หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - AST บทที่ 242 - บรรพบุรุษแห่งนิกายเทพกระบี่ ดอกไม้แห่งชีวิต

  1. หน้าแรก
  2. เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
  3. AST บทที่ 242 - บรรพบุรุษแห่งนิกายเทพกระบี่ ดอกไม้แห่งชีวิต
Prev
Next

ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 242 – บรรพบุรุษแห่งนิกายเทพกระบี่  ดอกไม้แห่งชีวิต

 

ชิงสุ่ยมองดูฮูยูที่กำลังฝึกฝนรูปลักษณ์พยัคฆ์ ถ้าเทียบสำหรับผู้ฝึกฝนเริ่มต้น เขาถือได้ว่าเป็นคนที่มีค่าเฉลี่ยความสามารถสูงกว่าผู้อื่น อย่าลืมว่าฮูยูมันเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไร้การบ่มเพาะพลัง แต่เป็นโชคดีของเขา ที่เขามีโครงกระดูกที่แข็งแรงและกล้ามเนื้อของเขาก็มีความทนทานที่สูงมากเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป

 

"อย่าใช้แรงโจมตีทั้งหมดของออกไป เจ้าจงเก็บพลังที่เหลือไว้อย่างน้อย 30 ส่วน"ชิงสุ่ยกล่าวอธิบาย

 

ชิงสุ่ยเริ่มทำการแสดงให้เห็นกระบวนท่ารูปลักษณ์พยัคฆ์เป็นจำนวน 3 ครั้งเพื่อแสดงคำชี้แนะ และอธิบายจุดแข็งของรูปลักษณ์พยัคฆ์

 

ใกล้ถึงจุดสิ้นสุดการฝึกซ้อม ฮูยูเริ่มสามารถเข้าใจได้ใกล้เคียงคำว่ารูปลักษณ์พยัคฆ์ นั้นคือการฝึกฝนท่าทางและรูปแบบก่อนที่จะผสมผสานมันครอบจิตวิญญาณ

 

หลังจากการฝึกฝนเสร็จสิ้น ชิงสุ่ยก็กลับเข้าไปยังร้านช่างตีเหล็กและเริ่มฝึกฝนเคล็ดวิชาสรรสร้างของเขาเอง เพื่อเป้าหมายในใจเพียงเดียวน้ำหนักคือการเพิ่มระดับความแข็งแกร่งในตัวของเขาเอง

 

ชิงสุ่ยเองยังคงไม่ทราบว่าภายในพื้นที่เมืองฝั่งทักษิณ ชื่อเสียงของร้านตีเหล็กของเขานั้นได้เพิ่มพูนขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่เขาได้จัดการกับคนที่มาจากนิกายเทพกระบี่เตือนพวกเขาต้องกลัวหัวหด มันจึงทำให้ทุกคนในพื้นที่แห่งนี้ต่างหยิบยกเรื่องนี้มาเป็นหัวข้อสนทนาอย่างสนุกสนาน

 

ชิงสุ่ยที่พึ่งเปิดการค้าสลับที่แห่งนี้มาเป็นเวลาสั้นๆ แต่ผู้คนกลับเข้าออกร้านค้าแห่งนี้มากมาย ตัวของชิงสุ่ยมีความสุขอย่างมากแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มาที่นี่เพื่อซื้อศาสตราวุธ แต่พวกเขามาที่นี่เพื่อขายวัสดุต่างๆเช่นอัญมณีตามที่ชิงสุ่ยได้ติดประกาศเอาไว้ ตามป้ายบอกทางที่อยู่ด้านนอกของร้านค้าแห่งนี้

 

"ช่างตีเหล็ก ไม่ทราบว่าท่านจะยอมจ่ายเท่าไหร่เพื่อสิ่งของสิ่งนี้"ผู้เยาว์คนหนึ่งวางวัตถุสีดำทมิฬไว้บนโต๊ะในขณะที่เขาเอ่ยถาม

 

ชิงสุ่ยไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับโลหะประเภทต่างๆ ซึ่งวัตถุแห่งนี้เขาเองก็ไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาค้นพบเคล็ดวิชาฝ่ามือศักดิ์สิทธิ์เขาก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในหลายๆอย่าง

 

เขาเริ่มใช้เคล็ดวิชาฝ่ามือศักดิ์สิทธิ์เพื่อทำความเข้าใจองค์ประกอบต่างๆที่อยู่ในสสารชิ้นนี้ สมบัติที่ดีย่อมมี "พลังทางจิตวิญญาณ"อยู่ภายใน ยิ่งความแข็งแกร่งของพลังจิตวิญญาณมากเท่าไหร่สิ่งของชิ้นนั้นยิ่งมีค่ามากขึ้นเท่านั้น แล้วเมื่อเขาเริ่มใช้เคล็ดวิชาฝ่ามือศักดิ์สิทธิ์พร้อมๆกับเคล็ดวิชาเบิกเนตรสวรรค์ มันยิ่งทำให้เขามองเห็นคุณค่าที่แท้จริงมากยิ่งขึ้น

 

" 100 เหรียญเงิน"ชิงสุ่ยกล่าว

 

รุ่นเยาว์ตกตะลึงอยู่ชั่วครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะตอบว่า "ตกลง ยอดเยี่ยมจริงๆ ข้าจะขายโลหะดำชิ้นนี้ในราคานี้"

 

เมื่อมองดูโลหะดำ ชิงสุ่ยก็รู้ดีว่าโลหะนำชิ้นนี้ย่อมต้องมีราคาสูงกว่า 100 เหรียญเงิน

 

แต่ทุกคนบริเวณนั้นถึงกับอ้าปากร้องอุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นราคาซื้อขายของชิงสุ่ยที่สูงมาก ทั้งๆที่ร้านค้าอื่นนั้นซื้อขายมันอยู่ที่ราคาเพียงแค่  80 เหรียญเงินเท่านั้น

 

"ท่านคิดจะซื้อทุกอย่างจริงๆหรือ?"เสียงในกลุ่มฝูงชนร้องตะโกนออกมา

 

เจ้าของเสียงนั้นเป็นชายหนุ่มรูปร่างดีอายุประมาณ 30 ปี เขามีขนคิ้วที่หนาแต่ศีรษะของเขานั้นแทบโล่นจนไร้เส้นผม ในขณะที่เขาเผยรอยยิ้มบนใบหน้าพร้อมกับมองมาทางชิงสุ่ย

 

"สิ่งที่ข้าได้เขียนเอาไว้บนป้าย อย่าได้กังวลว่าข้าจะไม่อาจหาเงินตรามาจ่ายสิ่งของ  สำหรับสินค้าที่มีมูลค่าเป็นพิเศษข้าจะใช้สินค้าอื่นๆที่มูลค่าเทียบเท่าหรือสูงกว่าเพื่อแลกกับสินค้าเหล่านั้น ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้ผู้ขายคนใดเสียประโยชน์จากการขายขอให้ข้าในแต่ละครั้งอย่างเด็ดขาด"

 

สายรูปร่างดีพยักหน้าเมื่อได้ยินเสียงคำพูดที่จริงจังของชิงสุ่ย อย่างไรก็ตามมันเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ได้คาดคิดเอาไว้เลย "ช่างน่าเศร้าใจที่ข้าไม่ได้มีของเหล่านั้นเลย ถ้าหากข้ามีข้าคงจะรีบนำมันมาแลกเปลี่ยนกับท่าน"

 

"เออใช่ ข้ามีบางสิ่งบางอย่าง ที่ถ้าหากท่านได้เห็นท่านจะต้องรับรู้ถึงความยอดเยี่ยมของมัน อย่าเสียเวลาพูดอีกเลย เดี๋ยวก็จะกลับมาและนำบางสิ่งบางอย่างมาให้ท่านดู!!!"

 

ชิงสุ่ยยิ้มตอบรับก่อนที่เขาจะหันไปมองดูวัสดุที่เขาสร้างขึ้นจากทำงานในช่วงต้น ในปัจจุบัน กระบี่มรกตที่อยู่ในร้านทั้งหมดซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยช่างตีเหล็กฮูยูเอสถูกขายไปจนหมดสิ้นแล้ว ลูกค้าบางรายในร้านของคาวมาณที่แห่งนี้เพื่อที่จะทดลองใช้กระบี่ ซึ่งในทุกครั้งชิงสุ่ยก็มักจะอนุญาตให้พวกเขาทดลองดู มันจึงยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง

 

———————————————————-

 

ภายในนิกายเทพกระบี่!!!

 

"ท่านผู้นำ ครั้งนี้มันกล้าสังหารสาวกนิกายของเรากลางวันแสกๆต่อหน้าผู้คนมากมาย เหตุเราจึงยังปล่อยให้ไอ้เด็กหนุ่มคนนี้เปิดเผยความเย่อหยิ่งในการดูหมิ่นสาวกนิกายเทพกระบี่ของเราอยู่?"ชายชราคนหนึ่งที่มีแก้มสีแดงและหนวดเคราสีขาวกำลังมองไปที่ชายวัยกลางคนในขณะที่เขากล่าว

 

ชายวัยกลางคนลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้สีม่วง ในขณะที่เขาลุกขึ้นยืนนั้นคลื่นพลังที่เปิดออกมานั้นเต็มไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง เข็มนับพันเล่มทิ่มแทงเจาะลึกสู่หัวใจของผู้ที่อยู่เบื้องล่าง ขอสวมชุดอาภรณ์ประดับด้วยลวดลายของดวงดาว ดวงตาของเขานั้นอยู่ท่ามกลางราวกับความเชื่อพระจันทร์ แม้ว่าตัวเขานั้นจะปลดปล่อยความรู้สึกเศร้าหมองคล้ำ จมูกตรงพร้อมกับริมฝีปากที่โค้งอย่างอ่อนโยนแสดงให้เห็นถึงความหยิ่งทะนง กล้ามเนื้อที่อัดแน่นยิ่งทำให้ตัวตนของเขาเด่นชัดขึ้น

 

"ผู้อาวุโสหยิง ข้ารู้ว่าท่านรู้สึกไม่สบายใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลานชายของท่าน เด็กหนุ่มต่อหน้าข้านั้นเปรียบได้ดั่งเม็ดฝุ่นทราย แต่มันเป็นเพราะคนที่อยู่เบื้องหลังของมันคือช่างห่าย มันคือชางห่าย ท่านรู้หรือไม่?"

 

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกไร้อำนาจและไม่เต็มใจ ในฐานะที่เขาเป็นถึงผู้นำนิกายเทพกระบี่ซึ่งเป็นมหาอำนาจที่สูงที่สุดภายในเมืองฝั่งทักษิณ มันเป็นเพราะไอ้เด็กขยะที่คอยทำลายชื่อเสียงของนิกายจนทำให้นิกายต้องสูญเสียผู้อาวุโสไปถึง 2 คน

 

การสูญเสียผู้อวุโสนั้นเป็นเรื่องเล็ก แต่นิกายเทพกระบี่นั้นไม่ต้องการให้การสูญเสียผู้อาวุโสเกิดขึ้นโดยไร้ประโยชน์ อย่างไรก็ตามบรรพบุรุษของนิกายเทพกระบี่นั้นเคยสั่งไว้ว่าห้ามให้สมาชิกยุ่งเกี่ยวกับชางห่าย แต่ตัวของมันต้องหยุดเองก็ไม่เคยเกรงกลัวชายที่ชื่อชางห่ายเลย

 

"ชางห่าย? เขาเป็นคนทำให้ผู้อาวุโสเฟิงและผู้อาวุโสฮูต้องพิกลพิการอย่างนั้นหรือ?"

 

"ถูกต้อง เป็นเขาเอง ชายผู้ที่ บรรพบุรุษของเราบอกย้ำไม่ให้พวกเราเป็นศัตรูกับเขา และจากกฎของนิกาย หลังจากที่ผู้อาวุโสเฟิงกลายเป็นคนพิกลพิการเขาก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งภายในนิกายทันที ส่วนตัวหลานชายของเขานั้นก็ถูกเนรเทศไปยัง "เกาะโลกธารา"

 

ชายวัยกลางคนกล่าวอย่างสุภาพและเต็มไปด้วยความเคารพ "ทุกอย่างคงต้องให้บรรพบุรุษเป็นผู้ตัดสินใจ"

 

"ชางห่ายเอ้ย ชางห่าย ข้าอดทนกับเจ้ามาเป็นเวลากว่า 30 ปีแล้ว แม้ว่าเจ้าจะมาจากนิกายเทวโลก แต่เจ้าควรรู้ไว้ว่ามีเช่นกันบางสิ่งบางอย่างที่เจ้าไม่อาจทำลายได้ นอกจากนี้เจ้ายัง…………"

 

" ชือเอ๋อ เจ้ากลับไปก่อนเถิด เดี๋ยวข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง"

 

ผู้อาวุโสหยิงตั้งค่าลิมิตหลังจากได้ยินคำว่า "เกาะโลกธารา" หลังจากนั้นเขาก็ตอบกลับอย่างอ่อนโยนว่า "เป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะทำให้ไอ้เจ้าเด็กเหลือขอต้องเผชิญความทุกข์ทรมานเช่นเดียวกัน ตอนนี้คนเบื้องนอกกำลังพูดกันอย่างสนุกปากในเรื่องเกี่ยวกับนิกายเทพกระบี่ของเรา คำติฉินนินทาในตอนนี้แผ่กระจายไปทั่วผืนนภาเรียบร้อยแล้ว"

 

"พวกเราไม่จำเป็นต้องใส่ใจในคำพูดของผู้อื่น แต่เราควรควบคุมคนภายในนิกายของเราให้ได้ ข้ารู้ว่าพวกเรานั้นมักจะทำตามใจของพวกเจ้า แต่พวกเจ้าควรจะหาวิธีรับมือในผลพวงที่ตามมาจากการกระทำของพวกเจ้าด้วย"ชายวัยกลางคนกล่าวอย่างเศร้าโศกเสียใจ

 

ผู้อาวุโสหยิงหัวใจบีบเต้นอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินคำพูดของชายวัยกลางคน คลื่นพลังแห่งความฝันเหตุการณ์ที่ปลดปล่อยออกมาในตอนแรกนั้นแทรกซึมเข้าสู่ความกลัวในจิต

 

ชายวัยกลางคนที่มีกลิ่นอายอันทรงพลัง ซึ่งกำลังแสดงท่าทางหยิ่งยโสยกศีรษะขึ้นเงยมองท้องฟ้าสีคราม พร้อมทั้งถอนหายใจและเดินจากไป เสียงฝีเท้าของเขาสั่นสะเทือนไปทุกย่างก้าวแต่กลับเบาหวิวราวกับเดือนในห้วงอากาศ แม้ว่าการเคลื่อนไหวของเขาแต่ดูช้าแต่มันกลับรวดเร็วอย่างยิ่ง มันอาจเป็นเพราะทักษะการเคลื่อนไหวที่ลึกลับ

 

ในชั่วพริบตา เขาก็ปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าของห้องโถงจงถัง ทุกอย่างภายในห้องโถงจงถังถูกสร้างขึ้นด้วยสีดำโทนเทา เขายืนลังเลอยู่ชั่วครู่หนึ่งตรงหน้าทางเข้า ชายวัยกลางคนค่อยๆก้าวเข้าไปสู่ภายในห้องโถง ตรงกลางของห้องโถงนั้นมีบันไดที่ทอดยาวลงสู่เบื้องล่าง ซึ่งชายวัยกลางคนก็ค่อยๆเดินตามบันไดลงไป

 

หลังจากนั้นเพียงชั่วครู่หนึ่งชายวัยกลางคนก็ลงไปถึงสถานที่ที่เต็มไปด้วยรูปปั้นของอดีตผู้นำทั้งหมดในนิกายเทพกระบี่ สถานที่แห่งนี้คือ หอบรรพชนแห่งนิกายเทพกระบี่

 

"ท่านบรรพบุรุษ!!"

 

ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เบาบาง

 

หลังจากนั้นความเงียบก็คืบคลานเข้าสู่บริเวณรอบๆตัวของชายวัยกลางคน และแล้วชายชราคนหนึ่งก็เดินออกมาอย่างช้าๆ

 

ชายชราคนนี้มีดวงตาสีฟ้าจางๆในมือของเขานั้นถือไม้เท้าทองคำหัวมังกร เส้นผมที่ขาวโพลนแสดงให้เห็นความน่าเลื่อมใสและคล้ายกับผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงซึ่งหลบซ่อนตัวอยู่ในสถานที่ลับ

 

"ท่านบรรพบุรุษ!!"ชายวัยกลางคนคุกเข่าลงบนบริเวณฝ่าเท้าของชายชรา

 

" ชือเอ๋อ มันเกิดอะไรขึ้น?"ดวงตาของชายชราปิดลงราวกับไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ถ้าหากมีผู้ใดได้พบเห็นความอึดอัดเหล่านี้ จะพบว่าชายชราคนนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับไป๋ลี่จิงเว่ย ได้กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมานั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

 

แม้แต่รูปร่างหน้าตาของเขาก็ดูเต็มเปี่ยมไปด้วยความมีเมตตา

 

"ท่านบรรพบุรุษ ชือเอ๋อช่างไร้ความสามารถยิ่งนัก ข้าทำให้ชื่อเสียงของนิกายเทพกระบี่ต้องมนหมองโดยที่ข้าไม่อาจยื่นมือเข้าไปทำอะไรได้เลย ชือเอ๋อขอให้ผู้ประสงค์ลงโทษข้าด้วยเถิด"

 

"ลุกขึ้น!!!"ชายชราค่อยๆจับแขนของชายวัยกลางคนเพื่อให้เขาลุกขึ้นมา

 

ใช้วัยกลางคนค่อยๆเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ความรู้สึกของเขาฟังอย่างละเอียด และอาจปรุงเสริมเติมแต่งรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อทำให้ชิงสุ่ยยิ่งดูไร้ความปราณีและโหดร้ายมากยิ่งขึ้น

 

"สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งหมด แม้ว่าจะเป็นสาวกหรือแม้กระทั่งผู้อาวุโส ข้าจะกักขังพวกมันทั้งหมดไว้ในเกาะโลกธารา"ชายชรากล่าวอย่างใจเย็น

 

หลังจากชายวัยกลางคนจากไป ร่างกายของชายชราก็ส่องแสงวาปและหายไปจากสายตาในทันที

 

———————————————————————————————————

 

ชิงสุ่ยใช้เวลาช่วงบ่ายทั้งหมดในการหล่อหลอมกระบี่มรกตทั้ง 2 อัน เวลาทั้งหมดที่เขาใช้นั้นดูเหมือนว่าคุณภาพของมันจะเพิ่มพูนขึ้นจนใกล้เคียงกับกระบี่นภาสัมฤทธิ์ที่เขาสร้างขึ้นก่อนหน้านี ไม่เพียงแค่นั้นกระบี่เล่มแรกยังดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพดีกว่าเล็กน้อยคือมันสามารถเพิ่มพูนความแข็งแกร่งได้ 30 ระดับ และเพิ่มพูนความทนทานอีก 20 ระดับ ส่วนกระบี่มรกตชิ้นที่ 2 มันมีประสิทธิภาพเหมือนกับกระบี่นภาสัมฤทธิ์ ซึ่งมันทำให้ชิงสุ่ยค่อนข้างพอใจอย่างยิ่ง เขาเริ่มวาดฝันจินตนาการว่าถ้าหากเขาสามารถเพิ่มประสิทธิภาพคุณสมบัติทั้งหมดจนเกิน 100 ระดับได้ หรืออาจจะถึง 1000 ระดับ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถที่เพิ่มขึ้นในด้านความเร็ว มันจะยอดเยี่ยมขนาดไหน?

 

ในยามราตรีชิงสุ่ยยังคงกลับเข้าไปฝึกฝนในดินแดนหยกยุพราชอมตะแต่ไม่ทันไร เขาก็เริ่มสังเกตเห็นถึงความแตกต่างบางอย่าง ซึ่งไม่มีเหตุผลใดๆรองรับ

 

ความรู้สึกเรื่องพลังภายใต้ดินแดนห้วงมิติเพิ่มพูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความรู้สึกทุกอย่างชัดเจนอย่างมากแม้กระทั่งทุ่งสมุนไพรที่เขาฝากเอาไว้กำลังสั่นเครือเพราะพวกมันกำลังดูดพลังปราณที่กระจายมากมายอยู่ในอากาศ

ใกล้ทะเลสาบผลึก ชิงสุ่ยข้อสังเกตเห็นต้นไม้สูงประมาณ 1 เมตร ลำตัวของมันนั้นมีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ แม้ว่ามันจะค่อนข้างเล็กแต่มันกลับมีดอกสีโลหิตเบ่งบานสะพรั่ง ขนาดของดอกไม้นั้นคล้ายคลึงกับดอกไม้ที่บานจากต้นนิรนาม อย่างไรก็ตามดอกไม้สีแดงนี้ให้ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยพลัง!!!

 

ชิงสุ่ยรีบวิ่งไปดูที่หินศิลาจารึกพวกเขารู้ดีว่าทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลจะปรากฏขึ้นบนหินจารึกนี้ และเมื่อเขามาถึงเขาก็พบคำ 5 คำที่จารึกอยู่บนยิงจารึกนี้

 

"ดอกไม้แห่งชีวิต!!!!"

 

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "AST บทที่ 242 - บรรพบุรุษแห่งนิกายเทพกระบี่ ดอกไม้แห่งชีวิต"

4 15 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

เว่ยชีชี ทะลุมิติมาป่วน
เว่ยชีชี ทะลุมิติมาป่วน
มีนาคม 12, 2022
3d07e6908d2216d
ข้าคือราชา “จอมขุด”
ธันวาคม 5, 2022
เฮอร์มีส ระบบเปลี่ยนโลก (My Hermes System)
เฮอร์มีส ระบบเปลี่ยนโลก (My Hermes System)
มีนาคม 12, 2022
ฉันมีแผงหน้าจอศิลปะการต่อสู้สุดเจ๋ง !
ฉันมีแผงหน้าจอศิลปะการต่อสู้สุดเจ๋ง ! (จบแล้ว)
กันยายน 10, 2024
บุรุษที่ถูกทิ้ง
มีนาคม 12, 2022
Heavenly Curse ยอดเซียนเต๋า เขย่ายุทธภพ (นิยายแปล)
Heavenly Curse ยอดเซียนเต๋า เขย่ายุทธภพ (นิยายแปล)
พฤษภาคม 17, 2022
Tags:
กำลังภายใน
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz