เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - AST บทที่ 230 - ไท่เก๊ก พลังซ่อนเร้น และเก้าร้อยเก้าสิบเก้าค้อนกระหน่ำตี
- หน้าแรก
- เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
- AST บทที่ 230 - ไท่เก๊ก พลังซ่อนเร้น และเก้าร้อยเก้าสิบเก้าค้อนกระหน่ำตี
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 230 ไท่เก๊ก พลังซ่อนเร้น และเก้าร้อยเก้าสิบเก้าค้อนกระหน่ำตี
ในขณะที่เกิดเสียงดังขึ้น เขายังคงร่ายรำไทเก๊กอย่างต่อเนื่อง มีเสียงระเบิดดังออกมาเล็กน้อยซึ่งมันทำให้เขารู้สึกสบายอย่าง มากชิงสุ่ยไม่คาดคิดว่าเขาจะสามารถใช้พละกำลังจากร่างกายสร้าง ‘แรงกระแทก’ ออกมาได้มันสุดยอดอย่างมาก
แรงกระแทกสามารถสำแดงพละกำลังที่แท้จริงก่อนที่เขาจะสามารถบรรลุระดับเซียนเทียนได้
แรงกระแทก ต้องใช้ขาทั้งสองข้างเป็นหลัก จากนั้นก็โน้มตัวเล็กน้อย ข้างหนึ่งหยุดอยู่กับที่ จากนั้นล็อคหัวไหล่ ให้ตั้งตรง แล้วหมุนเวียนพละกำลังจากจุดตันเถียนแล้วไล่ผ่านลงไปที่หัวเข่า ขาอีกข้างได้เคลื่อนไปข้างหน้าและถอนพลังกลับโดยดึงพลังไปยังหลัง และเอวก่อนที่จะใช้สะโพกรวบรวมพละกำลังอีกครั้ง ปล่อยร่างกายให้เป็นอิสระและไม่แข็งกระด้าน เมื่อพละกำลังที่สะสมมาแทรกซึมเข้าไปทั่วกล้ามเนื้อ มันจะทำให้ร่างกายไม่อ่อนจนมากเกินไปและไม่แข็งกร้าวจนมากมากเกินไป นี่คือหลักของแรงกระแทก
เมื่อแขนทั้งสองยกขึ้น มันจะถูกเติมเต็มด้วยพละกำลัง แขนส่วนบนจะไม่ยืดหยุ่น ขณะที่ส่วนล่างเคลื่อนไหวร่องลอยดุจสายลมมันสามารถแสดงพละกำลังอันแสนบริสุทธิ์ออกมา นี่ก็คือความสามารถของแรงกระแทก ชิงสุ่ยรับรู้ว่าผู้ใช้แรงกระแทกในครั้งอดีต ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในโลกของเก้าทวีป
ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจอย่างมากเมื่อเขาใช้พลังแรงกระแทกของเขา เพราะแรงชนิดนี้ถ้าถูกใช้โดยคนธรรมดาสามัญ มันนั้นมีพละกำลังที่แข็งแรงมากว่า ‘พลังซ่อนเร้นอีกด้วย’
‘พลังซ่อนเร้น’ เป็นสิ่งที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงขึ้นอยู่กับลมหายใจของผู้ใช้ มันไร้ซึ่งแบบแผน มันสามารถใช้เส้นปราณเพื่อที่จะย้ายปราณไปรอบๆ เส้นปราณและช่องปราณของร่างกายสามารถดูดซับธาตุทั้งห้าและพลังฟ้าดินได้ ความแข็งแกร่งดังกล่าวนั้นมีส่วนประกอบของความอ่อนโยนเป็นองค์ประกอบ ขณะที่ความอ่อนโยนนั้นก็ห้อมล้อมไปด้วยความแข็งแกร่ง หยินคือหยินแต่ยังคือหยางอีกด้วยในทางกลับกัน เส้นทางที่การไหลผ่านของปราณไปจะไหลไปที่ส่วนของกล้ามเนื้อและโครงสร้างกระดูก ภายใน มันได้ได้ถักทอประสานเข้าด้วยกันและเชื่อมโยงจุดต่างๆอย่างมหัศจรรย์ หลังจากที่ปราณกลายเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายมันจะไม่ถูกทำให้กระจัดกระจายจนกว่ามันถูกใช้ เมื่อถึงเวลาใช้มันจะทำให้ร่างกายไม่เหนื่อยล้าจนเกินไปนี่คือ ‘พลังซ่อนเร้น’!
ในตอนนี้เขาได้ใช้ทักษะไท่เก๊กแบบง่ายๆ แต่มันทำให้เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามในตอนนี้ไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านหรือเสียงอากาศฉีกขาดออกอีกแล้ว มีแค่เสียงแผ่วเบาที่เล็ดลอดไปจากเขาเท่านั้น เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวชิงสุ่ยได้ระเบิดหัวเราะออกมา
เขาได้ชกออกไป มันได้อัดแน่นไปด้วยพลังที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังทำลายล้างที่รุนแรง
ชิงสุ่ยไม่คาดว่าหมัดไท่เก๊กของเขาจะไปอยู่ในระดับดินแดนไร้ขอบเขตหลังผสานกับทักษะอิไอโดของเขา สาเหตุนี้ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกสนุกสนานเสมอในเหตุการณ์ที่ไม่ตั้งใจให้เกิดขึ้นมา
ตอนนี้หมัดไท่เก๊กของเขาที่อยู่ในระดับดินแดนไร้ขอบเขตการโจมตีของเขาในตอนนี้ดูเหมือนการโจมตีธรรมดาและปราศจากความลึกลับ แต่มีบรรยากาศที่หน้าประทับใจได้ถูกสร้างขึ้นหลังจากการเคลื่อนไหวที่ประสานกันซึ่งมันดูเป็นธรรมชาติอย่างมาก มันจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาดูเงียบสงบและสง่างาม ในตอนนี้หมิงเหวี่ย ผู้ที่กำลังเฝ้าดูเขาจากระยะห่างออกไปรู้สึกตะลึงมาก ถ้าเธอไม่ใช่บุคคลที่อยู่ร่วมเป็นสักขีพยานในตอนนี้ เธอคงจะไม่เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ตั้งแต่เขาได้มาที่นี้ เขาได้สร้าง ปาฎิหาริย์มากมาย
หลังจากเสร็จจากการทานอาหารเช้าชิงสุ่ยเตรียมที่จะไปยังร้านตีเหล็กที่ๆเขาซื้อเมื่อวาน เขานั้นเป็นคนรักษาสัจจะ ดังนั้นเขายังคงต้องรักษาแขนข้างขวาของช่างตีเหล็กผู้แข็งแกร่งนั้นที่บาดเจ็บอยู่
ในโลกของเก้าทวีป การบาดเจ็บที่เส้นพลังปราณ โครงสร้างกระดูกและตันเถียนจะถูกพิจารณาเป็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีทางรักษา ซึ่งนี้เป็นกรณีเดียวกับ อวี้ ต่งห่าวกับไป๋ลี่ จิงเว่ย
เขาไม่คาดคิดว่าทักษะผังเข็มลึกลับของเขาจะสามารถรักษาอาการบาดเจ็บ ที่แพทย์และนักเล่นแร่แปรธาตุในโลกนี้ไม่สามารถจะรักษาได้
“ชิงสุ่ย พวกเราไปตรวจดูที่ร้านด้วยกันมั้ย!” หมิงเหวี่ยและลิ่วลี่ยิ้ม ทั้งสามคนได้เดินไปยังร้านตีเหล็กที่ที่ชิงสุ่ยไปซื้อมาเมื่อวันก่อน
น่าประหลาดพอสมควรที่ชิงสุ่ยไม่ได้ฉวยโอกาสจากหมิงเหวี่ย ในเวลานี้ หญิงงามทั้งสองคนนั้นมีความงามอย่างมาก แต่ละคนงดงามแตกต่างกัน แม้ว่าลิ่วลี่จะมีความงามแต่มันไม่เพียงพอที่เป็นเหตุให้ชิงสุ่ยทำอะไรบางอย่าง ภายใต้ความร่าเริงของ ลิ่วลี่ ชิงสุ่ยสัมผัสถึงได้ถึงจิตใจอันบริสุทธิ์ เขารู้สึกอบอุ่นทุกคราที่เขาได้อยู่ใกล้กับเธอ
หมิงเหวี่ยนั้นแตกต่างออกไป เธอนั้นเป็นดังแรงบันดาลใจที่สง่างาม และความงามของเธอดุจเหมืองเทพธิดาล้ำเลิศจากสวรรค์ ความงดงามของเธอเป็นความงามที่สามารถเหยียดหยามคนอื่นทั่วๆไปได้ ในใจของชิงสุ่ยนี่คือความงามที่กวนอารมณ์เขามากที่สุด อย่างไรก็ตามมีหนึ่งสิ่งที่เขาไม่สามารถยอมรับได้จริงๆคือ ผู้หญิงที่เขาต้องการนั้นมักจะแข็งแกร่งกว่าเขาเสมอ
การที่อยู่ต่ออยู่หน้าผู้หญิงเขารู้สึกด้อยกว่ามันจึงสาเหตุที่ทำให้เขาปฏิเสธเธอโดยไม่รู้ตัว ชิงสุ่ยไม่ใช่ผู้ชายที่ก้าวร้าวที่คิดว่าผู้ชายนั้นเหนือกว่าผู้หญิงเสมอ และไม่เคยแสดงออกถึงความคิดดังกล่าวออกมาทังด้านคำพูดและการกระทำ แต่เขาก็ไม่สามารถยอมรับความจริงที่ว่าผู้หญิงของเขาจะแข็งแกร่งกว่าเขา ความยโสที่สลักในกระดูกของเขาเป็นเหตุให้เขาหลีกออกไปจากผู้หญิงคนนี้ เขารู้สึกว่าการแสดงออกของเขาในตอนนี้มันช่างแปลกประหลาดอย่างมาก มันมีทั้งความหดหู่ผสมกับ…ความโกรธเคือง ด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง?
“เจ้าสบายดีมั้ย? เกิดอะไรขึ้น? เจ้ารู้สึกไม่ดีอีกแล้วหรือ?” ลิ่วลี่ถาม ความกังวล มันได้ปรากฏในน้ำเสียงของเธอ
หมิงเหวี่ยเองก็เกิดความอยากรู้อยากเห็น เธอนึกถึงเด็กหญิงตัวน้อยที่ขายใบชาในตระกูลเยียนในทันที เด็กน้อยคนนั้นที่คล้ายคลึงกับชิงสุ่ยอย่างมาก เธอยังจำสายตาที่ผ่าฟันมีชีวิตรอดในตอนนั้นได้ ไม่มีใครรู้หรอกว่าอะไรเป็นภาระที่เขากำลังแบกรับอยู่ในหัวใจ
“ข้าสบายดี จะรู้สึกไม่ดีได้อย่างไรล่ะ? ข้ากำลังเดินอยู่กับหญิงสาวสองคนที่แสนงดงามที่สุดอยู่ ณ ตอนนี้ เจ้ารู้ไหมมันจะดีมากกว่าถ้าข้าจะสามารถขอทำอะไรบางอย่างเพิ่มขึ้นอีก?”
“…………………………………”
พวกเขาได้เดินเข้าในร้านอันแสนธรรมดาปราศจากเครื่องตกแต่ง ช่างตีเหล็กผู้แข็งแรงกำลังหลอมชิ้นส่วนโลหะอยู่ พวกเขานั้นคุ้นเคยกับเเสียงดังกังวานของค้อนที่ฟาดลงไปบนโลหะ ซึ่งเป็นเสียงที่พวกเขาได้ยินมาตั้งแต่ก่อนเข้าไป
“เจ้าอยู่ที่นี่เอง!” ช่างตีเหล็กผู้แข็งแรงทักทายชิงสุ่ยขณะกวาดตาของเขามองไปยัง หมิงเหวี่ยและลิ่วลี่ ก่อนที่เขาจะเมินหน้าหนีสาเหตุนี้ชิงสุ่ยจึงรู้สึกประทับใจเล็กน้อย
“มา ให้ข้ารักษาอาการเจ็บของท่าน ท่านจำเป็นต้องการการรักษา มันอาจจะต้องใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ในการรักษา และข้าจะมาที่นี่เพื่อช่วยงานท่านในทุกวันๆ ตลอดสัปดาห์นี้ แล้วท่านจะรู้ว่าการรักษาของข้าในหนึ่งสัปดาห์มันได้ผลหรือไม่” ชิงสุ่ยตัดสินใจที่จะเริ่มต้นรักษาทันที มันอาจสายเกินไปถ้าเส้นพลังปราณและโครงสร้างกระดูกของเขาที่ถูกทำลาย
การสร้างยุทธ์ภัณฑ์เป็นบางสิ่งบางอย่างที่ยากมามากมันต้อนใช้แรงมากมายมหาศาลและความอดทนที่สูง โดยพื้นฐานมนุษย์อย่างน้อยที่สุดต้องเป็นอยู่ในขั้นปราณนักรบก่อน ถึงจะสามารถเป็นช่างตีเหล็กได้
“เดี๋ยวนี้มัน?” ชายผู้แข็งแรงถามอย่างประหลาดใจ
“ใช่ ไปที่ห้องกัน !”
ช่างตีเหล็กพยักหน้าขณะที่เขาชี้ไปยังห้อง “ห้องนั้น”
หลังจากเข้าไป ช่างตีเหล็กปลดเสื้อผ้าส่วนบนเผยกล้ามเนื้อและแขนที่บาดเจ็บออกมา เขามองชิงสุ่ยขณะที่เขาถาม “มีอะไรที่ท่านยังต้องการให้ข้าทำไหม?”
“ดี มองมาที่ข้า มันจะทำให้ท่านเจ็บปวดอย่างมาก” ชิงสุ่ยดึงเข็มทองของเขาออกมา ขณะที่เขากล่าวเบาๆ
“ข้าไม่เกรงกลัวต่อความเจ็บปวด ขอบคุณเจ้าจริงๆ” ช่างตีเหล็กยิ้มขณะเขานอนลง กำลังเหยียดแขนข้างขวาของเขาออกไปที่ชิงสุ่ย
“ปกติเจ้าใช้ชีวิตอยู่ที่นี่คนเดียวหรอ?” ชิงสุ่ยถามขณะตรวจลงที่บาดแผลของช่างตีเหล็ก แม้ว่าเขาจะเคล็ดวิชาเบิกเนตรสวรรค์ตรวจไปบางแล้วเมื่อวาน แต่เขายังใช้มันในการตรวจมันบาดแผลอีกครั้ง วันนี้เขาใส่ใจรายละเอียดของบาดแผล และเส้นพลังปราณส่วนหนึ่งในแขนข้างขวาของช่างตีเหล็กถูกทำลายอย่างหนัก ในสิ้นปี้นี้ถ้าแขนข้างนี้ของช่างตีเหล็กไม่ได้รับการรักษาให้หาย มันจะไม่สามารถใช้การได้อีกต่อไป มันจะไม่ค่าอะไรอีกแล้วในชีวิตของเขา
“ใช่แล้ว ข้าอยู่ที่นี่เพียงลำพัง มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่เป็นเพื่อนกับข้า ก็คือร้านตีเหล็กแห่งนี้ นี่คือสิ่งเดียวที่บุพการีข้าหลงเหลือไว้ให้ข้า พวกเขาหวังว่าข้าจะกลายเป็นช่างโลหะศาสตราวุธที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมข้ายังต่อต้านที่จะขายร้านแห่งนี้” ช่างตีเหล็กถอนหายใจ ขณะที่ความหดหู่ในเสียงนั้นก็เผยออกมา
“โอ้ แล้วทำไมเจ้ายังคงตกลงกับคำขอร้องของข้าในตอนหลัง?” ชิงสุ่ยถาม
“เพราะแขนของข้านี้คือทุกสิ่งทุกอย่างของข้า ถึงแม้ว่าปราศจากร้านของข้า ข้าคงบรรลุความหวังของบุพการีได้ แต่ถ้าข้าสูญเสียแขนข้างรี้ไปมันทำให้ข้าสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง ความหวัง และความฝันของข้าทั้งหมดมันจะต้องแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ”
“จุดประสงค์ที่แท้จริงของท่านไม่ยากจนทำไม่ได้หรอก!” ชิงสุ่ยยิ้มขณะที่เข้าปักเข็มทองที่ใส่ปราณจาก เคล็ดเสริมกายาบรรพกาล ของเขาลงไปยังแขนของช่างตีเหล็ก เป็นสาเหตุให้เขาตัวสั่นเทาเล็กน้อย เป็นครั้งคราว ในตอนที่เขาจะถอนและปักเข็มที่ต่างกันลงไปอย่างต่อเนื่องบนจุดต่างของช่างตีเหล็กด้วยมือของเขา
ช่างเหล็กผู้แข็งแรงไม่สามารถเข้าใจความหมายของชิงสุ่ย ขณะมองไปยังชิงสุ่ย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มผู้นี้มีความสามารถในการรักษาที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ เขาไม่มีอะไรจะพูดกับชิงสุ่ยเลยในตอนนี้ ถึงแม้ชิงสุ่ยเป็นคนหลอกลวงก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพยายามเช่นนี้ มองไปยังหญิงสาวสวยสองคนที่อยู่ข้างชิงสุ่ย เขารู้ว่าชิงสุ่ยเป็นนั้นต้องเป็นบางคนที่พิเศษอย่างแน่นอน ความสามารถในการรักษาของเขานั้นมีความมากว่าเงินทองนับล้านด้วยซ้ำ เขายังคงเป็นบุคคลธรรมดาสามัญอยู่อย่างนั้นหรือ?
เขาเป็นแพทย์ที่ลึกลับและยังนักเล่นแร่แปรธาตุอันน่าเหลือเชื่อ แต่ทำไมเขาต้องการร้านตีเหล็กเล็กๆ อย่างที่นี้ด้วย? หรือว่ามันเป็นเพราะบางสิ่งที่ชิงสุ่ยได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้? มันไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลสำหรับคนหนึ่งในการกระทำของเขา
ชิงสุ่ยถอนเข็มทองออกจากแขนของช่างตีเหล็กอย่างช้าๆ ช่างตีเหล็กไม่เคยร้องแสดงความเจ็บปวดออกมาตั้งแต่เริ่มการรักษา จึงเป็นเหตุทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกเกิดความประทับใจกับความทนทานเสมือนเหล็กของเขา
“ท่านลองไปทดสอบแขนของท่านดูว่ามีข้อแตกต่างจากเก่าบ้างมั้ย” ชิงสุ่ยยิ้ม
ช่างตีเหล็กผู้แข็งแรงยกแขนของเขาขึ้น เขาเหวี่ยงมันออกไปข้างหน้า เขาทำมันซ้ำไปซ้ำมา
“ในที่สุดข้าก็สามารถใช้พลังเต็มกำลังของข้าได้แล้ว!” ช่างตีเหล็กตะโกนด้วยความตื่นเต้น ในอดีตเขาสามารถใช้แรงเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นเพราะจะมีอาการปวดถ้าเขาพยายามที่จะออกแรงมากกว่านั้น
“ขอบคุณเจ้าจริงๆ ตัวข้ามีนามว่าฮูยู” ช่างตีเหล็กกล่าวด้วยกตัญญูอย่างมีความสุข แม้ว่าเขาจะมีความสุขมากแต่เขาก็ยังไม่ลืมมารยาทของเขา
“ข้าคือชิงสุ่ย ในอนาคตพวกเราสองคนจะดูแลร้านนี้ไปด้วยกัน” ชิงสุ่ยหัวเราะ
“ร้านนี้เป็นของเจ้าแล้ว แต่ข้าหวังว่าข้าจะสามารถอยู่ในที่แห่งนี้ได้ งานตีเหล็กคือสิ่งที่ข้ารักและคือชีวิตข้า” ฮูยูกล่าวอย่างจริงจัง
ชิงสุ่ยถอนหายใจเห็นด้วยเบาๆ เขาคาดว่าถ้าเขาพูดอะไรเพิ่มเติมในตอนนี้ฮูยูจะต้องปฏิเสธเป็นแน่
ทั้งสองคนได้เดินออกมาจากในห้อง ชิงสุ่ยตระหนักว่าหมิงเหวี่ยและลิ่วลี่ กำลังมองหาอาวุธบางอย่างอยู่ ขณะที่พวกเธอกำลังเห็นชิงสุ่ยออกมาจากในห้อง พวกเธอก็ได้เริ่มเดินไปหาเขา
“เจ้าสามารถแสดงให้ข้าเห็นวิธีการของการหลอมอาวุธได้หรือไม่” ชิงสุ่ยถามฮูยูอย่างจริงจัง
ฮูยูตอบตกลงในขณะที่เขาเริ่มค้นหาวัสดุที่เข้าต้องใช้ในการสร้างชิ้นงานขึ้น……
มองไปที่ทักษะที่เน้นให้ความสำคัญกับความซับซ้อนบางอย่าง ชิงสุ่ยเห็นว่าวิธีการนั้นได้นำกระบี่ไปแช่ลงในน้ำเย็นจัดซ้ำไปมา ภายใต้การฟาดค้อนของฮูยู ในที่สุดกระบี่ที่แสนมีค่าก็ถูกดึงออกมาจากเตา
ชิงสุ่ยรู้ดีว่าคุณภาพของกระบี่เล่มนี้แย่มากเพราะ ฮูยูทำได้ทำความผิดพลาดอันใหญ่หลวงในการหล่อ หญิงทั้งสองยืนอยู่ด้านข้าง ขณะที่พวกเธอเฝ้ามองด้วยการแสดงออกผ่านแววตาที่คลุมเครือ จนถึงขณะนี้พวกเธอยังคงไม่เชื่อว่าชิงสุ่ยมีความสนใจในการขึ้นรูปยุทธภัณฑ์ ช่างตีเหล็กนั้นไม่ใช่อาชีพที่จะมีผู้อื่นกล้าดูถูก ในทางตรงกันข้ามช่างตีเหล็กกับสถานะที่สูงมากในโลกของเก้าทวีปนี้ อาวุธที่ดีจะสามารถเพิ่มการโจมตีได้หลายหลาก
“ข้าขอลองทำบ้าง” ชิงสุ่ยพูดด้วยความกระตือรือร้น
ฮูยูยิ้มขณะที่ชิงสุ่ยเข้าในที่ของเขา ชิงสุ่ยดูเหมือนจะตื่นเต้นจริงๆ เพราะนี้เป็นครั้งแรกที่เขาพยายามจะหลอมอาวุธ ดังนั้นเขาจึงเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง เขาจ้องมองไปที่วัสดุทั้งหมดที่เกี่ยวข้องในการขึ้นรูปชิ้นงาน เขาตระหนักว่าในตอนนี้เขาสามารถสร้างอาวุธใดๆก็ได้ที่เขาต้องการโดยใช้ ‘แร่เงิน’ ในที่สุดเขาตัดสินใจที่จะสร้างดาบที่มีขอบขรุขระ รูปร่างหน้าตาไม่ได้สำคัญอะไรต่อเขา ความต้องการเดียวของเขาคือ การเพิ่มความสามารถของเขา
หลังจากนั้นเขาวางโลหะในเตาเผา ขณะที่เขาใช้เทคนิคที่ฮูยูแสดงให้เขาเห็นก่อนหน้านี้ วิธีนั้นได้ถูกใช้อย่างรวดเร็ว หลังจากนำมันแช่ลงในน้ำแล้ว ชิงสุ่ยได้ฟาดค้อนที่เต็มไปด้วยปราณของเขา เขาได้กระหนำค้อนลงไปที่กระบี่เล่มนั้น ในตอนนี้เขาก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างเหลือเชื่อ เมื่อเห็นว่าโลหะที่ถูกค้อนของเขาฟาดลงไปเกิดประกายไปกระเด็นออกมา ในตาของชิงสุ่ยเต็มเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจ
หมิงเหวี่ย และลิ่วลี่ จ้องมองด้วยความประหลาดใจที่กระบี่สร้างขึ้นจากวัสดุที่แสนจะธรรมดาเกิดประกายแสงที่อ่อนโยนตอบสนองความพยายามของชิงสุ่ย ในขณะนี้ชิงสุ่ยดูเหมือนช่างตีเหล็กมากขึ้นเมื่อเทียบกับ ฮูยู.
แต่ว่าฮูยูนั้นมีความเร็วที่เร็วกว่านี้ แต่ชิงสุ่ยยังเป็นมือใหม่อยู่! เมื่อกระบวนการหลอมกระบี่ได้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ความสามารถของเขาได้เขาได้พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผู้ที่พบเห็นฉากดังกล่าวแทบไม่มีใครเชื่อเลยว่าชิงสุ่ยนั้นเป็นมือใหม่อยู่
หรือเขาเกิดมาเพื่อเป็นช่างตีเหล็ก!?
แม้กระทั่งวิธีที่เขาใช้ก็ให้ความรู้สึกลึกลับอย่างไม่น่าเชื่อ ค้อนทุบของเขาดูเหมือนจะเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนของความหนักเบาได้ประสานกันอย่างลงตัว ในที่สุดมันก็ดูเหมือนกระบี่ที่เขาวาดภาพไว้ในใจของเขา ท้ายที่สุดหลังจากนั้นมีเสียงกึกก้องดังขึ้นจากระบี่เล่มนั้นมันส่งเสียงที่แผ่วเบาออกมาพร้อมประกายแสงอ่อนๆ นี่แสดงให้เห็นว่ากระบี่เล่มนั้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว ชิงสุ่ยถอนหายใจออกด้วยความโล่งอก
นี่เป็นกระบี่เล่มแรกที่เขาสร้างขึ้นในชีวิตของเขา เขาจึงสามารถจำนวนครั้งที่เขาฟาดค้อนลงไปที่มันได้ เขาได้ฟาดค้อนลงไปเก้าร้อยเก้าสิบเก้าครั้ง ซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่เขาจำได้มันได้บันทึกไว้ในความจำของเขาหลังจากที่เขาสามารถปลดล็อคเคล็ดเสริมกายาบรรพกาล เขาจำได้ว่าในความทรงจำที่ถูกปลดล็อคออกมาต้องทุบลงไปหนึ่งพันค้อนนั้นคือจำนวนขั้นต่ำในการสร้างอาวุธที่ดี ยิ่งทุบมากครั้งเท่าไรยิ่งเพิ่มคุณภาพของอาวุธที่สร้างขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตามด้วยวัสดุที่มีอยู่และทักษะที่ได้รับใหม่ จำนวนเก้าร้อยเก้าสิบเก้าค้อนครั้งนั้นคือข้อจำกัดของเขา หลังจากที่ประกายแสงค่อยจางๆ ลง ไป เขาได้ใช้ความพยายามที่จะตีมันอีกครั้งแต่มันไม่ได้มีต่างจากเก่า
ชิงสุ่ยจับกระบี่ที่เพิ่งสร้างขึ้นไว้ในมือของเขา อาจถือได้ว่ามันเป็นกระบี่ที่สั้น มันมีความยาวประมาณสามฟุตและมีขอบขรุขระ มันเรืองแสงอ่อนๆออกมานี้มันให้เพิ่มความลึกลับของกระบี่เพิ่มขึ้น เมื่อมันอยู่ในมือของเขาชิงสุ่ยรู้สึกสบายใจราวกับว่าเขาเป็นหนึ่งเดียวกับอาวุธ มันได้ถูกสร้างขึ้นด้วยความช่วยเหลือของปราณจากเคล็ดเสริมกายาบรรพกาล และในตอนนี้เขาได้ใช้เนตรสวรรค์ของเขาในการตรวจสอบกระบี่
ความคล่องแคล่วเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ!