เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - บทที่ 4 - เคล็ดวิชากายาบรรพกาล
บทที่ 4 – เคล็ดวิชากายาบรรพกาล
วันรุ่งขึ้น เมื่อแสงอรุณขึ้น ณ เส้นขอบฟ้า ชิงสุ่ยลืมตาตื่นตามธรรมชาติ เขาพบว่า ชิงอี้นั่งจับมือของเขาอยู่บริเวณข้างๆเตียง ใบหน้าของเธอนั้นแสดงออกถึงความกังวลและความอ่อนเพลีย แม้แต่แววตาอ่อนโยนและสวยงาม บัดนี้มีร่องรอยของเลือดซึ่งเกิดจากการร่ำไห้เนื่องจากความกังวล
หลังจากที่ชิงอี้สังเกตเห็นว่า ชิงสุ่ย นั้นได้ตื่นขึ้นจากการนิทรา เธอสวมกอดเขาทันที สีหน้าอันมีความสุขแสดงขึ้นบนใบหน้าของเธออย่างชัดเจน
“สุ่ยเอ๋อ” ในที่สุดลูกก็ฟื้นขึ้นมา เจ้าเป็นไงบ้าง เจ้าได้รับบาดเจ็บอันใดหรือไม่ ลูกแม่ ? !” ชิงอี้ถามด้วยความเป็นห่วงอย่างสุดหัวใจ
“ท่านแม่ . . . . . . . ” ชิงสุ่ยกล่าวสั้นๆแต่หนักแน่นไปด้วยความรู้สึกขอบคุณที่อัดแน่นในหัวใจของเขาเต็ม ยิ่งรู้ว่าชิงอี้เฝ้าเขาตลอดทั้งคืน หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความขมขื่น
ภายใต้น้ำเสียงของชิงอี้ ชิงสุ่ยรับรู้ได้ถึงความทุกข์ความเจ็บปวด ในโลกใบนี้ หากเกิดเป็นชายชาตรี ถ้าชายคนนั้นอ่อนแอไม่สามารถสู้ทัดเทียมกับผู้อื่นได้ ไม่ว่าชายคนนั้นจะรวยล้นฟ้าขนาดนั้น ชายคนนั้นจะถูกดูถูกว่าเป็นเพียงขยะชิ้นนึงเท่านั้น ! คนที่แข็งแกร่งกว่ายอมสามารถกลืนกินผู้ที่อ่อนแอกว่าได้ นี้คือตรรกะง่ายๆของความจริงในโลกใบนี้
ชิงอี้ กอดชิงสุ่ย ความรู้สึกว่าเธอราวกับถูกปลดปล่อยออกมา
“ท่านแม่ ท่านนอนเถอะ ท่านเหนื่อยมากแล้วหลังจากที่ท่านไม่ได้หลับเลยตลอดทั้งคืน ” ชิงสุ่ยใช้วิธีการแบบเด็กๆ พยายามพูดเกลี้ยกล่อมให้ชิงอี้ไปพักผ่อนให้ได้ ขณะนั้นชิงอี้รู้สึกถึงความอบอุ่นเกิดขึ้นในหัวใจ เธอรู้ว่า ชิงสุ่ยมีระดับปัญญาสูงมากกว่าเด็กปกติ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถบ่งเพาะพลังยุทธได้ หากไม่ใช้เพราะเหตุนี้เธอมั่นใจมากว่าเขาต้องเป็นหนึ่งในเด็กอัจฉริยะอย่างแน่นอน ไม่เพียงแค่นั้น เขายังเป็นถึง ลูกชายของเธอ กับผู้ชายคนนั้น (อ้าวสงสัยพ่อจะเทพแน่ๆ)
ในที่สุด ชิงสุ่ยก็กล่อมให้แม่ของเขานอนพักผ่อนได้สำเร็จ ชิงสุ่ยค่อยๆขยับออกเตียง เพื่อให้มีพื้นที่ว่างพอสำหรับแม่ของเขา เธอยังคงกอดลูกชายของเธอไว้อย่างแน่น ชิงสุ่ยยังคงนอนในอ้อมกอดของแม่ของเขา .
เมื่อทันทีที่ชิงอี้เผลอหลับไปเพราะความเหนื่อยล้า หลังจากที่เธอไม่ได้หลับมาตลอดทั้งคืน ชิงสุ่ยรู้ดีว่า เธอจะตกอยู่ในห่วงนิทรา ไปอีกสักพัก
หลังจากรอให้แม่ของเขาหลับ ชิงสุ่ย ก็ค่อย ๆก้าวออกมาจากห้อง ความอยากรู้รวมทั้งความกระตือรือร้น เติมเต็มหัวใจของเขา ตอนนี้ เขาไม่ใช่เพียงขยะแล้ว! เขารู้สึกว่า เขาได้รับการเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์ ตอนนี้ . . . เขาอาจจะเหมือนกับเด็กคนอื่นๆและเริ่มต้นบนทางเดินของจอมยุทธ มันไม่สำคัญหรอกว่า เขาจะเริ่มต้นได้ช้ากว่าคนอื่นเมื่อตอนที่เด็กคนอื่นเริ่มฝึกฝน ไม่ว่าอุปสรรคจะมากมายแค่ไหน เขาจะใช้ความพยายามทั้งหมดฟันฝ่ามันไป!
ชิงสุ่ยต้องการที่จะทดสอบสมมติฐานของเขา ทันทีที่เขาก้าวออกมาจากบ้านตระกูลชิง เขาเริ่มวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด ในช่วงเวลานี้ หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความกังวลใจ เขาเป็นห่วงว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นภาพลวงตา และความฝันของเขาที่จะบ่งเพาะพลังได้จะแตกเป็นเสี่ยงๆอีกครั้ง
เพียงหนึ่งลมหายใจเท่านั้น เขาได้ไปถึงครึ่งทางแล้วจากภูเขาลูกเดิมที่เขาเคยวิ่ง ถึงแม้ว่า เขาหายใจหอบ เขากลับไม่ได้รู้สึกว่าจะขาดอากาศหายใจเหมือนเช่กเช่นในอดีต มีความแตกต่างอย่างมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน เขารู้สึกว่าตั้งแต่เมื่อคืน ร่างกายของเขามีระดับการเปลี่ยนแปลงที่แสนมหัศจรรย์ หลังจากที่คิดเกี่ยวกับมัน เขาคาดเดาว่ามันต้องเป็นเพราะภาพสัญลักษณ์ของ หยิน – หยาง ซึ่งตอนนี้อยู่ในทะเลแห่งปัญญาของเขาอย่างแน่นอน
ชิงสุ่ยหลับตา ค่อยๆเข้าสู่วังวนแห่งสมาธิเพื่อตรวจสอบจิตวิญญาณ เมื่อเขาไปยังทะเลแห่งปัญญา เขาเห็นสัญลักษณ์ หยิน – หยาง อีกครั้งของ ส่วนสัญลักษณ์ หยิน – หยาง ยังคงหมุน โดยไม่มีที่สิ้นสุด กระแสพลังงานที่ออกมานั้นค่อยๆเปลี่ยนแปลงร่างกายและอวัยวะต่างของชิงสุ่ย
ในระหว่างที่เขาหมดสติลงเมื่อวาน ข้อมูลเกี่ยวกับเคล็ดวิชารากฐานแห่งสรรพสิ่ง และเคล็ดวิชาความแข็งแกร่งต่างๆได้ไหลเข้าไปภายในจิตใจของเขา เขาได้ตัดสินใจที่ใช้ความรู้ทั้งหมดเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ในตอนนี้ เขาไม่ได้มีร่างกายที่อ่อนแอและบอบบางเฉกเช่นแต่ก่อน สัญลักษณ์ หยิน – หยาง ในทะเลแห่งปัญญาของเขาได้ค่อยๆเปลี่ยนพลังงานภายในร่างกายของเขา เขามั่นใจว่าร่างกายของเขาในตอนนี้ สามารถฝึกฝนเคล็ดวิชากายาบรรพกาล ใช้เวลาฝึกฝนไม่นานก็สามารถสร้างร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าบุคคลอื่นได้
สายธารแห่งเวลาไหลผ่านอย่างรวดเร็ว รุ่งอรุณวันใหม่ก็มาถึง แสงของดวงอาทิตย์ค่อยฉายแสงสีทองผ่านเส้นขอบฟ้ากระทบกับทุกสิ่งมีชีวิตบนปฐพี อากาศอันแสนสดชื่นผสมป่นอย่างลงตัวกับกลิ่นหอมของเกสรดอกไม้นานาพันธ์ ทำให้อบอุ่นมีความสุขลึกลงภายในใจ
ชิงสุ่ยจัดเตรียมเคล็ดวิชา คัมภีร์ต่างๆ ภายในจิตใจและตัดสินใจที่จะมุ่งเน้นความสนใจทั้งหมดในการเรียนรู้เคล็ดวิชากายาบรรพกาล! จุดที่สำคัญที่สุดของการเสริมสร้างความแข็งแกร่งคือการมีรากฐานที่มั่นคง และร่างกายและกระดูกที่มีทนทานสูง ตราบใดที่ร่างกายเขาแข็งแรงพอ ช่องว่างความแตกต่างระหว่างผู้ที่ฝึกฝนมานานกับเขาก็จะลดลง
เคล็ดเสริมสร้างความแข็งแกร่งเป็นรากฐานของผู้ฝึกยุทธ ทักษะที่ปรากฏในทะเลแห่งปัญญาของชิงสุ่ยนั้นเป็นหนึ่งในทักษะเสริมสร้างความแข็งแกร่งที่เก่าแก่ที่สุดที่สร้างโดยมนุษย์ หากฝึกฝนมันจนถึงจุดสูงสุดของเคล็ดวิชา เขาก็สามารถต่อกรกับเทพและปีศาจได้ มันไม่เกินจริงเลยที่จะกล่าวว่าเคล็ดเสริมสร้างความแข็งแกร่งที่ชิงสุ่ยได้รับนั้นเป็นเคล็ดเสริมสร้างความแข็งแกร่งที่แข็งแกร่งมีพลังมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา
เคล็ดเสริมสร้างความแข็งแกร่ง สร้างความเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย การหมุนของเมล็ดหยินหยาง ภายในทะเลแห่งปัญญานั้นช่วยเสริมสร้างกระดูกและไขกระดูก ปรับแต่งอวัยวะภายในร่างกาย รวมทั้งพัฒนากล้ามเนื้อในนิ่มนวลแต่แข็งแกร่งมีเสน่ห์และทนทานราวกับเหล็ก
“เคล็ดเสริมสร้างความแข็งแกร่งที่ข้าฝึกนั้นมีความสามารถถึงเพียงนี้เชียวรึ มันปรับแต่งร่างกายข้ามากมายทั้งที่ข้ายังพึ่งเริ่มฝึกฝน !”ชิงสุ่ยพยายามนึกถึงรายละเอียดเพิ่มเติมของทักษะโบราณนี้ ภายใต้ทะเลแห่งปัญญาของเขาสัญลักษณ์หยินหยางแสดงภาพจำลองที่เหมือนจริงมากออก ทำให้เขาสามารถนึกคิดได้อย่างง่ายได้
ชิงสุ่ย พบจุดที่เงียบสงบและได้ทำการฝึกฝนเคล็ดวิชากายาบรรพกาล โดยทำการรวมรวบสมาธิ สัญลักษณ์หยินหยาง ก็ปลดปล่อยพลังชี(Qi) ออกมา พลังภายในร่างกายเขาพลันแปรเปลี่ยนเพิ่มขึ้น
ชิงสุ่ยพยายามยกระดับพลังเคล็ดวิชากายาบรรพกาล เขาพยายามสร้างรูปแบบพลังชีมากขึ้น แต่มันกลับล้มเหลว ชิงสุ่ยรู้ดีว่ากรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว ถ้ามันง่ายแบบนั้น โลกใบนี้คงเต็มไปด้วยผู้เชียวชาญขั้นสูง !
ชิงสุ่ยยังคงพยายามอย่างไม่ลดละเพื่อที่จะสร้างรูปแบบเส้นพลังชี ซ้ำแล้วซ้ำอีก ในแต่ละครั้งที่เขาล้มเหลวมันกลับยิ่งสร้างแรงจูงใจให้เขาพยายามอย่างหนักขึ้นและหนักยิ่งขึ้น
ชิงสุ่ยค่อยๆ รู้สึกมึนงง เขาพยายามอย่างมาก แต่เขาก็ยังคงไม่สามารถสร้างรูปแบบพลังชีลำดับแรกได้ !
หลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไป ชิงสุ่ยลืมตาขึ้น และตระหนักถึงเวลาได้ว่าเกือบจะเที่ยงแล้ว เขารู้ว่าเขาจะต้องกลับไปยังบ้านของเขา เขาไม่อยากให้แม่ของเขาต้องกังวลเกี่ยวกับเขาอีก แม้สถานที่แห่งนี้จะอยู่ห่างไกลนี้ ชิงสุ่ยวิ่งกลับโดยไม่เหนื่อยเลยแม้แต่น้อย
เมื่อมาถึงที่บ้านตระกูลชิง ชิงสุ่ยพบว่าการฝึกซ้อมของเยาวชนตระกูลชิงยังไม่สิ้นสุด ตอนนี้เฝ้าสังเกตการฝึกทักษะการต่อสู้ด้วยดาบและทักษะการต่อสู้ต่างๆของเหล่าเยาวชน ก่อนหน้านี้ เขาจะต้องความรู้สึกความอิจฉาเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้เมื่อเขาจองมองเหล่าเยาวชน ความรู้สึกที่มีทั้งหมดถูกแทนที่ด้วยความมุ่งมั่นที่จะต้องแข็งแกร่งกว่าเหล่าเยาวชนกลุ่มนี้ให้จงได้
หลังจากเดินเข้าไปยังสนามฝึกซ้อม เขาได้กระแทกเขากับชิงหลัวปู่ของเขา
“ชิงสุ่ยหลานข้า เจ้าออกไปเที่ยวเล่นอีกแล้วรึ เจ้าควรอยู่บ้านให้มากเพื่อที่จะรักษาร่างกายของเจ้าให้หายดี” ชิงหลัวกล่าวเตือนด้วยความหวังดี
“ท่านปู่ หลานแค่เดินเล่นใกล้ๆที่พักของหลานเองเท่านั้นไม่ต้องเป็นห่วงหลาน หลานดูแลตัวเองได้” ชิงสุ่ยตอบโดยรู้ว่าท่านปู่ของเขาเป็นห่วงเขาด้วยใจจริง
“ถ้าอย่างนั้น หลานต้องระมัดระวังให้มาก วันนี้ ปู่ส่งคนไปยังเมืองร้อยไมล์ เพื่อซื้อก้านโสมม่วง 100 ปีให้แก่เจ้านะ ปู่จะต้มสกัดเพื่อหลานในคืนนี้ ” ชิงหลัวกล่าวและจ้องมองเขาไปในดวงตาของชิงสุ่ย
ชิงหลัว ยังกล่าวอีกว่า ชิงสุ่ยนั้นมีปัญญาอันหลักแหลม ทุกประโยคที่เขาพูดมีทั้งความชัดเจนในเจตนาและจิตใจ เขาเกือบจะเหมือนผู้ใหญ่ในแง่ของความคิด . แต่ช่างน่าเสียดาย ที่เขาไม่สามารถที่จะบ่งเพาะพลังยุทธได้ ชิงหลัวพลันถอนหายใจ . . . . . . .