เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - บทที่ 33 – การหลอมดาบที่ดีย่อมใช้เวลากว่า 10 ปี
- หน้าแรก
- เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
- บทที่ 33 – การหลอมดาบที่ดีย่อมใช้เวลากว่า 10 ปี
บทที่ 33 – การหลอมดาบที่ดีย่อมใช้เวลากว่า 10 ปี
ชิงสุ่ยจินตนาการตามหนังสือที่เขาอ่าน เขาวาดฝันอันยิ่งใหญ่ไว้ว่าสักวันนึงเขาจะต้องก้าวเข้าสู่ระดับที่มนุษย์ทุกคนไม่อาจก้าวไปถึงได้ หลังจากนั้น เขาก็ส่ายหัวเบาๆ “การเดินทางนับพันไมล์ จะเริ่มต้นได้ก็ต่อเมื่อหยุดฝันและเริ่มต้นก้าวเดินไป” หลังจากที่เขาผ่านประสบการณ์ต่างๆมามากมาย เขาไม่มีประสบการณ์ใดๆเลยเกี่ยวกับการใช้กระบี่ เขาฝึกฝนแต่การใช้กำปั้นพลังปราณและการใช้ปราณโจมตี สิ่งเหล่านี้แท้จริงแล้วเป็นเพียงปราณที่ประกอบขึ้นจากความว่างเปล่าสู่อากาศ
หนังสือเล่มนี้อธิบายสิ่งที่อยู่นอกเหนือจุดที่จะใช้ในการโจมตี ซึ่งประกอบด้วย พุ่ง ทะลวง แทง ถือ เจาะ เฉือน ตวัด ซึ่งมันยังอธิบายทุกอย่างได้อย่างลพเอียดมาก ไม่ว่าจะเป็นแรงที่ใช้ ตำแหน่ง ท่าทางและ การหายใจ นอกเหนือจากรายละเอียดมันยังแสดงในรูปแบบรูปภาพมนุษย์กำลังกวัดแกว่งกระบี่ในทวงท่าต่างๆอีกด้วย
ยิ่งชิงสุ่ยอ่านมันมากขึ้นเขากลับยิ่งสับสน “เคล็ดต่างๆที่อยู่ในหนังสือเคล็ดกระบี่พื้นฐานช่างซับซ้อนยิ่งนัก ถ้าหากเคล็ดขั้นสูงกว่านี้ล่ะ ข้าคงไม่อาจฝึกฝนมันได้แน่ หากข้าไม่อาจเข้าใจเคล็ดวิชาพื้นฐานแบบนี้” ชิงสุ่ยถอนหายใจ
ทุกๆครั้งที่ชิงสุ่ยมองดูรูปภาพประกอบ เขาจะเก็บรายละเอียดทั้งหมดและฝึกฝนมัน โดยใช้นิ้วของเขาเปรียบเสมือนดาบ เขาถือหนังสือด้วยมือข้างนึงและฝึกฝนท่าทางพุ่ง ทะลวง แทง ถือ เจาะ เฉือน ตวัดและท่าทางอื่นๆ ทุกๆท่าทางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอันเต็มเปี่ยม
ชิงสุ่ยฝึกฝนอย่างมุ่งมั่น ภายใต้ดินแดนห้วงมิติเวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็วทั้งกลางวันกลางคืน ชิงสุ่ยฝึกฝนราวกับคนบ้าที่คลั่งการฝึกฝนจนทำให้พลังปราณเกิดการสั่นคลอน การฝึกฝนที่ต่อเนื่องทำให้เขาเริ่มเข้าใจความจริงที่อยู่ภายใต้วิถีแห่งกระบี่
“การกระตือรือร้นเป็นเพียงเส้นทางเดียวที่ข้าจะสำเร็จ แม้ว่าพลังปราณข้าจะเข้าใกล้การเปลี่ยนแปลง ข้าจะต้องผ่านมันไปอย่างสมบูรณ์”ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมสายตาที่มุ่งมั่น
ชิงสุ่ยเข้าใจดีว่ามนุษย์นั้นเหมือนดั่งเช่นโลหะแข็ง โลหะนั้นจะต้องทนทุกข์ทรมานด้วยการถูกหลอมจากความร้อน ผ่านค้อน ผ่านกองเพลิงก่อนถูกหลอมกลายเป็นดาบที่ดีได้ แต่นอกเหนือจากนั้น สัญลักษณ์หยินหยางในทะเลแห่งปัญญาของเขา ได้เสริมจิตวิญญาณและความคิดของเขาทำให้เขามีความเข้าใจในระดับที่สูง และเมื่อรวมกับบุคลิกที่ไม่เคยยอมแพ้สิ่งใดรวมกับผลของดินแดนก้วงมิติแห่งนี้ ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้ด้วยความสามารถของเขา!
หากจะให้เปรียบเทียบระหว่าง หนังสือเคล็ดกระบี่พื้นฐาน กับหนังสือแพทย์ทั้งสามเล่ม มันจัดได้ว่าบางกว่ามาก และเรียกได้ว่ามันได้อธิบานพื้นฐานของกระบี่ให้สามารถจดจำได้อย่างง่ายมากกว่าหนังสือโลกแห่งการรักษาและหนังสือเสถียรภาพผสานโอสถ
ซึ่งหน้าสุกท้ายของหนังสือเล่มนี้ถูกเขียนข้อความสำคัญซึ่งเปรียบได้ดั่ง 4 ดินแดนแห่งวิถีกระบี่ไว้ว่า “[ประยุกต์ทุกสิ่งที่รับรู้][ลึกซึ้งแต่เรียบง่าย][ความรวดเร็วตราบเท่าการคงอยู่][กลับคืนสู่ธรรมชาติ]”
ชิงสุ่ยเข้าใจของความทั้งหมดยกเว้นส่วนสุดท้าย[กลับคืนสู่ธรรมชาติ]เขาดูเหมือนจะเข้าใจพื้นฐานมันแต่มันกลับไม่เป็นรูปธรรม
สำหรับดินแดนแห่งแรก[ประยุกต์ทุกสิ่งที่รับรู้] สาระสำคัญคือการเรียนรู้ว่าเมื่อใดคือสถานการณ์เหมาะสม และเมื่อสถานการณ์เหมาะสมก็เข้าสู่ขั้นแปรเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีเพียงแค่เคลื่อนที่ให้ถูกที่และถูกเวลาเพียงเท่านั้น
สำหรับดินแดนที่สอง[ลึกซึ้งแต่เรียบง่าย]สาระสำคัญของมันคือการไม่ใฝ่หารูปแบบการโจมตี รูปแบบเป็นรอง ความตั้งใจเป็นหลัก แม้ท่าทางจะดูสวยงามและดูดีแต่เปรียบไม่ได้กับพลังที่แท้จริง ความจริงคือยิ่งเรียนรู้มันได้ลึกซึ้งมากเท่าใด ท่าทางที่ออกมาอาจดูเงอะงะไม่สวยงามแต่กลับลึกซึ้ง
สำหรับดินแดนที่สาม[ความรวดเร็วตราบเท่าการคงอยู่] สาระสำคัญของความเข้าใจนี้กลับอ้างถึงภายใต้ชั้นฟ้าอันยิ่งใหญ่นี้ ปรัญญาเดียวที่เป็นจริงในการต่อสู้ ตราบใดที่เร็วมากพอก็จะสามารถเอาชนะทุกสิ่งในโลกใบนี้ได้และแน่นอนว่าจะสามารคงอยู่คงกระพันได้ แต่น่าเสียดายที่หลักการนี้หาไม่ซึ่งผู้ที่สามารถกล่าวได้ว่าเป็นผู้ที่รวดเร็วที่สุดในโลกใบนี้
สำหรับดินแดนสุดท้าย[กลับคืนสู่ธรรมชาติ]เขาเข้าใจมันเพียงคร่าวๆเท่านั้นเขาไม่อาจเข้าใจถึงขอบเขตแห่งกระบี่ได้ มันอาจจะเป็นทางเข้าดินแดนที่ไม่อาจก้าวถึงได้? หากเข้าใจมันได้ ทุกสิ่งในธรรมชาติจะสามารถใช้เป็นกระบี่ได้
เจตจำนงของกระบี่! ชิงสุ่ยราวกับหลุดลอยออกไปยังที่ๆห่างไกล
หลังจากที่เขาอ่านหนังสือจนเสร็จสิ้น ชิงสุ่ยปิดตาทั้งสองข้างลงพร้อมทั้งทำสมาธิ เขาต้องการที่จะจัดระเบียบความคิดความเข้าใจรวมทั้งรายละเอียดต่างๆของหนังสือเล่มนี้
หลังจากเวลาผ่านไปอย่างยาวนาน ในที่สุดชิงสุ่ยก็ลืมตาขึ้นมา แน่นอนเขาได้บรรลพื้นฐานของเคล็ดกระบี่พื้นฐานเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดใดๆทุกอย่างที่อยู่ใน[หนังสือเคล็ดกระบี่พื้นฐาน]จะอยู่ภายใต้จิตใต้สำนึกของเขา
“ถ้าหากบรรลุถึงขั้นสูงสุดของ [เคล็ดกระบี่พื้นฐาน]มันจะต้องปรากฏเคล็ดกระบี่ขั้นสูงเป็นแน่” ชิงสุ่ยไตร่ตรอง
และแล้วซากของแร้งยักษ์และอาหารแห้งของเขาก็หมดลง ดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่มีทางเลือกจำต้องออกจากดินแดนห้วงมิติเพื่อออกล่าสัตว์
เวลาหนึ่งเดือนล่วงเลยผ่านไป ชิงสุ่ยได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย เขาได้เรียนรู้ธรรมชาติสัจธรรม ความคิดมากมาย รวมทั้งพยายามเข้าใจถึงจิตใจแห่งสวรรค์
สถานะของจิตใจนั้นถือได้ว่าสำคัญมาก หากมีจิตใจที่ยิ่งใหญ่ทุกสิ่งในธรรมชาติจะเข้าหามากขึ้น แต่หากมีจิตใจที่คับแคบ ก็เปรียบได้กับกบในหนองน้ำที่ไม่อาจชื่นชมโลกที่แสนกว้างใหญ่นี้ได้
หมูป่าตัวนึงได้ถูกชิงสุ่ยไล่ล่า หลังจากนั้นเขาบรรจงถอดขน ผ่ากลางท้องของมัน ทำการขจัดลำไส้เครื่องในและเลือดจนสะอาด
อาหารส่วนใหญ่ที่ชิงสุ่ยกินนั้นคือหมูป่า เนื่องจากกล้ามเนื้อของมันที่มีมาก โดยเฉพาะขาของมันนั้น รสชาติดีเยี่ยม พวกมันต่างถูกสังหารเพื่อสนองความต้องการของชิงสุ่ย ชิงสุ่ยล่าหมูป่าเป็นจำนวนมากเพื่อทั้งทดลองและฝึกฝนทักษะอาหาร
ปัจจุบัน ทักษะการทำอาหารของเขานั้นสูงกว่าคนทั่วไปเล็กน้อย อาหารที่เขาปรุงนั้นรสชาติดีเทียบเท่าโรงเตี้ยมเล็กๆ หลังจากที่เสร็จสิ้นอาหารมื้อค่ำ ชิงสุ่ยจัดเก็บขาหมูอีก 3 ขาเข้าสู่ดินแดนหยกยุพราชอมตะ จากนั้นเขาก็เดินไปหยิบไม้ขนาดยาว 3 ฟุตขึ้นมาจากพื้นดิน
และกลับเข้าสู่ดินแดนหยกยุพราชอมตะอีกครั้ง ชิงสุ่ยทบทวนรูปแบบท่าทางพุ่ง ทะลวง แทง ถือ เจาะ เฉือน ตวัด ตอนนี้ไม้ที่เขาถือเอาไว้นั้นดูเหมือนราวกัลบมีชีวิต ถูกทวงท่านั้นสมบูรณ์อย่างยิ่ง ตอนนี้เขาทั้งสองข้างของเขานั้นดูแข็งแรงยิ่งนัก ทั้งแขน ข้อมือ และนิ้วมือของเขาต่างแข็งแกร่งเกิดเป็นลายกล้ามเนื้อเนื่องจากผ่านการฝึกฝนหมัดอสูรสันโดษ
ความจริงแล้วต้องขอบคุณที่เขาได้รับความสามารถจากการรับรู้ที่แท้จริง ที่ทำให้เขาสามารถซึมซับความรู้ทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเมื่อเขาฝึกฝนเคล็ดกระบี่ เขาก็สามารถบรรลุได้อย่างง่ายดายทำให้เขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
ดังที่คนกล่าวว่า “มันต้องใช้เวลานับ 10 ปีที่จะเป็นเจ้าแห่งดาบ แต่ต้องใช้เวลานับ 100 ปี ที่จะเป็นเจ้าแห่งกระบี่”
เคล็ดวิชากระบี่นั้นลึกซึ้งมาก ชิงสุ่ยรู้ดีว่าการที่จะก้าวไปเป็นเจ้าแห่งกระบี่ได้นั้นจะต้องสูญเสียเวลาเป็นจำนวนมาก แต่เขาก็ไม่กังวลเพราะเขาถือครองดินแดนหยกยุพราชอมตะอยู่
กระบี่เปรียบดั่งร่างกาย ร่างกายนำไปสู่กระบี่ ผู้ฝช้กระบี่จะต้องบรรลุสถานะใดสถานะนึง ร่างกายและปราณเป็นหนึ่ง ปราณและจิตวิญญาณเป็นหนึ่ง แม้ว่าชิงสุ่ยจะบรรลุเพียงจุดเริ่มต้นดินแดนแห่งผู้ใช้กระบี่ เขาสามารถเข้าใจบางส่วนของกฏเบื้องต้นเหล่านี้ได้
สิ่งที่ชิงสุ่ยเข้าใจคือ การควบคุมปราณดั่งเช่นกระบี่ ลมหายใจและทวงท่าจะต้องสัมพันธ์กัน อย่างไรก็ตามเขายังไม่เข้าใจถึงคำกล่าวที่ว่า ปราณและจิตวิญญาณเป็นหนึ่ง ซึ่งเขายังไม่จำเป็นต้องเข้าใจตอนนี้ ตอนนี้สิ่งที่เขาจะต้องเข้าใจคือ 3 หลักของเคล็ดกระบี่ ความรวดเร็ว แม่นยำ และเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรวดเร็ว
ปัจจุบันพลังเพียงส่วนเดียวของชิงสุ่ยนั้นสามารถแสดงออกมาได้ถึง 10 ส่วน ตอนนี้เขาเข้าใจถึงความหมายของความรวดเร็ว เขาในตอนนี้ราวกับราชสีห์ที่กำลังติดปีก
เพื่อเข้าใจความหมายของความรวดเร็ว ชิงสุ่ยปลดปล่อยท่าทางที่แตกต่างกันออกมามากมาย
เช่นเดียวกันนี้ ชิงสุ่ยแสดงท่าทางการเคลื่อนไหวราวกับการฟาดฟันกระบี่ออกจากฟักและเก็บกระบี่กลับสู่ฟัด ราวกับเทคนิคอิไอโด้(การฟันดาบของซามูไร) เพราะเทคนิคของอิไอโด้นั้นให้ความสำคัญกับความเร็วเป็นอย่างมาก เมื่อกระบี่ถูกวาดออกไปนั้นเท่ากับจะต้องสังหารศัตรูให้ได้ กระบี่ที่พุ่งออกไปนั้นจะต้องรวดเร็วก่อนที่ศัตรูฝ่ายตรงข้ามจะมีโอกาสป้องกัน