เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - AST บทที่ 262 - ภาระที่เขาแบกรับมันมากแค่ไหนกัน? ทักษะกระบี่คลื่นสามสะท้าน
- หน้าแรก
- เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
- AST บทที่ 262 - ภาระที่เขาแบกรับมันมากแค่ไหนกัน? ทักษะกระบี่คลื่นสามสะท้าน
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 262 – ภาระที่เขาแบกรับมันมากแค่ไหนกัน? ทักษะกระบี่คลื่นสามสะท้าน
เธอได้นั่งซบที่ชิงสุ่ยหัวใจของเธอเต้นอย่างคึกคัก ทันใดนั้นเธอรู้สึกว่ามือของเธอถูกจับด้วยชิงสุ่ย เธอนั้นรู้สึกตื่นตระหนก เล็กน้อย ก่อนที่เธอจะสังเกตเห็นคิ้วของชิงสุ่ย และดวงตาของเขานั้นปิดอยู่ขณะที่เขาจับมือเธอ
"ท่านแม่โปรดรออีกไม่นาน ข้าจะพาท่านไปที่ตระกูลเยียน!"ชิงสุ่ยละเมอ
เมื่อชางห่าย หมิงเยวี่ยได้ยินเสียงละเมอของชิงสุ่ยที่หลับอยู่ ในใจของเธอรู้สึกเจ็บปวดมาก การที่มือของเธอถูกจับโดยชิงสุ่ย และถูกเขาเรียกว่า 'ท่านแม่' มันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดอย่างมาก เหมือนเธอกำลังแอบฟังบางสิ่งบางอย่างขณะที่เขาหลับ
"ท่านแม่ ข้ามันช่างไร้ประโยชน์ ข้าใช้เวลานานแล้วแต่ไม่สามารถพาท่านไปที่ตระกูลเยียนได้ "
ชางห่าย หมิงเยวี่ย เห็นชิงสุ่ยที่กำลังนอนหลับมีน้ำตาไหลออกมาจากตาของเขา
แม้ว่าตอนนี้ชิงสุ่ยได้จับลงไปที่มือของเธอ แต่เธอก็ไม่ได้หลบหนี แต่กลับ รู้สึกเจ็บปวดใจ เธอเอื้อมมือไปจับที่มืออีกข้างหนึ่งของชิงสุ่ยเพื่อให้ความอบอุ่นกับเขา ชิงสุ่ยตอนนี้ดูเปราะบางอย่างมาก
"ลิ่วลี่ ลิ่วลี่, เจ้าต้องตื่นขึ้นมานะ … "
"อาจารย์ ข้าจะไปที่สันเขาราชันย์ราชสีห์กับท่านเพื่อทวงความยุติธรรมคือมา และ ก่อนเด็กหญิงตัวน้อยๆจะอายุครบ30 ปีข้าจะหาทางรักษาอาการป่วยที่เกิดจากสัตตะดวงใจลี้ลับของนาง… "
หมิงเหวี่ยได้ยินเสียงละเมอของชิงสุ่ยที่กำลังหลับในที่นั่น เธอรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เธอสงสัยว่าเขาเป็นผู้ชายประเภทไหนกัน เขาจะมีปัญหามากมายที่เก็บไว้ในหัวใจเขา เขาต้องแบกรับภาระขนาดไหนกันแน่
"หมิงเยวี่ย, หมิงเยวี่ย, ข้า … "
เมื่อชิงสุ่ยเรียกชื่อของเธอ เธอก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้พูดอะไรออกมาและหลับต่อ
ชางห่าย หมิงเยวี่ย ถอนหายใจและในเวลาเดียวกันเธอรู้สึกโล่งอกอย่างมาก!
เวลาผ่านไปอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่เธอนั่งข้าง ๆชิงสุ่ย ผู้ซึ่งกำลังจับมือของเธอไว้ เวลาได้ผ่านไปเกือบ4ชั่วยามแล้ว
ชิงสุ่ยค่อยๆเปิดตาขึ้น เขาได้ฝันถึงเรื่องมากมายและผู้คนจำนวนมาก ทันใดนั้นเขาเห็นชางห่ายหมิงเยวี่ยที่นั่งอยู่ข้างๆเขา ทำให้เขานั้นเกิดความงุนงงขึ้นมา ถึงแม้ว่าเธอจะสวมใสเสื้อผ้าที่แสนธรรมดาแต่มันก็ไม่สามารถปกปิดความงามของเธอไปได้
และตอนนี้เขารู้สึกตัวแล้วว่าเขากำลังจับมือของเธอไว้อย่างแน่น มันเป็นความรู้สึกนุ่มนวลอย่างน่าอัศจรรย์ แต่ว่าไม่ว่ามันจะน่าหลงใหลขนาดไหนก็ตาม เขาก็ค่อยๆปล่อยมือคู่นั้นออกไป
หมิงเยวี่ย ยิ้มและมองไปทางชิงสุ่ย เมื่อเธอรู้สึกว่ามือของเธอได้รับการปล่อยจากชิงสุ่ยแล้ว ชิงสุ่ยเห็นผ้าห่มบาง ๆ ที่อยู่บนร่างกายของเขา มันนั้นมีกลิ่นหอมที่คล้ายกับชางห่ายหมิงเยวี่ยอย่างมาก
"ขอบคุณเจ้ามากๆ!" ชิงสุ่ยลุกขึ้นนั่ง
"ทำไมเจ้าถึงต้องขอบคุณข้าละ? "ชางห่าย หมิงเหวี่ย ถามด้วยความผิดหวัง เธอยังไม่ลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่มีเธอเป็นสาเหตุ เธอนั้นรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดกับลิ่วลี่อย่างมาก เพราะเธอควรเป็นคนที่นอนอยู่บนเตียงในเวลานี้มากกว่า
ชิงสุ่ยมองไปที่หมิงเยวี่ย และใช้ความกล้าที่เขามีเพื่อหยิกลงไปบนจมูกของเธอ ความรู้สึกที่นุ่มนวลทำให้ตะลึงไปชั่วขณะ "เอาล่ะหยุดโทษตัวเองได้แล้ว เราทุกคนจะต้องอยู่เคียงข้างกัน เรามาอวยพรขอให้ลิ่วลี่ฟื้นขึ้นโดยเร็วเถอะ " ชิงสุ่ยเดินเข้าไปในห้องนอนของลิ่วลี่ และมองไปที่เธอ ก่อนหน้านี้เขายังไม่ได้สังเกตห้องของเธอนั้นเต็มไปด้วยสีม่วง
จากนั้นเขาก็ใช้มือของเขา นวดร่างกายของเธออย่างเบาๆพร้อมภายปราณเข้าไปร่างกายของเธอ ขณะที่เขาเสริมสร้างรากฐานการบ่มเพาะให้เธอ และมันยังได้กระตุ้นศักยภาพของร่างกายของเธอ
เขาได้ทำโคจรพลังจากเคล็ดวิชาทวิบ่มเพาะต่อไปอีก 4 ชั่วยาม หลังจากที่ชิงสุ่ยเริมรู้สึกว่าร่างของ ลิ่วลี่ กำลังเริ่มฟื้นตัวขึ้น
ในตอนนี้ท้องฟ้าได้มืดแล้ว ชิงสุ่ยได้หยุดการกระทำของเขาลงและยิ้มขึ้น ลิ่วลี่พ้นจากขั้นวิกฤติแล้ว เธอปลอดภัยแล้ว แต่ก็ยากที่จะบอกได้ว่าเธอจะสามารถตื่นขึ้นมาได้หรือไม่
————————————————————-
ณ นิกายกระบี่อมตะ!
"ไอ้พวกโง่ทั้งสอง … " ชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อสีม่วงตะโกนออกมา
"ท่านผู้นำท่านคิดว่าผู้ใดเป็นคนทำ?ใช่ชางห่ายหรือไม่? "ชายวัยกลางคนที่ทรงพลังกล่าวถาม
"เลือดได้กระจัดกระจายกองอยู่เต็มถนนแบบั้น ใครกล้าทำเรื่องเช่นนี้ และถ้าเป็นชางห่ายจริงๆทำไมเขาถึงไม่ทำมันตอนอยู่ที่บ้านของเขา ซะเลยละ "เมื่อนึกถึงเหตุการณที่เกิดขึ้นเขาไม่สามารถอดที่จะคิดเรื่องนี้ไม่ได้ เขาได้สาปแช่งออกมา
ในขณะนั้นชายหนุ่มอายุสามสิบปีเข้ามา เขาสวมเสื้อผ้าที่ดูธรรมดา
"ผู้นำ เราทราบความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว!" ชายหนุ่มคำนับและกล่าวว่า เสียงของเขาธรรมดามากจนไม่มีแม้เอกลักษณ์ แม้ว่าจะได้ยินมาหลายครั้งแต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถจำมันได้
"พูด!" ชายวัยกลางคนที่สวมชุดสีม่วงขยับคิ้วและกล่าว
"ชายหนุ่มอยู่ในบ้านชางห่ายเป็นคนทำมัน!"
"อะไรนะ?"
"อะไร?"
“…”
“เล่ามาให้หมด อย่าให้ขาดแม้แต่เสี้ยวเดียว” ชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมสีม่วงเปิดตากว้างด้วยความโกรธ
ชายหนุ่มคนนี้เล่าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยราวกับว่าเขาได้เห็นมันด้วยสายตาของตัวเอง เขาเล่าเรื่องราวเรื่องนี้อย่างหยาบคายทำให้บรรดาผู้อาวุโสของนิกายเกิดความหนาวสั่นจากความกลัว
"พวกเราคงไม่อาจปล่อยให้ชายคนนี้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้!" ผลสรุปจากการประชุมของผู้นำนิกายเทพกระบี่ต่างเป็นเอกฉันท์
"ท่านผู้นำ เราต้องกำจัดคนๆนี้ ถ้าไม่ทำเช่นนั้น นิกายของเราก็คงไม่อาจอยู่อย่างความสุขเหมือน 20 ปีที่ผ่านมา "ชายชราคนหนึ่งกล่าวยืนขึ้น ด้วยดวงตาที่กระตือรือร้น
“ท่านผู้นำมันเป็นไปได้จริงๆหรือ ที่เด็กหนุ่มหยิ่งยโสไร้ประสบการณ์นั้นจะสามารถกำจัดพวกเรานิกายเทพกระบี่ได้?" ชายชราคนหนึ่งที่มีดวงตาเป็นแหลมคมกล่าวด้วยความรังเกียจ
“เจ้าพวกโง่!” มีเสียงต่ำและลึกลับเข้ามาทำให้พวกเขารู้สึกกระวนกระวายใจ
"ท่านบรรพบุรุษ!"
ทุกคนในห้องโถงโค้งคำนับกับชายชราผู้ซึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทัน ชายชราผู้รี้อยู่ในชุดยาวสีขาว ผมของเขาได้ถูกปล่อยลงมามันนั้นๆได้บดบังดังตาที่บอดข้างหนึ่งของเขา บางครั้งก็สามารถเห็นดวงตาของเขาได้จากช่องว่างระหว่างผม
"ข้าไม่อยู่แค่ไม่นาน พวกเจ้ากับปล่อยให้เด็กหนุ่มมาหลบลู่เราได้ถึงขนาดนี้เลยรึ" ชายชราเดินขึ้นไปยืนอยู่ข้างผู้นำนิกายกระบี่อมตะ
"ท่านบรรพบุรุษเราควรกำจัดมันหรือไม่?" ผู้นำนิกายกระบี่อมตะก้มหน้าลงเล็กน้อยและถาม
"แน่นอน พวกเราจะทำให้มันพวกมันที่อยู่ในบ้านชางห่ายนั้นหายสาบสูญไป ชือเอ๋อ เจ้าเองก็ไปเตรียมตัวได้แล้ว เมื่อถึงเวลาเราจะมุ่งหน้าไปยังบ้านของชางห่าย และเจ้าจงจดจำการต่อสู้ระหว่างข้ากับไอ้เจ้าชางห่ายไว้ให้ดี มันเป็นประโยชน์ต่อเจ้าอย่างมาก"
"พวกเราน้อมรับคำสั่งท่านบรรพบุรุษ!"
ชายชราคนนั้นหายตัวไปจากห้องโถงในทันที!
ชิงสุ่ย ใช้ผ้าห่มบางๆ บนที่อยู่บ่นเตียงห่มให้กับลิ่วลี่ จากนั้นเขาก็เดินออกไปอย่างช้า ๆ และเห็นว่า ชางห่าย หมิงเหวี่ยกำลังยืนอยู่ข้างหน้าประตู เธอยืนอยุ่ที่นั้นเป็นเวลากว่าสี่ชั่วยาม
"ชิงสุ่ย ข้ารู้สึกอึดอัดอย่างมาก!" หมิงเหวี่ยกล่าวเบา ๆ เมื่อชิงสุ่ยเดินไปหาเธอ
" อย่าคิดมาเลย ลิ่วลี่จะได้ตื่นขึ้นมาอย่างมาความสุข นางยินดีที่จะทำทุกอย่างเพื่อเจ้าโดยไม่คาดหวังอะไร ในตอนนี้นางดีขึ้นมากแล้ว "ชิงสุ่ยและมองไปที่หน้าที่บึ้งตึงของหมิงเหวี่ย
"ข้าจะแวะมาดูอาการของนางในอีกสี่ชั่วยาม เจ้าควรไปพักผ่อนบ้าง! "ชิงสุ่ยกล่าว
เขาได้กลับไปที่ห้องพักเขา เนื่องจากเขาอ่อนล้าเกินไป เขาจึงต้องเข้าไปพักผ่อนในดินแดนหยกยุพราชอมตะของเขา เขาได้นอนลงบนเตียงในแดนหยกยุพราชอมตะ
เขาหลับไปเป็นเวลาหนึ่งวันเต็มๆ หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาเขาค่อยๆทำร่ายรำไทเก๊กอย่างช้าๆ เนื่องจากความรุนแรงของอาการบาดเจ็บของเขา มันได้ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยอัตราการรักษาที่ไม่น่าเชื่อจากเคล็ดเสริมกายาบรรพกาล นอกจากนี้ภาพจิตกรรมหยินหยางในใจของเขามันยังได้ช่วยบรรเทาความเจ็บปวด อารมณ์ ความรู้สึกต่างรวมไปถึง กระดูกกล้าม เนื้อและเส้นเลือดของเขาและช่วยให้พวกมันฟื้นตัวขึ้น
แม้ว่ากระเพาะอาหารของเขาจะถูกทำลาย แต่มันก็ค่อยฟื้นตัวขึ้นหลังจากเวลาผ่านไปครึ่งวัน เขา รู้ว่าเขามีเวลาประมาณครึ่งเดือนในแต่ละครั้งในการอาศัยอยู่ในดินแดนหยกยุพราช มันเป็นสิ่งที่วิเศษอย่างมาก เป็นเพราะเขามีสมบัติล้ำค่าแห่งสวรรค์เช่นนี้ เขากล้าเสี่ยงกับความเสี่ยงต่างๆ
หลังจากที่ตื่นขึ้นแล้ว ชิงสุ่ยรู้สึกสบายมากขึ้น และการบาดเจ็บส่วนใหญ่ของเขาก็หายเป็นปกติ เขาได้วางแผนที่จะอุทิศเวลาในวันนี้เพื่อบ่มเพาะเคล็ดเสริมกายาบรรพกาล
ผ่านสามารถโคจรพลังไปได้ 90รอบ เขาสามารถสังเกตเห็นว่ามีจุดสีเหลืองปรากฏขึ้นในตันเถียนของเขา จุดนั้นมีขนาดเล็กเท่าปลายเข็มและมีความสว่างอย่างมาก!
มันกำลังส่องสว่างในตันเถียนของเขา พลังที่แข็งแกร่งและรู้สึกสบายอย่างมาก ปราณของเขาได้หมุนวนอย่างช้าๆ มันได้หมุนเวียนอยู่ในช่องทางพลังเส้นปราณของเขาอย่างมั่นคง
จุดสีเหลืองนั้นเต็มไปด้วยจุดสีทองเล็กๆมากมาย เมื่อเขาใช้ปราณจากเคล็ดเสริมกายาบรรพกาล กระจายไปที่จุดที่ได้รับเจ็บของเขา จุดสีทองเหล่านี้จะเข้าสู่พื้นที่ที่บาดเจ็บของเขาและรักษาพวกมันในมันที
หลังจากที่ผ่านไป 90รอบพลังของเขาได้เพิ่มขึ้นอย่างพุ่งทะยานและเมื่อมันไปถึงรอบที่ 99 เขาได้พบว่า พลังของเขาได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
หลังจากบ่มเพาะเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลตลอดทั้งวัน และรักษาอาการบาดเจ็บของเขาด้วยเคล็ดเสริมกายาบรรพกาล อาการบาดเจ็บของเขาได้หายไปเกือบหมดแล้ว โดยใช้เวลาเพียงวันเดียวเท่านั้น! ในอดีตเขาจะเขาจะใช้เวลาเกือบสองวันในการรักษาอาการบาดเจ็บที่ท้องของเขา
ชิงสุ่ยหยิบกระบี่ของเขาขึ้นมา ชิงสุ่ยเริ่มต้นฝึกทักษะกระบี่ของเขา เขาพยายามนำความรู้สึกในครั้งก่อนกลับมาในตอนที่เขาใช้กระบี่คลื่นกระแทกสามสะท้านออกมา ชิงสุ่ยตื่นเต้นอย่างมากที่ได้ใช้ทักษะฝ่ามือพุทธองค์ทองคำเก้าสะท้าน ร่วมกับเพลงกระบี่ของเขา
ชิงสุ่ยได้ฝึกฝนเพลงกระบี่ซ้ำๆมา เมื่อเข้าใจทักษะพื้นฐานของกระบี่แล้ว การแกว่งดาบแต่ละครั้งของเขานั้นแข็งแกร่งอย่างมากการแกว่งของเขานั้นมีความเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ ทำให้เขาดูคล่องแคล่วอย่างมาก
ชิงสุ่ยนึกถึงตอนที่เขาให้กระบี่คลื่นกระแทกสามสะท้านในตอนนั้น เนื่องจากเขาเพิ่งเห็นลิ่วลี่ที่ได้รับบาดเจ็บ ความโกรธที่เกิดขึ้นของเขาทำให้เขาสามารถผ่าด่านการโคจรพลังรอบที่ 90ไปได้
เมื่อพลังนั้นถึงขีดสุดแล้วเขาก็ประสบความสำเร็จในการใช้กระบี่คลื่นกระแทรกสามสะท้าน!
ในตอนนี้ชิงสุ่ยดูเหมือนจะเข้าใจบางสิ่งบางอย่าง แต่ก็ดูเหมือนจะขาดอะไรไปบางอย่างไป!
ทันใดนั้นชิงสุ่ยก็คิดถึงรูปแบบพยัคฆ์!
“เออออออออ!”
ชิงสุ่ย ใช้มือซ้ายของเขาสร้างรูปแบบพยัคฆ์ มันให้คลื่นพลังของเขาเพิ่มกว่าก่อนหน้านี้ เขาใช้รูปแบบพยัคฆ์ซ้ำๆไปมา และมันค่อยๆผลักดันคลื่นพลังในร่างกายของเขาไปสู่จุดสูงสุด
ในขณะนั้นกระบี่ของเขาได้ปลดปล่อยปราณออกมาอย่างหนักหน่วง!
ทักษะกระบี่คลื่นสามสะท้าน!
"ใช่ แบบนี้แหละ!" ชิงสุ่ย รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งและได้ฝึกฝนมันอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นไม่นานชิงสุ่ยก็ได้แสดงกระบี่คลื่นสามสะท้านอีกครั้ง เขารู้สึกพอใจมากเมื่อเขาสามารถโจมตีด้วยพลังนี้ได้
ในช่วงเวลาสั้น ๆ ชิงสุ่ยได้ทำซุปสรรพสิ่งบำรุงกำลัง ในดินแดนหยกของเขา และยังได้ใช้หยดโลหิตจากเต่าทองคำเพิ่มเข้าไปในซุป จากนั้นเขาก็ได้ดื่มพวกมันจนหมด จากนั้นเขาก็ยังคงบ่มเพาะเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลเมื่อเขาโคจรรอบที่ 90 เสร็จเขารู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก ราวกับว่าเขาเพิ่งได้อาบน้ำเย็นในฤดูร้อน
หลังจากที่เขาได้ฟื้นตัวทั้งหมดก็ถึงเวลาที่เขาจะออกไปซะที เขาได้เปลี่ยนชุดและเก็บของทั้งหมดในที่แห่งนี้
ช่วงเวลาก่อนชิงสุ่ยจะออกไป เขาได้เห็นดอกไม้แห่งชีวิตที่กำลังเปล่งประกายอยู่! หัวใจของชิงสุ่ยเต้นไม่เป็นจังหวะ…