เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - AST บทที่ 244 - ค้อนกระแทกครั้งที่ 1000 ดวงตาที่เปล่งประกาย
- หน้าแรก
- เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
- AST บทที่ 244 - ค้อนกระแทกครั้งที่ 1000 ดวงตาที่เปล่งประกาย
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 244 – ค้อนกระแทกครั้งที่ 1000 ดวงตาที่เปล่งประกาย
"ดูสิ วันนี้มีอาวุธใหม่เข้าใหม่ 2 อัน ถ้าหาข้ามีอาวุธแบบนี้มันคงจะทำให้ข้าสามารถจับหมูป่าได้ง่ายยิ่งขึ้น" สายที่แต่งตัวเรียบๆมองดูก็ดีมรกตที่วางอยู่บนชั้นวางและหัวเราะเบาๆ
"ใช้อาวุธนี้สำหรับสังหารหมู่ป่า……….."
"อาวุธนี้ไร้ประโยชน์ หรือมันราคาสูงเกินไปกันแน่"ชายหนุ่มคนหนึ่งถอนหายใจ
"เดี๋ยวข้าจะมาซื้อมัน แต่ข้าคงไปหาเศษเงินในตระกูลของข้าก่อน"ชายคนหนึ่งร้องตะโกนอย่างมีความสุข
"ให้เจ้ามีปัญญาซื้อก่อนเถิด"อีกคนหัวเราะเยาะเย้ย
ชิงสุ่ยไม่ได้ใส่ใจ และในการที่เขาทำการหล่อหลอมศาสตราวุธขึ้นมานั้น เขาก็ไม่ได้วางแผนที่จะขายมัน ใจจริงแล้วเขาต้องการแลกเปลี่ยนมันด้วยสิ่งของที่มีมูลค่าเท่ากันก็เท่านั้น
เขาใช้เวลาในการฝึกฝนพันค้อนกัมปนาทในการตีกระบี่มรกตขึ้นมาซึ่งก็เกิดเหตุติดขัดทั้ง 3 ครั้ง ดังนั้นชิงสุ่ยจึงเชื่อว่าถ้าหากสามารถสำเร็จวิชาพันค้อนกัมปนาทได้จะยิ่งสามารถยกระดับความสามารถของเคล็ดวิชาสรรสร้างได้อย่างแน่นอน
"พี่สาวหมิงเยวี่ยชายคนไม่ดีคนนั้นคงไม่มาหาเราอีกต่อไปแล้ว"ในห้องพักบริเวณชั้น 2 ของคฤหาสน์ชางห่าย ห่าวหยุนลิ่วลี่และชางห่ายหมิงเยวี่ยยืนอยู่ริมหน้าต่างและกำลังมองดูท้องฟ้าสีครามสดใส
"ทำไมกัน? นี่เป็นเวลาเพียงแค่วันเดียวเท่านั้นที่เขาออกไปหรือว่าเจ้ากำลังคิดถึงเขา?"ชางห่ายหมิงเยวี่ยเงยหน้าขึ้นและหัวเราะ
"ใครกันที่คิดถึงเขา? ชายคนนี้คงกำลังขอความเมตตาจากผู้หญิงคนอื่นอยู่ละมั่ง ข้าละไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นใกล้ชิดกับชายคนไม่ดีคนนี้เลย แม้ว่าเธอจะดูสนใจในตัวชิงสุ่ยก็ตาม"ห่าวหยุนลิ่วลี่หัวเราะ แม้ภายในใจของเธอนั้นจะรู้สึกผิดหวัง
"ตอนแรกพวกเขาก็ไม่ได้สนิทกันหรอก แต่ตอนนี้ข้าเองก็เริ่มไม่แน่ใจแล้ว"ชางห่ายหมิงเยวี่ยมองและยิ้มจางๆไปที่ห่าวหยุนลิ่วลี่
ห่าวหยุนลิ่วลี่มองกลับมาที่ชางห่ายหมิงเยวี่ยพร้อมทั้งถอนหายใจ เธอรู้ดีว่าหมิงเยวี่ยงั้นเปลี่ยนแปลงไปเพราะชิงสุ่ย โดยปกติเธอไม่เคยเห็นใครที่สามารถกลั่นแกล้งหมิงเยวี่ยได้เหมือนกับที่ชิงสุ่ยทำ ไปไหนตอนนี้เธอรู้ดีว่าแม้แต่ชิงสุ่ยเองก็คงไม่อาจทำเช่นนั้นได้อีกแล้ว
"พี่สาวรู้ได้อย่างไร พวกเขาอาจไม่สนิทกันก็ได้?"บทสนทนาระหว่างผู้หญิงสองคนช่างดูเป็นภาพธรรมชาติที่สวยงาม
"สัญชาตญาณ!!"ชางห่ายหมิงเยวี่ยหัวเราะ
"พี่สาวยังโกรธชิงสุ่ยอยู่อีกหรือเปล่า?"ลิ่วลี่กล่าวถาม
ชางห่ายหมิงเยวี่ยยิ้ม "ทำไมข้าต้องโกรธเขาด้วย?"
"ลิ่วลี่ เจ้าสามารถไปหาเขาได้ถ้าหากเจ้าต้องการ แต่เจ้าจงอย่าเสียใจในภายหลัง"ชางห่ายหมิงเยวี่ยหันหน้าไปทางลิ่วลี่และเผยรอยยิ้มที่ทรงเสน่ห์ออกมา
——————————————————–
ชิงสุ่ยยังคงฟาดฟันทักษะค้อนพันกัมปนาทซ้ำแล้วซ้ำเล่า ประกายแสงวาบวงบอกให้รับรู้ว่ากระบี่มรกตถูกตีขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว สภาพของมันนั้นดูไม่ต่างจากกระบี่เล่นอื่นๆ มันเป็นเครื่องบ่งบอกว่าการฝึกฝนเคล็ดวิชาสรรสร้างย่อมต้องฝึกฝน มันมิอาจสำเร็จได้ภายใน 1 ถึง 2 วัน
ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ชิงสุ่ยเชื่อในคำพูดนี้เสมอ เขายังคงวางกระบี่มรกตไว้บนชั้นวาง ซึ่งในตอนนี้บนชั้นวางนั้นมีจะมีทั้งหมด 4 เล่ม
ในขณะที่ชิงสุ่ยกำลังหล่อหลอมวัสดุที่ใช้ในการตีกระบี่ หญิงสาวทั้งสามคนก็ได้เดินเข้ามาในร้าน ทั้งสามคนยังคงอ่อนเยาว์และมีความงดงามอย่างมาก เมื่อพวกเธอยืนด้วยกันความงดงามของทั้ง 3 คนคอยเสริมกันจนกลายเป็นความงามที่น่าอัศจรรย์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวคนหนึ่งที่ดูลักษณะคล้ายผู้หญิงอายุ 25-26 ปี เธอมีรูปร่างที่อ่อนช้อยและเนินอกสีชมพูที่ดูกระปรี้กระเปร่ายิ่งทำให้ชายทุกคนที่มองถึงกับน้ำลายไหล
เธอมีใบหน้าที่อ่อนโยน และมีดวงตาที่สดใส ฟันสีขาวราวหยก จมูกคล้ายหยกแกะสลัก จิตวิญญาณที่คอยรุกเร้าอารมณ์ มันเป็นบุคลิกที่แตกต่างจากหญิงคนอื่น คิ้วที่เหมือนเสี้ยวพระจันทร์ คอที่อ่อนนุ่มและงดงาม ทำให้เธอนั้นดูเปล่งประกาย และเต็มไปด้วยความรู้สึกสง่างามและชาญฉลาด
เธอเป็นหญิงสาวที่งดงามที่สุดเท่าที่ชิงสุ่ยสังเกตในวันนี้ ในตอนแรกเขานั้นมองเห็นหญิงสาวที่งดงามทั้งสาม แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเธอแล้วหญิงสาวทั้งสองที่อยู่ด้านข้างนั้นไม่อาจเทียบได้เลย
แม้ว่าหญิงสาวอีกสองคนนั้นจะมีรูปร่างที่ดึงดูดใจทั้งสะโพกที่กลมมนและหน้าอกที่กลมโตโดยรวมนั้นสามารถทำให้ชายชาตรีที่ทอดสายตามองดูนั้นถึงกับเป็นบ้าได้
มองดูใบหน้าหญิงสาวเจ้าเล่ห์ทั้ง 2 ที่อยู่ด้านข้าง ชิงสุ่ยรู้ว่ามันเป็นผลมาจากการอาบน้ำค้าง ร่างกายที่โค้งมนยิ่งทำให้ชิงสุ่ยจินตนาการว่าพวกเธอจะต้องสนุกสนานกับชายชาตรีเป็นจำนวนบ่อยครั้งอย่างมาก
เสื้อคลุมสามสีบ่งบอกให้ชิงสุ่ยรับรู้ได้ว่าพวกเธอนั้นมาจากนิกายสราญรมย์ ไม่น่าแปลกใจที่พวกเธอนั้นดูมีเสน่ห์เย้ายวน คอยสร้างความชุ่มชื้นหัวใจของผู้ชายที่ได้มองเห็น ภาพลักษณ์ของพวกเธอนั้นมีเสน่ห์ราวกับเวทมนต์ มันช่างน่าเสียดายที่พวกเธอนั้นคาดความอ่อนโยนและสติปัญญาเมื่อเทียบกับหญิงงามที่อยู่ตรงกลาง
ชิงสุ่ยเลือกมองเพื่อเธออยากจะช้าก่อนที่เขาจะลดศีรษะลงเพื่อทำงานต่อ ผู้ชายคนอื่นๆภายในล้านแตกตื่นกันอย่างมาก ทุกคนต่างจ้องมองหน้าอกและสะโพก พวกเขาตะโกนร้องอย่างตะกละตะกลาม รวมทั้งน้ำลายไหล ดวงตาของแต่ละคนเบิกกว้างราวกับจะหลุดออกมา
หลายคนพยายามที่จะเข้าใกล้หญิงสาวทั้ง 3 เพื่อหวังว่าจะเกิดการชนกันโดยบังเอิญกับพวกเธอ แต่เพียงแค่หญิงสาวที่ดูมีภูมิปัญญาคนที่ยืนตรงกลางกวาดสายตาไปทั่ว อากาศมันหนาวเหน็บก็พัดผ่านตัวของพวกเขาไปจนทำให้ทุกคนต้องหยุดและเปิดทางให้กับหญิงสาวเหล่านั้น
หญิงสาว 2 คนที่ขนาบข้างมองดูฝูงชนด้วยสายตาที่เป็นไปด้วยความรังเกียจแม้ว่าพวกเธอจะเผยรอยยิ้มก็ตาม
หญิงสาวคนหนึ่งเดินไปที่ชั้นวางของและขมวดคิ้วมองดูศาสตราวุธที่ตั้งอยู่บนนั้น
เธอค่อยๆหันศีรษะของเธอไปมองชิงสุ่ย "เจ้าเป็นคนตีกระบี่เล่มนี้ขึ้นมาหรือ?"
เสียงของเธอเต็มไปด้วยความสง่างามและดึงดูดใจ เสียงที่เปล่งออกมานั้นสามารถเติมเต็มความรู้สึกลึกถึงหัวใจได้ในทันที
ชิงสุ่ยเงยหน้าขึ้นและมองดูเธอ เธอกำลังจ้องมองศาสตราวุธที่วางอยู่บนชั้นโดยไม่แม้แต่จะยื่นมือออกมันจะ เขาจ้องมองแล้วพบว่าเธอดูเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและค่อนข้างละเอียดอ่อน ดูเหมือนว่าเธอจะไม่อยากสัมผัสศาสตราวุธเหล่านั้นซึ่งหลายคนมาที่นี่เพื่อสัมผัสมัน
"อืม เป็นข้าเอง ดูเหมือนว่าเจ้ามาที่นี่แค่เพื่อดูมันเท่านั้นถ้าหากเจ้าคิดจะซื้อก็คงเป็นภายหลัง"ชิงสุ่ยค่อยๆหยดของเหลวลงไปในแม่พิมพ์สีเงิน
ดูเหมือนเธอเป็นคนไม่ชอบพูด และเมื่อเธอได้ยินชิงสุ่ยกล่าว เธอจึงเฝ้าดูเขายังเงียบๆ ชิงสุ่ยกำลังมองเธออย่างมีพิรุธ และตระหนักได้ว่าหญิงสาวอีก 2 คนที่มาจากนิกายสราญรมย์กำลังมองเขาด้วยสายตาที่สนใจ ดวงตาของพวกเธอนั้นเปล่งประกายสดใสเป็นอย่างมาก
ชิงสุ่ยละสายตาโดยไม่มีปฏิกิริยาใดก่อนที่เขาจะกลับไปทำการตีกระบี่มรกตต่อ ในขณะเดียวกันเค้าก็ทำการตรวจสอบหญิงสาวทั้งสองคน ชิงสุ่ยรับรู้ได้ทันทีว่าพวกเธอนั้นยังไม่บรรลุขั้นเทวะเซียนเทียน พวกเธอยังอยู่เพียงแค่คั่นจุดสูงสุดระดับโฮ่วเทียน แต่กลิ่นอายรอบๆตัวพวกเธอนั้นรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง
หญิงสาวทั้งสองคนสามารถก้าวขึ้นสู่ระดับโฮ่วเทียนได้ด้วยอายุก่อน 30 ปี ถ้าหากเทียบกับในยุคนี้พวกเธอถือว่าอยู่ในระดับค่อนข้างดี
ชิงสุ่ยยังคงดีกระบี่มรกตต่อ ทุกครั้งที่เกิดการกระแทกของค้อน สะเก็ดแสงประกายระยิบระยับจะเปล่งประกายออกมาคอยดึงดูดสายตาหญิงสาวทั้งสามคน และผู้คนอื่นที่อยู่ในร้าน
หลังจากการตีกระบี่ด้วยค้อน1000 ครั้ง ชิงสุ่ยที่กำลังจะหยุดลงก็เริ่มตระหนักได้ว่าประกายไฟนั้นหายไป เขาจึงรวบรวมความสงบและค่อยๆเหวี่ยงค้อนโลหะอย่างเรียบง่ายต่อ
หลังจากเหวี่ยงค้อนกระแทกอีก 15 ครั้ง ประกายไฟที่สว่างวาบก็กลับคืนมา แสงที่วูบวาบกระจายมากขึ้นกว่าครั้งก่อน แม้ว่าเวลาจะผ่านไปอย่างรวดเร็วแต่มันก็ยังคงดึงดูดความสนใจของทุกคนภายในร้าน และเมื่อประกายไฟในครั้งนี้หายไปศาสตราวุธที่สร้างขึ้นก็เสร็จสิ้น ทุกคนคิดว่าทุกอย่างที่จะทำในตอนนี้เป็นภาพลวงตา แต่หญิงสาวทั้งสามคนที่อยู่ใกล้ที่สุดกับมองเห็นมันอย่างชัดเจน
ชิงสุ่ยเริ่มใช้เคล็ดวิชาเบิกเนตรสวรรค์ในการมองดูศาสตราวุธที่สร้างขึ้น มันช่างคล้ายกับศาสตราวุธที่สร้างขึ้นก่อนหน้านี้ และแล้วเขาก็ตกใจเมื่อเขาเห็นคำ 4 คำ
ศาสตราวุธศักดิ์สิทธิ์ ระดับที่ 1!!!
ชิงสุ่ยรู้ดีว่ามีการแบ่งระดับภายในเคล็ดวิชาสรรสร้าง ซึ่งจะถูกแบ่งออกเป็น 7 ระดับเล็ก จาก 1-7 เช่น อาวุธที่มีลักษณะโทนสีที่ 1 จะถูกเรียกว่าศาสตราวุธศักดิ์สิทธิ์ ระดับที่ 1 และ ถ้าหากชุดเกราะมีลักษณะสีที่ 1 จะถูกเรียกเกราะศักดิ์สิทธิ์ระดับที่ 1
เมื่อค้อนตีทะลุทะลวงผ่านครบ 1000 ครั้ง จะได้ระดับที่ 1 และระดับที่ 2 จะปรากฏเมื่อทำการตีด้วยค้อนทั้งหมด 2000 ครั้ง และตอนนี้เขาได้กระแทกคอนทั้งหมด 1015 ครั้ง การที่เขาจะสามารถตีทะลุทะลวงเข้าถึงเนื้อในที่แท้จริง จนครบ 2000 ครั้ง เขาอาจจะต้องกระแทกค้อนมากกว่า 10000 ครั้ง หรืออาจจะเป็น 100000 ครั้งก็ไม่อาจทราบได้
ชิงสุ่ยจ้องมองดูกระบี่มรกตอย่างอึ้งทึ่ง ก่อนที่เขาจะฟื้นสติ และเริ่มใช้เคล็ดวิชาเบิกเนตรสวรรค์อีกครั้ง
กระบี่มรกต ศาสตราวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับที่ 1 เพิ่มความแข็งแกร่ง 100 ส่วน เพิ่มความทนทาน 30 ส่วน และเพิ่มความว่องไว 10 ส่วน
"ให้ตายเถอะ" ชิงสุ่ยไม่สามารถหยุดยั้งเสียงตะโกนของตัวเองได้เมื่อเขาตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติไป หลังจากที่เขาเงยหน้าขึ้นเขาก็เห็นผู้คนมากมายกำลังจ้องมองเขาด้วยความตกใจ ก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
ชิงสุ่ยรูปจมูกของเขาอย่างเฉื่อยชาและเลือกมองหญิงสาวทั้งสาม หญิงสาวคนตรงกลางลดศีรษะลงเล็กน้อยในขณะที่ยิงสาวทั้งสองคนมองเขาด้วยความเจ้าชู้และมีเสน่ห์ แต่ชิงสุ่ยไม่สนใจหญิงสาวที่มักจะออกมาหาความสนุกสนานในยามค่ำคืน
ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น 100 ส่วนนั่นก็หมายถึงน้ำหนัก 500 จิน มันเป็นสิ่งยั่วยวนใจแม้แต่ผู้ฝึกตนเทวะเซียนเทียนก็ไม่อาจละสายตาจากมันได้ ชิงสุ่ยไม่เคยคาดหวังว่าการใช้ทักษะค้อนพันกัมปนาทจนครบ 1000 ครั้งจะสามารถสรรสร้างศาสตราวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับที่ 1 ออกมาได้ และด้วยคุณสมบัติของกระบี่เล่มนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งของที่ดียอด แม้ว่าจะเพิ่มเพียงแค่ 3 คุณสมบัติ แต่เมื่อมีการเพิ่มสมบัติความเร็วมันถือได้ว่าเป็นสิ่งของมีค่า เพราะในโลกเก้าทวีปแห่งนี้ ความเร็วที่เพิ่มขึ้นย่อมดีต่อตัวผู้ฝึกฝนอย่างมาก