เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - บทที่ 6 – เคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้า
บทที่ 6 – เคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้า
ชิงหลัวรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้ โชคชะตาได้กำหนดให้ชิงสุ่ยไม่สามารถบ่งเพาะพลังยุทธได้ แต่อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยก็สามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขภายในภายในตระกูลชิงได้ แต่ตอนนี้เขาได้สิ่งที่ไม่เคยมีคืนมา ทำให้เขาสามารถบ่งเพาะพลังยุทธมันไม่รู้จัก ในอนาคตภายภาคหน้า สิ่งที่ได้มาคราวนี้ จะเปรียบได้กับพรสวรรค์ หรือ จะเกิดโศกนาฎกรรม ของตระกูลชิง
เมื่อเปรียบเทียบความรู้สึกของชิงหลัวกับชิงอี้นั้น ความรู้สึกที่ชิงอี้แสดงออกมานั้นบ่งบอกได้ถึงความภาคภูมิใจอย่างที่สุด ที่บุตรชายของเธอสามารถบ่งเพาะพลังได้ จะไม่มีใครเรียกเขาว่าขยะ!! ได้อีกต่อไป หากไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงของร่างกายชิงสุ่ยในคราวนี้ ชิงอี้กลัวลึกๆภายในจิตใจ ชิงสุ่ยนั้น สักวันอาจจะต้องกลายเป็นบุคคลวิกลจริต เพราะปรารถนาเพียงแต่จะบรรลุในพลังปราณเท่านั้น
” ชิงสุ่ยตาไม่สามารถนำพลังที่แท้จริงของหลานกลับมาให้หลานได้ แต่อย่างน้อยตอนนี้หลานก็ได้รับพลังส่วนนั้นจนทำให้หลานสามารถบ่งเพาะพลังปราณได้แล้ว ในอนาคตคงต้องขึ้นอยู่กับวาสนาแล้วว่าหลานจะได้รับพลังนั้นกลับมาหรือไม่ “
ความทรงจำเมื่อครั้งยังทารกของชิงสุ่ยหวนกลับมา เพราะเขาเคยได้ยินเรื่องพลังของเขา จากบทสนทนาของบุคคลที่เขาไม่เคยพบเจอเลยหลังจากนั้น ที่ได้คุยกับชิงหลัวโดยที่แม่ของเขาไม่เคยรับรู้เรื่องราวนี้ สำหรับตอนนี้มันเพียงพอแล้ว เมื่อไหร่ที่เขาแข็งแกร่ง เขาอาจจะเขาใจบางสิ่งบางอย่างเพิ่มเติมเกี่ยวกับเบื้องหลังที่แท้จริงของตัวเขาอย่างแน่นอน
ชิงหลัวเบาๆถอนหายใจเบาและลูบหัวของชิงสุ่ยก่อนที่จะเดินจากไป
” แม่ครับ ลูกรู้สึกว่าท่านตาไม่อยากให้ลูกฝึกฝนพลังยุทธ ? ” ชิงสุ่ยถามด้วยความอยากรู้
” จะเป็นไปได้ยังไง ท่านตาอาจจะเพียงแค่กังวล เพราะการต่อสู้นั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอนในเส้นทางแห่งการบ่มเพาะพลัง ท่านตาจะต้องเป็นห่วงลูกกลัวลูกจะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน ” ชิงอี้กล่าวพร้อมกับลูบหัวชิงสุ่ย
” ท่านแม่ ท่านแม่สามารถสอนเคล็ดวิชาต่างๆให้ลูกได้หรือไม่ ลูกต้องการที่จะเริ่มต้นฝึกฝนทันที ” หลังจากที่เขาไม่สามารถเข้าถึงขั้นตอนแรกของเคล็ดวิชากายาบรรพกาล เขาเข้าใจอย่างทันทีว่าเคล็ดวิชากายาบรรพกาล จะต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเหล่าเคล็ดวิชา จึงจะได้ประโยชน์สูงสุด ตอนนี้เขากำลังจะได้ประสบการณ์ครั้งแรกในการฝึกฝนเคล็ดวิชาการต่อสู้ดังนั้น เขาก็หวังว่าเขาจะสามารถซึมซับเคล็ดวิชาได้อย่างสมบูรณ์
” ได้เลย ลูกแม่ เดี๋ยวแม่จะบอกทุกอย่างที่เกี่ยวกับเคล็ดวิชาการต่อสู้กับลูกเอง ” ชิงอี้แสดงออกถึงความสุขที่มากล้นพร้อมดึงชิงสุ่ยเข้ามาให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น
” ไปกันเถอะ ” ชิงอี้พาชิงสุ่ยไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
ห้องฝึกฝนของชิงอี้ไม่ได้กว้างขวางมาก ทั้งสะอาดและผสมกับกลิ่นจางๆ ของหนังสือโบราณเต็มห้อง มันส่งกลิ่นหอมน่าดึงดูดออกมา
” ลูกแม่ การฝึกฝนเคล็ดวิชาการต่อสู้มันลําบากแสนสาหัสมากนัก ลูกแม่กลัวหรือไม่ ” ชิงอี้ถามเบาๆขณะที่เธอนั่งลงข้างๆชิงสุ่ย
” ลูกไม่กลัวอย่างแน่นอน ไม่ว่าอุปสรรคจะมากมายแค่ไหน ลูกจะต้องฝันฝ่าก้าวข้ามทุกอุปสรรค ลูกจะใช้ทุกอุปสรรคให้เหมือนกับหินสร้างทางไปยังจุดสูงสุดให้ได้ “
ชิงอี้หัวเราะเบาๆ เพราะภาพที่เห็นตอนนี้ ชิงสุ่ยช่างเหมือนกับพ่อของเขามาก ! และแล้วความรู้สึกที่แสนโศกเศร้าก็ถาโถมเข้าสู่จิตใจของชิงอี้ ให้ทุกครั้งที่เธอคิดถึงพ่อของชิงสุ่ย สามีของเธอ
” ลูกแม่ การบ่มเพาะพลังโดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 2 เส้นทาง เส้นทางแรกคือเคล็ดวิชาการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่ง เส้นทางที่สอง คือ เคล็ดวิชาศิลปะการต่อสู้ แต่เมื่อทั้งสองรวมกันหนึ่งจะสามารถปลดปล่อยอำนาจที่แสนน่ากลัวออกมาได้
” ท่านแม่ แสดงว่า ยิ่งมีรากฐานที่แข็งแกร่งจะสามารถแสดงความน่ากลัวออกมาได้เพิ่มขึ้น? ” ชิงสุ่ยถามหลังจากที่คิดเพียงชั่ววูบ
ชิงอี้ ตกตะลึง กับความรู้ ความเข้าใจที่สูงมากของชิงสุ่ย . . . . . . .
” หรือแม่จะบอกว่าหากฝึกฝนเคล็ดวิชาการต่อสู้ตั้งแต่ครั้งแรกโดยปราศจากการวางรากฐานที่มั่นคง ผลสุดท้ายจะต้องพบกับความล้มเหลวใช่ไหมครับ”
” ท่านแม่ ท่านจะสามารถสอนเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าให้แก่ลูกได้ไหม ” ชิงสุ่ยอาศัยอยู่ในตระกูลชิงมา 8 ปีเต็ม ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะไม่รู้ว่ามีเคล็ดวิชาลับของตระกูลอยู่
” ได้แน่นอนลูกแม่” เคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าเป็นเคล็ดวิชาที่สืบทอดจากบรรพชนของตระกูลชิงของเรา. นอกจากช่วยฝึกฝนทำให้มีร่างกายแข็งแกร่ง เคล็ดดอกบัวปราณฟ้ายังประกอบด้วยการใช้เทคนิคทั้งทางด้านโจมตีและป้องกัน เมื่อเปรียบเทียบกับเคล็ดวิชาอื่นๆที่คนภายนอกฝึกส่วนใหญ่จะทำให้ร่างกายแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว ดังนั้นแล้วเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้านับเป็นเคล็ดวิชาระดับสูงเมื่อเปรียบเทียบกับเคล็ดวิชาเหล่านั้น “
” ว้าว ถ้าเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าแข็งแกร่งกว่าเคล็ดวิชาอื่นๆแล้วทำไม……. ” ชิงสุ่ยถามอย่างกล้าๆกลัวๆ
” นานมาแล้วบรรพชนของตระกูลชิง บ่มเพาะเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าจนถึงขั้นที่ 9 เขาได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับตำนาน ณ ช่วงเวลานั้น แต่หลังจากนั้น รุ่นทายาทของตระกูลก็ไม่สามารถไปถึงจุดนั้นได้อีก จนตระกูลชิงของเราลดลงไปยังจุดที่เราสามารถอยู่รอดได้ในหมู่บ้านเล็กๆ บนภูเขานี้ เท่านั้น ” .ชิงอี้ กล่าวตอบด้วยความเศร้า
” ท่านแม่เคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้า ขั้นที่ 9 หมายความว่าอย่างไร ” ชิงสุ่ยถามด้วยความอยากรู้
” เคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้า หลังจากที่บรรลุในแต่ล่ะระดับขั้นของพลังแล้ว จะมีผลต่อความสามารถในการป้องกันรวมทั้งการโจมตี บรรพชนเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้า เมื่อสำเร็จขั้นสูงสุดการป้องกันจะเปรียบได้ดั่งกลีบดอกบัวที่คอยปกป้อง ปัดเป่าภัยอันตรายถึง 9 ชั้น ! “
” ท่านแม่ แต่ล่ะระดับของเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้านั้นมีสิ่งจำเป็นอันใดบ้าง แล้วตอนนี้ขั้นสูงสุดปัจจุบันที่ปรากฏในตระกูลคือขั้นใด ? ” ชิงสุ่ยถาม
ชิงอี้ก้มหัว และรู้สึกถึงความน่าสลดใจ
” อืม แล้วท่านตาล่ะ ” ชิงสุ่ยยังคงถามต่อ
” ท่านปู่ของเจ้าบ่มเพาะเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าได้เพียง 3 ขั้น ปัจจุบันเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลชิง และไปถึงยังระดับอาณาจักรพลังปราณบัญชาสวรรค์ชั้นที่ 10 ระดับที่ 10 หรือที่เรียกว่าจุดสูงสุดแห่งอาณาจักรพลังโฮว่เทียน” ชิงอี้ตอบ
” เคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าที่ปรากฏขึ้นของท่านตา เกิดขึ้นมาได้อย่างไร? “
” เคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าจะปรากฏขึ้นภายในระดับขั้นพลังทั้ง 10 ขั้น เมื่ออยู่ในระดับอาณาจักรพลังปราณนักรบและอาณาจักรพลังปราณปราบฟ้า มันยังคงไม่ปรากฏดอกบัวแต่อย่างใด แต่เมื่ออยู่ในระดับอาณาจักรพลังปราณบัญชาสวรรค์ขั้นที่ 7 ดอกบัวกลีบแรกก็ปรากฎ และกลีบดอกบัวที่สองก็ปรากฎอีกครั้งเมื่ออยู่ในระดับอาณาจักรพลังปราณบัญชาสวรรค์ขั้นที่ 8 และกลีบที่สาม ก็ปรากฏอีกครั้งเมื่ออยู่ในระดับอาณาจักรพลังปราณบัญชาสวรรค์ขั้นที่ 10 (ขั้นพลังโฮว่เทียน )
” แล้ว ทำไมบรรพชนของเราไปถึงเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าขั้นที่ 9 ได้ ? ” ชิงอี้ถอนหายใจเบาๆ พร้อมกับมองไปยังชิงสุ่ย. . . . . . แม้ว่าชิงสุ่ยฉลาดมาก เธอก็ไม่อาจบอกเค้าตอนนี้ . . . . . . .
” วิธีการบ่มเพาะสำหรับแต่ล่ะลำดับขั้นของเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าได้หายไปเนิ่นนานแล้วล่ะ ขณะนี้มีเพียงวิธีการไปถึงระดับอาณาจักรพลังโฮว่เทียนเท่านั้นและนั่นคือเหตุผลที่ท่านตาของลูกติดอยู่ที่จุดสูงสุดของอาณาจักรพลังโฮว่เทียนเท่านั้น ไม่สามารถก้าวข้ามไปสู่ระดับอาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียนได้ “
” แม่จะสอนเจ้าถึงขั้นตอนเริ่มต้นของการฝึกฝนเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าให้เอง ” ชิงอี้ลุกขึ้นยืนผายมือเพื่อเรียกให้ชิงสุ่ยตามเธอไป
ในชั้นใต้ดิน
ชิงอี้สอนชิงสุ่ยเกี่ยวกับเส้นพลังปราณต่างๆและช่องทางปล่อยพลังปราณภายในร่างกายของมนุษย์ ก่อนหน้านี้ ชิงสุ่ยได้รับข้อมูลพวกนี้จากเคล็ดวิชากายาบรรพกาล ดังนั้นมันจึงง่ายสำหรับเขาที่จะเข้าใจและทำตามคำสอน ของชิงอี้ หลังจากได้รับคำสั่งสอนจากชิงอี้ ชิงสุ่ยยิ่งเข้าใจเคล็ดวิชากายาบรรพกาลมากยิ่งขึ้น
1 ชั่วยามผ่านไป
เมื่อชิงอี้กลับไปแล้วนั้น ชิงสุ่ยเริ่มเข้าสู่การทำสมาธิ
การปรับปรุงรากฐานของพลังคือการปรับปรุงแก่นพลังปราณภายในร่างกาย โดยจะทำให้การบ่มเพาะพลังรวมทั้งเคล็ดวิชาต่างๆเลื่อนขั้นไปยังระดับถัดไปได้ ถ้าจิตใจไร้สงบและการเข้าใจ จะไม่สามารถก้าวหน้าต่อไปได้
มองง่ายก็คือชิงอี้ไม่สามารถช่วยเหลือชิงสุ่ยได้ ชิงสุ่ยจะต้องเข้าใจเอง มันต้องขึ้นกับพรสวรรค์ของเขา !
เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ดอกบัวปราณฟ้า เริ่มเข้าสู่ทะเลแห่งปัญญาคล้ายกับตอนได้รับเคล็ดวิชากายาบรรพกาล มา เมื่อมาถึงดินแดนที่เกินจิตนาการแห่งนี้ จิตวิญญาณของเข้าถูกปรับปรุงราวจะหลุดออกจากร่าง
ในที่สุด ชิงสุ่ยรู้สึกได้ถึงพลังปราณไหมจากจุดตันเถียน มันถูกปลดปล่อยออกมาและไหลวนรอบร่างกายของชิงสุ่ย เส้นพลังปราณตอนนี้ให้ความรู้สึกเปราะบางมาก มันสามารถระเบิดได้ทุกเมื่อ
เขาพยายามควบคุมและปรับปรุงพลังปราณจนกระทั่งยามดึก พลังปราณที่ใกล้ระเบิดเหล่านี้ก็กลับเข้าสู่จุดตันเถียน
ชิงสุ่ย ได้ประสบความสำเร็จอย่างมากในการควบคุมพลังเหล่านี้ ! เขาเปิดตาของเขาพร้อมด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความปิติยินดี
” ข้าคิดว่าถ้าข้าความสำเร็จนี้แก่ท่านแม่ ท่านแม่ต้องตกใจอย่างแน่นอน ” เขาพูดพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างเป็นสุข