หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - AST บทที่ 268 - เลือดที่ไหลรินลงบนระฆังสะท้านจิต ความตายที่น่าวิตก

  1. หน้าแรก
  2. เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
  3. AST บทที่ 268 - เลือดที่ไหลรินลงบนระฆังสะท้านจิต ความตายที่น่าวิตก
Prev
Next

ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 268-  เลือดที่ไหลรินลงบนระฆังสะท้านจิต ความตายที่น่าวิตก

 

ทั้งสามคนได้สามารถขึ้นไปนั่งบนหลังวิหคเพลิงได้ ด้วยความช่วยเหลือของภรรยาชางห่าย!

 

“หมิงเยวี่ย ตอนแรกแม่คิดว่าแม่จะอยู่ไปกับเจ้าตลอด แต่ถึงเวลานี้ แม่ได้ตระหนักว่ามันก็สายเกินไปแล้ว”!

 

"ไปซะ! ชิงสุ่ยเจ้าต้องดูแลนางให้ดี ต่อจากนี้ไปเจ้าเป็นครอบครัวเดียวกับนางแล้ว ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป … "

 

แม่ของ หมิงเหยวี่ย ตะโกน; นั่นเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความหวัง เธอหันไปมองรอบ ๆ และเดินเข้าไปหาผู้นำนิกายของกระบี่อมตะ  ในตอนนี้เธอกำลังวิ่งเข้าไปด้วยแรงทั้งหมด เธอนั้นเต็มไปด้วยความุ่งมั้นที่จะตาย เธอได้ก้าวไปข้างหน้าด้วยความตั้งใจที่ไม่ย่อท้อ

 

ชิงสุ่ยได้ปิดตาลง วิหคเพลิงได้แผ่ขยายปีกและลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า!

 

"ท่านแม่…………."

 

ลิ่วลี่ กอดหมิงเยวี่ยทั้งน้ำตา ทั้งคู่กำลังร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของชิงสุ่ย ไม่มีใครเลยที่ต้องการดูฉากการจากไปของแม่ของหมิงเยวี่ย

 

สักครู่ต่อมามีเสียงกรีดร้องดังขึ้น! ชิงสุ่ยมองไปที่สัตว์ร้ายที่เริ่มทะยานขึ้นในระยะไกล!

 

ราชาอินทรีทมิฬกาล!

 

ชิงสุ่ยมองไปนกอินทรีที่ซึ่งกำลังทะยานขึ้น  เข้าเห็นได้ชัดว่ามีชายคนหนึ่งที่เปียกโชกไปด้วยเลือดที่ใส่เสื้อคลุมสีม่วงที่ด้านหลังนั่งอยู่บนหลังของมัน

 

เลือดสดนั้นเป็นของแม่ของหมิงเหวี่ย!

 

"ชิงสุ่ย … เจ้าเป็นยังบ้าง!"

 

ลิ่วลี่ ถามอย่างหดหู่ในขณะที่กำลังมองดูเลือดที่ไหลออกมาชองชิงสุ่ย

 

"ข้าสบายดี, ดูแลหมิงเยวี่ยเถอะ" ชิงสุ่ย กล่าวเบา ๆ เขานั้นมีท่าทางอ่อนแอมาก

 

ชางห่ายหมิงเยวี่ย เงยศีรษะขึ้นและเหลือบไปมองที่ชิงสุ่ยแต่ตอนนี้เธอเห็นภาพที่อ่อนแอของชิงสุ่ย นี่เป็นครั้งที่สองที่เธอเห็น ชิงสุ่ยที่เปียกโชนไปด้วยเลือด แต่คราวนี้ดูเหมือนจะรุนแรงกว่าครั้งก่อน ถึงแม้อาการของเขาจะดีขึ้นบางแล้ว พละกำลังอย่างน้อยบางส่วนของเขาได้ฟื้นขึ้นมาบาง แต่เขาก็ยังไม่สามารถลุกขึ้นได้ในเวลานี้

 

"ชิงสุ่ย … " หมิงเยวี่ยพูดออกมาเบาๆ เธอนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด แต่เธอในตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยความเศร้าโศก และเมื่อเธอได้เห็นสภาพของชิงสุ่ยในตอนนี้ หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและอบอุ่นไปพร้อมๆกัน …

 

"หมิงเยวี่ยเจ้าไม่ต้องเศร้าไปหรอก แม้ว่าพวกเขาจะจากไปแล้วแต่พวกเขาก็ไม่รู้สึกเสียใจในการทำเช่นนี้เลย เพื่อให้พวกเราหนี้รอดออกมา พวกเขาได้ยอมเสียสละของพวกเขาเพื่อพวกเรา "ชิงสุ่ยมองไปที่ผู้นำนิกายกระบี่อมตะที่กำลังไล่ตามพวกเขาจากระยะไกล มีสัตว์อสูรบินชนิดอื่นอื่น ๆ อีกสองสามตัวบินตามหลังมา  แต่มีเพียงราชาอินทรีทมิฬกาลเท่านั้นที่มีความเร็วกว่าวิหกเพลิงของเขา ที่สามารถตามมา

 

 

"ชิงสุ่ย ข้ารู้แล้วถึงข้าเสียใจมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ……… " ชางห่าย หมิงเยวี่ย กำลังคุกเขาอยู่บนหลัง วิหกอัคคี และหันไปมองทิศทางที่พ่อแม่ของเธอจากไป

 

"หมิงเหยวี่ย ไม่มีใครที่ไม่เคยพบเจอเรื่องเลวร้ายในชีวิตหรอก แม้แต่คนที่ดูมีความสุขก็ตาม ในอนาคตยังคงมีสิ่งต่างๆมากมายที่เจ้าต้องเผชิญและเจ้าต้องเรียนรู้เกี่ยวกับมันๆจะทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้น มันเป็นอะไรที่ยากแต่เจ้าจะต้องผ่านมันไปให้ได้ และเมื่อเจ้าผ่านมันไปได้จะเจ้าไม่รู้สึกเสียใจอีกต่อไป … อั๊กๆ "

 

ชิงสุ่ยไอออกมาเป็นเลือด แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของเขา เขานั้นโชคดีมากที่ยังคงมีชีวิตอยู่ได้จากการอาการบาดเจ็บเหล่านี้

 

"ชิงสุ่ย … "

 

"ชิงสุ่ย … "

 

หมิงเยวี่ย และ ลิ่วลี่ ที่นั่งอยู่ที่ด้านข้างของชิงสุ่ยได้ขยับเข้าขนาบข้างเขาและพยุงตัวเขาขึ้น

 

"ชิงสุ่ย พวกเขาใกล้เขามาแล้วพวกเราควรทำอย่างไร?" ลิ่วลี่กล่าวอย่างนุ่มนวลในขณะที่มองอย่างกังวลไปที่ราชาอินทรีทมิฬกาล ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ถึงพันเมตร

 

"เราคงต้องยอมรับในชะตากรรม!" ชิงสุ่ย หัวเราะเบา ๆ

 

คำพูดของชิงสุ่ยไม่ใช่คำหลอกลวงใดๆ  พวกเขาถูกฝ่ายตรงข้ามจับพวกเขาต้องตายเป็นแน่ พวกเขาทำได้แค่ยอมรับชะตากรรมเท่านั้น อย่างไรก็ตามรอยยิ้มและน้ำเสียงของเขา ทำให้พวกเธอทั้งสองรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก

 

หัวใจที่เต้นด้วยความกังวลได้สงบลงแล้ว! วิหกเพลิงยังคงบินด้วยความเร็วที่อัศจรรย์และห่างออกไปจากคู่ต่อสู้  บนตัวของวิหกเพลิงได้สวมใส่สร้อยคอวิหคเพลิงซึ่งมันสามารเพิ่มความเร็วขึ้นอีก10%  แต่ว่าราชาอินทรีทมิฬกาลก็ยังไล่ตามาติดๆ ในตอนนี้มันได้ห่างออกไปประมาณ 800 เมตรเท่านั้น

 

"ชิงสุ่ย เจ้ากลัวความตายหรือไม่?" หมิงเยวี่ย กล่าวเบา ๆ และจ้องมองไปข้างหน้า

 

"ข้ากลัว ข้ากลัวมันมาก!" ชิงสุ่ยกล่าวโดยไม่ลังเล

 

น้ำตาร่วงลงมาจากดวงตาของ หมิงเยวี่ย เมื่อได้ยินคำตอบของ ชิงสุ่ย "แล้วทำไมเจ้าถึงได้ผลักข้าและลิ่วลี่ออกไปในช่วงเวลานั้นละ? เจ้าไม่รู้หรือว่ามันจะทำให้เจ้าตกอยู่ในอันตราย? "

 

"ถึงข้าจะกลัวความตาย แต่ข้าก็ไม่สามารถปล่อยให้ใครตายได้" ชิงสุ่ยยิ้มกว้าง

 

"ชิงสุ่ยนั้นให้ข้าจัดการทุกอย่างในตอนนี้เถอะ!" ชางห่าย หมิงเยวี่ย ค่อยๆลุกขึ้นยืน

 

ชิงสุ่ยค่อยๆส่ายหน้าของเขาและมองไปที่ หมิงเยวี่ย: "ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าจะไม่ปล่อยให้ผู้หญิงของข้า ถูกแตะต้องแม้แต่ปลายนิ้ว "เขาหัวเราะ

 

หญิงสาวทั้งสองคนรู้สึกอบอุ่นอย่างมากโดยเฉพาะ หมิงเยวี่ย เธอรู้สึกแปลกใจ เมื่อได้ยินเสียงที่อบอุ่นและคำพูดที่อ่อนโอนเหล่านั้นจากชิงสุ่ย  ในขณะนี้เธอไม่รู้สึกเจตนาหยอกล้อจากเขา เธอสัมผัสได้ถึงการเอาใจใส่และความอบอุ่นเท่านั้น

 

และนั่นเป็นความตั้งใจที่แท้จริงของเขา หมิงเยวี่ยในตอนนี้อยู่ในช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุด  เธอต้องการกำลังใจจากครอบครัวมากกว่าครั้งไหนๆ แต่เขานั้นไม่ใช่ครอบครัวของเธอดังนั้นเขาจึงตัดสินใจใช้สถานะของคนรักซึ่งใกล้เคียงกับครอบครัวของเธอที่สุดเพื่อปลอบโยนเธอ

 

ราชาอินทรีทมิฬกาลได้พุ่งมาด้วยความเร็วตอนนี้มันห่างกับพวกเขาเพียง500เมตรเท่านั้น พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันและรังสีที่รุนแรงได้

 

"หมิงเยวี่ย, ลิ่วลี่, ช่วยสนัยสนุนข้าที" แม้ว่าชิงสุ่ยจะยืนขึ้นได้ แต่เขาก็ไม่สามารถทนต่อแรงลมกระโชกในอากาศได้

 

"ชิงสุ่ย …… "

 

หญิงสาวทั้งสองคนพูดอย่างเบา ๆ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

 

"ข้าสบายได้ดีเพียงแค่ช่วยจับข้าเอาไว้เท่านั้น ข้าจะพยายามจัดการกับเจ้านกยักษ์ตัวนั้น "ชิงสุ่ยยิ้มให้

 

หมิงเยวี่ยได้พูดออกมา "นกยักษ์"! เธอจะไม่มีวันลืมได้แน่ ว่าเธอได้เคยเธอพูดคำพูดที่น่าอับอายนี้ออกมา  มันทำให้เธอโกรธและเขินอายมากพอที่จะทำให้เธอนั้นอยากตาย

 

"ข้าชอบนกยักษ์ของเขาจริงๆ ……… "

 

เธอโกรธยิ่งกว่าเดิมเพื่อได้ยินเขาแกล้งใช้คำพูดที่ไรเดียงสาออกมาเพื่อทำให้เธอเขินอาย ผู้ชายช่างลามกจริงๆ แม้แต่เขาก็ไม่เว้น ……

 

ชิงสุ่ย ยิ้มอย่างขมขื่น ขณะที่แตะจมูกของเขาหลังจากที่ได้มองไปที่ใบหน้าของหมิงเยวี่ย เขาประเมินว่าระยะทางระหว่างเขากับราชาอินทรีทมิฬกาล อยู่ใกล้กว่า 400 เมตร

 

เขาได้หยิบระฆังสะท้านจิตจากดินแดนภายในออกมา

 

ระฆังสีม่วงขนาดเล็กที่ล้อมรอบด้วยแสงสีม่วงมีความสวยงามเป็นอย่างมาก ท้องฟ้าในบริเวณนั้นค่อยๆส่องสว่างขึ้นเป็นแสงสีม่วง แสงสีม่วงที่เกิดจากระฆังสะท้านจิตมันช่างลึกลับอย่างมาก

 

"ชิงสุ่ยระฆังเล็กๆนี้คืออะไรกัน " ชางห่าย หมิงเยวี่ย ถาม

 

"มันคือสิ่งที่นกยักษ์หวาดกลัว"

 

หมิงเยวี่ย "……………………… "

 

ชิงสุ่ย ได้เขย่าระฆังสะท้านจิตขึ้น ขณะที่ราชาอินทรีทมิฬกาลกำลังใกล้เข้ามา และเมื่อมันเข้ามาใกล้ในรัศมี  300 เมตร เขาได้ถ่ายปราณจากเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลในทันที

 

“อึก!”

 

รางก่ายของชิงสุ่ยสั่นสะท้าน และพ่นเลือดออกมา เลือดนั้นได้สาดส่องลงบน ระฆังสะท้านจิตสีม่วงและในขณะนั้น ระฆังสะท้านจิตได้ส่องแสงสีม่วงเรืองรองมากกว่าเก่า ร่องรอยคาบเลือดบนมันได้จางหายไปอย่างรวดเร็ว

 

"ชิงสุ่ย … "

 

"ข้าสบายดี!"

 

ในตอนนั้นระยะห่างระหว่างพวกเขากับราชาอินรทรีทมิฬกาลลดลงเหลือเพียง200เมตร

 

"ยังจะหนีกล้าหนีอีกรึ?ข้าจะดูว่าพวกเจ้าจะสามารถหลบหนีไปได้อีกนานเท่าไร " ชายวัยกลางคนกล่าวอย่างเยือกเย็น

 

“ไม่มีที่ให้พวกเจ้าหลบหนีอีกแล้ว”  พวกเขาอยู่ระดับที่สูงขึ้นไปกว่าหมื่นเมตรไม่ต้องพูดถึงเฒ่าตาบอดเลย แม้ขนาดคนที่อยู่ในระดับอาณาจักรพลังปราณนักบุญพิโรธที่หากตกจากความสูงขนาดนี้ ก็ไม่สามารถมีชีวิตรอดไปได้ ยกเว้นกรณีที่โชคดีตกลงไปในมหาสมุทรหรือทะเลสาบเท่านั้น สำหรับคนส่วนใหญ่ที่อยู่ในอาณาจักรพลังปราณเทวะกษัตริย์ระดับห้า หากตกลงไปแทบจะไม่มีชีวิตรอดกลับมา

 

"หลบหนี? ทำไมต้องหลบหนีด้วยละ? เจ้าตั้งหากที่กำลังจะก้าวไปสู่ความตายและข้าจะส่งเจ้าไปเอง! "ชิงสุ่ยได้ถ่ายทอดปราณจากเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลของเขาไปยัง ระฆังสะท้านจิตและ เขย่ามันไปทางราชาอินทรีทมิฬกาล

 

มีเพียงกลุ่มควันสีม่วงกระจายออกมา และมันก็โดนเข้ากับมงกุฎของ ราชาอินทรีทมิฬกาล ในระยะเวลาสั้น ๆ ระฆังสะท้านจิตได้เปล่งเสียงทำนองไพเราะออกมา

 

เสียงนี้คืออะไร?

 

ชิงสุ่ยได้ถ่ายทอดปราณจากเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลของเขาไปยัง ระฆังสะท้านจิต รางก่ายของเขากำลังสั่นไหว ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นซีดเซียว จนแทบไม่มีเลือด

 

แต่ชิงสุ่ยไม่สนใจกับเรื่องนั้น เพราะเขากำลังเฝ้าดูฉากที่ทำให้เขาเต็มไปด้วยความสุข ที่กำลังจะเกิด ในขณะนั้นหมอกสีม่วงได้เข้าประทะกับราชาอินทรีทมิฬกาล มันได้จะปล่อยเสียงร้องโหยหวนและกระพือปีกของมันอย่างแรง

 

ผู้นำนิกายของกระบี่อมตะได้ถูกโยนออกไปโดยความบังเอิญจากด้านหลังของราชาอินทรีทมิฬกาล ไม่เพียงแค่นั้นเขาก็เห็นปีกคู่มหึมาที่สามารถปกคลุมท้องฟ้าและสามารถปิดกั้นแสงดวงอาทิตย์ได้ของราชาอินทรีทมิฬกาล  พร้อมด้วยกรงเล็บซึ่งสามารถทำลายภูเขาได้ทั้งลูก ได้มุ่งตรงไปทางเขา

 

ผู้นำนิกายที่อยู่ทามกลางอากาศ มีความคิดที่หวาดกลัวความตายหากเขาตกลงมาจากที่สูงขนาดนั้น เขาจึงหวังว่าเขาจะสามารถกลับไปที่ด้านหลังของราชาอินทรีทมิฬกาล ได้

 

แต่เขาไม่เคยคิดว่านักยักษ์ที่แสนเชื่องของเขา จะพุ่งกรงเล็บอันแหลมคมมาทางเขา เขาไม่สามารถต่อสู้ได้เลยกลางอากาศนี้

 

เขาคงจะไม่เกรงกลัวว่าจะมีกรงเล็บที่ร้ายกาจเหล่านี้เป็นแน่ถ้าเขาอยู่บนพื้นดิน แต่ที่ด้านบนท้องฟ้าเข้าไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลย เขาทำได้แค่ป้องกันและต่อยไปที่ปีกคู่นั้นที่ เขาได้ล่วงลงอย่างรวดเร็วจากความสูงของหมื่นเมตรกลางอากาศ เสียงกรีดร้องที่ไม่เต็มใจเปล่งออกมามัน เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

 

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "AST บทที่ 268 - เลือดที่ไหลรินลงบนระฆังสะท้านจิต ความตายที่น่าวิตก"

4 15 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

d5ec030f39ddd6a
ข้าแค่อยาก “กิน” อย่างเงียบๆ
กุมภาพันธ์ 22, 2023
Chronicles of Primordial Wars
Chronicles of Primordial Wars
มีนาคม 12, 2022
ฉันแค่อยากเป็น “จ้าวอสูร”
ฉันแค่อยากเป็น “จ้าวอสูร”
มีนาคม 12, 2022
บัญญัติครองสวรรค์
บัญญัติครองสวรรค์
มีนาคม 12, 2022
ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ (The Protagonist Are Murdered by Me)
ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ (The Protagonist Are Murdered by Me)
มีนาคม 12, 2022
Peerless White Emperor
Peerless White Emperor
มีนาคม 12, 2022
Tags:
กำลังภายใน
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz