ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 256 – ร่างกายที่งดงามดั่งหยก กำไลที่ช่วยเพิ่มพลังทำลาย
"เจ้ากอดข้าได้ไหม? เช่นเดียวกับที่เจ้าจะทำกับภรรยาของเจ้า!"
ชิงสุ่ยรู้ว่าเธอกลัวว่าเธอจะไม่สามารถอยู่รอดผ่านความเจ็บปวดนี้ไปได้ เธอไม่ต้องการให้ชีวิตรักของเธอกลายเป็นความว่างเปล่าและเธอก็ต้องการกอดอบอุ่นอันน่าจดจำ
"เจ้าคงจะต้องอ่อนโยนมากขึ้นกว่านี้ เมื่อเจ้าพูดคำเหล่านี้ ถ้าไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีใครกล้าที่จะกอดเจ้าได้" ชิงสุ่ยยื่นมือออกไปและโอบผ่านอันเรียวงามของชางห่ายหมิงเยวี่ยขณะที่เขากอดเธอไว้แน่นๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่ชิงสุ่ยกอดเธอ ทันทีที่เขาเข้ามาสัมผัสกับเธอโดยตรง เขารู้สึกว่าชางห่ายหมิงเยวี่ยตัวสั่นเล็กน้อยอย่างไม่ได้ตั้งใจ ชิงสุ่ยจงใจยับยั้งความปรารถนาของเขา เขาพยายามอย่างหนักที่จะไม่รู้สึกถึงยอดเนินเขาคู่ของเธอที่กดลงบนหน้าอกของเขา อย่างไรก็ตามความกลัวของเขากลับเป็นกระบองสวรรค์ที่อยู่เบื้องล่างของเขา ซึ่งกำลังเริ่มแข็งตัวขึ้นและกดทับลงบนท้องของเธอ
"เอ่ออออออ!" ชางห่ายหมิงเยวี่ยไม่สามารถทนต่อมันได้อีกต่อไป ขณะที่เธอหายใจติดๆขัดๆและร่างกายของเธอก็ดิ้นไปมาทำให้ยอดภูเขาอันอวบอิ่มทั้งสองถูอยู่บนหน้าอกของชิงสุ่ย!
ความรู้สึกแห่งสวรรค์เป็นเหตุให้ชิงสุ่ยกดดันชางห่ายหมิงเยวี่ยเข้ามาในอ้อมกอดของเขาด้วยพลังมากยิ่งขึ้นและตรึงเธอไว้อย่างแนบแน่น ขณะที่เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เนื่องจากความรู้สึกแห่งสวรรค์และกลิ่นเรือนร่างอันหอมหวลของชางห่ายหมิงเยวี่ย
ชางห่ายหมิงเยวี่ยไม่ได้ผลักดันชิงสุ่ยออกไป เธอค่อยๆคลายตัวและวางศีรษะบนไหล่ของชิงสุ่ย เธอหอบเบาๆบริเวณซอกคอของชิงสุ่ย มันทำให้หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความกระหายที่ไม่สามารถทนได้
เช่นเดียวกับที่ชิงสุ่ยกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา ขณะที่กระบองสวรรค์ลุกลามออกไปในทุกขณะ แต่เขาไม่ได้ทำอะไรที่รุนแรงเกินไป ชิงสุ่ยต้องการให้เธอมีความทรงจำที่สวยงาม เขารู้ว่าชางห่ายหมิงเยวี่ยไม่ต้องการทำสิ่งนี้กับเขาตอนนี้
"เจ้าต้องการจะมาที่ห้องของข้าคืนนี้หรือไม่? พวกเราจะเสร็จสิ้นมันในคืนนี้" ชิงสุ่ยกระซิบขณะที่เขาดูดลงไปเบาๆที่บริเวณใบหูของชางห่ายหมิงเยวี่ย
“ไม่!! ข้าจะไม่ทำมัน!" ร่างกายของชางห่ายหมิงเยวี่ยสั่นเทา
และในช่วงไม่กี่วินาทีที่หายใจเข้า ชางห่ายหมิงเยวี่ยเอียงศีรษะขณะที่เธอยิ้มและค่อยๆดันชิงสุ่ยออกไปพร้อมกับดึงห่าวหยุนลิ่วลี่เข้าสู่กอดของชิงสุ่ย
"ลิ่วลี่ ข้าจะคืนเขาให้กับเจ้า" หลังจากที่พูดเสร็จชางห่ายหมิงเยวี่ยก็เดินออกไป
ชิงสุ่ยเกือบจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เขาต้องการที่จะคว้าก้นของหญิงสาวคนนี้และตีมันหนักๆ อย่างไรก็ตามในขณะนี้เขามีความงามที่ไม่มีใครเทียบได้อีกคนอยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้ว
"หญิงสาวคนนี้… อะไร… นางปฏิบัติกับข้าเหมือนเป็นสิ่งของแลกเปลี่ยน" ชิงสุ่ยยิ้มอย่างขมขื่น
ชิงสุ่ยกอดห่าวหยุนลิ่วลี่ไว้อย่างแนบแน่น เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่เธอล้อเลียนเขา ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะแก้แค้นเธอ เขาจ้องมองไปที่ห่าวหยุนลิ่วลี่ ในขณะนี้เธอดูเหมือนจะเป็นภรรยาที่เขินอายและไม่กล้าที่จะสบตากับเขา
ชิงสุ่ยยื่นนิ้วไปที่คางอันนุ่มนวลของห่าวหยุนลิ่วลี่พร้อมกับสายตาที่ไร้ยางอายของเขา" เจ้าดูงดงามมากเช่นเดียวกับปีศาจร้าย" เขาโอบกอดเธอเอาไว้ในอ้อมกอดของเขา มือของเขาเริ่มเดินเตร่และบีบลงไปที่ก้นของเธอ แม้จะมีการขัดขืนจากเธอ แต่ชิงสุ่ยก็ไม่ได้คลายการโอบกอดของเขา เขากอดเธอไว้แน่นและไม่นานหลังจากนั้นก็ปล่อยเธอออก
หลังจากที่เขากลับมาที่ห้องของเขา ชิงสุ่ยล็อกประตูและหายใจอย่างหนักเพื่อพยายามดับไฟในหัวใจ การกอดผู้หญิงสวยๆสองคนและไม่ได้จินตนาการวาบวิวนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย สิ่งแรกที่มนุษย์เรียนรู้คือการควบคุมตนเอง ถ้าไม่ใช่พวกเขาก็คงจะเป็นมนุษย์ชั้นต่ำเท่านั้น พวกคนชั้นต่ำเป็นจำเป็นต้องควบคุมตัวเองแต่อย่างใด เพราะพวกเขาไม่มีพลังอำนาจ
เขาทิ้งความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดออกไป ชิงสุ่ยได้เข้าสู่ดินแดนหยกยุพราชอมตะ
หลังจากฝึกเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลแล้วเขาก็เริ่มที่จะดื่มด่ำกับการหลอมสิ่งต่างๆ หลังจากรองเท้าแล้วเขาได้เตรียมเกล็ดราชันย์อสรพิษวงแหวนทองคำเอาไว้แล้วและต้องการสร้างชุดเกราะสำหรับชางห่าย
เพิ่มความเร็ว 10 ส่วน, พละกำลัง 30 ส่วน, ความว่องไว 30 ส่วน และความอดทน 10 ส่วน!
ชิงสุ่ยสนุกสนานไปกับสิ่งที่เขาทำสำเร็จเช่นเดียวกันกับรองเท้าของเขาก่อนหน้านี้ แม้ว่ามันจะไม่ได้มีสีทองคำแบบที่เขาหลอมให้กับชางห่ายก็ตาม
"ส่วนประกอบมันมีปัญหาหรือไม่? ส่วนประกอบของรองเท้าของชางห่ายและของเขาถูกหลอมขึ้นมาจาก เหล็กกล้าเหมันต์ 1,000 ปี ในขณะที่ส่วนประกอบรองเท้าของภรรยาของชางห่ายถูกหลอมขึ้นมาจากจิตแก่นแท้เหล็กกล้าระดับ 10
คุณภาพของวัสดุมีผลกระทบอย่างมากต่อผลิตภัณฑ์ในตอนสุดท้าย ผลลัพธ์นี้ทำให้ชิงสุ่ยต้องซื้อวัสดุที่หายากและแปลกใหม่แม้ว่ามันจะมีค่าใช้จ่ายอยู่พอสมควร
กำไล!
ในเวลานี้หลังจากชุดเกราะเสร็จสิ้น ชิงสุ่ยก็ตัดสินใจที่จะสร้างกำไลข้อมือ
ชิงสุ่ยไม่รู้เกี่ยวกับการใช้กำไลข้อมือ แต่เขาจะลองตามทำพิมพ์เขียวขึ้นมาดู ชิงสุ่ยใช้จิตแก่นแท้เหล็กกล้าระดับ 10 ที่เหลือทั้งหมด หลังจากการหลอมสังเคราะห์วัสดุมันก็ควรจะเพียงพอสำหรับกำไลข้อมือ 5 ชุด
แม้ว่ากำไลจะมีขนาดค่อนข้างเล็ก แต่ก็ต้องใช้เวลาในการหลอมพอสมควร ตอนนี้ชิงสุ่ยไม่อาจทราบถึงคุณสมบัติหรือความสามารถของมันหลังจากที่ทำเสร็จ
สำหรับอาวุธ คุณลักษณะหลักคือความอดทนและความว่องไว ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้พลังของตนเองจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สำหรับเกราะ คุณลักษณะหลักคือการป้องกัน ขณะที่รองเท้าก็คือความเร็ว…
จากการทดลองต่างๆชิงสุ่ยได้ชี้ชัดว่าสิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นคุณสมบัติเฉพาะที่เพิ่มขึ้นของแต่ละอย่าง แต่เขาสงสัยว่าเหตุใดจึงไม่มีคุณสมบัติพิเศษเช่นเพิ่มพลังเวทมนต์และเสริมสร้างรูปร่าง
เสริมสร้างรูปร่างเป็นสิ่งที่คล้ายกับพละกำลัง ในขณะที่พลังเวทมนต์หมายถึงพลังแห่งจิตวิญญาณ ชิงสุ่ยอนุมานได้ว่าสาเหตุอาจเป็นเพราะระดับความเชี่ยวชาญของเขายังไม่สูงพอ
สิ่งที่ชิงสุ่ยกำลังพยายามที่จะหลอมคือกำไลข้อมือโดยใช้จิตแก่นแท้เหล็กกล้า การใช้ค้อนกระแทกในระหว่างขั้นตอนการหลอมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่โชคดีสำหรับ พลังแขนกับความคล่องตัวของเขาได้เพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเริ่มทำ อย่างไรก็ตามแม้จะมีกำไลทั้งหมดเหล่านี้ความสามารถของเขาก็ยังห่างไกลจากจุดสูงสุด
ตามขั้นตอนที่ปรากฎในพิมพ์เขียว ดินเหนียวสีเงินถูกปั้นเป็นรูปทรงที่มีการแกะสลักอย่างประณีตและปรุงแต่งด้วยลมปราณจากเคล็ดเสริมกายาบรรพกาล
หลังจากการปรับแต่งนับครั้งไม่ถ้วน แสงสว่างที่คุ้นเคยก็ส่องประกายออกมา มันทำให้ชิงสุ่ยมีความสุขอย่างมาก นี่เป็นสิ่งของประเภทใหม่ที่หลอมขึ้นมา!
พลังทำลายเพิ่ม 10 ส่วน, พลังเพิ่ม 30 ส่วน, ความคล่องตัวเพิ่ม 20 ส่วน และความอดทนเพิ่ม 20 ส่วน ทักษะพิเศษไม่มีผลซ้อนทับ
พลังทำลายล้าง ชิงสุ่ยเกิดอาการสั่นขณะที่เขาเห็นคำเหล่านี้ พลังทำลายล้างมากรุนแรงยิ่งกว่าพลังโจมตีปกติ ที่สำคัญกว่านั้นมันหมายถึงการเพิ่มขึ้นของอัตราการโจมตีถึงตายซึ่งเป็นโอกาสที่สูงกว่าในการสร้างความเสียหายที่สำคัญๆ ตัวอย่างเช่นเขาสามารถทำลายกระดูกของฝ่ายตรงข้ามได้ด้วยการโจมตีปกติโดยการเพิ่มขึ้นของพลังทำลายล้างเท่านั้น เขาสามารถทำให้กระดูกของพวกเขาแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและแม้แต่ผสมผสานคุณสมบัติของธาตุเช่นพิษเยือกเย็นลงไปในการโจมตีของเขา
