับมาหาพวกเจ้าในทันที"ชิงสุ่ยกล่าวตอบ
คำพูดของชิงสุ่ยทำให้ชางห่ายหมิงเยวี่ยตกตะลึง เธอและลิ่วลี่รู้ดีว่าสิ่งที่สำคัญที่ชิงสุ่ยต้องการกระทำนั้นคืออะไร
"ให้ข้าไปกับเจ้าเถิด ข้าคิดถึงบ้าน!!!"ห่าวหยุนลิ่วลี่รีบกล่าวขึ้นมาทันที
ชิงสุ่ยต้องการให้ห่าวหยุนลิ่วลี่อยู่ที่นี่และหวังว่าเธอจะได้อยู่กับหมิงเยวี่ยอย่างปลอดภัยแต่เมื่อลิ่วลี่กล่าวมาว่าเธอกำลังคิดถึงบ้านมันทำให้ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับเช่นไรดี
ในตอนนี้พวกเขากำลังเดินทางเข้าสู่ "ภูมิภาคกลาง"หลังจากเดินทางออกมาจากเมืองทักษิณา ตระกูลและนิกายที่แข็งแกร่งที่สุดของมหาทวีปเมฆามรกตต่างอาศัยอยู่ในภูมิภาคกลางแห่งนี้ สถานที่แห่งนี้เป็นที่อยู่ของจิตแห่งปราณจากสวรรค์และโลก ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุด ซึ่งฐานของพลังอันยิ่งใหญ่เหล่านี้มักจะปรากฏตัวขึ้นด้วยใกล้หุบเขาและมหาสมุทร แทนที่จะอยู่ในเมืองอันคึกคัก
ชิงสุ่ยรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่อัดแน่นและดุดันมากกว่าเมืองทักษิณาที่เขาจากมา ภูมิภาคกลางแห่งนี้เป็นดั่งมังกรที่ขดตัวรอวันผงาด ซึ่งมันไม่ได้เกินจริงเลยแม้แต่น้อย เพราะเพียงแค่เข้ามาถึงทุกคนจะต้องได้รับความกดดันที่หนักหน่วงอย่างยิ่ง
จากตำนานเคยกล่าวไว้ว่าในแต่ละมหาทวีปทั้ง 9 ย่อมมีสัตว์ตระกูลผู้พิทักษ์อันทรงพลังปกครอง แต่มันก็ไม่เคยมีผู้ใดพบเห็นมันมาก่อน ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปและการปรากฏตัว ทุกคนต่างรู้เพียงว่ามันกำลังเฝ้ามองอยู่จากสถานที่อันสูงส่งและห่างไกล แม้แต่ตำนานเกี่ยวกับสัตว์ลึกลับเหล่านี้ยังเป็นเรื่องที่ไม่อาจเข้าถึงได้
"ชิงสุ่ย!!!!"
ชิงสุ่ยตกตะลึง โดยปกติชางห่ายหมิงเยวี่ยมักจะไม่เรียกชื่อเขาโดยตรง เขาจึงหันหน้าไปมองและพบกับความพิศวงในดวงตาของหมิงเยวี่ย
"ว่าไง เยวี่ยเยวี่ย? เจ้าสามารถบอกข้าได้ทุกเรื่องเลย ไม่ว่าจะบุกน้ำลุยไฟหรือกระโดดลงปล้องภูเขาไฟลาวา หรือว่าจะฝ่าฝูงใบมีดที่แสนแหลมคม แม้ว่าต้องแลกด้วยชีวิตของข้า ข้าก็ยอมยินดีมอบให้กับเจ้า" ชิงสุ่ยไม่ทราบเหตุผลที่ชางห่ายหมิงเยวี่ยเปิดกล่าวเรียกชื่อเขา เขาก็รู้สึกอึดอัดใจอย่างมากที่เห็นรูปลักษณ์อันแสนเปราะบางของหมิงเยวี่ย ในใจของเขานั้น หมิงเยวี่ยยังคงเป็นดั่งเทพธิดาที่แข็งแกร่งและเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
เขาไม่เคยคิดเลยว่าหญิงสาวที่แข็งแกร่งอย่างชางห่ายหมิงเยวี่ยจะมีด้านนี้ด้วย เมื่อคิดว่าหลังจากนี้เธอจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวลำพัง ชิงสุ่ยก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เพราะอย่างน้อยเขาเองยังคงหลงเหลือแม่และสมาชิกตระกูลที่ยังคอยอยู่กับเขา
ถ้าหากเขาต้องอยู่ตามลำพัง มันจะต้องกลายเป็นความรู้สึกที่น่ากลัวอย่างเหลือเชื่อ ความเจ็บปวดที่ใหญ่ที่สุดของมนุษย์ทุกคนย่อมเป็นความเหงา เพราะความเหงาจะค่อยๆซึมซับเข้าสู่จิตวิญญาณของคนคนนั้นและทรมานเขาอย่างช้าๆ
ชิงสุ่ยจำเป็นต้องหาทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้หมิงเยวี่ยสามารถอยู่ได้อย่างมั่นคง มันคงจะเป็นความรักหรืออาจจะเป็นความเกลียดชังเท่านั้นที่จะสามารถลบล้างความเหงาให้หายไปได้ จอมยุทธผู้ทรงพลังมากมายที่มีช่วงชีวิตที่ยาวอยู่นาน และสุดท้ายพวกเขาก็เลือกที่จะสะบั้นชีวิตตัวเองถึงแก่ความตายเพียงเพราะความเหงา ซึ่งยังมีอีกหลายคนมากมายเลือกที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อความรักหรือเพื่อการล้างแค้น!!!!
"ถ้าเธอมีลูกสักคนหนึ่ง เธอคงจะมุ่งมั่นในการมีชีวิตต่อไปอย่างแน่นอน"ชิงสุ่ยจินตนาการ
ณ ตอนนี้ ทั้งสามคนยังคงนั่งอยู่บนหลังของวิหคเพลิง ห่าวหยุนลิ่วลี่นั่งกอดเข่าของเธอขณะที่เธอเหม่อมองดูท้องฟ้ายังเบื่อหน่าย ส่วนชิงสุ่ยเองก็กำลังจ้องมองความงดงามในตัวของชางห่ายหมิงเยวี่ยอย่างเงียบๆ เขามีสัญชาตญาณที่แรงกล้ามากวัดถ้าหาก ชางห่ายหมิงเยวี่ยจากไปในตอนนี้ มันมีความเป็นไปได้สูงสุดว่าเขาจะต้องสูญเสียเธอไปตลอดกาล ในตอนนั้นขณะที่ชางห่ายหมิงเยวี่ยกำลังจะเอ่ยปากกล่าว……….
ชิงสุ่ยก็ได้เดินไปข้างหน้าของเธอและคว้าตัวเธอมากอดเอาไว้ในอ้อมแขน ริมฝีปากของเขาประทับลงบนใบหน้าของเธอ ร่างกายของทั้งสองคนแนบชิดกันราวกับเป็นหนึ่งเดียว
ชางห่ายหมิงเยวี่ยอะไรคันก่อนที่เธอจะพบว่าตัวของเธอนั้นถูกชิงสุ่ยโอบกอดไว้อย่างแน่นหนา ไม่เพียงแค่นั้นริมฝีปากของเธอยังประทับกับริมฝีปากของเขา หัวใจของเธอเต้นรุนแรงอย่างเห็นได้ชัด จนเธอไม่อาจขัดขืนได้เลยได้
ชิงสุ่ยได้ตัดสินใจละว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เขายังคงต้องการที่จะจูบเธอ สำหรับหญิงสาวอย่างชางห่ายหมิงเยวี่ยที่ไม่เคยสัมผัสชายใดมาก่อนเลย ในตอนที่เขาจูบเธอ เธอเหมือนกับถูกส่งเข้าไปในมิติลึกลับ ดังนั้นการที่ชิงสุ่ยจูบเธอต่อไป มันเปรียบดังการแสดงความเป็นเจ้าของเหนือร่างกายเธอ ชิงสุ่ยไม่ได้ตั้งใจให้เธอตกหลุมรักเขาเพราะรอยจูบ แต่เขาต้องการให้เธอรู้สึกเกลียดเขา
"ความเกลียดชังและความรักเปรียบดังเหรียญที่มีสองด้าน ความเกลียดอันสูงส่งอาจนำไปสู่ความรัก"ชิงสุ่ยไม่แน่ใจเหมือนกันว่าการกระทำของเขานั้นจะสามารถทําให้หมิงเยวี่ยรู้สึกเกลียดเขาหรือไม่ แต่น้อยเขาก็ไม่ต้องการให้หมิงเยวี่ยลืมเลือนเรื่องราวของเขา เขาอยากจะเป็นเปลวเพลิงแม้จะเบาบางภายในใจของเธอ แต่อย่างน้อยมันก็ยังเป็นเปลวเพลิงที่อยู่ท่ามกลางความมืดมิดแห่งความเหงาที่แสนหนักหน่วง
อย่างไรก็ตาม เมื่อชิงสุ่ยเริ่มจูบหมิงเยวี่ย มันทำให้เขารู้สึกราวกับว่ากำลังลืมเลือนทุกสิ่งทุกอย่าง ท่ามกลางสัมผัสที่แสนนุ่มนวลและกลิ่นหอมต่างๆ
ภาพโฉมงามก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา
ชางห่ายหมิงเยวี่ยอาจจะมีร่างกายเปรียบดังกายาสวรรค์?
ชางห่ายหมิงเยวี่ยพยายามหลบหลีกลิ้นของชิงสุ่ย แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อริมฝีปากของทั้งสองประกบกัน เธอไม่อาจต้านทานลิ้นของชิงสุ่ยได้เลยแม้แต่น้อย
ในขณะที่ทั้งสองอย่างคงกอดกัน มือของชิงสุ่ยก็สัมผัสร่างกายที่แสนปราณีตของเธอ
ชางห่ายหมิงเยวี่ยที่กำลังถูกกระตุ้นก็รีบผลักชิงสุ่ยออกไปทันที ซึ่งชิงสุ่ยกำลังจ้องมองชางห่ายหมิงเยวี่ยที่อยู่ในอาการหวาดกลัวเล็กน้อย
ใบหน้าที่แปรเปลี่ยนเป็นสีแดง ดวงตาที่ขุ่นหมอง ริมฝีปากบวมเจ๋อขึ้นเล็กน้อยเผยเห็นความมีเสน่ห์ที่ยั่วยวน ผมดำขลิบของเธอแม้จะดูกระจัดกระจาย แต่มันก็ไม่ได้ลดความงดงามของเธอลงแม้แต่น้อย
ณ ตอนนี้ ชางห่ายหมิงเยวี่ยช่องเขม็งไปที่ชิงสุ่ย มันเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน
"หมิงเยวี่ย………….."
"เจ้าไม่จำเป็นต้องกล่าวอันใดออกมาอีก ข้าต้องการความเงียบสงบ"หลังจากกล่าวจบ เธอก็เรียกแร้งของเธอออกมาและกระโดดไปที่ด้านหลังของมัน
"ชิงสุ่ย เจ้านี่แย่จริงๆ"ห่าวหยุนลิ่วลี่กล่าวจากความรู้สึกของเธอ
ชิงสุ่ย "…………………"
ในตอนนี้เหลือเพียงแค่ชิงสุ่ยและห่าวหยุนลิ่วลี่เท่านั้นที่อยู่บนหลังของวิหคเพลิง ชิงสุ่ยสั่งให้วิหคเพลิงไล่ตามแร้งอัสนีปีกทองคำไปในทันที หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความโกลาหล แม้ว่าเขาจะเตรียมใจไว้แล้วว่าจะยอมให้ชางห่ายหมิงเยวี่ยเรียกเขาไปตลอดชีวิต แต่ชายคนใดกันที่จะสามารถทนมองดูหญิงที่เขารักเกลียดตัวเขาเองได้จริงๆ?
"เจ้าว่าตัวเจ้าแย่มากหรือไม่?"
"แย่มาก……."ชิงสุ่ย ถอนหายใจด้วยความอึดอัด
"เจ้าต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่? ด้วยความช่วยเหลือของข้า เจ้าอาจจะสามารถได้กอดพี่สาวหมิงเยวี่ยของข้าอีกครั้ง"ห่าวหยุนลิ่วลี่มองดูชิงสุ่ยก่อนที่จะหัวเราะออกมา
"ปีศาจสาวตัวน้อย เจ้าคงจะไม่หึงข้าหรอกนะ!!!"
ชิงสุ่ยหัวเราะในขณะที่เขาเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปอยู่ต่อหน้าห่าวหยุนลิ่วลี่
"อ่า เจ้ากำลังคิดที่จะทำอะไร!!"ลิ่วลี่ ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้ชายพยายามจะกดลงบนร่างกายของเธอ จิตใจของเธอนั้นเต็มไปด้วยความตื่นตะหนก แม้ว่าเสียงตะโกนของเธอนั้นจะดังมากเท่าไหร่แต่มันก็ไม่อาจช่วยให้เธอสามารถหลบหนีออกมาได้
เปลวเพลิงแห่งความชั่วร้ายยังคงลุกโชติช่วงมีจางหายไป ในขณะที่เขากดร่างกายลงบนตัวของเธอ ร่างกายของเขาก็ได้สัมผัสเข้ากับหน้าอกคู่งามที่เต่งตึง เปลวเพลิงขนลุกโชติหนักกว่าครั้งก่อน เขาเริ่มถอดผ้าคลุมหน้าของลิ่วลี่ออก
"ชิงสุ่ย………….ข้ายังไม่พร้อม และสถานที่แห่งนี้ก็ไม่สะดวกอีกด้วย…………"ห่าวหยุนลิ่วลี่ จับแขนของชิงสุ่ยด้วยมือที่สั่นเครือ
เพียงแค่ประโยคสั้นๆมันกับทำให้ชิงสุ่ยสูญเสียการควบคุม ในความคิดของเขานั้นกำลังจะเปลืองผ้าของเธอออก และเพลิดเพลินกับความสุขทางกายระหว่างชายหญิง แต่อย่างไรก็ตาม เขาเองก็เพิ่งจุมพิตกับชางห่ายหมิงเยวี่ย มันคงจะเป็นเรื่องแปลกถ้าหากเขายังคงคิดที่จะสานสัมพันธ์กับห่าวหยุนลิ่วลี่ในตอนนี้ ยิ่งกว่านั้น ถ้าหากชางห่ายหมิงเยวี่ยเดินทางกลับมา แม้ว่าเขาจะต้องกระโดดลงแม่น้ำที่แสนน่ากลัว เขาคงไม่อาจหาคำอธิบายกับตัวเองได้ ที่จริงแล้วเจตนาของชิงสุ่ยไม่ได้ต้องการที่จะมีอะไรกับเธอเลย แต่มันเป็นเพราะถ้อยคำบางคำที่เธอกล่าวมาจึงทำให้ชิงสุ่ยสูญเสียความปรารถนาในการควบคุมตนเองไป