เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - AST บทที่ 267 – จุดแตกหักของยอดจอมยุทธ
- หน้าแรก
- เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
- AST บทที่ 267 – จุดแตกหักของยอดจอมยุทธ
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 267 – จุดแตกหักของยอดจอมยุทธ
"พอทีกับเรื่องไร้สาระนี้ วันนี้ข้าจะฆ่าภรรยาและลูกสาวของเจ้า ข้าจะทำให้เจ้าลิ้มรสความทุกข์ทรมานของการสูญเสียคนที่เจ้ารักไป”
หลังจากพูดจบแล้ว ภาพของเฒ่าตาเปลี่ยนไปเป็นเงาเบลอๆ ขณะที่เขาบินเข้าไปหาภรรยาของชางห่าย!
"เจ้าจำเป็นต้องผ่านศพข้าไปก่อน!" ช่างห่ายกล่าว ออดมา อากาศในตอนเกิดสั่นสะเทือนขึ้น ขณะที่เขารีบก้าวตามเฒ่าตาบอดไป ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้พบว่าอาวุธของชางห่ายนั้น เป็นหอกสั้นที่มีความหนาเพียงนิ้วหัวแม่มือเท่านั้น มันนั้นผลิตมาจากหยกบริสุทธิ์
ส่วนคนอื่นที่ไม่สามารถมองเห็นการต่อสู้ดังกล่าวของชางห่ายกับเฒ่าตาบอด ได้มุ่งความสนใจมาทางชิงสุ่ยและ ส่วนที่เหลือ เพื่อกดดันชางห่ายให้รับการโจมตีทั้งหมด
“เปล๊งๆ” เสียงประทะดังอย่างต่อเนื่อง พื้นที่ชางห่ายยืนอยู่ถูกปกคลุมไปด้วยหลุมจำนวนมาก แต่ในตรงกันข้ามบริเวณที่เฒ่าตาบอดยืนอยู่นั้นกลับไม่มีรองรอยที่เกิดจากการต่อสู้แม้แต่น้อย
"เฒ่าตาบอดนี้น่ากลัวจริงๆ เขาได้ใช้วิธีการโจมตีมาที่ลูกเมียของชางห่ายเพื่อให้ชางห่ายนั้นต้องรับการโจมตีทั้งหมด ทำให้ชางห่ายที่สามารถรับมือกับเขาได้มากกว่าร้อยกระบวนท่าอย่างง่ายได้ กลับเริ่มเสียเปรียบเมื่อผ่านไปแค่แปดสิบกระบวนท่าเท่านั้น "ชิงสุ่ยสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ได้อย่างง่ายดาย"
ชางห่ายนั้น รู้ถึงว่าแผนการของฝ่ายตรงข้ามของเขาคืออะไร แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น เขาต้องใช้การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา – ฝ่ามือสังหารเทวอัสนี ทุกๆครั้งเพื่อที่จะรับมือกับเฒ่าตาบอด
ในตอนนี้ชิงสุ่ยยังคงจ้องมองการต่อสู้ของทั้งสอง เขาไม่รู้ว่าจุดอ่อนของทักษะสังหารเทวอัสนี คืออะไรและเขาไม่รู้ว่าจะมีผลข้างเคียงอะไรเกิดขึ้นบาง
กลุ่มสาวกเฒ่าตาบอกได้โจมตีออกมาด้วยทักษะมังกรพิษมรกต การโจมตีดังกล่าวส่งผลให้เกิดเสียงดังที่คล้ายกับเสียงฟ้าร้อง 'หอกทะลายหยก' ของชางห่ายได้ปลดปล่อยปราณออกมาปกคลุมร่างกายของเขา เนื่องจากการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของมังกรพิษมรกต เขาได้ใช้มันหยุดการโจมตีดังกล่าว
บรรยากาศตรงนั้นเต็มไปด้วยแรงกดดัน และมันยากแม้แต่จะหายใจสำหรับผู้ที่มีการบ่มเพาะอยู่ในระดับทั่วไป ภายใต้แรงกดดันที่เกิดจากชางห่ายและเฒ่าตาบอด ชิงสุ่ยที่ยืนอยู่ด้านข้างของ ลิ่วลี่ ได้ใช้กลิ่นอายของเขาเพื่อช่วยบรรเทาความกดดันให้กับเธอ
ภรรยาของ ชางห่ายที่อยู่ในระดับในระดับแรกของอาณาจักรพลังปราณเทวะกษัตริย์ สามารถมองดูการต่อสู้ที่ดุดันของสามีของเธอได้ เธอได้มองดูภาพดังกล่าวอย่างขมขื่น ถ้าเธอเข้าร่วมในการต่อสู้นี้ เธอคงเป็นแค่ภาระของเขาเท่านั้น
"ชางห่าย ลองชิม เงาตรีเอกภาพ ของข้าดู!" เขายังใช้วิธีสกปรกเหมือนเดิม โดยเขานั้นได้โจมตีมาภรรยาของชางห่าย
การจูโจมของเขาเป็นเหมือนสายฟ้าฟาด และกลิ่นอายของมันได้ประสานกับทักษะมังกรพิษมรกตของกลุ่มสาวกของเขา ทำให้กลิ่นอายของทักษะดังกล่าวทวีความรุ่นแรงขึ้น มันได้พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
มังกรท่องเมฆา พยัคฆ์ลมกรด!
เฒ่าตาบอดได้สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง กลุ่มสาวกของเขาถูกจัดการโดยเงาสีดำ พวกเขาถูกจัดการจากคนหนึ่งกลายเป็นสองคนจากสองคนกลายเป็นสามคน!
แม้ว่าการโจมตีของชิงสุ่ยจะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวของเขา แต่เขาก็สามารถบอกได้ว่าการโจมตีดังกล่าวนั้นรุนแรงอย่างมาก เงาที่ทำการโจมตีของสาวกทั้งสามของไม่ใช่ภาพลวงตาแต่อย่างใด
ความเร็วนี้ไม่ใช่ระดับที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าและมันมีความพิเศษเหมือนทักษะ “คลื่นกระแทรกสามสะท้าน” ของชิงสุย
ภรรยาของชางห่ายเห็นถึงการโจมตีดังกล่าวของกลุ่มสาวกของเฒ่าตาบอดที่เล็ดรอดเข้ามา เธอทำได้เพียงแค่นั่งรอความตายเท่านั้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ขณะที่เธอมองไปที่ช่างอย่างขมขื่นและส่ายหัวของเธอ
เมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เขารักที่จะถูกสังหารโดยชายคนหนึ่ง จิตใจของชางห่ายถูกปกคลุมไปด้วยโกรธ เขาไม่ยอมให้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นแน่ ใครจะสามารถทนเห็นหญิงที่รักของตัวเองถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาได้
"ท่านแม่, ท่านแม่ … "
ชางห่าย หมิงเยวี่ย ร้องไห้และกรีดร้องออกมา ถ้าไม่ใช่เพราะชิงสุ่ยที่ได้กอดเธอไว้จากดด้านหลังเธอ เธอคงตรงไปยังที่นั้นในทันที
แม้ว่าเธอจะรู้ว่าถ้าเธอตรงไปที่นั้นเธอคงจะต้องพบจุดจบ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจกับมันอีกต่อไป เธอไม่ได้สนใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง? ถึงแม้ว่าเธอจะต้องตายเธอก็ต้องรีบไปที่นั้นให้ได้
ภรรยาของชางห่าย ได้จ้องมองที่สาวกที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ความกดดันที่เกิดขึ้นทำให้เธอไม่สามารถเคลื่อนที่ไปไหนได้
ชางห่ายที่เต็มไปด้วยความขมขื่นอย่างมากโชคดีที่ระยะห่างของเขากับภรรยาไม่ได้ไกลมากนัก และเมื่อเขาใช้ทักษะย่างก้าวอำพรางเมฆแล้วความเร็วของเขายังไม่สูญหายไปหลังจากการประทะกับเฒ่าตาบอด ในพริบตาเขาปรากฏตัวต่อหน้ากลุ่มสาวกดังกล่าว ขณะที่ร่างกายของเขากำลังส่องประกายด้วยแสงสีทอง
"การคุ้มครองศักดิ์สิทธิ์!"
เงาสาวกคนแรกได้ลอยขึ้นไปกลางอากาศ สาวกคนที่สองถูกต่อยปลิวไปทางตรงข้ามของชางห่าย ขณะที่สาวกคนที่สามได้ฟาดลงไปบนไหล่ของชางห่าย แต่มันได้ถูกปิดกั้นด้วยแสงสีทองของเขา
"ชางห่าย สิ่งนี้เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ข้ากลัวเจ้า แต่เมื่อเจ้าใช้มันออกมาแล้ว ข้าก็จะดูว่าเจ้าจะใช้มันได้นานสักแค่ไหนและสามารถป้องกันการโจมตีได้สักกี่ครั้ง "เฒ่าตาบอดได้โยนกลุ่มสาวกของเขาเข้าไปที่ชางห่ายอย่างรวดเร็ว โดยการโยนแต่ละครั้งมันรุนแรงอย่างเหลือเชื่อ เหมือนดังลูกศรที่ถูกปลดปล่อยออดมา
การคุ้มครองศักดิ์สิทธิ์ ชิงสุ่ยเต็มไปด้วยความตกใจเมื่อได้ยินชื่อที่แสนคุ้นเคย และจากคำพูดของเฒ่าตาบอด ชิงสุ่ยสามารถเข้าใจถึงจุดแข็งของทักษะนี้
การคุ้มครองศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเปิดใช้แล้วอาจมันสามารถป้องกันผู้ใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ความจริงที่สำคัญที่สุดคือชางห่าย สามารถใช้งานมันได้เพียงวันละครั้งเท่านั้น ..
เฒ่าตาบอดได้กลัวว่า ในตอนนี้มีความเสี่ยงอย่างมากที่ชางห่ายจะใช้มันเพื่อแลกชีวิตกับเขา ตอนนี้การโจมตีของเฒ่าตาบอดเต็มไปด้วยความรุนแรง ไร้ปรานีซึ่งมันเกิดมาจากความกลัวของเขา
ชิงสุ่ย กอดหมิงเยวี่ยไว้อย่างแน่น ในอ้อมกอดของเขา เขารู้ว่าเขาต้องทำให้เธออยู่ที่นี่ไม่ว่าเธอจะดิ้นรนมากแค่ไหนก็ตาม
"หมิงเยวี่ย เจ้าสงบสติหน่อย!" ระหว่างการปลอบหมิงเยวี่ย ชิงสุ่ยรีบกินผลวายุกระจ่างเข้าไป
"ชิงสุ่ย ช่วยพ่อและแม่ของข้าด้วย … " น้ำตาของเธอไหลออกมา ในตอนนี้เธอต้องการจะไปหาแม่ของเธอ
แต่เดิมเฒ่าตาบอดตั้งใจที่จะเข้าไปโจมตีที่คู่รักชางห่าย แต่ตอนนี้เข้าได้เปลี่ยนใจไปโจมตีที่ชางห่าย หมิงเยวี่ยแทน
"เยวี่ยเยวี่ย … " แม่ของหมิงเยวี่ยร้องตะโกน, ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความโกรธที่ไร้อำนาจ
ทันใดนั้นปราณของชางห่ายก็ปะทุขึ้น ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามในตอนนี้เขาได้ถูกกักตัวไว้ในกลุ่มสาวกของเฒ่าตาบอด เขาไม่เต็มใจกับสิ่งที่จะเกิดและเขาจะไม่อาจยอมที่จะเกิดขึ้น
ความรู้สึกทางจิตวิญญาณของชิงสุ่ยได้ยกระดับขึ้นเข้าสู่ขอบเขตจุดสูงสุดในขณะนี้ ขณะที่เขาค้นพบว่าหัวใจของเขากำลังเต้นอย่างรุนแรง แรงกดดันที่มีมากจนเกือบหายใจไม่ออกได้ถาโถมเข้ามา ในช่วงเวลานั้นมีความคิดหลากหลายอย่างเกิดขึ้นในใจของเขา โดยเฉพาะภาพเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้น มันทำให้เขารู้ว่าเขาไม่สามารถยอมตายได้ในเวลานี้
เข็มเหล็กกล้าเหมันต์ที่เต็มไปด้วยพิษหนาวเย็นหลายเข็มได้ปรากฏขึ้นในมือขวาของชิงสุ่ย เขาไม่หันศีรษะหนี ในตอนนี้"สายตา" แสดงออกถึงความมุ่งมั่น
ชิงสุ่ยรู้สึกว่าความกดดันที่มากมาย สูงตระหง่านราวกับภูเขากำลังพุ่งมาทางนี้ มันได้จับจ้องมองไปที่ ชางห่าย หมิงเหวี่ย ที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา เขาเห็นได้ชัดว่าสีหน้าของเธอได้เปลี่ยนไปเป็นสีขาวไร้เลือดขณะนี้ เธอมองตรงไปข้างหน้าด้วยความหวาดกลัว
แรงกดดันที่มากมายนั้นมาจากเฒ่าตาบอด ที่กำลังตรงเขามาหมิงเยวี่ย เขาสามารถมองเห็นมันได้ชัดจากข้างหลังของเธอในตอนนี้ หมิงเยวี่ยต้องการที่จะผลักชิงสุ่ยออกไป อย่างไรก็ตามเธอค้นพบว่าเธอไม่สามารถขยับร่างกายตัวเองแม้แต่น้อยในความกดดันอันมหาศาลนี้
ในตอนนั้นชิงสุ่ยก็ผลักหมิงเยวี่ยและลิ่วลี่ออกไป ผู้หญิงสองคนถูกผลักลอยออกไปโดยชิงสุ่ย ห่างออกไปประมาณ 10 เมตร
ในขณะที่เขาผลักผู้หญิงทั้งสองคนออกไป เขาไม่ได้หลบนี้แต่อย่างใด เขาได้ใช้พลังทั้งหมดไปกับย่างก้าวกระเรียนทะยานของเขา!
ย่างก้าวกระเรียนทะยานที่เต็มไปด้วยปราณเขาได้ก้าวขึ้นสู่ขีดสูงสุด นอกเหนือจากการเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ 10% จากรองเท้า อีก10% จากสร้อยพลอยสีดำที่เขาได้รับมา และเพิ่มขึ้นอีก 50% จากผลวายุกระจ่าง ความเร็วของเขาไปถึงระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ในตอนนั้นเอง เขารู้สึกว่าสาวกของเฒ่าตาบอด กำลังจะจู่โจมเขาที่หลังของเขาๆได้เบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บที่รายแรง แต่ที่สำคัญเขาได้ใช้เข็มโลหะเหมันต์ในมือขวาของเขาที่มีคุณสมบัติเป็นในการสร้างพิษหนาวเย็น มันได้ปักลงไปที่ตาที่เหลืออยู่ของเฒ่าตาบอด ทักษะซ่อนเร้นนี้เป็นสิ่งที่เขาเคยฝึกมานับล้านครั้ง ความเร็วในการโจมตีของเขาเร็วเท่าสายฟ้ามันดูสวยอย่างมาก จนดูเหมือนกับผลงานศิลปะชิ้นเอก
เคล็ดเปลวเพลิงบรรพกาลหยิน-หยางได้ถูกใช้ขึ้นอย่างรวดเร็ว มันใช้เวลาไม่นานในการเผาร่างสาวกคนนั้น เนื่องจากชิงสุ่ย คำนวณการเคลื่อนไหวของเขาไว้แล้ว ในช่วงเวลาสุดท้าย เขาหลีกเลี่ยงการโจมตีที่ร้ายแรงที่ตรงเข้ามาที่หัวใจของเขาได้ เขามีความมั่นใจในการป้องกันของชุดเกราะของเขาและความแข็งแกร่งของปราณจากเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลที่หมุนเวียนอยู่ในร่างกายของเขา แต่อย่างไรก็ตามส่วนหลังของชุดเกราะของเขาก็ได้ถูกทำลายลงไปจากการโจมตีก่อนหน้า มันทำให้ร่างกายของเขาลอยขึ้นไปกลางอากาศ อาการบาดเจ็บของเขาดูเหมือนจะรุนแรงยิ่งกว่าลิ่ววี่ซะอีก เมื่อร่างกายของเขาถูกพัดพาไปกลางอากาศจากจะแรงประทะ เขาได้พ่นเลือดออกมาเหมือนกับห่าฝน ตัวของชิงสุ่ยได้ย้อมไปด้วยสีแดงจากเลือดของเขา เมื่อเขาตกลงที่พื้น
"หัตถ์คว้ามังกร!" เฒ่าตาบอดกำลังกรีดร้องด้วยความทรมานและได้ดึงเข็มที่ฝังอยู่ในดวงตาของเขาออก ในขณะนั้นชางห่ายได้เข้ามาใกล้ที่ตัวเขา เขาได้เตรียมการบางอย่างเพื่อให้พวกชิงสุ่ยหลบหนี
ชางห่ายคว้าลงไปที่คอของเฒ่าตาบอดโดยไม่ปราณี
เฒ่าตาบอดนั้นมั่นใจในตัวเองมากเกินไปจึงได้ประมาทชิงสุ่ย เขาไม่คิดว่าชิงสุ่ยจะสามารถเคลื่อนไหวได้จากแรงกดดันที่เขาปล่อยออกมา ถึงแม้ว่าชิงสุ่ยจะสามารถเคลื่อนไหวได้แต่ทำไมเขาจะต้องกลัวด้วย เขาไม่เคยเห็นชิงสุ่ยอยู่ในสายตาของเขา? แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าความเร็วของชิงสุ่ยจะรวดเร็วมากขนาดนี้…
เมื่อ 30 ปีที่แล้วเขาได้ตาบอดเพราะชางห่าย และใน30 ปีต่อมาตาเขาได้ตาบอดโดยลูกเขยของชางห่าย ขณะนี้ศีรษะของเขารู้สึกราวกับกำลังจะระเบิด ในช่วงเวลาแห่งความประมาทนี้เขาถูกคว้าไปที่คอโดยชางห่าย
แม้ว่าเขาจะมีพลังมากกว่าชางห่ายแต่เขาก็รู้ดีว่าทักษะหัตคว้ามังกรนั้นประสิทธิภาพมากแค่ไหน ถ้าไม่ใช่เพราะอาการปวดศีรษะที่เกิดมาจากชิงสุ่ย ชางห่ายคงไม่มีทางที่จะจับตัวเขาได้เป็นแน่
ชางห่ายกลัวว่าเฒ่าตาบอดจะเล็งไปที่ลูกสาวของเขา และด้วยเหตุนี้เขาจึงได้ใช้หัตคว้ามังกรจับเขาเอาไว้ในตอนนี้
คนตาบอดอายุนี้ได้บ้าไปแล้วด้วยความโกรธความรู้สึกอยากฆ่าฝ่ายตรงข้ามของเขา เขาได้รวบรวมปราณใน ตันเถียนของเขาเกิดรอยยิ่มน่าเกลียดบนใบหน้าของเฒ่าตาบอด ชางห่ายรู้ว่ามันใกล้จะถึงตอนจบแล้ว
ชางห่ายรู้แล้วว่าเขาจะไม่สามารถหลบในระยะเวลานี้ได้ และด้วยเหตุนี้เขาจึงใช้กำลังทั้งหมดเพื่อขยี้คอของฝ่ายตรงข้าม ในขณะนั้นเฒ่าตาบอดได้ดำเนินการเคลื่อนย้ายสาวกที่อยู่ในระดับเทียนเซียนหรือสูงกว่านั้นออกไป
เขาได้ทำลายตันเถียนของตัวเอง!
เสียงดังสนั่นดังก้องขึ้น ในขณะที่เฒ่าตาบอดและชางห่ายได้กลายเป็นหมอกเลือดกระจายไป มีหลุมลึกปรากฏอยู่จุดที่พวกเขาสองคนเคยยืนอยู่ หลุมนั้นมีความลึกหลายเมตรและมีรัศมีความกว้างเกือบ100 เมตรที่เกิดจากการระเบิด
มันทำให้ทุกคนที่เห็นตกตะลึง แต่ชิงสุ่ยที่กำลังเจ็บปวดได้ลุกขึ้นยืนขณะที่เขาตะโกนไปหาแม่ของหมิงเยวี่ย
"ผู้อาวุโสรีบพาหมิงเยวี่ย และลิ่วลีออกไป!"
"ท่านบรรพบุรุษตายแล้ว………… .. " ผู้นำนิกายของกระบี่อมตะ, ตะโกนออกมา
"ท่านพ่อ…"
หมิงเยวี่ยล่มลงที่พื้น
ในตอนนี้วิหกเพลิงที่อยู่ข้างๆ ชิงสุ่ยไม่มีกำลังเพียงพอที่จะยกหญิงสาวทั้งสองขึ้น พวกผู้นำนิกายและผู้สูงอายุของนิกายกระบี่อมตะได้มองดูพวกเขาราวกับว่าพวกเขาเป็นเหยื่อของพวกเขา
แม่ของหมิงเยวี่ย จ้องมองที่จุดที่ชางห่ายหายไปก่อนที่จะพุ่งไปทางชิงสุ่ยและหญิงสาวทั้งสองคน ในขณะเดียวกันผู้นำนิกายกระบี่อำมตะได้พุ่งมาด้วยความเร็วๆของเขานั้นเร็วกว่าแม่ของหมิงเยวี่ยอย่างมาก!