เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - บทที่ 7 – ชำระล้าง
บทที่ 7 – ชำระล้าง
ชิงสุ่ย ไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้มาก่อน มันช่างคล้ายกับคนขาดน้ำ หิวกระหายน้ำจนใกล้หมดลมหายใจกลางทะเลทราย แต่แล้วแหล่งน้ำขนาดใหญ่พลันปรากฏต่อหน้าเขา ความรู้สึกที่แสนพึงพอใจนี้สะท้อนออกมาอย่างเด่นชัดจากทั้งร่างกาย และจิตวิญญาณ
ชิงสุ่ย ค่อยๆเดินออกจากห้องใต้ดิน
” ท่านแม่. . . . . . . ” ชิงสุ่ยเปล่งเสียงที่แสนมีความสุขออกมา
ชิงอี้ก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก ชิงสุ่ยห่างจากเธอแค่ช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น ความปิติยินดีที่เธอได้รับยังไม่ทันจางหายจากที่ลูกชายของเธอสามารถฝึกฝนสมาธิได้อย่างง่ายดาย และตอนนี้ภาพที่เห็นปรากฏว่าชิงสุ่ยได้สำเร็จการฝึกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
” ท่านแม่ ลูกสามารถรวบรวมพลังปราณให้เป็นหนึ่งได้สำเร็จแล้ว ! แต่ลักษณะของมันยังคงบางมากราวเหมือนเส้นผม”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ชิงอี้ถึงกลับตกตะลึง ใบนางที่งดงามราวกับหยกพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง และริมฝีปากของเธอเริ่มสั่นเครือ . . . . . . .
” ชิงสุ่ย รีบยื่นมือออกมา ” ชิงอี้ กล่าว
ชิงสุ่ย ทำตามที่เธอสั่งทันที พร้อมยื่นมือที่อันเรียบเนียน ราวกับหยก ออกไปให้ของแม่ของเขาตรวจสอบ
” ชิงสุ่ย ขับเคลื่อนลมปราณจากเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าให้แม่ดูหน่อย ” ทันใดนั้นเธอรีบตรวจสอบพลังปราณของชิงสุ่ย
ชิงอี้สวมกอดชิงสุ่ยทันทีและจูบลงบนแก้มพร้อมกับแสดงความรู้สึกปลื้มปิติ
” ชัวเอ๋อ ลูกแม่ช่างอัจฉริยะนัก . .เจ้าช่างเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง ” ชิงอี้กล่าวพร้อมกับน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น และแน่นอนชิงอี้ได้สูญเสียความสงบต่อหน้าลูกชายของเธอ
เมื่อได้เห็นความสุขที่แสดงออกมาของชิงอี้ หัวใจของชิงสุ่ยถูกเติมเต็มไปด้วยความอบอุ่น เขารู้ว่า แต่ก่อนแม่ของเขามักจะแสร้งทำเป็นมีความสุขและพยายามแสดงรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ เพื่อให้เขาเห็นว่าเธอนั้นแข็งแกร่ง แต่เวลานี้ชิงสุ่ยรับรู้ได้ว่าแม่ของเขาแสดงออกถึงความสุขที่แท้จริงจากส่วนลึกของหัวใจของเธอ
” แม่ไปก่อนนะ เดี๋ยวแม่จะไปเตรียมอาหารสำหรับอัจฉริยะตัวน้อยของฉัน ” ชิงอี้ กล่าวขณะที่เธอลูบหัวของชิงสุ่ยด้วยความรัก
หลังจากชิงอี้ออกไป ชิงสุ่ยส่ายหัวในขณะที่เขาคิดอะไรไม่ออก อายุที่แท้จริงของเขาก็ไม่น้อยกว่าแม่ของเขาสักเท่าไร แต่ร่างกายปัจจุบันของเขา เขาจะต้องพูดในลักษณะที่คล้ายกับที่ของเด็ก เขารู้สึกว่าผู้ใหญ่จะพยายามพูดชมเชยสรรเสริญเยาวชนรุ่นใหม่
แต่กลับแม่ของเขา แม้สวรรค์จะพังทลายลง ชิงสุ่ยยังคงมั่นใจว่า ผู้หญิงคนนี้คือคนๆเดียวที่เขาจะทำทุกอย่างให้เธอมีความสุข
” แม่ครับ ลูกขอออกไปยืดแข้งยืดขาหน่อยนะ พรุ่งนี้ลูกจะเข้าร่วมการบ่มเพาะพลังปราณกับเหล่าเยาวชนรุ่นใหม่ของตระกูลชิงของเรา “
ชิงสุ่ยกระพริบดวงตาคู่สวยของเขา และยิ้มพร้อมกับความมั่นใจที่เขาไม่เคยมี ตอนนี้ เขาไม่เชื่อว่าเขาเองจะอ่อนแอกว่าเหล่าเยาวชนรุ่นที่ 3
ชิงสุ่ยแสดงให้เห็นถึงรอยยิ้มนี้ที่น่ารักต่อหน้าชิงอี้
ทุกครั้งที่เห็นชิงอี้เห็นดวงตาที่สวยงามชิงสุ่ย ความทรงจำของเธอกลับมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอคิดฟุ้งซ่านไปชั่วขณธ และกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
ชิงสุ่ยก็เดินออกจากบ้านตระกูลชิง และกลับไปที่ถ้ำเขาค้นพบความลับ หลายวันที่ผ่านมานี้ ถ้ำนี้เป็นสถานที่ที่เขาได้มาฝึกฝนเคล็ดวิชากายาบรรพกาล
ถ้ำนี้มีขนาดเล็กมาก พื้นที่มีประมาณแค่ห้องเดียว เมื่อชิงสุ่ยพบถ้ำแห่งนี้ เขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและแบกความหวังว่าจะสามารถหาสมบัติลึกลับหรือสุดยอดเคล็ดวิชาต่อสู้ ความหวังของเขาก็พังทลายลง เขาพบว่าภายในมีเพียงจี้หยกรูปไข่ขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ จี้ค่อนข้างเก่าและโทรม ตอนแรกเขาก็ไม่อยากจะเก็บมันไว้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้มองใกล้ เขาสังเกตเห็นว่ามีสัญลักษณ์ หยิน – หยาง สลักอยู่บนจี้ ! ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะเก็บมันไว้ เขารู้สึกอบอุ่นเมื่อเขาสัมผัสมัน
เขานึกถึงสัญลักษณ์ หยิน – หยาง ภายในทะเลแห่งปัญญา เขาจึงตัดสินใจที่จะสวมลงบนสร้อยคอและซ่อนมันไว้ภายในเสื้อของเขา
เขาจะมาที่นี่ทุกวัน และฝึกฝนเคล็ดวิชากายาบรรพกาล วันนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน แม้ได้รับความผิดหวังนับครั้งไม่ถ้วนเขายังคงพยายามทำความเข้าใจในขั้นแรกของเคล็ดวิชากายาบรรพกาล เขาก็ยังคงกลับมาที่ถ้ำนี้ และฝึกฝนมันทุกๆวัน
ก่อนหน้านี้ ชิงสุ่ยยังไม่สามารถบรรลุขั้นแรกของเคล็ดวิชากายาบรรพกาล รูปแบบการไหลเวียนของพลังปราณในจุดตันเถียนมีรูปแบบคล้ายอ่างน้ำวน
แต่วันนี้มันต่างกัน หลังจากประสบความสำเร็จจากการบ่มเพาะเช่นเดียวพลังปราณจากเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้า ก็ได้เกิดหมอกเล็กๆขึ้นภายในจุดตันเถียน
ชิงสุ่ยพยายามเรียกใช้เคล็ดวิชากายาบรรพกาล เขาพบกับความประหลาดใจของพลังปราณซึ่งปรากฏหลังจากบ่มเพาะเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้า แล้วมันเริ่มไหลเวียนผ่านเส้นชีพจรและไหลไปตามเส้นพลังเดียวกับเคล็ดวิชากายาบรรพกาล
ชิงสุ่ยสับสนนิดหน่อย หลังจากเขาพยายามเรียกพลังปราณออกมา เส้นพลังปราณดูเหมือนจะหนาขึ้นกว่าแต่ก่อนเล็กน้อย เข้าเริ่มเข้าใจเกี่ยวกับการใช้งานเคล็ดวิชาต่างๆ ดูเหมือนว่าถ้าจะเปิดใช้งานเคล็ดวิชากายาบรรพกาล นั้น จะต้องใช้เคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าเป็นตัวเร่ง นั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเคล็ดวิชากายาบรรพกาล ถึงมีความหนาของพลังที่ต่างกัน
เคล็ดวิชากายาบรรพกาล แบ่งออกเป็น 9 ขั้นที่แตกต่าง เปรียบได้กับสวรรค์ 9 ชั้นฟ้า ในช่วงแรกของเคล็ดวิชานั้นจะส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลงในจุดตันเถียน แต่ในระดับขั้นต่อมามันจะเริ่มเขาพัฒนาภายในแก่นกลางพลัง
” ข้าจะต้องผ่านขั้นแรกไปให้ได้ ส่วนขั้นที่เหลือข้าขอเชื่อในโชคชะตาของข้าเอง”
ชิงสุ่ยปิดตาเข้าสู่สมาธิอีกครั้ง เขาค่อยๆไหลเวียนพลังปราณภายในร่างกาย เขาไม่รุ้ตัวว่าเมื่อเข้าขับเคลื่อนพลังลมปราณผ่านเส้นชีพจรผ่านเคล็ดวิชากายาบรรพกาล เมื่อมันพลังปราณได้ส่งผ่านไปทั่วร่างกาย เมื่อมันผ่านไปยังจี้ที่เขาเก็บได้นั้น มันเริ่มเปล่งรัศมีของแสงที่แสนบริสุทธิ์ออกมา ถึงแม้จะเป็นแสงอ่อนๆไม่สว่างมากนัก แต่ภาพที่เห็นบ่งบอกได้อย่างแน่ชัดว่ามันเป็นภาพที่สวยงามเป็นพิเศษ
เมื่อชิงสุ่ยเริ่มกระตุ้นพลังปราณโดยใช้เคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าต่อจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาล เขารับรู้ถึงการขยายของพลังปราณใต้จุดตันเถียนประมาณ 2 นิ้ว มันเป็นสารธารแห่งพลัง 2 สาย 1สายธารสีเหลืองกับอีก 1 สายธารสีฟ้า มาบรรจบกับที่จุดตันเถียน
เขาไม่รู้ตัวว่า พลังปราณในจุดตันเถียนของเขาได้พัฒนาขึ้นแล้ว แต่เขารู้สึกได้ว่าพลังปราณของเขาหมุนอย่างต่อเนื่อง เขารู้สึกราวกับว่าพลังอันมหาศาลกำลังกระจายตัวออกมา
” งั้นข้าเดาถูกสินะ ที่ใช้เคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าเป็นตัวเร่งพลัง มันไม่น่าแปลกใจเลยที่ก่อนหน้านี้ข้าทำมันล้มเหลวมมาตลอด พลังปราณจากเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าเป็นสีฟ้าอ่อนสี ส่งพลังปราณสีเหลืองมันต้องมาจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาล ” ชิงสุ่ยคาดเดา.
” ในที่สุดรูปแบบในการโคจรพลังปราณของข้าก็สำเร็จเสียที ในอนาคต ข้าจะบ่มเพาะเคล็ดวิชากายาบรรพกาล ให้มากยิ่งขึ้นและจะการหมุนสัญลักษณ์หยิน – หยาง ในทะเลแห่งปัญญาของฉันค่อยๆปรับแต่งร่างกายและเสริมสร้างความแข็งแกร่งได้ในระดับที่น่ากลัวเลยทีเดียว ในขั้นปรับปรุงร่างกายนี้นี้ไม่ต้องใช้เคล็ดวิชาการต่อสู้ใดๆเลย มันขึ้นอยู่กับความทนทานของร่างกายของชิงสุ่ยเพียงคนเดียว “
” ผมไม่สามารถพักการฝึกฝนเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าได้ อย่างน้อยที่สุดข้าจะไปถึงขั้นที่ 9 ให้จงได้ ” น่าเสียดายที่ในตระกูลรุ่นปัจจุบันวิธีการบ่มเพาะนั้นได้หายสาบสุญไปแล้ว ชิงสุ่ยส่ายหน้าอย่างเสียใจ เขารู้สึกว่า แม่ของเขาอาจจะรู้บางอย่างเกี่ยวกับวิธีการบ่มเพาะที่ขาดหายไป แต่เธอไม่อาจบอกเขาได้ในเวลานี้
“ ไม่เป็นไร ข้าเชื่อว่าเคล็ดวิชากายาบรรพกาล นั้นสำคัญกว่าเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้ามาก ข้าเพียงต้องการฝึกฝนเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าเพื่อซ่อนที่มีอยู่ของเคล็ดวิชากายาบรรพกาล
” วันนี้ข้าเริ่มจะเข้าใจพื้นฐานในขั้นเริ่มต้นของเคล็ดวิชากายาบรรพกาล แล้ว มันถือได้ว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี หลังจากนี้มันจะต้องดีขึ้นกว่าเก่าอย่างแน่นอน “
แต่หลังจากที่สิ้นสุดในการฝึกฝน ชิงสุ่ยตระหนักได้ว่ามีสิ่งสกปรกสีดำมัน เปล่งกลิ่นขับออกมาจากรูขุมขนของเขา หรือว่านี้อาจจะเป็น….. การชำระล้าง??