เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - AST บทที่ 270 - หนึ่งในสิบสองภาพโฉมงาม มีร่างกายที่งดงามราวกับถูกปั้นโดยหัตถ์ของพระเจ้า
- หน้าแรก
- เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
- AST บทที่ 270 - หนึ่งในสิบสองภาพโฉมงาม มีร่างกายที่งดงามราวกับถูกปั้นโดยหัตถ์ของพระเจ้า
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 270 – หนึ่งในสิบสองภาพโฉมงาม มีร่างกายที่งดงามราวกับถูกปั้นโดยหัตถ์ของพระเจ้า
และในขณะนั้นได้ร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสของชิงสุ่ยได้ถูกพยุงด้วยหญิงสาวทั้งสองคนเข้าไปในถ้ำที่ลึกลับ!
ทั้งสามคนเข้าสู่ภายในอย่างระมัดระวัง ถ้าหากมีสัตว์ป่าทั่วไปอยู่บริเวณนี้ พวกเขาจะสามารถรับรู้ได้ทันที แต่อย่างไรก็ตามชางห่ายหมิงเยวี่ยเองก็ยังคงเป็นเพียงเทวะเซียนเทียนขั้นปลาย ดังนั้นเธอจึงยังคงต้องระมัดระวังถ้าหากต้องเผชิญหน้ากับสัตว์อสูร
ปากทางเข้ามีขนาดเล็กมากแต่ก็กว้างมากพอที่จะให้ทั้งสามคนเข้าไปพร้อมกันในเวลาเดียว เมื่อชิงสุ่ยเข้าสู่ภายในเขาก็ได้พบกับถ้ำเล็กๆจำนวนมากมาย ซึ่งสามารถมองเห็นได้พร้อมกันทั้งหมด
ฝุ่นหนาที่อยู่ตามบริเวณพื้น เป็นหลักฐานอย่างดีที่แสดงให้เห็นว่าสถานที่แห่งนี้นั้นไร้ซึ่งผู้คนหรือสัตว์แฝงตัวเข้ามาอยู่อาศัยเป็นเวลานานมากแล้ว
"ข้าขอตัวไปรักษาอาการบาดเจ็บของข้าก่อน เออ ข้าอาจจะไม่สวมเสื้อผ้าอาภรณ์ใดๆทั้งสิ้น ถ้าหากไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ข้าคงขอให้พวกเจ้าอย่าเพิ่งรบกวนข้าหลังจากนี้ประมาณ 4 ชั่วโมง" ชิงสุ่ยพยายามฝืนยิ้มขณะที่เขาเดินเข้าไปข้างใน
ชางห่ายหมิงเยวี่ยและห่าวหยุนลิ่วลี่ทำได้เพียงแค่มองดูและรับฟังคำพูดของชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยเองก็กลัวว่าหญิงสาวทั้งสองคนจะเดินตามเขามา ในขณะที่เขาเคลื่อนย้ายข้ามมิติไปอยู่ในดินแดนหยกยุพราชอมตะ เขาจึงได้คิดอุบายมีขึ้นมาเพื่อไม่ให้พวกเธอตามมา ซึ่งพวกเธอจะต้องเชื่อฟังคำพูดของเขาแน่ถ้าหากกันอยู่ด้วยกันสองคน แต่ละภาคมีเพียงลิ่วลี่อุบายของชิงสุ่ยในครั้งนี้ก็ไม่อาจรับประกันได้
ในขณะที่ชิงสุ่ยเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ ภายในถ้ำ ในส่วนที่ลึกที่สุดเขาก็ได้พบกับบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ภายใน
"เอออออ?!!!!!"
ชิงสุ่ย รู้สึกประหลาดใจอย่างมากเมื่อเห็นพื้นที่ว่างเปล่ากว้างประมาณ 2 เมตร จากสายตาของเขาค้นพบว่าเบื้องล่างของสถานที่แห่งนี้คือทางผ่านธารน้ำไหลของบ่อน้ำพุใต้ดิน ดังนั้นจุดจุดนี้จึงเป็นแผ่นดินที่อุดมไปด้วยดินแห่งน้ำพุร้อน
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ก็ยังคงไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจมากที่สุดเมื่อเทียบกับภาพวาดที่แขวนอยู่บนผนัง มันเป็นรูปภาพของผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา เพียงแค่เหลือบตามอง ชิงสุ่ยก็รู้สึกหลงใหลในตัวละครที่อยู่ในภาพวาดนี้
หญิงสาวในภาพวาดแต่งกายด้วยผ้าไหมหิมะขาวพร้อมกับผ้าพันคอหิมะขาว ผมของเธอนั้นมีสีขาวราวกับหิมะที่ถูกแทรกอยู่เป็นบางส่วน ดวงตาเต็มไปด้วยความสุขุมลุ่มลึก ดวงตาสีดำเข้มมีความงดงามเหนือกว่าดวงตามนุษย์ทั่วไป เพียงแค่มองก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายที่น่าเกรงขาม
ชิงสุ่ยจ้องมองภาพรามกับทุกอย่างกำลังลืมเลือน และแล้วเวลาก็ผ่านไปประมาณหนึ่งจอกชาก่อนที่เขาจะรู้สึกตัว หญิงสาวในภาพวาดมีความงดงามเกินกว่าจะหาใครเทียบเทียม ดวงตาท่าทางอากับกิริยารวมทั้งรูปลักษณ์ก็เกินกว่าพรรณนาออกมาได้
"1 ใน 12 ภาพโฉมงาม!!!"ชิงสุ่ยมองเห็นคำเพียงไม่กี่คำที่เขียนอยู่ด้านบนสุดของภาพ
หลังจากมองดูรูปภาพ ชิงสุ่ยก็เผลอนึกถึงภาพเสือที่ดุร้ายกำลังกระโจนขึ้นสู่ภูเขารวมถึงภาพนกกระเรียนข่าวสยายปีกขาวนวลท่องไปบนนภา
อย่างไรก็ตามภาพความงามนี้จะเป็นประโยชน์กับเขาได้อย่างไร?
ชิงสุ่ยเดินตรงไปที่ภาพวาดและเอาภาพวาดออกจากกำแพง หลังจากที่เขาตรวจสอบบริเวณโดยรอบแล้วพบว่าไม่มีใครนอกเหนือจากเขาที่อยู่บริเวณนี้ เขาจึงนำมันเข้าไปสู่ดินแดนหยกยุพราชอมตะ
ชิงสุ่ยครุ่นคิดถึงจิตวิญญาณที่ดึงดูดเขาเข้าไปในภาพวาด ยิ่งเขาคิดมากเท่าไหร่ความน่าหวาดกลัวยิ่งมากเท่านั้น มันทำให้เขาคิดว่าถ้าหากเขาต้องเผชิญกับบุคคลที่น่ากลัว และหากเขาคือศัตรู ความตายย่อมต้องมาเยือนเขานับร้อยพันครั้ง
ซึ่งมันคล้ายคลึงกับพลังแห่งความงามที่สามารถควบคุมจิตวิญญาณผู้อื่นได้ นั่นก็หมายถึงว่าโฉมงามย่อมสามารถกำหนดการล่มสลายหรือการคงอยู่ของอาณาจักรและเมืองต่างๆภายใต้กำมือของเธอได้ ถ้าหากเธอมีความงดงามที่มากพอ
ชิงสุ่ยวางภาพแห่งความงามลง ในทุกครั้งที่เขาเห็นภาพนี้เขาจะรู้สึกได้ทันทีว่าหญิงสาวที่อยู่ในภาพกำลังดึงดูดจิตใจของเขา มันคอยกระตุ้นให้ชิงสุ่ยหลุดจากภวังค์และไม่อาจควบคุมตนเองได้ ซึ่งเขาก็พยายามหลีกเลี่ยง
ชิงสุ่ยค่อยๆถอดเสื้อผ้าออกและเริ่มโคจรพลังปราณจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาล ความเจ็บปวดที่รุนแรงค่อยๆปรากฏขึ้นพร้อมกับหยาดเหงื่อที่กระจายไปทั่วร่างกายของเขา
อย่างไรก็ตาม ชิงสุ่ยก็ยังคงกัดฟันและอดทนต่อไป เขารู้ดีว่าถ้าหากเขาให้พลังปราณจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาลรักษาบาดแผลด้วยตัวของมันเอง จะต้องใช้เวลามาก แต่เนื่องจากเวลาเป็นสิ่งมีค่าสำหรับเขา มันจึงทำให้เขาไม่อาจรีรอได้อีก
หลังจากโคจรพลังปราณครบถึงรอบที่ 90 ชิงสุ่ยก็หมดแรงจนแทบสลบ แต่โชคดีที่เขาได้เตรียมทุกสรรพสิ่งบำรุงกำลังเอาไว้ มันจึงถูกนำมาใช้ในตอนนี้
หลังจากดื่มซุปที่เตรียมเอาไว้ถึง 2 ถ้วย ชิงสุ่ยจะนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นโดยไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย พลังปราณจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาลก็ยังคงค่อยๆโคจรอยู่ภายในร่างกายของเขาด้วยตัวมันเอง อย่างมั่นคง
ในขณะที่เขาล้มตัวลงนอนอยู่บนพื้น ชิงสุ่ยเผลอมองดูภาพโฉมงามอย่างช่วยไม่ได้ ดวงตาที่ปรากฏบนภาพนั้นช่างเป็นสิ่งที่ลึกลับอย่างมาก มันเป็นความงามเกินกว่าที่มนุษย์จะพึงมี
ดวงตาสีดำที่แสนลึกล้ำนี้คล้ายคลึงการผสมผสานระหว่างดวงตาของชางห่ายหมิงเยวี่ยและดวงตาของอีเย้เจี้ยนเก้อ แม้แต่กลิ่นอายที่กระจายออกมานั้นย่องคล้ายคลึงกับกลิ่นอายที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างพวกเธอทั้งสอง
อีเย้เจี้ยนเก้อและชางห่ายหมิงเยวี่ยยังคงถูกตลาดจึงอยู่ในใจชิงสุ่ย พวกเธอคือหญิงสาวที่งดงามที่สุดเท่าที่เขาเคยพบ เขาไม่อาจจินตนาการภาพหญิงสาวที่งดงามของพวกเธอทั้งสองได้อีกแล้ว
อย่างไรก็ตามภาพที่อยู่ตรงหน้าเขา พร้อมทั้งดวงตาคู่สวยนั้น กับสามารถทำให้หญิงสาวทุกคนที่คิดว่าตัวเองงดงามกลับกลายเป็นคนธรรมดาไปในทันที
1 ใน 12 ภาพโฉมงาม นั่นก็หมายความว่ายังมีภาพวาดดังกล่าวอีก 11 ภาพ ไปก่อนหน้านี้ที่ชิงสุ่ยเริ่มหยิบภาพนี้ขึ้นมา เขาก็สังเกตเห็นว่ามันถูกสร้างขึ้นด้วยหนังสัตว์ และมันให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่งกว่าผิวหนังของราชันย์อสรพิษวงแหวนทองคำ
มันจึงทำให้ชิงสุ่ยคาดเดาว่ามันจะต้องถูกสร้างขึ้นจากสัตว์อสูรที่อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่าระดับเทวะกษัตริย์ มันจึงยิ่งสรุปได้ว่าผู้ที่วาดรูปภาพนี้ขึ้นมาจะต้องมีความแข็งแกร่งที่สูงมาก หรือไม่ก็อาจจะมาจากตระกูลที่ร่ำรวย
แม้ภาพวาดนี้เป็นภาพที่งดงามมาก แต่ชิงสุ่ยเองก็ไม่รู้ว่าจะใช้มันยังไง!!!
หลังจากพักชั่วครู่หนึ่ง ชิงสุ่ยก็เรื่องกัดฟันโคจรพลังปราณจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาลอีกครั้ง แต่คราวนี้เห็นได้ชัดเลยว่าความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นน้อยลงกว่าครั้งก่อน นั่นก็หมายความว่าพลังปราณจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาลได้ซ่อมแซมร่างกายส่วนที่ถูกทำลายรุนแรงจนเกือบเสร็จสิ้นแล้ว
เคล็ดวิชากายาบรรพกาลที่ชิงสุ่ยแล้วทำการฝึกฝน นอกจากมันจะสามารถเสริมสร้างพลังปราณปรับปรุงกระดูกและกล้ามเนื้อ มันยังสามารถเยียวยาบาดแผลด้วยความเร็วที่เทียบเท่ากับยามหัศจรรย์ ตราบเท่าที่ผู้ฝึกฝนยังมีลมหายใจหลงเหลืออยู่ เขาย่อมไม่มีวันตาย
ทุกอย่างเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปเรื่อยๆจนครบวัน อาการบาดเจ็บที่สาหัสของชิงสุ่ยได้รับการฟื้นฟูไปแล้วกว่า 20% ชิงสุ่ยไม่ต้องการสูญเสียเวลาอันแสนมีค่าแม้แต่วินาทีเดียว เขาจึงเริ่มทำการฝึกฝนเคล็ดวิชาคนอื่นเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น
ย่างก้าวกระเรียนทะยาน!!!
ชิงสุ่ยทำความสะอาดชุดเกราะประกาศศึกวงแหวนทองคำ หมวกเหล็ก และรองเท้า ก่อนที่เขาจะเริ่มฝึกฝนย่างก้าวกระเรียนทะยานซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเขาค้นพบแนวทางในการใช้งานมากมาย นอกจากนี้ ทุกอย่างยิ่งฝึกฝนจนชำนาญ พลังปราณที่ใช้ก็ยอมลดน้อยลง ชิงสุ่ยจึงมุ่งมั่นฝึกฝนทุกอย่างอย่างตั้งใจ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วอาการบาดเจ็บทุกอย่างของชิงสุ่ยก็หายเป็นปกติแล้ว เขาเดินตรงไปที่เตียงนอนและลงมือเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่แล้วเขาก็สังเกตเห็นด้านหลังของภาพวาดอย่างไม่ตั้งใจ
"นั่นมันคำอะไร!!!"
ในตอนที่ชิงสุ่ยถอดภาพวาดออกจากกำแพง เขาถูกดึงดูดโดยหญิงสาวที่อยู่ในภาพวาดจนมิได้ตรวจสอบด้านหลังของภาพวาด และหลังจากที่เขาเข้ามาฝึกฝนภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะ เวลาภายในผ่านไปกว่าครึ่งเดือนแล้วก่อนที่เขาจะสังเกตเห็นมัน
เมื่อสังเกตคำที่อยู่เบื้องหลัง ลายมือนั้นเป็นรายมือเดียวกับผู้ที่เขียนคำที่อยู่ด้านหน้า
ภาพทั้ง 12 ถูกสร้างสรรค์โดยสมบูรณ์จากยอดนักศิลป์ เจี้ยงตี้หลังจากที่เขาได้ออกไปผจญโลกเก้ามหาทวีปเป็นเวลากว่า 300 ปี เขาก็ได้มองเห็นโลกที่แสนงดงาม ภาพวาดแต่ละภาพเหล่านี้ตั้งเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบ หลังจากที่เจี้ยงตี้ได้พบกับสุดยอดสาวงามซึ่งเป็นแบบในการวาด
ถึงแม้ภาพวาดโฉมงามทั้ง 12 ภาพจะถูกสร้างขึ้นผ่านการผสมผสานความงามหลากหลายรูปแบบทั่วโลก เล่นไม่ได้อ้างอิงจากหญิงสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น มันจึงเป็นความงามที่ไม่อาจมีอยู่จริงได้
12 ภาพวาดแห่งทองโฉมงาม เป็นความงามที่แตกต่างกัน เป็นความงามที่ไล้ผู้เทียบเทียมในแต่ละวัย ความงามที่ทำให้เกิดการล่มสลายของอาณาจักร ความงามที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายในหมู่ผู้คนของแต่ละอาณาจักร ความงามที่ฝังรากเข้าสู่จิตใจและร่างกาย ความงามที่เต็มไปด้วยความฉลาดรักแรมและน่ายกย่อง ทั้งหมดถูกเขียนขึ้นรวมกันและมิอาจย่างกายเข้าถึงได้
หญิงสาวทั้ง 12 คน ต่างมีร่างกายที่งดงามราวกับถูกปั้นโดยหัตถ์ของพระเจ้า ทุกคนต่างเต็มไปด้วยคุณสมบัติที่ชัดเจน มันจึงทำให้ทุกคนถูกยกระดับราวกับสมบัติอันยิ่งใหญ่