เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - AST บทที่ 254 – หัวใจที่เต้นด้วยความเร่าร้อน เกราะปราการศึกวงแหวนทองคำเสร็จสมบรูณ์!
- หน้าแรก
- เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
- AST บทที่ 254 – หัวใจที่เต้นด้วยความเร่าร้อน เกราะปราการศึกวงแหวนทองคำเสร็จสมบรูณ์!
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 254 – หัวใจที่เต้นด้วยความเร่าร้อน เกราะปราการศึกวงแหวนทองคำเสร็จสมบรูณ์!
"รอให้ข้าเสร็จเรื่องนี้ก่อน แล้วพวกเราค่อยกลับพร้อมกัน" ชิงสุ่ยกล่าวขณะยิ้มให้กับหญิงสาวทั้งสองคน
หลังจากที่เขาพูด เขาก็เริ่มทำงานอีกครั้ง น้ำเสียงที่เขาพูดค่อนข้างคลุมเครือ ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยังอยู่ด้านล่างภายในร้านเฝ้ามองดูชิงสุ่ยด้วยความอิจฉาอย่างมากมายเกี่ยวกับหญิงสาวที่แม้แต่นายน้อยที่ 3 แห่งตระกูลฉีก็ยังไม่สามารถแตะต้องสัมผัสได้ หรือจริงๆแล้วเด็กหนุ่มช่างตีเหล็กคนนี้จะเป็นอสูรร้าย เขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก?
ชางห่ายหมิงเยวี่ยพยักหน้าตอบอย่างเงียบๆไปทางชิงสุ่ย เธอพบว่าตัวเองกำลังงึนงงถึงได้แสดงท่าทางตอบตกลงคำพูดที่ดูคลุมเครือของชิงสุ่ยไป
แม้ว่าชิงสุ่ยไม่ได้เห็นปฏิกิริยาของชางห่ายหมิงเยวี่ย แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงการกระทำของเธอ เธอยิ้มเล็กน้อยและก้มหน้าลงเพื่อที่จะเฝ้าดูกระบวนการหลอมจิตแก่นแท้เหล็กกล้าอย่างเงียบๆ
ถ้ามันถูกหลอมโดยใครบางคนที่ไม่รู้จักการหลอมสังเคราะห์ อย่างมากที่สุดพวกเขาก็ทำได้แค่ทำให้จิตแก่นแท้เหล็กกล้าสองชิ้นรวมกันเป็นชิ้นที่ใหญ่ขึ้นเท่านั้น การหลอมสังเคราะห์เป็นศิลปะโบราณที่สุดของการหลอม ความหนาแน่นและความบริสุทธิ์เป็นจุดสำคัญที่ช่วยเพิ่มคุณภาพให้กับจิตแก่นแท้เหล็กกล้า ความเข้าใจอยากลึกซึ้งเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้มันเปลี่ยนแปลงไป!
ชิงสุ่ยไม่ได้คิดว่าทั้งสองคนกำลังเฝ้าดูเขาอยู่ เพราะมันไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนอื่น หากผู้ฝึกตนระดับปราณเทวะเซียนเทียนตั้งใจศึกษาเกี่ยวกับมัน พวกเขาก็จะสามารถสร้างเปลวไฟแห่งเทวะเซียนเทียนขึ้นมาได้
เคล็ดเปลวเพลิงบรรพกาลหยิน-หยางออกจากมือของชิงสุ่ย เปลวไฟสีเงินสูงครึ่งฟุตได้ปล่อยความร้อนออกมารอบๆทำให้เตาหลอมร้อนขึ้นอย่างช้าๆ
เขาใส่จิตแก่นแท้เหล็กกล้าระดับ 10 ลงไปในเตาหลอมสองชิ้น เขาเริ่มหลอมมันด้วยมือเพียงข้างเดียว หลังจากบรรลุขั้นนที่ 4 แห่งเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลแล้วเปลวไฟที่ลุกขึ้นมาครึ่งฟุตนั้นก็มีขนาดที่หนาแน่นขึ้น ความร้อนก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ไม่เพียงแค่นั้นหากพิจารณาจากจำนวนครั้งที่เขาสามารถใช้เปลวไฟได้ มันก็ดูจะไม่เป็นการพูดเกินจริงเลยที่จะบอกว่ามันกำลังเข้าใกล้ขั้นสมบูรณ์แล้ว
จิตแก่นแท้เหล็กกล้าทั้งสองชิ้นค่อยๆละลายลงไปรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ในขณะที่มืออีกข้างของชิงสุ่ยก็เสริมเปลวไฟเข้ามาทันที ทำให้เปลวไฟลุกโชนมากยิ่งขึ้น!
อุณหภูมิที่น่าสะพรึงกลัวพวยพุ่งออกมาจากเตาหลอม ชิงสุ่ยใช้พลังทั้งหมดของเขาปล่อยเปลวไฟออกมา เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับว่าบางสิ่งบางอย่างช่างทนทานเปลวไฟยิ่งนัก เช่นเดียวกับเตาหลอมนี้ อย่างไรก็ตามความร้อนแรงของเปลวไฟในตอนนี้ไม่มีทางที่เขาจะสามารถละลายมันได้ มันจะต้องใช้สิ่งที่เหนี่ยวนำความร้อนเป็นพิเศษ แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือมันไม่ได้ทนทานเปลวไฟได้ทุกรูปแบบ ถ้าไม่เช่นนั้นมันคงจะถูกใช้ในการหลอมสิ่งของที่ทนทานเปลวไฟชิ้นอื่นๆ
การเพิ่มความร้อนของเปลวไฟคือการช่วยขจัดสิ่งเจือปนในจิตแก่นแท้เหล็กกล้าระดับ 10 ออกไปให้เหลือเพียงแก่นแท้คุณภาพดีเท่านั้น
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ หยาดเหงื่อเริ่มปรากฏขึ้นมาบนหน้าผากของชิงสุ่ย เมื่อมีประกายแสงสีดำส่องสว่างขึ้น ชิงสุ่ยรู้ว่าเขาประสบความสำเร็จแล้ว อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยไม่เคยคาดคิดว่าการหลอมสังเคราะห์จะเข้มข้นและใช้เวลาพอสมควร ในเวลาเดียวกันเขายังเข้าใจด้วยว่าทำไมการหลอมอัญมณีถึงเป็นเรื่องยากและมีอัตราความสำเร็จต่ำที่สุด ซึ่งมันต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก
เขาหยิบเอาจิตแก่นแท้เหล็กกล้าที่ได้รับการระบายความร้อนออกมาดู เขาความรู้สึกพึงพอใจ มันแข็งแกร่งกว่าจิตแก่นแท้เหล็กกล้าระดับ 10 มาก ด้วยระดับช่างตีเหล็กในปัจจุบันของเขา ตอนนี้เขาสามารถทำอะไรได้มากขึ้น หากไม่ระมัดระวังสิ่งของดีๆอาจจะกลายเป็นของเสียได้
เมื่อเห็นว่ามีคนเหลืออยู่ในร้านตีเหล็กไม่มากแล้ว ชางห่ายหมิงเยวี่ยและห่าวหยุนลิ่วลี่ก็รู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย ชิงสุ่ยเก็บจิตแก่นแท้เหล็กกล้าไม่กี่ชิ้นเอาไว้
"ไปกันเถอะ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกลับมาในตอนบ่ายอีกแล้ว ข้าคิดว่าพวกเราน่าจะไปกินข้าวที่บ้านกัน" ชิงสุ่ยกล่าวกับหญิงสาวทั้งสองคน
"วันนี้ข้าอยากกินอาหารที่ใดก็ได้ เจ้าต้องการทำอาหารให้ข้ากินหรือไม่" ห่าวหยุนลิ่วลี่กระซิบอย่างมีความสุข ดวงตาของเธอเป็นประกายระยิบระยับ ทำให้ชิงสุ่ยเสียวแปล๊บขึ้นมาในหัวใจ
ชิงสุ่ยยิ้มอย่างดุดันไปที่ห่าวหยุนลิ่วลี่ ก่อนหันไปมองชางห่ายหมิงเยวี่ยเพื่อมองหาความคิดเห็นของเธอ ชิงสุ่ยตระหนักว่าทุกครั้งที่เขามองไปที่หญิงสาวทั้งสองคนมันก็จะทำให้เขาตัดสินใจพลาด ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไรก็ยิ่งมึนงงมากเท่านั้น!
"พวกเราจะไปตามที่เจ้าพูด!" ชางห่ายหมิงเยวี่ยยิ้มขณะที่เธอเงยหน้าขึ้น
ชิงสุ่ยจำได้ว่าชางห่ายหมิงเยวี่ยเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง เขาไม่เคยคาดหวังที่จะได้ยินคำพูดที่อ่อนโยนเช่นนี้ก่อนที่ความคิดของเขาจะสิ้นสุดลง
หลังจากล้างมือแล้ว ชิงสุ่ยพาหญิงสาวทั้งสองคนออกจากร้านตีเหล็กและล็อกประตู
"ลองซื้ออาหารที่นั่นดูบ้างไหม เจ้าสามารถดูสิ่งที่เจ้าอยากจะกินได้" ชิงสุ่ยนำหญิงสาวทั้งสองไปยังย่านที่อยู่อาศัยเล็กๆที่เป็นร้านขายอาหารชั้นล่าง
ร้านขายอาหารและตลาดบริเวณนั้นต่างก็มีความคล้ายคลึงกัน พวกมันทั้งสองสถานที่อยู่ในที่ร่มขนาดใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่จะขายผักสด ผลไม้และสิ่งจำเป็นอื่นๆ
ชิงสุ่ยเดินมาพร้อมกับหญิงสาวสองคนคือชางห่ายหมิงเยวี่ยและห่าวหยุนลิ่วลี่เพื่อเลือกซื้อผักสองสามอย่างจากร้านค้าที่กว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ พวกเขาไม่ได้สนใจที่จะเลือกซื้อเนื้อสัตว์อะไรมากมาย เมื่อชิงสุ่ยกระดุดตาเข้ากับมังกรหัวไก่อย่างกะทันหัน เขาจึงรีบซื้อมันมาทันทีเพื่อที่จะได้นำไปทำซุปมังกรหัวไก่
เขามองดูอาหารและเครื่องปรุงต่างๆ ชิงสุ่ยนึกขึ้นมาได้ว่าส่วนผสมอย่างหนึ่งของยาเม็ดวิศิษฐ์โฉมก็คือโลหิตมังกรหัวไก่ 1,000 ปี เขารู้สึกหดหู่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ที่นี่มีแม้กระทั่งมังกรหัวไก่ 1,000 ปี? เพียงแค่การคงอยู่ของมังกรหัวไก่ 1,000 ปีหนึ่งตัว ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ดวงตาของผู้คนเป็นประกายขึ้นมา
นี่เป็นครั้งที่สองของหญิงสาวทั้งสองที่เข้ามาในสถานที่แห่งนี้ แต่ก็รู้สึกว่ามันเนินนานมาแล้วตั้งแต่ครั้งแรกที่มา เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างถาโถมเข้ามาในจิตใจเธอ ชางห่ายหมิงเยวี่ยก็จ้องมองไปที่ชิงสุ่ยอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ราวกับว่าเขารับรู้ถึงความรู้สึกของเธอ ชิงสุ่ยชำเลืองมองอย่างจงใจมาที่ชางห่ายหมิงเยวี่ยด้วยสายตาอันตะขิดตะขวงใจของเขา เมื่อพวกเขาสบตากัน ชางห่ายหมิงเยวี่ยก็หันหน้าหนีในทันที หัวใจของเธอนั้นเต้นอย่างบ้าคลั่งด้วยความตื่นเต้นทำให้เกิดความรู้สึกแปลกๆ มันเป็นความรู้สึกพิเศษ เธอก็ชอบและอยากรู้สึกแบบนี้ไปนานๆ
ตู้น้ำขนาดใหญ่ที่มีงูหลายสิบตัวและเต่าห้าตัวซึ่งกำลังแวกว่ายอย่างมีความสุขแวบผ่านเข้ามาในสายตาของพวกเขา ขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปในห้องรับรอง
"ลองทำหัวงูตุ๋นและซุปเต่าดูหรือไม่!" ชิงสุ่ยยิ้มและพูด
"พวกเรามีอาหารมากพอที่จะกินแล้ว ปล่อยให้สิ่งมีชีวิตเล็กๆน้อยๆที่น่าสงสารอยู่ของพวกมันไปเถอะ!" ชางห่ายหมิงเยวี่ยตอบเบาๆ สายตาของเธอมองตามการเคลื่อนไหวของงูและเต่าที่แข็งแรงและสวยงาม
ชิงสุ่ยเกาศีรษะของเขา เขาไม่เคยคิดเลยว่าแม้จะมีความงดงามและเข้มแข็ง แต่ก็ยังคงมีความเป็นผู้หญิงอยู่ สัญชาตญาณตามธรรมชาติของมารดาพวกเธอนั้นไหลเวียนอยู่เป็นอย่างดีและจะไม่มีวันสูญหายไปโดยสิ้นเชิง แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความโหดร้ายหรือราคะ
พวกเธออาจจะชอบอาหารที่ทำมากขึ้น ถ้าพวกเธอไม่ได้ดูเขาเตรียมมัน หากพวกเธอได้เห็นและเห็นว่าสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มีชีวิตชีวาเหล่านี้ถูกฆ่าตายไป หากถึงคราวจำเป็นพวกเธอคงจะต้องอดตายเพราะตัวเองแทนที่จะกินพวกมันแน่นอน
ด้วยเครื่องเทศจากดินแดนหยกยุพราชอมตะก็ไม่จำเป็นจะต้องกังวลใดๆกับรสชาติอาหารแม้ว่าเขาจะปรุงอะไรก็ตาม ทั้งชางห่ายหมิงเยวี่ยและห่าวหยุนลิ่วลี่ทำหน้าที่เป็นลูกมือของเขา เขาหวนนึกถึงช่วงเวลาสุดท้ายที่ผ่านมาที่เขาได้อยู่กับชางห่ายหมิงเยวี่ยในห้องครัว ในตอนนี้มันช่างเป็นความรู้สึกที่เนินนานมาแล้ว
ชางห่ายหมิงเยวี่ยหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับชิงสุ่ย เธอตระหนักว่าเมื่อสายตาของพวกเขาสบตากัน ทุกครั้งหัวใจของเธอจะสั่นด้วยความปรารถนาและเธอจะรู้สึกติดขัดเล็กน้อยอยู่ภายใน
เป็นโอกาสที่หาได้ยากที่ทั้งสามคนจะได้รับประทานอาหารร่วมกันอีกครั้ง พวกเขาช่วยกันจัดแจงโต๊ะอาหาร ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเป็นงานที่ยากที่จะกินอาหารร่วมโต๊ะเดียวกันกับชางห่ายหมิงเยวี่ย เขาคิดย้อนกลับไปในช่วงชีวิตที่ผ่านมาของเขา ชิงสุ่ยและเพื่อนของเขาได้ไปกินอาหารบนเรือลำหนึ่ง มีหญิงสาวที่งดงามมองลงมาอย่างรังเกียจที่ชาวบ้านสองสามคนจากชนบท เธอไม่ชอบความคิดในการแบ่งปันอาหารของพวกเขาที่มีต่อชาวบ้านพวกนั้น
ชิงสุ่ยจ้องมองจานอาหารของเขาและจมดึงลงไปในความคิดของตัวเอง
"ชิงสุ่ย เจ้าเป็นอะไรหรือไม่? เจ้าดูท่าทางเหม่อลอยในขณะที่กิน ผู้หญิงคนไหนที่เจ้าคิดถึงและทำให้รู้สึกหดหู่?" ห่าวหยุนลิ่วลี่แกล้งหยอกล้อเขา
ชิงสุ่ยยิ้มด้วยความเขินอาย "ข้ารู้สึกมีความสุขมากอยู่แล้วที่ได้ร่วมรับประทานอาหารกับสองสาวที่งดงามที่สุดในโลก ทำไมข้าถึงต้องคิดถึงผู้อื่นอีก?"
"ฮ่าฮ่า เป็นเรื่องยากที่จะพูดกับเจ้า มันแย่มากที่เจ้ามักจะพูดคำเหล่านั้นเมื่อเจ้าพยายามที่จะกลบเกลือนอะไรบ้างอย่าง!”
ชิงสุ่ยหลงใหลในการหัวเราะที่ไร้ความปราณีของห่าวหยุนลิ่วลี่ นี่เป็นครั้งแรกของเขาที่ได้เห็นหญิงสาวงามแสนพิเศษคนนี้หัวเราะอย่างห้าวหาญและน่าสนใจมาก ชิงสุ่ยไม่คิดว่ามันผิดที่เธอพูดแบบนั้น เธอรู้แม้กระทั่งว่าเขาแสร้งกลบเกลื่อน
"ชิงสุ่ย พวกเราขอตัวกลับก่อน!"
ทั้งสองกล่าวอำลาเขา ชิงสุ่ยเดินกลับไปยังร้านตีเหล็ก เขาตัดสินใจที่จะใช้เวลาช่วงบ่ายเพื่อสร้างชุดเกราะปราการศึก หมวกเกราะ และกำไลข้อมือ เขาจะไม่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยอีกต่อไปและจะไม่คิดค่าบริการสำหรับสินคระดับ 1-4 เพื่อประโยชน์ของเขา เขาต้องการที่จะเพิ่มพละกำลังของเขาให้สูงยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเพื่อชางห่ายหมิงเยวี่ยหรือห่าวหยุนลิ่วลี่ เขาก็ต้องทำให้ดีที่สุด
เขาล็อกประตูหลังจากที่เขากลับมาถึงร้านตีเหล็ก เขานำจิตแก่นแท้เหล็กกล้าระดับ 20 ที่เคยหลอมไว้ออกมา ชุดเกราะถูกสร้างขึ้นมาจากชิ้นส่วนที่แตกต่างกันซึ่งจำเป็นต้องมีการหลอมแยกกันไปในแต่ละอย่างและจะนำมารวมกันเพื่อให้สมบูรณ์
ชิงสุ่ยใช้จิตแก่นแท้เหล็กกล้าแบบเดียวกันเพื่อทำโครงเกราะ จากนั้นเขาก็ใช้ผิวหนังของราชันย์อสรพิษวงแหวนทองคำที่มีลวดลายเป็นสีทองบนคลุมไปทั่วโครงเกราะ เหตุผลที่ทำให้เขาสร้างชุดเกราะหนักนี้ไม่ใช่เพราะการป้องกัน แต่มาจากการที่อาจจะได้คุณสมบัติพิเศษที่อาจจะไม่รู้จักหรือคุณสมบัติเพิ่มเติม แม้ว่าหนึ่งในนั้นจะมีประสิทธิภาพไม่มากนัก แต่มันก็จะแตกต่างกันไปถ้าเขามีมากกว่าสิบชิ้นให้ใช้งาน
ในขณะที่เขากำลังตีเหล็ก เขาตระหนักว่าการหลอมเกราะเป็นกระบวนการที่ลำบากอย่างไม่น่าเชื่อ
โชคดีที่เขามีพิมพ์เขียวที่สามารถค่อยๆทำตามแนะนำของมัน เขาผ่านขั้นตอนนี้ไปได้อย่างราบรื่น คราวนี้เขาอยากทำมันได้ดี เขารู้สึกว่าเขาสามารถแสดงพลังของเขาออกมาได้ดีที่สุดเท่าที่เคยทำมา
ชิ้นส่วนถูกหลอมทีละชิ้น แต่ละชิ้นถูกสร้างขึ้นมาด้วยเทคนิคพันค้อนกัมปนาท จากนั้นเขาก็เอาผิวหนังสีทองของอสรพิษคลุมโดยรอบและนำมารวมเข้าด้วยกันเพื่อจะหลอมอีกครั้ง อย่างไรก็ตามส่วนบนและส่วนล่างของเกราะที่ต้องการถูกแยกออกจากกัน เนื่องจากมันไม่ต้องยึดติดร่วมกัน หลังจากที่ ชิงสุ่ยทำหลอมส่วนบนของชุดเกราะแล้ว แสงสีทองที่คุ้นเคยก็ส่องสว่างขึ้นอย่างไม่คาดฝันต่อหน้าของเขา!
ชิงสุ่ยเกิดอาการตกตะลึง เขาจ้องมองไปที่เกราะปราการศึก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่ส่วนบนเท่านั้น แต่ก็ยังดูน่าเกรงขามมากและเป็นการปรากฏตัวที่น่าหวั่นเกรงเป็นอย่างมากเช่นเดียวกับเกราะปราการศึกสีทองล้ำค่าอันอื่นๆ
การป้องกันเพิ่มขึ้นให้กับทุกคนที่อยู่ในบริเวณ 10 ส่วน แต่มันก็จำกัดเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การคุ้มครอง พละกำลังเพิ่มขึ้น 50 ส่วน พลังโจมตีเพิ่มขึ้น 30 ส่วน และความว่องไวอีก 10 ส่วน!
ชิงสุ่ยเก็บความสุขเอาไว้ในใจของเขาและยังคงทำชุดเกราะส่วนล่างต่อไป มันไม่ได้เกิดขึ้นกับเขาเพราะว่าเขาสร้างชุดเกราะส่วนบนและล่างแยกจากกัน เขาหวังว่าจะสามารถเพิ่มคุณสมบัติเพิ่มเติมให้กับชุดเกราะได้อีก เรื่องนี้ทำให้เขาคิดว่าจะสามารถต่อกรกับนิกายเทพกระบี่ได้ในภายหลัง
เขาทำชุดเกราะส่วนล่างได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับส่วนบน ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากและใช้เวลาเพียงครึ่งหนึ่งของเวลาที่ทำส่วนบนเท่านั้น
เขาใช้เคล็ดวิชาเบิกเนตรสวรรค์อย่างรวดเร็วและพบว่ามันมีคุณสมบัติเพิ่มเติมเช่นเดียวกับชุดเกราะส่วนบน!
ชิงสุ่ยรู้สึกถึงความสำเร็จที่น่าอัศจรรย์ มันเป็นความพึงพอใจที่เขารู้สึกเมื่อเขารักกับหญิงสาวที่แสนงดงาม พวกมันมีวิธีการทำที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่กลับให้ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามหากเขาหมกมุ่นอยู่กับเสน่ห์ของหญิงสาวมากเกินไป เขาก็จะเบื่อหน่ายกับมันเร็วๆนี้ ยังมีคนจำนวนมากที่มีความสามารถเช่นเขา ความสามารถในการทำสิ่งที่ชอบจะให้ความรู้สึกที่เพลิดเพลินและเป็นการพิสูจน์คุณค่าของตัวเอง
มันคล้ายกับความสุขของเขาที่ได้เห็นทั้งชางห่ายหมิงเยวี่ยและห่าวหยุนลิ่วลี่ สวมรองเท้าที่เขาหลอมขึ้นมาเอง มันรู้สึกอบอุ่นอยู่ภายในหัวใจ เขารู้สึกว่ามันเป็นความรู้สึกที่เป็นนิรันดร์