เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - AST บทที่ 266 - ราชาอินทรีทมิฬกาล ข้าจะฆ่าภรรยาและลูกสาวของเจ้าก่อน
- หน้าแรก
- เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
- AST บทที่ 266 - ราชาอินทรีทมิฬกาล ข้าจะฆ่าภรรยาและลูกสาวของเจ้าก่อน
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 266 – ราชาอินทรีทมิฬกาล ข้าจะฆ่าภรรยาและลูกสาวของเจ้าก่อน
"ฮ่า ๆ ในที่สุดมันก็ยกระดับขึ้น! ตอนนี้มันได้อยู่ในระดับที่สองแล้ว! "
ในวันพรุ่งนี้จะเป็นตัวตัดสินชะตาชีวิตของเขา ชิงสุ่ยไม่เคยคาดคิดว่าเขาจะสามารถยกระดับของระฆังสะท้านจิตได้ ในตอนแรกเขานั้นรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้มันทำให้เขารู้สึกดีขึ้น
ในมือของเขา ชิงสุ่ยได้ถือระฆังส้ะทานจิตอยู่มันได้เรืองแสง สีม่วงออกมาเรื่อย ๆ จากนั้นเขาเขาได้ถ่ายทอดปราณของเขาลงไปก่อนที่มันจะเขย่าเบา ๆ !
"กริ๊งๆๆๆๆ" เสียงที่แหล่มแสบหูที่คล้ายกับเสียงโลหะได้ส่งเสียงออกมา ทำให้เกิดการสั่นไหวในหัวใจของผู้ได้รับฟัง การสั่นสะเทือน มันหน้าสร้างตกใจและความรู้สึกเจ็บปวดได้
นิคือความสามารถของระฆังสะท้านจิต …
“แกว๊ก แกว๊ก ..”
วิหกดพลิงที่อยู่ในระยะไกล ตะโกนร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก มันได้กระพือปีกไปมา ถึงแม้มันจะเป็นสัตว์เทวะในตำนานแต่ถึงกระนั้นเมื่อมันได้ยินเสียงระฆังสะท้านจิต ชิงสุ่ยก็สามารถรู้สึกถึงความหวาดกลัวที่มหาศาลที่แผ่ออกมาจากมัน
ชิงสุ่ย ไม่กล้าที่จะทดสอบมันอีกครั้งถ้าวิหกเพลิงตายขึ้นมามันจะเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างมาก มันอาจทำให้เขาคลั่งตายก็ได้ เขาพอใจกับผลลัพธ์ที่เกิดมาก เขายังตระหนักว่าหลังจากที่มันยกระดับขึ้นมันต้องใช้จำนวนปราณจำนวนมาเพิ่มขึ้น ถึง5 เท่าเมื่อเทียบกับการใช้งานก่อนหน้านี้ แต่ว่าความรุ่นแรงของมันก็ได้แข็งแกร่งกว่าเก่าถึง5เท่าอีกเช่นกัน
นอกจากนี้เขายังได้ค้นพบว่า ในปัจจุบันระฆังสะท้านจิตซึ่งอยู่ในระดับ 2 เขาสามารถปรับแต่งมันได้เพิ่มขึ้นเป็นวันละ20ครั้งหลังจากเสร็จสิ้นการปรับแต่งแล้ว ชิงสุ่ยก็มุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาะของเขา และเพิ่มความชำนาญในทักษะต่างๆของเขา
หลังจากนั้นเขาได้ติดตั้งยุทธ์ภัณฑ์ต่างและขุดเกราะของเขาก่อนที่จะออกไป
ชิงสุ่ยเดินลงมาและตระหนักเวลานั้นใกล้มาถึงเร็วๆ นี้ เมื่อชิงสุ่ยเข้ามาในบ้านของชางห่าย เขาก็พบว่ามีคู่รักชางห่ายอยู่ที่นั่นและกำลังสวมชุดต่อสู้ของพวกเขาด้วยเช่นกัน
"ผู้อาวุโส!" ชิงสุ่ยทักทาย
"อืม, ชิงสุ่ย, เจ้าดูดีมากเลยนะ" ภรรยาของชางห่ายยิ้มให้เขา
ชิงสุ่ยหัวเราะตอบสนอง คำพูดของภรรยาของชางห่าย เธอได้ส่วมใส่ชุดกระโปรงสีทอง และสวมใส่ร้องเท้าหยกสีเขียวมันให้ความรู้สึกสง่างามที่ไม่มีใครเทียบ กระโปรงสีทองที่พอดีรูปทรงของเธอมันเข้ากันอย่างสมบูรณ์แบบ มันได้แสดงเสน่ห์ของสาวที่โตเต็มที่ออกมา
"ชิงสุ่ย เจ้าหล่อและดูดีมากเมื่อเทียบกับสามี ของข้า แน่นอนว่าต้องมีสาวๆหลงใหลในตัวเจ้าเป็นแน่" ภรรยาของชางห่ายหัวเราะ
ชางห่ายหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนหน้านี้เขาคิดแค่ว่าชิงสุ่ยนั้นเป็นแค่หลานของเขาเท่านั้น แต่ตอนนี้ความคิดเขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาได้มองชิงสุ่ยในฐานะลูกเขยของเขาแล้ว
ชิงสุ่ยยิ้มอย่างเฉื่อยชา ในขณะนี้ ชางห่าย หมิงเยวี่ยเดินออกมาจากห้องนอนของเธอ เธอได้สวมใสชุดกระโปรงปราการศึกสีทองของเธอ และเธอยังถือไว้หมวกออกศึกออกมาอีกด้วย เธอได้รวบผมของเธอเป็นทรงหางม้ามันทำให้เธอนั้นดูสวยงามยิ่งขึ้น
จากนั้นชิงสุ่ยส่งชุดกระโปรงปราการศึกที่พึ่งสร้างขึ้นให้หมิงเยวี่ย"หมิงเยวี่ยลิ่วลี่ไมสามารถสวมใสชุดนี้ได้ เจ้าช่วยสวมใส่ให้นางด้วย" ชิงสุ่ยส่งชุดนั้นให้เธอ
หมิงเยวี่ยพึมพำขณะที่รับชุดมาจากเขา เธอนั้นไม่ได้เหลียวมองที่ชิงสุ่ยเลยด้วยซ้ำ ก่อนที่จะหันหน้ากลับเดินเข้าไปที่ห้องของ ลิ่วลี่ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงรู้สึกแบบนี้ เธอรู้สึกเศร้าและเสียใจ เมื่อเห็นชิงสุ่ยที่พึ่งสร้างชุดเกราะใหม่ให้กับลิ่วลี่
หมิงเยวี่ยเกลียดตัวเองที่รู้สึกแบบนี้ เพราะมันความรู้สึกที่ประหลาดและสับสนอย่างมาก มีความคิดมากมายถาโถมเข้ามาในใจของเธอ!
เวลาได้ผ่านไปอย่างช้าสักพัก ลิ่วลี่ และ หมิงเยวี่ยได้เปิดประออกมา และกำลังจับมือกันเดินออกมาจากห้อง
ลิ่วลี่ยิ้มให้กับคู่รักชางห่าย ขณะที่ทักทายพวกเขา
"ชิงสุ่ยนี่สำหรับเจ้า" ลิ่วลี่หยิบสร้อยพลอยสีดำที่ห้อยอยู่ที่คอของเธอ ขณะที่เธอเดินเข้าไปหาชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยที่ลังเลที่จะรับมันหลังจากที่เห็นสร้อยพลอยสีดำนี้ มันเป็นของแม่ของหมิงเหวี่ยที่มอบให้กับลิ่วลี่ มันเป็นของขวัญที่แสดงถึงการยอมรับลิ่วลี่ในฐานะลูกบุญธรรมของเธอ
"ถ้าเจ้าไม่ต้องการมัน เจ้าสามารถนำมันมาคืนได้ในอนาคต" ลิ่วลี่ยิ้ม
เขาไม่ได้ปฏิเสธเธออีกต่อไปในขณะที่เขานำสร้อยพลอยสีดำมาแขวนไว้บนคอ ในเวลาเดียวกันเขารู้สึกกระแสพลังที่ไหลผ่านเข้ามาในร่างกายของเขา ในตอนนี้เขานั้นเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง
พลอยสีดำนี้มันอยู่ในระดับ 3 มีประสิทธิภาพจริงๆ มันสามารถเพิ่มความเร็วของเขาขึ้น 10%
ชิงสุ่ย พบว่าชางห่าย หมิงเยวี่ย และ ลิ่วลี่ได้แอบมองมาที่เขาเป็นบางครั้งในตอนนี้
"เขาดูดีมากเมื่อสวมใส่ชุดนี้ … "หมิงเยวี่ยคิดในใจ
แต่เมื่อเห็นสายตาของพ่อและแม่ของเธอที่กำลังจ้องมาที่เธอ เธอก็ได้หลบมันและมองไปข้างหน้า แค่คิดว่าภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นกับพวกเขา มันทำเธอรู้สึกราวกับว่ามีน้ำแข็งขนาดใหญ่ทับลงที่ใจของเธอ เราควรทำอย่างไรต่อจากนี้?
ในขณะนั้น, ชิงสุ่ย รู้สึกถึงสัตว์อสูรขนาดใหญ่ที่กำลังบินมาทิศทางที่พวกเขาอยู่!
"พวกเขากำลังจะมาถึงแล้ว" ชางห่ายหัวเราะอย่างขมขื่นขณะที่เขายืนขึ้น หมิงเยวี่ยได้สวมหมวกออกศึกของเธอ เธอได้ดึง ลิ่วลี่ ไปมาใกล้
"พวกเราอออกไปข้างนออกกัน" ชางห่ายพูดเบา ๆ ขณะออกไปจากที่พัก นอกจากลิ่วลี่แล้วคนอื่นๆอยู่ในชุดพร้อมรบ
"ชางห่าย, ฮ่าๆๆๆๆ!" เสียงเราะที่ดังก้องปรากฏออกมา!
หลังจากนั้นไม่นาน ชิงสุ่ยก็เห็นสัตว์กลุ่มอสูรฝูงใหญ่บินมาทางนี้!
มีสัตว์อสูรที่ทีขนาดใหญ่มากหากเทียบกับวิหกอัคคี และบนนั้นยังมีวิหกสายฟ้าที่มีปีกสีทองบินอยู่ และมีตัวหนึ่งเป็นมีปีกเป็นเหล็กกล้า มันมีปีกที่ยาวกว่า 100 เมตร มีขาทรงพลังและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ นอกจากนั้นยังมีกรงเล็บที่แหล่มคม มันทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกหวาดกลัวลึกๆในของหัวใจของพวกเขา
สิ่งที่เด่นชัดสุดสัตว์อสูรตัวนี้คือมงกุฎสีดำบนศีรษะคล้ายของมัน มันมีรูปร่างคล้ายนกอินทรี มันมีแรงดึงดูดที่น่ากลัวและมีรัศมีของราชาปรากฏออกมา
นั้นมันราชาอินทรีทมิฬกาล!
มีชายสองคนนั่งอยู่อินทรีตัวนั้น หนึ่งในนั้นคือสวมเสื้อผ้าสีขาวพร้อม เขาผมสีเงินผมของเขากำลังสยายไปกลางสายลม มือของเขากำลังถือศีรษะของมังกรสีทองอยู่
เมื่อเห็นชายคนที่ 2 ที่นั่งบนนกอินทรี ชิงสุ่ยถึงกับตกใจนั้นไม่ใช่ชายวัยกลางคนที่ไปหาเขาที่ร้านช่างตีเหล็กของเขาหรือ
ชิงสุ่ยไม่สามารถเข้าถึงความสามารถที่แท้จริงของเฒ่าบอดคนนั้นความแตกต่างระหว่างชิงสุ่ยเขามันมากเกินไป แต่ไม่เพียงแค่นั้นเขาก็ยังไม่สามารถถึงระดับที่แท้จริงของชายวัยกลางคนสวมเสื้อสีม่วงอีกคน
"ตาเฒ่าตาบอดในเมื่อเจ้ามาถึงที่นี้แล้ว ทำไมจ้าถึงไม่ลงมาทักทายกันก่อนละ? "เสียงหัวเราะที่ไม่กระตือรือร้นของ ชางห่ายโผล่ออกมาขณะที่เขาหันหน้าไปทางนั้น จากนั้นนกอีนทรีได้ร่อนลงจอดอย่างงรวดเร็ว
"ชางห่าย เมื่อสามสิบปีที่แล้วเจ้าทำให้ข้าเสียการมองเห็นไปข้างหนึ่ง แถมยังฆ่าลูกชายและภรรยาของข้าไปอีก เจ้าคงมีความสุขอย่างมากสินะ?" เฒ่าตาบอดพูดหลังถูกล้อเรียน
"ลูกชายของเจ้านั้นนำภัยพิบัติมาให้ตัวเอง ในขณะที่ภรรยาของเจ้าถูกฆ่าก็เพราะเจ้าเป็นสาเหตุ ถ้าเจ้าจะแก้แค้นก็มาลงกับข้าได้เลย ข้ายินดีที่จะรับผิดชอบถ้าเจ้ามีความสามารถ "ชางห่ายหัวเราะ
"ฮ่าฮ่า, แค่เจ้าหรอ, แน่นอนข้าต้องฆ่าเจ้าแน่ แต่ก่อนอื่นข้าจะช่วยให้เจ้าดูแลภรรยาและลูกสาวของเจ้ารวมถึงลูกเขยของเจ้าซะก่อน ข้าจะให้เจ้าพบเจอกับความทุกข์ทรมานที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย " ชายตาบอดคนนั้นหัวเราะอย่างตะกละตะกลาม
จากดวงตาเพียงอย่างเดียวที่เหลืออยู่ ชิงสุ่ยสามารถบอกได้ว่าชายตาบอดนั้นเป็นคนชั่วร้ายอย่างมาก เขาต้องการฆ่าผู้คนที่อยู่ที่นี้ทั่งหมดโดยไม่คำนึงถึงเหตุผลต่างๆ!
"เจ้าจะฆ่าแม้กระทั้งคนบริสุทธิ์ นี้เจ้ายังเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือ?" ชางห่ายหัวเราะอีกครั้งเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ
"เฮ้ย ไม่จำเป็นต้องยั้วโมโหข้าหรอก มันไร้ประโยชน์ ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไรออกมา ทำไมตอนที่เจ้าฆ่าครอบครัวของข้า เจ้าไม่ลองถามตัวเองบ้างละ? ไม่มีใครที่เข่นฆ่าสาวกของนิกายกระบี่อมตะไปมากกว่าเจ้าแล้วในตลอดช่วง 30 ปีที่ผ่านมานี้ เฒ่าตาบอดตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่โหดร้าย ในตอนนี้ท่าทางเขาต้องการที่จะกลืนกิน ชางห่ายด้วยดวงตาที่เหลืออยู่ข้างเดียว
"คนที่ข้าฆ่าไปนั้นสมควรตายแล้ว เจ้าเคยมองย้อนดูนิกายของเจ้าบ้างมั้ย? ถ้าข้าจะรู้สึกผิดคงรู้สึกผิดที่ข้าไม่ได้กำจัดนิกายของเจ้าทั้งหมดให้หมดไปเมื่อสามสิบปี่ก่อน
"ข้า ชางห่าย ชางห่าย ไม่เคยเสียใจในสิ่งที่ข้าได้ทำลงไป เจ้าไม่กลัวบ้างรึกับการกระทำที่เลวต่ำทรามเช่นนี้ แล้ววังเทวโลก จะจัดการกับเจ้ายังไง? "ชางห่ายกล่าวอย่างเย็นชา
เมื่อได้ยินคำพูดของชางห่าย เฒ่าตาบอดระเบิดเสียงหัวเราะออกมา "เจ้าเป็นเพียงคนที่โดนไล่ออกจากวังเทวโลกเท่านั้น เจ้ายังมีหน้าเอาพวกเขามาอ้างอีกหรอ และเจ้าไม่คิดหรอว่าตลอดเวลาสามสิบปีที่ผ่านมาข้าไม่ได้เตรียมการอะไรมาเลยรึ? ตั้งแต่ข้าออกมาเผชิญหน้ากับเจ้า ข้าได้วางแผ่นทุกอย่างไว้อย่างดีแล้ว ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับวังเทวโลกอยู่ในการคำนวนของข้าหมดแล้ว "
"หรือว่าเจ้าติดสินบนให้กับหอคอยกระบี่!" ชางห่ายอุทานออกมาด้วยความไม่เชื่อ
"ฉลาดมาก ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ในขณะนี้ ชิงสุ่ยสามารถรับรู้ถึงพลังอันมหาศาลมากมายที่เกิดขึ้นจากทุกทิศทางรอบ ๆ ที่พักของชางห่าย