เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - AST บทที่ 246 - เหล็กกล้าเหมันต์ 1000 ปี เดินชนด้วยความบังเอิญ
- หน้าแรก
- เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
- AST บทที่ 246 - เหล็กกล้าเหมันต์ 1000 ปี เดินชนด้วยความบังเอิญ
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 246 – เหล็กกล้าเหมันต์ 1000 ปี เดินชนด้วยความบังเอิญ
การสั่นระฆังสะท้านจิตจำเป็นต้องพึ่งพาพลังปราณที่ถูกอัดฉีดเข้าไป ความรุนแรงย่อมขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของพลังปราณ ผลของมันนั้นไม่เพียงแต่จะสามารถจัดการสัตว์อสูร แม้แต่มนุษย์เองก็ไม่มีข้อยกเว้น
ชิงสุ่ยกำลังคิดว่าถ้าหากเขาอยู่บนหลังของวิหคเพลิง และมีศัตรูกำลังไล่ตามเขาอยู่ ถ้าหากเขาทำการสั่นระฆังสะท้านจิตไปทางศัตรู ผลของมันจะทำให้ศัตรูตกจากสัตว์อสูรลงมาสู่พื้นถึงแก่ความตายหรือไม่?
ชิงสุ่ยเลือกมองดูรูเล็กๆ 2 รูที่อยู่บนระฆังสะท้านจิต เขารู้ดีว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะสามารถบังคับทิศทางของเสียง เพื่อมุ่งเป้าไปที่เป้าหมาย หลังจากนั้นเขาเริ่มโคจรพลังเพื่อเติมเต็มพลังปราณเข้าไปสู่ระฆังอีกครั้ง
หลังจากเก็บระฆังสะท้านจิตเข้าไปในดินแดนห้วงมิติ ชิงสุ่ยก็เริ่มทำการฝึกฝนเคล็ดวิชาสรรสร้างอีกครั้ง เขายังคงมีสิ่งของมากมายที่ต้องการสร้างไม่ว่าจะเป็นรองเท้า ชุดเกราะ เครื่องประดับ ตราบใดที่เขายังฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง สักวันหนึ่งก่อนจะสามารถใช้ทักษะค้อนพันกัมปนาทจนก้าวข้ามดินแดนไร้ขอบเขต
"อืม นับแต่นี้ไป ถ้าจะหล่อหลอมกระบี่ในทุกๆวัน อย่างน้อยวันละ 2 ชิ้น "ชิงสุ่ยตั้งเป้าหมายไว้ในใจ
ในเวลาช่วงบ่าย ยังคงไร้ผู้คนภายในร้านช่างตีเหล็ก ชิงสุ่ยยังคงฝึกฝนเคล็ดวิชาสรรสร้างอย่างต่อเนื่อง
เมื่อค้อนถูกกระแทกลงครบ 1,000 มันจะเผยเห็นแสงสว่างวาบขึ้นมา ชิงสุ่ยถอนหายใจแม้เขาจะ ในการสร้างศาสตราวุธระดับ 1 และคุณสมบัติที่ได้นั้นอ่อนแอจนมิอาจนำไปเปรียบเทียบได้
ชิงสุ่ยยังคงฝึกฝนในช่วงกลางวันอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้กินข้าวเอาตัดสินใจทุ่มเทความพยายามทั้งหมดในการหล่อหลอมกระบี่มรกตอีก 1 เล่ม ชิงสุ่ยรู้ดีว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรักษาคุณภาพ การสร้างศาสตราวุธระดับหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นเขาจึงทุ่มเทเวลาทั้งหมดในการสร้างรากฐานเพื่อไม่ให้รู้สึกเสียใจในอนาคต
เมื่อค้อนถูกกระแทกลงในครั้งที่ 1000 แสงสว่างวาบก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ชิงสุ่ยถอนหายใจในขณะที่เขาเริ่มใช้เคล็ดวิชาเบิกเนตรสวรรค์ เพื่อตรวจสอบกระบี่มรกตที่เขาเพิ่งสร้างขึ้น
ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 60 หน่วย ความทนทานเพิ่มขึ้น 50 หน่วย
เมื่อพิจารณาจากคุณสมบัติทั้งหมด ชิงสุ่ยเริ่มวิเคราะห์ได้แล้วว่าก่อนที่เขาจะสามารถสร้างศาสตราวุธระดับ 1 ได้นั้น คุณสมบัติในศาสตราวุธที่เขาสร้างขึ้นนั้นมีค่าสูงสุดในการเพิ่มพลังเพียงแค่ 30 หน่วย แต่เขาก็รู้ตัวดีว่าพลังในการสรรสร้างศาสตราวุธที่เขาครอบครองนั้นยังห่างไกลจากความสำเร็จมากนัก
ชิงสุ่ยหยุดการสร้างกระบี่มรกตเล่มที่ 2 เนื่องจากคุณภาพกระบี่เล่มแรกนั้นยังไม่ดีเท่าที่ควร อีกอย่างคือมันยังใช้เวลาในการหล่อหลอมกระบี่ยาวนานเกินไป
หลังจากนั้น เขาก็วางศาสตราวุธทั้ง 2 เล่มที่พึ่งถูกสร้างขึ้นเอาไว้บนชั้นวางดั่งเช่นศาสตราวุธชิ้นอื่นๆ
หลังจากนั้นเพียงไม่นาน ก็มีชายหนุ่มที่ถือกระเป๋าหนังเดินเข้ามาในร้านช่างตีเหล็กของชิงสุ่ย ซึ่งชิงสุ่ยสามารถคาดเดาความตั้งใจของชายหนุ่มคนนี้ได้
"นายท่าน ท่านคิดยังไงกับ เหล็กกล้าเหมันต์ 1000 ปี?"ชายหนุ่มหัวเราะขณะที่เขาส่ง กระเป๋าให้กับชิงสุ่ย
"เหล็กกล้าเหมันต์ 1000 ปี?"
ชิงสุ่ยเปิดกระเป๋าหนังดู ก็มองเห็นสิ่งของขนาดใหญ่ที่มีผิวคล้ายน้ำแข็ง ซึ่งกำลังส่องแสงประกายระยิบระยับ ในขณะที่เขากำลังเอื้อมมือไปหยิบเหล็กกล้าเหมันต์ออกมา
"โปรดระมัดระวังด้วย ความหนาวของมันนั้นเคยกัดกินมือของข้าแล้ว!!"ชายหนุ่มกล่าวเตือนอย่างรีบร้อน
อย่างไรก็ตาม เมื่อชิงสุ่ยจับเหล็กกล้าเหมันต์ขึ้นมาไว้บนมือ เขากลับไม่รู้สึกหนาวเหน็บใดๆเลยแต่เขากลับรู้สึกถึงพลังจิตวิญญาณที่อัดแน่นอยู่ภายใน เมื่อผนวกกับความรู้ทางด้านพิมพ์เขียวที่เพิ่งถูกปลดผนึก เขารู้ได้ทันทีว่าวัสดุชิ้นนี้เป็นสิ่งของที่มีค่าและเหมาะสมต่อการสร้างรองเท้า เพราะพลังจิตวิญญาณที่อัดแน่นของมัน ให้ความรู้สึกราวกับสายลม
หลังจากช่วงเวลาเพียงชั่วครู่ผ่านพ้นไป ชิงสุ่ยก็เริ่มเอ่ยปากถาม "จงพูดสิ่งที่เจ้าต้องการมา?"
"ข้าพอจะสามารถแลกเปลี่ยนเหล็กกล้าเหมันต์ 1000 ปี กับศาสตราวุธที่อยู่ในร้านของท่านได้หรือไม่?"ชายหนุ่มตอบอย่างค่อนข้างระมัดระวัง
เป็นเพราะว่าชายหนุ่มนั้นไม่รู้คุณค่าของวัสดุชิ้นนี้ เขารู้เพียงแค่ว่ามันไม่มีทางขายได้ในราคา 5 ล้านเหรียญเงิน แม้มันจะเป็นวัสดุหล่อหลอมที่หายาก แต่ช่างตีเหล็กจำนวนมากไม่สามารถนำมันไปใช้งานได้ พวกเขาต่างบอกว่ามันมีคุณสมบัติไม่สูงพอที่จะใช้งาน มันจึงทำให้เขาคาดคิดไว้ว่ามูลค่าพัสดุชิ้นนี้คงไม่สูงมาก
"แน่นอน เจ้าสามารถเลือกศาสตราวุธใดๆก็ได้ในร้านของข้า แต่เจ้าจงรู้ไว้ว่า ศาสตราวุธแต่ละชิ้นมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังนั้นเจ้าควรจับต้องและทดสอบศาสตราวุธเหล่านั้นก่อนที่จะเลือก และอีกอย่างหนึ่งถ้าหากเจ้ายังมีวัสดุที่มีลักษณะคุณภาพเช่นเดียวกับเหล็กกล้าเหมันต์ 1000 ปีชิ้นนี้ เจ้าสามารถนำมันมาให้ข้าเพื่อแลกเปลี่ยนกับสิ่งของที่เจ้าต้องการอะไรก็ได้"ชิงสุ่ยยิ้ม อาวุธที่เขาสร้างขึ้นไม่ว่าจะเป็นกระบี่มรกต หรือกระบี่ธรรมดาอื่นๆมันไม่อยู่ในสายตาของเขาอยู่แล้ว ดังคำกล่าวที่เขาเคยกล่าวไว้ว่า ขยะของชายคนหนึ่งอาจเป็นดั่งสมบัติของชายอีกคนหนึ่ง
ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างมีความสุข "แน่นอน ข้ามีคนรู้จักที่ครอบครองเหล็กกล้าเหมันต์ 1000 ปีเช่นเดียวกับข้า ข้าจะไปแนะนำพวกเขาให้รู้จักท่าน"
และแล้วมันก็เป็นดั่งที่เขาคาดคิดอะไร ชายหนุ่มคนนั้นได้เลือกกระบี่มรกตที่พึ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ เขาไม่คาดคิดแล้วว่ากระบี่มรกตทั้ง 3 เล่ม จะถูกซื้อขายภายในวันเดียว อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยยังคงมีความสุขเนื่องจากมูลค่าของระฆังสะท้านจิตที่เขาได้รับนั้น มีค่ามากกว่าหลายสิบเท่าเมื่อเทียบกับกระบี่เหล่านั้น
"ดูเหมือนว่าข้าจะต้องหล่อหลอมกระบี่เหล่านี้ให้มากขึ้น" ชิงสุ่ยคาดคิดว่ายิ่งจำนวนศาสตราวุธมีมากขึ้นมันจะยิ่งดึงดูดผู้คนให้สนใจมากขึ้นเช่นกัน และมันจะทำให้โอกาสที่เขาได้รับวัสดุที่มีค่าและหายากเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน หลังจากนั้นชิงสุ่ยก็นำเหล็กกล้าเหมันต์ 1000 ปี และวัสดุที่ใช้ในการหล่อหลอมชิ้นอื่นๆ กว่า 10 ชิ้น เก็บเข้าสู่ดินแดนห้วงมิติของเขา และเขาตัดสินใจยุติการค้าขายในวันนี้
ชิงสุ่ยค่อนข้างชอบถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนคึกคัก ชิงสุ่ยมักจะปิดสติของเขาและเริ่มไหลไปตามวัฏจักรของผู้คน เขามักจะเพลิดเพลินกับการฟังเสียงผู้คนสนทนากันบนท้องถนน
โดยปกติชิงสุ่ยจะใช้เวลาว่างทั้งหมดในการฝึกฝนเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายที่เขาวางไว้ ดังนั้นเพื่อลดแรงกดดันต่างๆ เขาจึงแบ่งเวลาเพียงน้อยนิดแม้ว่าจะสั้นก็ตามในการซึมซับบรรยากาศชีวิต ดังนั้นช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลายมากที่สุด
ในขณะดื่มด่ำกับช่วงเวลาแห่งการผ่อนคลาย ชิงสุ่ยเดินก้มหน้าและไหลไปตามกะแสฝูงชน จนเวลาล่วงเลยไปประมาณ 1 ก้านธูป
"ปัง"
ทันใดนั้นเขารู้สึกราวกับว่ากำลังกระแทกเข้ากับบางสิ่งบางอย่างที่อ่อนนุ่มและก็เด้งเป็นอย่างมาก เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ชิงสุ่ยทำได้เพียงยิ้มอย่างข่มขืนในขณะที่ดวงตาของเขาสบตากับหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่มีใบหน้าอันเขิลอาย หญิงสาวคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นไกลเธอคือคนที่รับเอาศาสตราวุธของชิงสุ่ยไปก่อน
เนื่องจากลมร้อนกำลังพัดผ่าน ผู้คนจึงสวมใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น ชิงสุ่ยเหลือบมองจนเห็นยอดปทุมถันของหญิงสาวคนนั้นที่ตั้งสง่าขึ้น มันเป็นความบังเอิญที่ทำให้เขารู้สึกมหัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขาหวนนึกถึงติงเป่า เด็กหญิงผู้ซึ่งพยายามสะกดรอยเขาและพยายามเดินชนเข้าถึง 2 ครั้ง ตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่และเธอลืมเขาไปได้หรือยัง?
ชิงสุ่ยถูจมูกและค่อยๆหัวเราะ ในขณะที่หญิงสาวเริ่มจ้องมองชิงสุ่ยด้วยสายตาที่เย็นชา
เธอเดินทางมาที่แห่งนี้เพื่อมอบใบส่วนผสม แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้เธอรู้สึกงุนงงว่าทำไมชิงสุ่ยถึงไม่ได้อยู่ในร้านช่างตีเหล็ก และชิงสุ่ยที่อยู่ในร้านช่างตีเหล็กช่างมีบุคลิกที่แตกต่างกันมากกับตอนนี้
"เป็นอะไรหรือเปล่า? ทำไมเจ้าถึงดูเหมือนคนไร้สติ? ท่าชักสงสัยแล้วว่าเจ้าเดินชนใครไปบ้างไหม?"หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเขินอาย
"ก็ไม่บ่อยนะ ในอดีต ก็เคยมีหญิงสาวคนหนึ่งที่บังเอิญเดินชนข้าเช่นเดียวเจ้า"ชิงสุ่ยยิ้มอย่างเขินอาย
หญิงสาว "………………."
หญิงสาวคนนั้นก็นำแผ่นกระดาษสีเงินออกมาและส่งมอบมันให้กับชิงสุ่ย "เจ้าคิดว่าสิ่งนี้เพียงพอหรือไม่? ถ้าหากว่าไม่ พวกเราคงต้องเจรจาต่อรองกัน"