หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - AST บทที่ 267 – จุดแตกหักของยอดจอมยุทธ

  1. หน้าแรก
  2. เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
  3. AST บทที่ 267 – จุดแตกหักของยอดจอมยุทธ
Prev
Next

ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 267 – จุดแตกหักของยอดจอมยุทธ

 

 

"พอทีกับเรื่องไร้สาระนี้ วันนี้ข้าจะฆ่าภรรยาและลูกสาวของเจ้า ข้าจะทำให้เจ้าลิ้มรสความทุกข์ทรมานของการสูญเสียคนที่เจ้ารักไป”

 

หลังจากพูดจบแล้ว ภาพของเฒ่าตาเปลี่ยนไปเป็นเงาเบลอๆ ขณะที่เขาบินเข้าไปหาภรรยาของชางห่าย!

 

"เจ้าจำเป็นต้องผ่านศพข้าไปก่อน!" ช่างห่ายกล่าว ออดมา อากาศในตอนเกิดสั่นสะเทือนขึ้น ขณะที่เขารีบก้าวตามเฒ่าตาบอดไป ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้พบว่าอาวุธของชางห่ายนั้น  เป็นหอกสั้นที่มีความหนาเพียงนิ้วหัวแม่มือเท่านั้น มันนั้นผลิตมาจากหยกบริสุทธิ์

 

ส่วนคนอื่นที่ไม่สามารถมองเห็นการต่อสู้ดังกล่าวของชางห่ายกับเฒ่าตาบอด ได้มุ่งความสนใจมาทางชิงสุ่ยและ ส่วนที่เหลือ เพื่อกดดันชางห่ายให้รับการโจมตีทั้งหมด

 

“เปล๊งๆ” เสียงประทะดังอย่างต่อเนื่อง พื้นที่ชางห่ายยืนอยู่ถูกปกคลุมไปด้วยหลุมจำนวนมาก แต่ในตรงกันข้ามบริเวณที่เฒ่าตาบอดยืนอยู่นั้นกลับไม่มีรองรอยที่เกิดจากการต่อสู้แม้แต่น้อย

 

"เฒ่าตาบอดนี้น่ากลัวจริงๆ เขาได้ใช้วิธีการโจมตีมาที่ลูกเมียของชางห่ายเพื่อให้ชางห่ายนั้นต้องรับการโจมตีทั้งหมด  ทำให้ชางห่ายที่สามารถรับมือกับเขาได้มากกว่าร้อยกระบวนท่าอย่างง่ายได้  กลับเริ่มเสียเปรียบเมื่อผ่านไปแค่แปดสิบกระบวนท่าเท่านั้น "ชิงสุ่ยสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ได้อย่างง่ายดาย"

 

ชางห่ายนั้น รู้ถึงว่าแผนการของฝ่ายตรงข้ามของเขาคืออะไร แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น เขาต้องใช้การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา – ฝ่ามือสังหารเทวอัสนี ทุกๆครั้งเพื่อที่จะรับมือกับเฒ่าตาบอด

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยยังคงจ้องมองการต่อสู้ของทั้งสอง เขาไม่รู้ว่าจุดอ่อนของทักษะสังหารเทวอัสนี คืออะไรและเขาไม่รู้ว่าจะมีผลข้างเคียงอะไรเกิดขึ้นบาง

 

กลุ่มสาวกเฒ่าตาบอกได้โจมตีออกมาด้วยทักษะมังกรพิษมรกต การโจมตีดังกล่าวส่งผลให้เกิดเสียงดังที่คล้ายกับเสียงฟ้าร้อง  'หอกทะลายหยก' ของชางห่ายได้ปลดปล่อยปราณออกมาปกคลุมร่างกายของเขา เนื่องจากการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของมังกรพิษมรกต เขาได้ใช้มันหยุดการโจมตีดังกล่าว

 

บรรยากาศตรงนั้นเต็มไปด้วยแรงกดดัน และมันยากแม้แต่จะหายใจสำหรับผู้ที่มีการบ่มเพาะอยู่ในระดับทั่วไป ภายใต้แรงกดดันที่เกิดจากชางห่ายและเฒ่าตาบอด  ชิงสุ่ยที่ยืนอยู่ด้านข้างของ ลิ่วลี่ ได้ใช้กลิ่นอายของเขาเพื่อช่วยบรรเทาความกดดันให้กับเธอ

 

ภรรยาของ ชางห่ายที่อยู่ในระดับในระดับแรกของอาณาจักรพลังปราณเทวะกษัตริย์ สามารถมองดูการต่อสู้ที่ดุดันของสามีของเธอได้ เธอได้มองดูภาพดังกล่าวอย่างขมขื่น ถ้าเธอเข้าร่วมในการต่อสู้นี้ เธอคงเป็นแค่ภาระของเขาเท่านั้น

 

"ชางห่าย ลองชิม เงาตรีเอกภาพ  ของข้าดู!" เขายังใช้วิธีสกปรกเหมือนเดิม โดยเขานั้นได้โจมตีมาภรรยาของชางห่าย

 

การจูโจมของเขาเป็นเหมือนสายฟ้าฟาด และกลิ่นอายของมันได้ประสานกับทักษะมังกรพิษมรกตของกลุ่มสาวกของเขา ทำให้กลิ่นอายของทักษะดังกล่าวทวีความรุ่นแรงขึ้น  มันได้พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

 

มังกรท่องเมฆา พยัคฆ์ลมกรด!

 

เฒ่าตาบอดได้สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง กลุ่มสาวกของเขาถูกจัดการโดยเงาสีดำ พวกเขาถูกจัดการจากคนหนึ่งกลายเป็นสองคนจากสองคนกลายเป็นสามคน!

 

แม้ว่าการโจมตีของชิงสุ่ยจะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวของเขา แต่เขาก็สามารถบอกได้ว่าการโจมตีดังกล่าวนั้นรุนแรงอย่างมาก เงาที่ทำการโจมตีของสาวกทั้งสามของไม่ใช่ภาพลวงตาแต่อย่างใด

 

ความเร็วนี้ไม่ใช่ระดับที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าและมันมีความพิเศษเหมือนทักษะ “คลื่นกระแทรกสามสะท้าน” ของชิงสุย

 

ภรรยาของชางห่ายเห็นถึงการโจมตีดังกล่าวของกลุ่มสาวกของเฒ่าตาบอดที่เล็ดรอดเข้ามา เธอทำได้เพียงแค่นั่งรอความตายเท่านั้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ขณะที่เธอมองไปที่ช่างอย่างขมขื่นและส่ายหัวของเธอ

 

เมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เขารักที่จะถูกสังหารโดยชายคนหนึ่ง จิตใจของชางห่ายถูกปกคลุมไปด้วยโกรธ  เขาไม่ยอมให้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นแน่ ใครจะสามารถทนเห็นหญิงที่รักของตัวเองถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาได้

 

"ท่านแม่, ท่านแม่ … "

 

ชางห่าย หมิงเยวี่ย ร้องไห้และกรีดร้องออกมา ถ้าไม่ใช่เพราะชิงสุ่ยที่ได้กอดเธอไว้จากดด้านหลังเธอ เธอคงตรงไปยังที่นั้นในทันที

 

แม้ว่าเธอจะรู้ว่าถ้าเธอตรงไปที่นั้นเธอคงจะต้องพบจุดจบ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจกับมันอีกต่อไป เธอไม่ได้สนใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง? ถึงแม้ว่าเธอจะต้องตายเธอก็ต้องรีบไปที่นั้นให้ได้

 

ภรรยาของชางห่าย ได้จ้องมองที่สาวกที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ความกดดันที่เกิดขึ้นทำให้เธอไม่สามารถเคลื่อนที่ไปไหนได้

 

ชางห่ายที่เต็มไปด้วยความขมขื่นอย่างมากโชคดีที่ระยะห่างของเขากับภรรยาไม่ได้ไกลมากนัก และเมื่อเขาใช้ทักษะย่างก้าวอำพรางเมฆแล้วความเร็วของเขายังไม่สูญหายไปหลังจากการประทะกับเฒ่าตาบอด  ในพริบตาเขาปรากฏตัวต่อหน้ากลุ่มสาวกดังกล่าว ขณะที่ร่างกายของเขากำลังส่องประกายด้วยแสงสีทอง

 

"การคุ้มครองศักดิ์สิทธิ์!"

 

เงาสาวกคนแรกได้ลอยขึ้นไปกลางอากาศ  สาวกคนที่สองถูกต่อยปลิวไปทางตรงข้ามของชางห่าย ขณะที่สาวกคนที่สามได้ฟาดลงไปบนไหล่ของชางห่าย แต่มันได้ถูกปิดกั้นด้วยแสงสีทองของเขา

 

"ชางห่าย สิ่งนี้เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ข้ากลัวเจ้า แต่เมื่อเจ้าใช้มันออกมาแล้ว ข้าก็จะดูว่าเจ้าจะใช้มันได้นานสักแค่ไหนและสามารถป้องกันการโจมตีได้สักกี่ครั้ง "เฒ่าตาบอดได้โยนกลุ่มสาวกของเขาเข้าไปที่ชางห่ายอย่างรวดเร็ว โดยการโยนแต่ละครั้งมันรุนแรงอย่างเหลือเชื่อ เหมือนดังลูกศรที่ถูกปลดปล่อยออดมา

 

การคุ้มครองศักดิ์สิทธิ์  ชิงสุ่ยเต็มไปด้วยความตกใจเมื่อได้ยินชื่อที่แสนคุ้นเคย และจากคำพูดของเฒ่าตาบอด  ชิงสุ่ยสามารถเข้าใจถึงจุดแข็งของทักษะนี้

 

การคุ้มครองศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเปิดใช้แล้วอาจมันสามารถป้องกันผู้ใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น  ความจริงที่สำคัญที่สุดคือชางห่าย สามารถใช้งานมันได้เพียงวันละครั้งเท่านั้น ..

 

เฒ่าตาบอดได้กลัวว่า ในตอนนี้มีความเสี่ยงอย่างมากที่ชางห่ายจะใช้มันเพื่อแลกชีวิตกับเขา ตอนนี้การโจมตีของเฒ่าตาบอดเต็มไปด้วยความรุนแรง ไร้ปรานีซึ่งมันเกิดมาจากความกลัวของเขา

 

ชิงสุ่ย กอดหมิงเยวี่ยไว้อย่างแน่น ในอ้อมกอดของเขา เขารู้ว่าเขาต้องทำให้เธออยู่ที่นี่ไม่ว่าเธอจะดิ้นรนมากแค่ไหนก็ตาม

 

 

"หมิงเยวี่ย เจ้าสงบสติหน่อย!" ระหว่างการปลอบหมิงเยวี่ย ชิงสุ่ยรีบกินผลวายุกระจ่างเข้าไป

 

"ชิงสุ่ย ช่วยพ่อและแม่ของข้าด้วย … " น้ำตาของเธอไหลออกมา ในตอนนี้เธอต้องการจะไปหาแม่ของเธอ

 

แต่เดิมเฒ่าตาบอดตั้งใจที่จะเข้าไปโจมตีที่คู่รักชางห่าย แต่ตอนนี้เข้าได้เปลี่ยนใจไปโจมตีที่ชางห่าย หมิงเยวี่ยแทน

 

"เยวี่ยเยวี่ย … " แม่ของหมิงเยวี่ยร้องตะโกน, ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความโกรธที่ไร้อำนาจ

 

ทันใดนั้นปราณของชางห่ายก็ปะทุขึ้น ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามในตอนนี้เขาได้ถูกกักตัวไว้ในกลุ่มสาวกของเฒ่าตาบอด เขาไม่เต็มใจกับสิ่งที่จะเกิดและเขาจะไม่อาจยอมที่จะเกิดขึ้น

 

ความรู้สึกทางจิตวิญญาณของชิงสุ่ยได้ยกระดับขึ้นเข้าสู่ขอบเขตจุดสูงสุดในขณะนี้ ขณะที่เขาค้นพบว่าหัวใจของเขากำลังเต้นอย่างรุนแรง แรงกดดันที่มีมากจนเกือบหายใจไม่ออกได้ถาโถมเข้ามา  ในช่วงเวลานั้นมีความคิดหลากหลายอย่างเกิดขึ้นในใจของเขา โดยเฉพาะภาพเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้น  มันทำให้เขารู้ว่าเขาไม่สามารถยอมตายได้ในเวลานี้

 

เข็มเหล็กกล้าเหมันต์ที่เต็มไปด้วยพิษหนาวเย็นหลายเข็มได้ปรากฏขึ้นในมือขวาของชิงสุ่ย  เขาไม่หันศีรษะหนี ในตอนนี้"สายตา" แสดงออกถึงความมุ่งมั่น

 

ชิงสุ่ยรู้สึกว่าความกดดันที่มากมาย สูงตระหง่านราวกับภูเขากำลังพุ่งมาทางนี้  มันได้จับจ้องมองไปที่ ชางห่าย หมิงเหวี่ย ที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา เขาเห็นได้ชัดว่าสีหน้าของเธอได้เปลี่ยนไปเป็นสีขาวไร้เลือดขณะนี้ เธอมองตรงไปข้างหน้าด้วยความหวาดกลัว

 

แรงกดดันที่มากมายนั้นมาจากเฒ่าตาบอด ที่กำลังตรงเขามาหมิงเยวี่ย เขาสามารถมองเห็นมันได้ชัดจากข้างหลังของเธอในตอนนี้ หมิงเยวี่ยต้องการที่จะผลักชิงสุ่ยออกไป อย่างไรก็ตามเธอค้นพบว่าเธอไม่สามารถขยับร่างกายตัวเองแม้แต่น้อยในความกดดันอันมหาศาลนี้

 

ในตอนนั้นชิงสุ่ยก็ผลักหมิงเยวี่ยและลิ่วลี่ออกไป  ผู้หญิงสองคนถูกผลักลอยออกไปโดยชิงสุ่ย  ห่างออกไปประมาณ 10 เมตร

 

ในขณะที่เขาผลักผู้หญิงทั้งสองคนออกไป เขาไม่ได้หลบนี้แต่อย่างใด เขาได้ใช้พลังทั้งหมดไปกับย่างก้าวกระเรียนทะยานของเขา!

 

ย่างก้าวกระเรียนทะยานที่เต็มไปด้วยปราณเขาได้ก้าวขึ้นสู่ขีดสูงสุด นอกเหนือจากการเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ 10% จากรองเท้า อีก10% จากสร้อยพลอยสีดำที่เขาได้รับมา และเพิ่มขึ้นอีก 50% จากผลวายุกระจ่าง ความเร็วของเขาไปถึงระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

 

ในตอนนั้นเอง เขารู้สึกว่าสาวกของเฒ่าตาบอด กำลังจะจู่โจมเขาที่หลังของเขาๆได้เบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บที่รายแรง แต่ที่สำคัญเขาได้ใช้เข็มโลหะเหมันต์ในมือขวาของเขาที่มีคุณสมบัติเป็นในการสร้างพิษหนาวเย็น มันได้ปักลงไปที่ตาที่เหลืออยู่ของเฒ่าตาบอด  ทักษะซ่อนเร้นนี้เป็นสิ่งที่เขาเคยฝึกมานับล้านครั้ง ความเร็วในการโจมตีของเขาเร็วเท่าสายฟ้ามันดูสวยอย่างมาก จนดูเหมือนกับผลงานศิลปะชิ้นเอก

 

เคล็ดเปลวเพลิงบรรพกาลหยิน-หยางได้ถูกใช้ขึ้นอย่างรวดเร็ว มันใช้เวลาไม่นานในการเผาร่างสาวกคนนั้น เนื่องจากชิงสุ่ย คำนวณการเคลื่อนไหวของเขาไว้แล้ว ในช่วงเวลาสุดท้าย เขาหลีกเลี่ยงการโจมตีที่ร้ายแรงที่ตรงเข้ามาที่หัวใจของเขาได้ เขามีความมั่นใจในการป้องกันของชุดเกราะของเขาและความแข็งแกร่งของปราณจากเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลที่หมุนเวียนอยู่ในร่างกายของเขา แต่อย่างไรก็ตามส่วนหลังของชุดเกราะของเขาก็ได้ถูกทำลายลงไปจากการโจมตีก่อนหน้า  มันทำให้ร่างกายของเขาลอยขึ้นไปกลางอากาศ อาการบาดเจ็บของเขาดูเหมือนจะรุนแรงยิ่งกว่าลิ่ววี่ซะอีก เมื่อร่างกายของเขาถูกพัดพาไปกลางอากาศจากจะแรงประทะ  เขาได้พ่นเลือดออกมาเหมือนกับห่าฝน ตัวของชิงสุ่ยได้ย้อมไปด้วยสีแดงจากเลือดของเขา เมื่อเขาตกลงที่พื้น

 

"หัตถ์คว้ามังกร!" เฒ่าตาบอดกำลังกรีดร้องด้วยความทรมานและได้ดึงเข็มที่ฝังอยู่ในดวงตาของเขาออก ในขณะนั้นชางห่ายได้เข้ามาใกล้ที่ตัวเขา เขาได้เตรียมการบางอย่างเพื่อให้พวกชิงสุ่ยหลบหนี

 

ชางห่ายคว้าลงไปที่คอของเฒ่าตาบอดโดยไม่ปราณี

 

เฒ่าตาบอดนั้นมั่นใจในตัวเองมากเกินไปจึงได้ประมาทชิงสุ่ย เขาไม่คิดว่าชิงสุ่ยจะสามารถเคลื่อนไหวได้จากแรงกดดันที่เขาปล่อยออกมา ถึงแม้ว่าชิงสุ่ยจะสามารถเคลื่อนไหวได้แต่ทำไมเขาจะต้องกลัวด้วย เขาไม่เคยเห็นชิงสุ่ยอยู่ในสายตาของเขา? แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าความเร็วของชิงสุ่ยจะรวดเร็วมากขนาดนี้…

 

เมื่อ 30 ปีที่แล้วเขาได้ตาบอดเพราะชางห่าย และใน30  ปีต่อมาตาเขาได้ตาบอดโดยลูกเขยของชางห่าย ขณะนี้ศีรษะของเขารู้สึกราวกับกำลังจะระเบิด ในช่วงเวลาแห่งความประมาทนี้เขาถูกคว้าไปที่คอโดยชางห่าย

 

แม้ว่าเขาจะมีพลังมากกว่าชางห่ายแต่เขาก็รู้ดีว่าทักษะหัตคว้ามังกรนั้นประสิทธิภาพมากแค่ไหน ถ้าไม่ใช่เพราะอาการปวดศีรษะที่เกิดมาจากชิงสุ่ย ชางห่ายคงไม่มีทางที่จะจับตัวเขาได้เป็นแน่

 

ชางห่ายกลัวว่าเฒ่าตาบอดจะเล็งไปที่ลูกสาวของเขา และด้วยเหตุนี้เขาจึงได้ใช้หัตคว้ามังกรจับเขาเอาไว้ในตอนนี้

 

คนตาบอดอายุนี้ได้บ้าไปแล้วด้วยความโกรธความรู้สึกอยากฆ่าฝ่ายตรงข้ามของเขา เขาได้รวบรวมปราณใน ตันเถียนของเขาเกิดรอยยิ่มน่าเกลียดบนใบหน้าของเฒ่าตาบอด  ชางห่ายรู้ว่ามันใกล้จะถึงตอนจบแล้ว

 

ชางห่ายรู้แล้วว่าเขาจะไม่สามารถหลบในระยะเวลานี้ได้ และด้วยเหตุนี้เขาจึงใช้กำลังทั้งหมดเพื่อขยี้คอของฝ่ายตรงข้าม ในขณะนั้นเฒ่าตาบอดได้ดำเนินการเคลื่อนย้ายสาวกที่อยู่ในระดับเทียนเซียนหรือสูงกว่านั้นออกไป

 

เขาได้ทำลายตันเถียนของตัวเอง!

 

เสียงดังสนั่นดังก้องขึ้น ในขณะที่เฒ่าตาบอดและชางห่ายได้กลายเป็นหมอกเลือดกระจายไป มีหลุมลึกปรากฏอยู่จุดที่พวกเขาสองคนเคยยืนอยู่ หลุมนั้นมีความลึกหลายเมตรและมีรัศมีความกว้างเกือบ100 เมตรที่เกิดจากการระเบิด

 

มันทำให้ทุกคนที่เห็นตกตะลึง แต่ชิงสุ่ยที่กำลังเจ็บปวดได้ลุกขึ้นยืนขณะที่เขาตะโกนไปหาแม่ของหมิงเยวี่ย

 

"ผู้อาวุโสรีบพาหมิงเยวี่ย และลิ่วลีออกไป!"

 

"ท่านบรรพบุรุษตายแล้ว………… .. " ผู้นำนิกายของกระบี่อมตะ, ตะโกนออกมา

 

"ท่านพ่อ…"

 

หมิงเยวี่ยล่มลงที่พื้น

 

ในตอนนี้วิหกเพลิงที่อยู่ข้างๆ ชิงสุ่ยไม่มีกำลังเพียงพอที่จะยกหญิงสาวทั้งสองขึ้น  พวกผู้นำนิกายและผู้สูงอายุของนิกายกระบี่อมตะได้มองดูพวกเขาราวกับว่าพวกเขาเป็นเหยื่อของพวกเขา

 

แม่ของหมิงเยวี่ย จ้องมองที่จุดที่ชางห่ายหายไปก่อนที่จะพุ่งไปทางชิงสุ่ยและหญิงสาวทั้งสองคน  ในขณะเดียวกันผู้นำนิกายกระบี่อำมตะได้พุ่งมาด้วยความเร็วๆของเขานั้นเร็วกว่าแม่ของหมิงเยวี่ยอย่างมาก!

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "AST บทที่ 267 – จุดแตกหักของยอดจอมยุทธ"

4 15 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

จอมนางพิชิตบัลลังก์
จอมนางพิชิตบัลลังก์
มีนาคม 12, 2022
ยุคใหม่ของผู้อัญเชิญ
ยุคใหม่ของผู้อัญเชิญ
มีนาคม 12, 2022
ไปจีบสาวที่โลกอนิเมะกันเถอะ!
ไปจีบสาวที่โลกอนิเมะกันเถอะ!
มีนาคม 12, 2022
The Mech Touch
The Mech Touch
มีนาคม 12, 2022
Taming Master
Taming Master
มีนาคม 12, 2022
ดาบพิโรธสวรรค์
ดาบพิโรธสวรรค์
มีนาคม 12, 2022
Tags:
กำลังภายใน
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz