หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - บทที่ 9 – ทะลวงผ่านพลังปราณสวรรค์ขั้นที่ 2

  1. หน้าแรก
  2. เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
  3. บทที่ 9 – ทะลวงผ่านพลังปราณสวรรค์ขั้นที่ 2
Prev
Next

บทที่ 9 – ทะลวงผ่านพลังปราณสวรรค์ขั้นที่ 2

 

 

 

               เวลาอีกหนึ่งปีได้ผ่านไป ตั้งแต่เวลาที่เขาท้าทายตัวเองให้ต้องยกหินหนัก800  จิน ชิงสุ่ย ยิ่งมั่นใจในประโยชน์ของเคล็ดวิชากายาบรรพกาล ของเขา ทำให้เขายิ่งมุ่งมั่นที่จะมุ่งไปในเส้นทางนี้

 

 

 

               สัญลักษณ์ หยิน – หยาง ยังคงหมุนอยู่ในทะเลแห่งปัญญาของเขาตลอดเวลา ปลดปล่อยพลังงาน บำรุงกระดูก และอวัยวะในร่างกายของเขา นอกจากการปรับกระดูกและอวัยวะของเขา สัญลักษณ์ หยิน – หยาง ยังคงเพิ่มระดับพลังงานปราณของเขาให้ถึงจุดสูงสุด และให้ชิงสุ่ยจะยิ่งเข้าใจในพลังมากยิ่งขึ้น . . . . . . .

 

 

 

               หลังจาก 1 ปีผ่านไป ร่างกายของชิงสุ่ยไม่ได้ดูบอบบางและอ่อนแออีกต่อไป ถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะมีกล้ามเนื้อที่เล็กกว่าเมื่อเทียบกับสมาชิกรุ่นที่ 3 ของตระกูลชิง แต่ถือได้ว่าร่างกายของเขามีความสมดุลสูงมาก

 

 

 

               ชิงสุ่ยรู้ว่านี้คือผลประโยชน์ของ เคล็ดวิชากายาบรรพกาล และ สัญลักษณ์ หยิน-หยาง ในทะเลแห่งปัญญา  ชิงสุ่ยรู้ว่าตัวของเขาเองนั้นได้สามารถยกก้อนหินที่หนักกว่า 1000 จิน ได้อย่างแน่นอน แต่เขาก็ตั้งใจที่จะซ่อนความสามารถที่แท้จริงของเขาไว้เป็นความลับ และไม่มีใครจับได้

 

 

 

 

 

 

 

               ในหนึ่งปีที่ผ่านไปนั้น ชิงสุ่ยได้ก้าวเข้าสู่อาณาจักรพลังปราณนักรบขั้นที่ 2 แล้วสำหรับเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้า ถึงแม้ว่าเขาจะสร้างพลังงานเข้มข้นได้ แต่ก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ดังนั้น เขาจึงถูกจัดอยู่ในอาณาจักรพลังปราณฝึกหัดตามมาตรฐานของคนที่ไม่ได้ฝึกฝนมาอย่างน้อย 3 ปี

 

 

 

เยาวชน รุ่นที่ 3 ของตระกูลชิง ไม่มีใครล้อเขาอีกแล้ว ชิงสุ่ยไม่ใช้ขยะในสายตาของพวกเขาอีกต่อไป ชิงสุ่ยไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในการกระทำของพวกเขาหลังจากพวกเขาทั้งหมดเติบโตเป็นผู้ใหญ่ทุกๆ ด้าน ด้วยข้อยกเว้นทางด้านร่างกายของเขาและไม่เคยอนุญาตให้เยาะเย้ยและด่าว่ากระทบเขา

 

 

 

               อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้รังเกียจการมีปฏิสัมพันธ์กับเหล่าเยาวชนหนุ่มสาวเหล่านี้ เขาเข้าใจว่ามันเป็นลักษณะทางธรรมชาติที่จะเยาะเย้ยผู้ที่อ่อนแอกว่าโดยไร้ซึ่งเจตนาร้าย  การมีปฏิสัมพันธ์กับเยาวชนเหล่านี้ทำให้ชิงสุ่ยได้รับโอกาสที่ปล่อยให้หัวใจของเขากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง

 

 

 

               ชิงสุ่ยยังคงไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับหลานชายคนโต ชิงจื่อและเยาวชนอัจฉริยะชิงหยู เพราะว่าทั้ง 2 คนนั้นไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการฝึกฝนประจำตระกูลชิง ในทางตรงกันข้าม เขาได้พบกับ ชิงหยางค่อนข้างบ่อย ตอนนี้ หยางชิง อายุ 16 ปี ลักษณะของปราณแห่งผู้แบกชะตาวีรบุรุษเริ่มเห็นจากตัวเขา เขาก็เริ่มที่จะแสดงกลิ่นอายของผู้ใหญ่ออกมา

 

 

 

                ชิงหยางได้บรรลุเข้าสู่ อาณาจักรพลังปราณนักรบ ขั้นที่ 6 ของเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้า ก่อนเขาจะอายุ 16 ปี ในอนาคต เขาไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการฝึกฝนประจำตระกูลชิง

 

 

 

               หลังจากชิงหยางสามารถบรรลุระดับพลังขั้นนี้ได้ ตระกูลชิงตัดสินใจที่จะจัดงานเลี้ยงฉลอง แต่ถ้าหากชิงหยางได้บรรลุระดับพลังได้ตอนอายุ 17 ก็อาจจะไร้ซึ่งงานเลี้ยงเหมือนคราวนี้

 

 

 

               อายุ 16 ปีถือเป็นโชคที่ดี ถ้าชิงหยางได้บรรลุเข้าสู่อาณาจักรพลังปราณนักรบ ขั้นที่ 6 หลังจาก อายุ 16 ปี ในชีวิตนี้ ศักยภาพของเขาจะช่วยให้เขาบรรลุสูงสุดได้เพียงอาณาจักรพลังปราณบัญชาสวรรค์ ขั้นที่ 8 มันแทบเป็นไปได้ยากมากที่จะไปถึงระดับ 9 และไม่ต้องพูดถึงระดับ 10 เลย หรือจุดสูงสุดของโฮว่เทียน(ใกล้ระดับเหนือมนุษย์)

 

 

 

               อย่างไรก็ตาม ถ้าสามารถบรรลุพลังได้ก่อนอายุ 16 ปี เขาอาจจะบรรลุอาณาจักรพลังปราณบัญชาสวรรค์ ขั้นที่ 9 ตอนอายุ 40 หรือ 50 เขาอาจบรรลุขั้นที่ 10 ( จุดสูงสุดของโฮว่เทียน ) ต้องขึ้นอยู่กับโชคชะตาของบุคคลผู้นั้น

 

 

 

 

 

 

 

               ภายในเหล่าเยาวชนรุ่นที่ 3 คนที่มีพรสวรรค์มากที่สุด นอกจากอัจฉริยะชิงหยูและหลานชายคนโตชิงจือ ชิงหยางยังอาจถูกพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มนี้ ที่ทุกคนรู้จักกันดี

 

 

 

               ชิงเป่ยมีศักยภาพสูงกว่าคนทั่วไป เพียงแต่ว่าเธอเกิดมาเป็นผู้หญิง ผู้หญิงมักจะมีข้อจำกัดในการบ่มเพาะพลังเมื่อเทียบกับผู้ชาย แต่เพื่อชดเชยข้อเสียเปรียบนี้ ชิงเป่ย จึงต้องใช้ทั้งสมุนไพรและยาทิพย์ต่างๆ

 

 

 

               เมื่อแสงอรุณใกล้ขึ้น ณ เส้นขอบฟ้า หลังจากชิงสุ่ยฝึกฝนเสร็จตอนเช้าทุกวัน เขาจะกลับไปยัง บ้านของเขา ตั้งแต่เขาสามารถบ่มเพาะพลังได้ เขาจะพบว่า ชิงอี้แม่ของเขายิ้มบ่อยขึ้น ดวงตาก็ยิ่งปรากฏความรู้สึกแบ่งเบาภาระออกจากจิตใจ

 

 

 

               ชิงสุ่ยไม่ค่อยรู้เรื่องภาระใจจิตใจของชิงอี้  เขาต้องการจะกำจัดภาระนั้นออกไป แต่เขาเป็นเด็กอายุเพียง 8 ปี ตอนนี้เขาไม่มีพลังเพียงพอ ชิงสุ่ยสาบานกับตัวเองว่าเส้นทางชีวิตข้างหน้า ไม่ว่าจะยากเย็นแสนเข็นอย่างไร เขาจะบรรลุทุกความปราถนาของแม่ของเขาให้จงได้

 

 

 

               ” ชิงสุ่ย แม่ช้ามากแล้วที่ต้องกลับเขาไปที่เมืองประมาณครึ่งเดือน แม่จะต้องกลับไปยังเมืองหลังจากอาหารมื้อนี้ ในเวลานี้แม่จะไปต้องไปทำการค้าสมุนไพรและยาทิพย์กับคู่ค้าคนอื่นๆเพื่อตระกูลเรา สัญญากับแม่นะว่าลูกจะบ่มเพาะพลังและเคารพคำสั่งสอนของคนในตระกูลเรา  ในอนาคต แม่คงต้องฝากความหวังไว้ในความแข็งแรงของลูกในการต่อสู้เพื่อสิทธิของเรากับเหล่าพวกคนกระหาย โลภมาก แสนน่ารังเกียจ ” ชิงอี้ลูบหัวชิงสุ่ยเบาๆ บอกว่า

 

 

 

               ชิงสุ่ยพยักหน้า เล็กน้อย  ความไม่เต็มใจปรากฏขึ้นในสายตาของชิงสุ่ย เขาไม่อยากจะแยกจากชิงอี้ แต่เขารู้ว่า เวลานี้เขาควรเพิ่มความสามารถในการบ่มเพาะของเขา หลังจากที่เขาได้รับความแข็งแกร่ง เขาจะสามารถช่วยแม่ของเขาได้ หลังจากเขาพบชิงอี้ดำรงชีวิตอยู่ได้โดยการซื้อขายเหล่าสมุรไพรต่างๆอีกทั้งแปรสภาพเหล่าสมุนไพรนั้นให้กลายเป็นยาทิยพ์   ชิงสุ่ยพึ่งระลึกว่าเขาไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ ภายในทะเลแห่งปัญญาของเขา มีข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับการแปรสภาพสมุรไพรและสามารถเข้าใจได้เป็นอย่างดี แต่ว่าในปัจจุบัน เขาก็ไม่มีที่จะบรรลุศักยภาพในการแปรสภาพยาได้ เพราะเขาไม่เคยได้ฝึกฝนทางด้านนี้ !

 

 

 

               เริ่มแรกเขาได้วางแผนที่ไปการทำการค้าร่วมกับแม่ของเขา แต่เขาก็ไปเปลี่ยนความคิดตัวเอง เพราะด้วยพลังของเขาในตอนนี้ เขาเป็นได้เพียงภาระให้แกแม่ของเขา แม่ของเขาคงต้องแบ่งเวลาส่วนหนึ่งในการปกป้องเขา ชิงสุ่ยจึงยอมให้แม่ของเขาไปคนเดียว

 

 

 

               ” แม่ แม่ต้องระมัดระวังในการเดินทางให้มาก ความปลอดภัยของแม่นั้นสำคัญที่สุดนะ แม้ว่าธุรกิจจะเป็นยังไง แม่ยังมีคงลูกรอคอยอยู่ ให้เวลาลูกอีกไม่กี่ปีเท่านั้น ลูกก็จะทำให้แม่นั้นเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกให้จงได้ . ” เหตุผลที่ชิงสุ่ยกล่าวออกมานั้นทิ้งความประทับใจเข้าสู่ส่วนลึกในจิตใจของชิงอี้ เขาต้องการที่จะเตือนเธอว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เธอจะต้องไม่ยอมให้ตัวเองถูกทำร้าย ความปลอดภัยของเธอ คือสิ่งสำคัญที่สุด เพราะเธอยังคงมีเขาเป็นลูกชายของเธอ ! ถึงแม้ว่าเขายังหนุ่มอยู่ เมื่อเขาเติบโตขึ้นในที่สุด เขาจะสามารถปกป้องเธอได้อย่างแน่นอน

 

 

 

               ชิงสุ่ยรู้เพียงว่าชิงอีเป็นแม่ค้าสมุนไพร เมื่อเธอต้องการเผยให้เขารู้ นอกจากนี้เขายังสามารถสรุปได้ว่าคู่ค้าทางธุรกิจของแม่ของเขาอยู่เบื่องหลังของตระกูลอื่น ๆ และตระกูลที่มีอำนาจยิ่งใหญ่กว่าตระกูลชิง แม่ว้าพวกมันจะแบ่งกำไรให้ชิงอี้น้อยมาก แม้ว่าคู่ค้าของเธอจะเอากำไรจากเธอไปมากกว่าครึ่งนึง แต่กำไรส่วนที่เหลือยังคงสามารถกล่าวได้ว่าเป็นจำนวนมาก แม้จะไม่มีคนภายในตระกูลชิงต้องการที่จะมาทำการค้าด้วย แม้เธอจะย่อแท้ขนาดไหน เธอตัดสินใจที่จะอดทนต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

               ถ้าชิงสุ่ยเริ่มทำความเข้าใจในการแปรสภาพเหล่าสมุรไพร เขาจะสามารถแปรสภาพและคัดสรรเหล่ายาทิพย์ จำพวก ยาฟื้นฟูขนาดเล็ก ยาบำรุงหยกทอง ยาสรรสร้างเสน่ห์หา แม้กระทั่งตาระดับตำนานเช่น ยารากฐานเสริมสร้างพุทธคุณ ยา9 ชีพฟื้นคืน ถ้าเขาสามารถเขาสู่ทางนี้ได้  ไม่ว่าผู้หญิง อำนาจ ความร่ำรวย จะตกสู่เขาทั้งหมด ชิงสุ่ยตั้งหน้าตั้งตาคอยให้วันนั้นมาถึง

 

 

 

               ชิงอี้ ได้เริ่มออกเดินทางไป อาจจะกล่าวว่าเป็นแหล่งรายได้ส่วนใหญ่ของตระกูลชิงมีที่มามากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นรายได้ที่มาจากธุรกิจสมุนไพรของชิงอี้ นอกจากนี้ยังมีเพียงไม่กี่คนในตระกูลมาช่วยเหลือเธอ หากไม่มีพวกเขามันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเธอที่จะกลับไปเป็นหาชิงสุ่ยภายใน 10 วัน

 

 

 

              

 

 

 

               ชิงสุ่ยก็หมุนเวียนพลังปราณภายในเส้นชีพรของเขาตามเคล็ดวิชากายาบรรพกาล โดยเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เขาไม่เคยหยุดการบ่มเพาะพลังของเขาเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าตระกูลชิงค่อนข้างเข้มงวดเกี่ยวกับการฝึกฝนเหล่าสมาชิกตระกูลรุ่นที่ 3 แต่พวกเขาให้อิสระที่จะทำสิ่งที่พวกเขาต้องการ นอกเหนือเวลาในการฝึก

 

 

 

               แม้ว่าชิงสุ่ยจะอายุเพียง 8-9 ขวบ ในแง่ของจิตใจ เขาเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว เขาเห็นได้ชัดว่าถึงความสำคัญของพลังปราณในโลกนี้ กับขนาดร่างกายขนาดเล็กของเขายังไม่สามารถบรรลุความปรารถนาของชิงอี้ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องใช้เวลาทั้งหมด รวมทั้งความพยายามทั้งหมดของเขา เพื่อใช้ในการบ่มเพาะพลังของเขา

 

 

 

               ในร่างกายของเขา กระแสพลังของปราณเส้นสีฟ้าและปราณเส้นสีเหลืองยังคงมาบรรจบกัน และหนากว่าเส้นผมเพียงเล็กน้อย สำหรับในปีที่ผ่านมา ชิงสุ่ยได้เพียรพยายามบ่มเพาะเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าและได้บรรลุผ่านอาณาจักรพลังปราณนักรบ ขั้นที่ 2 แล้ว

 

 

 

               อย่างไรก็ตาม สำหรับเคล็ดวิชากายาบรรพกาล  มันเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด มันเหมือนกับว่า ทันทีที่เขาก้าวเข้าประตูชั้นสวรรค์ในการบรรลุขั้นพลัง เขาจะได้รับการชำระล้างร่างกาย และได้รับประโยชน์มากมายที่เกิดขึ้นกับร่างกาย

 

 

 

               แม้เขาจะใช้ความพยายามทั้งหมด และความพากเพียรในการบ่มเพาะเคล็ดวิชากายาบรรพกาล  ในปีที่ผ่านมา เขาเพิ่งจะไปถึงจุดสูงสุดของระดับอาณาจักรพลังปราณนักรบ ขั้นที่ 2 ไม่ไม่สามารถบรรลุขั้นถัดไปได้

 

 

 

               ในปีที่ผ่านมานี้ เขาไม่ทราบว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ หรือ เป็นเพราะเคล็ดวิชากายาบรรพกาล  คอยสนับสนุนในการพัฒนา ชิงสุ่ย รู้โดยบังเอิญว่า เขามักจะเปิดใช้งานทั้งเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าและเคล็ดวิชากายาบรรพกาล  พร้อมกัน การค้นพบนี้ทำให้เขามีความสุขที่สุด เปรียบได้กับการฝึกฝนเร็วขึ้น 2 เท่า

 

 

 

               ชิงสุ่ยยังคงบ่มเพาะพลังอย่างเงียบๆ ในชั้นใต้ดินของเขา หมุนเวียนปราณทั่วร่างกายของเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาจะรู้สึกว่าเขากำลังจะบรรลุ แต่ดูเหมือนจะขาดบางสิ่งบางอย่างไป . . . . . . . เขารู้สึกว่าเขาอยู่ในจุดสุดท้ายก่อนบรรลุแล้ว แต่เมื่อใดก็ตามที่เขาพยายามเอาชนะอุปสรรคสุดท้าย เขามักจะล้มเหลว ลำธารแห่งเหงื่อ ไหลลงใบหน้าของเขา มันแสดงออกถึงความพยายามที่เขาต้องจ่ายมันออกไป

 

 

 

               ” ข้าต้องก้าวหน้าให้มากกว่านี้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของแม่ข้าและข้า ข้าจะไม่มีวันยอมแพ้ ข้าจะต้องเข้มแข็งกว่านี้ ข้าไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นขยะอีกแล้ว ข้าจะต้องยืนอยู่ในจุดสูงสุดของโลกใบนี้ให้จงได้ อ๊ากกกกกกกกกกกก ”

 

 

 

               กาลเวลาไหลผ่านไปอย่างยาวนาน และแสงสีขาวจ่างๆก็ปรากฏในท้องฟ้าตะวันออก ” เพร่งงง ! ” เสียงคล้ายกับเสียงของจุกไม้ก๊อกถูกดึงออก ดังขึ้น ชิงสุ่ยสามารถรู้สึกถึง สะดวกสบายและพลังงานจำนวนมากที่ไหลผ่านร่างกายทั้งหมดของเขา ทั้งหมดของ 360 จุด และ รูขุมขนบนร่างกายของเขาสั่นเทาราวกับอยู่ในความสุข

 

 

 

               เส้นพลังปราณ หลังจากที่ชิงสุ่ยได้ทะลวงผ่าน ขั้นที่ 2 ไปได้แล้วนั้น เส้นพลังปราณก็หนาขึ้นกว่า 10 เท่า มันหนาราวกับเส้นผ้าขนสัตว์แล้ว

 

 

 

               หลังจากนั้นเขาค่อยๆหมุนเวียนพลังปราณรอบร่างกายของเขาอีกราว 36 รอบ ชิงสุ่ยรู้สึกเหมือนพลังงานจะระเบิดในร่างกายของเขา เขาเริ่มมีเข้าใจลึกซึ้งมากขึ้น เขาดูเหมือนจะเห็นโลกชัดเจนขึ้น เขาสามารถมองเห็นมดเดินบนพื้นดินได้อย่างชัดเจนมากจากที่ไกล ในรัศมี 10 เมตรเขาสามารถได้ยินทุกอย่างแจ่มแจ้ง

 

 

 

 

 

 

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "บทที่ 9 – ทะลวงผ่านพลังปราณสวรรค์ขั้นที่ 2"

4 15 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

Girl, i ll teach you cultivation สาวน้อยฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง
Girl, i ll teach you cultivation สาวน้อยฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง
มีนาคม 12, 2022
ระบบการ์ตูนในโลกนารูโตะ
ระบบการ์ตูนในโลกนารูโตะ
ตุลาคม 23, 2024
หงส์สยายปีก
หงส์สยายปีก
มีนาคม 12, 2022
ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ (The Protagonist Are Murdered by Me)
ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ (The Protagonist Are Murdered by Me)
มีนาคม 12, 2022
The Strongest Hokage
The Strongest Hokage
มีนาคม 12, 2022
Realms In The Firmament
Realms In The Firmament
มีนาคม 12, 2022
Tags:
กำลังภายใน
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz