เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - AST บทที่ 275 - บดขยี้ตระกูลเยียนภายใน 5 ปี สร้างความสั่นสะเทือนให้กับพวกสันเขาราชันย์ราชสีห์
- หน้าแรก
- เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
- AST บทที่ 275 - บดขยี้ตระกูลเยียนภายใน 5 ปี สร้างความสั่นสะเทือนให้กับพวกสันเขาราชันย์ราชสีห์
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 275 – บดขยี้ตระกูลเยียนภายใน 5 ปี สร้างความสั่นสะเทือนให้กับพวกสันเขาราชันย์ราชสีห์
"หุบเขาแห่งเทพธิดาอยู่ในเทือกเขาผลบุปผชาติ" ชิงสุ่ยถูจมูกของเขา ขณะที่เขารู้สึกข่มขืนเป็นอย่างมาก
ชางห่ายหมิงเยวี่ยรู้สึกงุนงงชั่วครู่หนึ่ง ดวงตาที่แสนงดงามของเธอค่อยๆกระพริบพร้อมทั้งพยักหน้าหลังจากที่เธอคิดเกี่ยวกับมัน
"หมิงเยวี่ย เทือกเขาผลบุปผชาติไม่ปลอดภัยขนาดนั้นจริงๆหรือ? ต้องแข็งแกร่งมากเท่าไหร่กันถึงจะสามารถเข้าออกสถานที่แห่งนี้โดยไม่เป็นอันตรายใดๆได้?" ชิงสุ่ยมองดูแผนที่ขุมทรัพย์ พร้อมทั้งมองเห็นแรงกระตุ้นอันแรงกล้าในการออกค้นหาสมบัติที่ซ่อนอยู่ภายใน
"เทือกเขาผลบุปผชาติ เป็นสถานที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องความอันตรายที่สุดในมาทวีปเมฆามรกตแห่งนี้ ผู้คนที่มีพลังต่ำกว่าขั้นปราณเทวะกษัตริย์ย่อมไม่สมควรย่างก้าวเข้าไปในสถานที่แห่งนั้น"ชางห่ายหมิงเยวี่ยกล่าวอยากตั้งใจ
ชิงสุ่ยที่ได้ยินเสียงคำพูดของเธอ มันทำให้เขาเข้าใจได้ในทันที
ชิงสุ่ยพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เขาทำได้เพียงคอยเตือนตัวเองไว้ว่าถ้าวันใดวันหนึ่งเขาสามารถบรรลุขึ้นสวรรค์ชั้นที่ 5 ของเคล็ดวิชากายาบรรพกาลเขาจะกลับมาสำรวจสถานที่แห่งนี้ด้วยตัวของเขาเอง รวมถึงสถานที่ที่เป็นจุดซ่อนแผนที่สมบัติที่อยู่เบื้องลึกของหุบเขาแห่งเทพธิดา
"ในครั้งหน้า ข้าจะต้องไปที่นั่น และข้าจะตามล่าสมบัติทั้งหมดมาเป็นของข้า"ชิงสุ่ยกล่าวพึมพำออกมาต่อหน้าหญิงสาวทั้งสอง
"อืมมมมมมมมมมมม!"ห่าวหยุนลิ่วลี่พยักหน้าอย่างมีความสุขซึ่งดูเหมือนว่าเธอจะตื่นเต้นในเรื่องเหล่านี้ ส่วนชางห่ายหมิงเยวี่ยยังคงยิ้มและไม่กล่าววาจาอันใดออกมา
วิหคเพลิงและแร้งอัสนีปีกทองคำยังคงบินคู่ขนานกันผ่านผืนนภาอันกว้างใหญ่ แม้ว่าพวกมันจะไม่ค่อยเหนื่อยมากแต่ยังไงซะพวกเขาทั้งศาลก็ตัดสินใจที่จะปล่อยให้พวกมันพักครั้งละ 4 ชั่วโมงในทุกๆ 2 วัน
ในช่วงเวลาพัก 4 ชั่วโมง ชิงสุ่ยได้เข้าไปฝึกฝนในดินแดนหยกยุพราชอมตะ เคล็ดวิชากายาบรรพกาลก้าวขึ้นสู่รอบที่ 90 ได้อย่างราบรื่น ดูเหมือนว่าพลังในร่างกายของเขานั้นยังคงต้องการการสะสมพลังที่มากขึ้นกว่าเก่า
อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ของมันยังคงดีมาก อีกครึ่งเดือนเขาสามารถโคจรพลังปราณได้ถึงรอบที่ 92 แล้ว มันทำให้ชิงสุ่ยมีความสุขอย่างยิ่งเกินกว่าครั้งไหนๆ เวลาครึ่งเดือนในโลกความจริงนั้นเท่ากับเวลาเกินกว่า 1 ปีภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะและในทุกๆรอบตั้งแต่รอบที่ 91 จนถึงรอบที่ 99 พลังงานที่สามารถสะสมได้ในแต่ละรอบนั้นจะเพิ่มพูนขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ถ้าหากเขาไร้ซึ่งดินแดนหยกยุพราชอมตะการฝึกฝนเหล่านี้คงจะใช้เวลาในการฝึกฝนร่วมทศวรรษก็อาจจะยังคงฝึกฝนไม่สำเร็จก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างที่เกิดขึ้นภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะยังคงเกิดขึ้นมากมายโดยที่ชิงสุ่ยเองก็ไม่ทราบเรื่องกฎภายในดินแดนว่าในตอนนี้มันถูกยกระดับขึ้นหรือไม่ เช่น แต่ก่อนถ้าหากเขาเข้าไปฝึกฝนภายในดินแดนประมาณ 4 ชั่วโมงของโลกภายนอก เขาจะรับรู้ได้ว่าโลกภายนอกนั้นเวลาที่เดินผ่านไปเกือบ 4 ชั่วโมงแล้ว แต่ในปัจจุบันเขากลับรู้สึกว่าเวลาในโลกภายนอกนั้นเดินผ่านไปถึง 6 หรือ 8 ชั่วโมง นั่นจึงเป็นข้อสันนิษฐานว่าอัตราส่วนของเวลาระหว่างโลกแห่งความจริงและเวลาในดินแดนอมตะอาจกลายเป็น 1 ส่วนต่อ 100 ส่วน หรือ 1 ส่วนต่อ 200 ส่วน หรืออาจมากกว่านั้น
ชิงสุ่ยเองยังคงพยายามคิดเกี่ยวกับเหตุผลของเรื่องเหล่านี้ แต่เขาก็ไม่ได้หวังสิ่งใดจากมัน เพราะตอนนี้มันเปรียบดังสมบัติอันล้ำค่าจากสวรรค์ถ้าหากไร้ซึ่งดินแดนหยกยุพราชอมตะเขาก็คงไม่มีวันเจ้าถึงพลังในการบ่มเพาะอันน่าอัศจรรย์ครั้งนี้
ถ้าหากเขาไม่สามารถบดขยี้ตระกูลเยียนหรือสร้างความสั่นสะเทือนให้กับพวกสันเขาราชันย์ราชสีห์ แม้ว่าเขาจะถือครองดินแดนอมตะและถือคลองเคล็ดวิชากายาบรรพกาลเขาก็คงไม่มีวันนอนตายตาหลับได้
เมื่อคิดถึงเรื่องที่เขาจะต้องหาวิธีบดขยี้เมืองเยียนภายในเวลา 3 ถึง 5 ปี มันทำให้ชิงสุ่ยส่ายหน้าและหัวเราะอย่างขมขืนด้วยความโง่เขลาของตัวเอง เขารู้ตัวเองดีว่าถ้าหากพิจารณาจากช่วงเวลาในตอนนี้อย่างดีที่สุดเขาคงจะทำสำเร็จได้อย่างน้อยก็อีก 20 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ยังมีหลายเรื่องที่เขาไม่อาจทำมันด้วยตัวเองให้สำเร็จได้
ขณะที่นั่งอยู่บนวิหคเพลิงและแร้งอัสนีปีกทองคำในทุกๆวันมีสิ่งเดียวที่ทำให้ชิงสุ่ยมีความสุขนั่นคือการได้มองดูแม่น้ำลำธารที่เป็นแหล่งกำเนิดของทุกสิ่งมีชีวิตและการได้มองดูผืนนภาที่แสนกว้างใหญ่และเต็มไปด้วยดวงดาวที่ระยิบระยับ มันทำให้จิตใจของเขารู้สึกโล่งว่างเปล่าไร้ความกังวลใดๆ
เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาจะต้องเดินทางกับหญิงสาวทั้งสองคน การพูดคุยของพวกเธอนั้นจะเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ พวกเธอมักจะพูดคุยกันในเรื่องที่ไร้สาระ ไม่ว่าจะเป็นเหล่าผู้คนที่มีชื่อเสียงตามสถานที่ต่างๆ นิกายที่โด่งดัง รวมถึงตระกูลชนชั้นสูง หรืออาจจะเป็นวัฒนธรรมที่น่าสนใจ และความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรที่อยู่ในระดับต่างๆ
ในบางครั้ง พวกเขาทั้งหมดก็มักจะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของนิกายเทวโลก ห่าวหยุนลิ่วลี่ไม่ได้รู้จักเรื่องราวของมันมากนะ แม้กระทั่งชางห่ายหมิงเยวี่ยเองก็รู้เรื่องราวของมันเพียงเล็กน้อย แต่เรื่องราวในอดีตของช่างห่ายผู้เป็นพ่อที่เคยเล่าเรื่องราวให้เธอฟัง ทุกคำพูดของเขานั้นเต็มไปด้วยความชื่นชมและภาคภูมิใจ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงพยายามบอกเล่าเรื่องราวที่เธอจำได้
"นิกายเทวโลกเป็นนิกายที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในมหาทวีปเมฆามรกต ภายในนิกายแห่งนี้มีสาวกไม่ต่ำกว่า 100000 คน และมีสาวกระดับสูงอีกมากมาย เงื่อนไขสำหรับการเข้าร่วมนิกายคือ คนที่จะเข้าร่วมในกายนั้นต้องมีระดับพลังอย่างน้อยอยู่ในขั้นเทวะเซียนเทียน และมีพื้นเพเบื้องหลังที่ใสสะอาด ไม่ว่าผู้คนเหล่านั้นจะอายุเท่าไหร่ถ้าหากสามารถเข้าถึงระดับเทวะเซียนเทียนได้ นิกายก็ยอมเปิดประตูต้อนรับ" ชางห่ายหมิงเยวี่ยอธิบายเรื่องราวต่างๆจากความทรงจำของเธอ และใบหน้าของเธอก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป
ชิงสุ่ยรู้ดีว่าเธอกำลังคิดถึงพ่อแม่ของเธอ เมื่อมองดูการแสดงออกเหล่านั้น ชิงสุ่ยจึงตัดสินใจเอื้อมมือไปกุมมือเธอเอาไว้อย่างช้าๆ
ชางห่ายหมิงเยวี่ยรู้สึกตื่นตะหนกจากการกระทำของชิงสุ่ย ในขณะที่เธอหันหน้าไปมองดูชิงสุ่ย เธอก็พบกับรอยยิ้มที่ดูจริงใจ ดวงตาที่งดงามของเขานั้นบ่งบอกการกระทำอย่างชัดเจน เขาจ้องมองเธอเฉกเช่นเดียวกับสายตาที่เต็มไปด้วยความรักคล้ายคลึงกับสายตาของพ่อและแม่ของเธอ
ห่าวหยุนลิ่วลี่เองยื่นมือมากุมมือเธอเช่นกัน
ชิงสุ่ยจับมือทั้งคู่เอาไว้ ในขณะที่ชางห่ายหมิงเยวี่ยมองดูชายหนุ่มอายุน้อยกว่าเธอและความรู้สึกของเธอก็ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป เธอยังคงมั่นใจว่าเธอไม่ได้ตกหลุมรักเขา แต่เธอก็ไม่อาจอธิบายความรู้สึกในห้วงเวลานี้ไปได้ บางครั้งเธอก็ต้องการที่จะเห็นหน้าของเขา ต้องการมองดูเส้นทางที่เขาเลือกเดิน มองดูใบหน้าที่มุ่งมั่น
เธอเองก็เคยเห็นด้านที่เปราะบางของชิงสุ่ยครั้งหนึ่ง ในตอนที่พวกเขาทั้งสามเดินทางอยู่ในเมืองเยียน ซึ่งในเวลานั้นเธอก็สังเกตเห็นว่าตัวของเธอเองนั้นค่อนข้างรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
ชิงสุ่ยรู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่เห็นชางห่ายหมิงเยวี่ยมองดูเขาด้วยสายตาที่มึนงง เขาจึงค่อยๆขยับนิ้วมือของเขาไปวางอยู่บนฝ่ามือของหมิงเยวี่ย
ชางห่ายหมิงเยวี่ยกลับมามีสติอีกครั้งก่อนที่จะลดศีรษะลง และนึกย้อนถึงเรื่องที่เธอกำลังพูดถึง
"นิกายเทวโลกแบ่งออกเป็น 9 ขุมพลัง 9 คฤหาสน์ โดยแต่ละคฤหาสน์จะมีราชันย์สงครามเป็นผู้ดูแล และคฤหาสน์สมบัติหลิงเซียวจะถูกควบคุมโดยราชันย์สงครามแต่ละคฤหาสน์!!!"ชางห่ายหมิงเยวี่ยกล่าวอธิบาย
เมื่อชิงสุ่ยได้ยินชื่อของหอเทวะสมบัติหลิงเซียวเขาก็คาดคิดได้ในทันทีว่ามันจะต้องเป็นแหล่งรวบรวมเคล็ดวิชาที่สำคัญไม่ว่าจะเป็น ฝ่ามือสังหารเทวอัสนี หรือว่าจะเป็นเคล็ดคุ้มครองศักดิ์สิทธิ์
"แล้วอีก คฤหาสน์ทั้ง 8 ล่ะ? เจ้ารู้เรื่องเกี่ยวกับพวกมันหรือไม่?"ชิงสุ่ยกล่าวถาม
"คฤหาสน์ทั้ง 8 ที่เหลือนั้นอ่อนแอยิ่งนักถ้าหากเปรียบเทียบกับคฤหาสน์สมบัติหลิงเซียว เพราะคฤหาสน์สมบัติหลิงเซียวคือที่พักของเหล่าราชันสงครามแล้วยังเป็นสัญลักษณ์แห่งนิกายเทวโลกอีกด้วย สำหรับชื่อของแต่ละคฤหาสน์ข้าเองก็ไม่มั่นใจนัก"ชางห่ายหมิงเยวี่ย พยายามดึงมือของเธอกลับแต่ก็ไม่สามารถดึงออกมาได้
เธอไม่ได้รู้สึกเพียงแค่ว่าฝ่ามือของเธอนั้นถูกตรึงเอาไว้ แต่หัวใจของเธอก็เช่นกัน มันเป็นความรู้สึกที่พิเศษ ซึ่งทำให้ความกังวลของเธอลดน้อยลง และคอยเติมเต็มความคาดหวังที่มีในจิตใจของเธอ
"นั่นก็เป็นเพียงแค่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในตอนนี้ถ้าไม่รู้ว่ามันเปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไร แต่ส่วนใหญ่นิกายหลักต่างๆก็ย่อมไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนักในช่วงไม่กี่ศตวรรษที่ผ่านมา"ชางห่ายหมิงเยวี่ยจ้องมองไปที่ชิงสุ่ยพร้อมทั้งกล่าววาจาออกมา ในตอนนี้เธอไม่รู้วิธีจัดการจากการกระทำของชิงสุ่ย โดยปกติไม่มีใครกล้าเอารัดเอาเปรียบเธอ ซึ่งมีเพียงเขาแค่คนเดียวเท่านั้นที่กล้ากระทำเรื่องต่างๆ
หญิงสาวทั้งสองคนยังคงมองดูภาพพื้นล่างและพูดคุยเรื่องไร้สาระกัน ส่วนชิงสุ่ยยังคงใช้เวลาส่วนใหญ่ในการนอนบนหลังวิหคเพลิงและเข้าไปฝึกฝนรวบรวมข้อมูลต่างๆภายในทะเลแห่งปัญญา
ชิงสุ่ยมีความสนใจในชื่อต่างๆมากมายรวมถึงพืชที่หายากเพื่อจะนำมาใช้ในการปรุงยา รวมถึงสนใจข้อมูลเกี่ยวกับแร่ธาตุโลหะที่ใช้ในการหล่อหลอม ไม่ว่าจะเป็น เหล็กกล้าดารา เหล็กกล้าประกายเพลิง เหล็กกล้าเหมันต์หมื่นปี เหล็กกล้ามายา หินแก่นแท้ ไม้ดอกเหมยหมื่นปี หินวชิระ หินจิตเหมันต์ศักดิ์สิทธิ์ หินสุราลัย โลหะราชันย์เทวาลัย…….
ชิงสุ่ยไม่เคยมีเวลาว่างมากพอจะมานั่งดูรายชื่อของสมุนไพรและของมีค่า ซึ่งในครั้งนี้มาทำให้เขามีความรู้มากยิ่งขึ้น และนับตั้งแต่ที่เขาได้เริ่มเรียนรู้เคล็ดวิชากายาบรรพกาล ทะเลแห่งปัญญาหยิน-หยางที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของเขานั้นก็ได้ยกระดับมากขึ้นเรื่อยเรื่อยๆ จนมันทำให้ตอนนี้ชิงสุ่ยสามารถจดจำทุกอย่างได้ในทันทีหลังจากเพียงแค่มองพวกมันแค่ครั้งเดียว
เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดเขาคนนึกถึงเรื่องวัตถุดิบที่มีมากพอในการสรรสร้างยาเม็ดวิศิษฐ์โฉม
"ข้ารู้สึกสงสัยเหลือเกินว่าหญิงสาวโฉมงามที่นำใบส่วนประกอบยาเม็ดวิศิษฐ์โฉมมาแลกกับอาวุธของข้า น่าจะมีสถานะใดภายในนิกายสราญรมย์? นางคงจะไม่ใช่บุคคลที่มีสถานะทั่วไปอย่างแน่นอน เพราะนั่นก็พกพาเงินกว่า 5 ล้านเหรียญเงินไปไหนมาไหนได้อย่างไม่เกรงกลัว"ชิงสุ่ยเริ่มคิดถึงภาพหญิงสาวโฉมงามคนนั้น