เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - AST บทที่ 264 - เธอชอบเขา แต่เธอไม่เคยคิดถึงมัน
- หน้าแรก
- เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
- AST บทที่ 264 - เธอชอบเขา แต่เธอไม่เคยคิดถึงมัน
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 264 – เธอชอบเขา แต่เธอไม่เคยคิดถึงมัน
น้ำตาไหลลงที่แก้มของเธอโดยไม่สามารถควบคุมได้ พร้อมเสียงสะอื้นที่แผ่วเบา
ลิ่วลี่ มีสิทธิ์ที่จะตายได้หลังจากการรับการโจมตีแทน หมิงเยวี่ย ในตอนนั้นเธอรู้สึกอาการเจ็บปวดบนใบหน้าของเธอ แต่อย่างไรก็ตามเธอไม่สนใจเกี่ยวกับมันเพราะเธอรู้ว่าเธออาจจะไม่รอดจากการโจมตีดังกล่าว
แต่เมื่อเธอลืมตาขึ้นและได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของชิงสุ่ยและชางห่าย หมิงเยวี่ย เธอเต็มไปด้วยความสุข ความรู้สึกของการมีชีวิตอีกครั้งไม่ใช่เรื่องที่หลายคนจะประสบพบเจอ เมื่อมือของเธอรู้สึกว่ามีบาดแผลที่น่ากลัวบนใบหน้าของเธอ เธอรู้ว่าเธอน่าเกลียดอย่างมากในปัจจุบันและเมื่อเธอมองไปที่กระจก เธอไม่สามารถใช้คำว่า'น่าเกลียด' เพื่ออธิบายได้อีกต่อไป …
เธอรู้สึกภูมิใจกับใบหน้าของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ตอนนี้รูปลักษณ์นั้นของเธอได้หายไปแล้ว ความรู้สึกตอนนี้ของเธอแย่มากว่าถูกทำลายการบ่มเพาะซะอีก
"ทางที่ดีที่สุด ข้าจะใช้ชีวิตอยู่คนเดียวต่อจากนี้ไป … "ลิ่วลี่แอบทำแผนสำหรับตัวเอง!
ชิงสุ่ย และ หมิงเยวี่ย ออกจากห้องนั้นไป พวกเขาเข้าใจว่าลิ่วลี่นั้นเสียใจมากเพียงใด เธอไม่ต้องการให้ใครเห็นท่าทีที่อ่อนแอและไม่ต้องการที่จะเห็นท่าทีที่เป็นกังกลของคนอื่นๆ ในที่สุดพวกเขาก็เลือกที่จะปล่อยให้เธออยู่คนเดียวสักครู่ เพื่อให้เธอนั้นทำใจสักพัก
"ชิงสุ่ยเราจะทำยังไงเรื่องลิ่วลี่? ตอนนี้เธอต้องเสียใจอย่างมากแน่ๆ "ชางห่าย หมิงเยวี่ยรู้สึกเศร้ากับความเป็นจริงที่เกิด ไม่มีใครเข้าใจลิ่วลี่มากกว่าที่เธอ ลึกเข้าไปภายในใจเธอรู้ ลิ่วลี่ ไม่เพียงสูญเสียใบหน้าที่สวยงาม เธอกำลังจะตัดใจเรื่องชิงสุ่ยด้วย
"เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องของนางหรอก เราควรเป็นห่วงกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเราในวันพรุ่งนี้มากกว่า "ชิงสุ่ย กล่าวด้วยความจริงจังทั้งหมด
"จริงสิมีปัญหาที่ใหญ่กว่ารอพวกเราอยู่!"
เสียงของชางห่ายดังมาจากระยะไกล!
"ท่านพ่อ!"
“ผู้อาวุโส”
ชางห่ายและภรรยาของเขา ทั้งสองยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ชิงสุ่ยและ ชางห่าย หมิงเหวี่ย ชิงสุ่ย ค้นพบว่าชางห่ายต้องเผชิญกับอะไรบางอย่าง แต่เขายังคงรักษาความสงบไว้ได้
ปัญหาที่นี้ไม่สามารถแก้ไขได้หากเฒ่าตาบอดยังคงมีชีวิตอยู่ด้วยความเกลียดชังและความโกรธ มันยากที่ทำให้เรื่องต่างๆจบลงด้วยดี
"ท่านผู้อาวุโส นอกเหนือจากเฒ่าตาบอด ยังมีคนที่แข็งแกร่งหลบซ่อนอยู่ภายในนิกายเทพกระบี่อีกอย่างนั้นหรือ?"
"มันคือบรรพบุรุษของนิกายกระบี่อมตะ ซุน จีเจี้ยน นั้นอยู่ในระดับที่4 ของขั้นปราณเทวะกษัตริย์ และผู้อาวุโสคนอื่นๆก็อยู่ในระดับที่ 3 ของขั้นปราณเทวะกษัตริย์!"
ในขั้นปราณเทวะกษัตริย์ ความแตกต่างในหนึ่งระดับก็จะเพียงพอที่จะกดดันคนต่างๆให้ตายได้แล้ว และความแตกต่างสองระดับนั้นก็ไม่สามารถเอาชนะด้วยกำลังคนอย่างเดียว เมื่อย้อนกลับไประดับของชางห่ายนั้น ก็สูงกว่าระดับของอาวุโสคนอื่นของนิกายกระบี่อมตะ ดังนั้นเขาสามารถเอาชนะมันได้อย่างง่ายๆ
"มีใครในเมืองทางตอนใต้ที่ต้องการทำลายนิกายอมตะหรือไม่?" ชิงสุ่ยถามชางห่าย
"มี แต่พวกเขานั้นไม่มีความกล้าเพียงพอที่จะต่อกรกับเฒ่าตาบอด"ชางห่ายหัวเราะ เขารู้ว่าสิ่งที่ชิงสุ่ยต้องการสื่อ แต่ก็ไร้ประโยชน์ที่จะพึ่งพาคนอื่น ณ จุดนี้ เขารู้สึกขมขื่นในขณะที่เขาคิดถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอดีต
"เกิดอะไรขึ้นถ้าเฒ่าตาบบอดนั้นตายละ?" ดวงตาของชิงสุ่ยกำลังเผยถึงความโหดเหี้ยม
ชางห่ายงงงวย แต่ท้ายที่สุดเขาก็มองไปที่ชิงสุ่ย และส่ายหน้า "ไม่มีใครในเมืองตอนใต้ที่สามารถฆ่าเขาได้ ”
ชิงสุ่ยไม่ได้ตอบกลับไป แต่ดวงตาของเขาก็ส่องประกายความมุ่งมั่น!
"ชิงสุ่ย เจ้าต้องจำคำที่ข้าพูดไว้นะ ในพรุ่งนี้เจ้าต้องทำตามสิ่งที่ข้าบอก " ชางห่าย สังเกตเห็นแววตาของชิงสุ่ย และรีบเดินต่อไป
ในตอนนี้เป็นเวลาเที่ยวแล้ว ชิงสุ่ยนึกขึ้นได้ว่า "วันนี้ข้ายังไม่ได้ทำการฝึกฝนเลย!” จากนั้นเขาตบไปที่หน้าผากของตัวเองก่อนที่จะเริ่มทำการฝึกฝนอีกครั้ง
ย่างก้าวกระเรียนทะยาน!
ตอนนี้ชิงสุ่ยไม่อยากคิดอะไรอย่างอื่นนอกจากความเร็วของเขา เขาคงจะไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับมัน นั้นมันหมายความว่าความเร็วของเขาจะเพิ่มขึ้นจนอยู่ในจุดสูงสุดของความสามารถของเขาในตอนนี้
เขายังคงฝึกฝนทักษะอย่างก้าวกระเรียนทะยานอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำหนักของเขาลดลงเป็นจำนวนมาก แม้ว่าทักษะดังกล่าวจะมีการใช้พลังปราณที่มากกว่าปกติถึงสามเท่าแต่มันก็ทำให้ความเร็วของชิงสุ่ยเพิ่มขึ้นถึงสามเท่าเช่นกัน ชิงสุ่ยตระหนักว่าทักษะดังกล่าวไม่ใช่ทักษะที่จะสามารถใช้ได้บ่อยๆ แต่มันก็เป็นข้อได้เปรียบ เมื่อเขาจะซุ่มโจมตีผู้อาวุโสคนใดคนหนึ่งของนิกายกระบี่อมตะ ในระหว่างการต่อสู้กับอาวุโสหยิง ระยะห่างระหว่างเขากับอาวุโส อยู่ไกลเกินกว่าที่เขาจะไม่สามารถโจมตีได้ ด้านบนของอาวุโสหยิง นั้นยังมีกระบี่ขนาดเล็กจำนวนมากที่ลอยอยู่ ทำให้ชิงสุ่ยถูกบังคับให้ล่าถอยออกมา ทำให้เขาไม่ประสบความสำเร็จในการโจมตีครั้งนั้น
แต่หลังจากที่เขาสามารถโคจรพลังได้90รอบ แล้วความแข็งแกร่งของเขาได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก และการฝึกซ้อมในดินแดนหยกยุพราชอมตะทำให้ความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
ชิงสุ่ยได้ฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำอีก หยุดพักเล็กน้อยแล้วทำการฝึกฝนต่ออย่างทรหด
ก่อนเสียงระฆังจะดังขึ้นชิงสุ่ยได้หยุดการฝึกฝนของเขาลงและปรับแต่งแต่งระฆังสะท้านจิตอย่างช้าๆ แต่มันไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหลังจากการเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุด
เขาได้ปรับแต่งมันไปสิบกว่าครั้งโดยไม่ต้องหยุดพัก เขาหวังว่าระฆังสะท้านจิตจะได้รับการยกระดับขึ้น แต่น่าเสียดายที่เสียงของระฆังที่เป็นสัญลักษณ์ว่าหมดเวลาได้ดังขึ้นมาก่อน แต่ไม่เกิดการเปลี่ยนแม้แต่น้อยกับระฆังสะท้านจิต ทำให้เขานั้นหงุดหงิดอย่างมากเพราะพรุ่งนี้เขาจะต่อสู้กับนิกายกระบี่อมตะแล้ว
ชิงสุ่ย กังวลว่าเขาจะไม่สามารถใช้ระฆังสะท้านจิต ได้จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม ชิงสุ่ยรู้ว่าระฆังสะท้านจิตเป็นอะไรที่ทรงพลังอย่างมากมันสามารถต่อต้านได้แม้กระทั้งฟ้าดิน แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้มันมีระดับต่ำเกินไป!
เมื่อขิงสุ่ยออกมาจากที่นั้น เขาได้มองขึ้นไปบนท้องแล้วเดินไปที่ห้องพักของลิ่วลี่ เมื่อเขาเดินเข้าไปในห้องนอนของเธอเขาค้นพบว่าเธอกำลังตื่นอยู่ และทักทายเขาด้วยรอยยิ้มเบา ๆ บนใบหน้าของเธอ
เขาได้ยิ้มกับไปแล้วนั่งลงที่ข้างเตียงของเธอและได้จับลงไปที่มือของเธอ! ลิ่วลี่ได้หลบหลีกมือของชิงสุ่ย แต่ในที่สุดแล้วเธอก็ไม่สามารถหลบหนีมันได้
ชิงสุ่ยไม่ได้พูดอะไรเขาได้ถ่ายทอดพลังปราณของเขาให้กับเธอ ปราณของเขาไหลผ่านเส้นปราณของเธอและซึมไปทั่งร่างของเธอเขาสู่กระดูก ในตอนนั้นเธอรู้สึกอบอุ่นอย่างมาก
"ลิ่วลี่ ขารู้ว่าเจ้าคงไม่เชื่อสิ่งที่ข้าพูดออกไป แต่เจ้าจงรับรู้ไว้ข้าคือชิงสุ่ยของเจ้า และเจ้าคือลิ่วลี่ของข้าเสมอ เหมือนกับก่อนหน้าที่ผ่านมา"
ชิงสุ่ยค่อย ๆ จ้องไปที่ลิ่วลี่ขณะที่เขาพูดอย่างเงียบ ๆ เขาได้เอื้อมมืออีกข้างออกไปจับสีขาวหิมะของลิ่วลี่ นัยน์ตาของ ลิ่วลี่เต็มไปด้วยความสุขความอบอุ่น ความเหงาและความผิดหวัง!
ชิงสุ่ยไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อไปและเขาไม่รู้ว่าเขาจะทำไรต่อ เขาไม่สามารถแม้แต่จะเล่าเรื่องตลกได้ ยิ่งเขาพยายามมากเท่าไรมันทำเธอเกิดความคิดเชิงลบมากเท่านั้น มันจะทำให้เธอรู้สึกแย่มากขึ้นเท่านั้น
"ลิ่วลี่เจ้ารู้สึกยังไงบ้าง ข้าเห็นแล้วว่าบาดแผลของเจ้าดีขึ้นมากแล้ว เราออกไปข้างนอกกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปเดินเล่น! "ชิงสุ่ยกล่าวขณะที่เขาหันไปมองลิ่วลี่ที่กำลังเบื่ออยู่บนที่นอน
"ข้าสามารถออกไปไหนได้แล้วรึ?" ลิ่วลี่ถามด้วยความประหลาดใจ
"ใช่ ค่อยๆลุก ! "ชิงสุ่ยยิ้มแล้วเขาก็อุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน!
"ลิ่วลี่ เจ้ารู้ไหมว่าเมื่อเห็นเจ้าอยู่ในสภาพนั้นหัวใจของข้ารู้สึกเหมือนถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้า ข้าจะไม่มีวันยกโทษให้ตัวเอง "ชิงสุ่ย กล่าวด้วยเสียงที่ขึงขัง ถึงแม้ว่าเสียงที่ออกมาจะไม่ชัดเจน แต่มันดูจริงจังอย่างมาก
"ชิงสุ่ยเจ้าอย่าคิดแบบนั้นเลย พี่สาวหมิงเยวี่ยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ข้าฟังหมดแล้ว เจ้ามันคนโง่ทำไมถึงได้ทำแบบนั้น? ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้า คิดว่าข้าจะมีความสุขหรอ " เธอกอดที่คอชิงสุ่ยและร้องไห้
"ทำไมนางถึงเล่าเรื่องนี้กับเจ้า ข้าจะไปจัดการกับนางในตอนหลัง " ชิงสุ่ยกล่าวด้วยความโกรธ
"อย่านะ!" ลิ่วลี่ ยกใบหน้าที่มีบาดแผลขาดใหญ่ขึ้น ใบหน้าในตอนนี้ของเธอไม่เหลือร่องรอยของความสง่างามและเสน่ห์เหลืออยู่บนใบหน้าของเธอเลย แต่ชิงสุ่ยก็ไม่ได้สนใจ เขาได้มองไปที่ดวงตาของเธอและกับพบว่าดวงตาของเธอยังคงสวยงามอยู่เช่นเดียวกับเมื่อก่อน
"ก็ได้ ก็ได้ ข้าจะไม่ทำเช่นนั้น!" ชิงสุ่ยอุ้มร่างที่ผอมบางๆ ที่ละเอียดอ่อนของลิ่วลี่
"ชิงสุ่ย เจ้ารู้มั้ย พี่สาวหมิงเยวี่ยนั้นชอบเจ้าแต่นางยังไม่เข้าใจตัวเอง ข้าไม่เคยเห็นนางปฏิบัติกับคนอื่นเช่นเดียวกับที่นางปฏิบัติกับเจ้า "ลิ่วลี่กล่าวขณะที่เธอจ้องที่ชิงสุ่ย
"ลิ่วลี่ แล้วเจ้าล่ะชอบข้าหรือไม่?" แทนที่จะตอบคำถาม แต่เขาถามกลับไปอย่างจริงจัง
หลังจากที่เขาถามว่าเธอ เธอได้ตกใจกับคำถามก่อนหน้าก่อนจะที่ยิ้ม เธอหลีกเลี่ยงการจ้องมองของชิงสุ่ยและส่ายหัว "ข้าไม่ได้ชอบเจ้า ข้าคงไม่อาจจะชอบเจ้าได้อีกต่อไปแล้ว "
"ลิ่วลี่ ถ้าข้ากลายเป็นคนพิการในวันหนึ่ง เจ้าจะรังเกียจและเกลียดข้าหรอ?" ชิงสุ่ยถามเบา ๆ
"ไม่ ไม่มีทาง ข้าจะรักเจ้าไม่ว่าเจ้าจะเป็นยังไงก็ตาม … "
ลิ่วลี่ รีบบอกขณะที่เธอตื่นตระหนก เธอสังเกตเห็นรอยยิ้มในดวงตาของเขา
"มันเหมือนกับสิ่งที่เจ้าบอก ลิ่วลี่ ข้าชอบเจ้าที่เจ้าคือเจ้า เจ้าเป็นคนที่มีเสน่ห์และตลอดเวลาที่ข้าอยู่กับเจ้ามันทำให้ข้ามีความสุขอย่างมาก "
หลังจากที่เขากล่าวว่า ชิงสุ่ยโน้มตัวลงไปจูบที่ริมฝีปากของเธอ!