เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique - บทที่ 16 – ความเคารพ ข้าจะต้องเป็นนักปรุงยา
- หน้าแรก
- เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
- บทที่ 16 – ความเคารพ ข้าจะต้องเป็นนักปรุงยา
บทที่ 16 – ความเคารพ ข้าจะต้องเป็นนักปรุงยา
ถ้าหากเขาต้องการแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่างให้กับชิงอี้แล้วล่ะก็ อย่างน้อยชิงสุ่ยจะต้องสามารถปะทะกับตระกูลเหล่านี้ได้
ชิงสุ่ยไปกับชิงเป่ยเพื่อเข้าไปดูอาการของชิงฮู นอกจากบาดแผลภายนอกก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง อาการของเขาจะหายภายในหนึ่งหรือสองวัน บ้านของชิงไฮนั้นคล้ายคลึงกับบ้านของชิงอี้ ซึ่งบ้านของพวกเขาทั้งสองตระกูล ต่างตั้งอยู่ภายในพื้นที่ตระกูลชิง สภาพแวดล้อมที่พวกเขาอยู่นั้นค่อนข้างดีรวมทั้งมีทิวทัศน์ที่งดงาม
ภายในห้องพักมีความสว่างสดใสและกว้างขวางมาก โดยมีการออกแบบที่สะดวกสบายและค่อนข้างเรียบง่าย
ชิงสุ่ยคิดว่าห้องแห่งนี้มีของไม่จำเป็นสำหรับการฝึกฝนบ่มเพาะพลังมากเกินไป ทั้งโต๊ะและเก้าอี้ที่ทำจากไม้พีท ทั้งโต๊ะและเก้าอี้มีลักษณะโบราณและสวยงาม(คล้ายเก้าอี้ตอนรับในประเทศจีน) ชิงฮูนั้นเต็มใจที่จะอยู่ในห้องตนเองรวมกระทั่งการที่ไม่ออกพ้นอาณาบริเวณบ้านของเขาเอง เพียงเพราะเขาไม่ต้องการให้ทุกคนนั้นเห็นใบหน้าที่บวมเป้งของเขา!!!
“ชิงสุ่ย เจ้าลองชิมชานี้ดูหน่อยไหม ป้าต้มมาเพื่อเจ้าเลย!นะ” ภรรยาของชิงไฮกล่าวตอนรับอย่างอบอุ่น
“มันไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนถึงท่านป้าเลย!”ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมทั้งมองไปที่ป้าซอนหยาง ชิงสุ่ยรับรู้ได้เลยว่า ป้าซอนหยางนั้นสวยและงดงามมากเป็นรองเพียงแค่ชิงอี้เท่านั้น เส้นผมที่ผูกขึ้นเป็นมวยผม ใบหน้าเรียวงามรูปไข่อันแสนทรงเสน่ห์ ผิวที่เรียบเนียนสวยงามราวกับไขมุก พร้อมทั้งเอวเรียวคอด และก้นอันกลมม่นแสนทรงเสน่ห์ ซองหยางนั้นดูอ่อนไวกว่าอายุจริงมาก!!!! ตอนนี้ชิงสุ่ยอายุกว่า 30 ปีแล้วเมื่อรวมอายุในปัจจุบันรวมกับอายุในโลกก่อนหน้านี้ของเขา เขานั้นไม่ได้รู้สึกถึงฮอร์โมนที่พุ่งหลานและไม่ได้ปรารถนาที่จะร่วมรักบนเตียงกับสตรีใด แต่อย่างไรก็ตาม หญิงสาวที่ดูเป็นผู้ใหญ่และทรงเสน่ห์นั้นสามารถกระตุ้นความรู้สึกของชิงสุ่ย
“ชิงฮูนั้นเป็นเด็กที่ลำบาก เขาจะต้องจมลึกลงในแม่น้ำแห่งรักและจะไม่มีทางหลุดพ้นจากมันไปได้ เหลียนเย่เออนั้นกำลังจะหมั้นกับบุตรชายของเจ้าเมืองธาราสวรรค์ แม้ว่าสถานะของเธอนั้นจะได้เป็นเพียงแค่นางสนม ถ้าหากทุกคนรู้ว่าชิงฮูนั้นไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ และแน่นอนว่าปัญหานี้จะนำความยุ่งยากมาสู้ตระกูลชิง
ชิงสุ่ยได้ยินเสียงถอนหายใจของชิงไฮ ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกเป็นห่วง ด้วยบุคลิกของชิงฮูเมื่อเขาตัดสินใจที่จะทำอันใดแล้วนั้นเขาจะไม่มีทางยอมแพ้ในเป้าหมายนั้น
“ป้าสี่ เมืองธาราสวรรค์ มันอยู่ไกลจากที่นี้หรือไม่?” สถานที่ต่างๆในทวีปคิวชูนี้ นอกเหนือภูผาภายใต้หมู่บ้านชิง ชิงสุ่ยนั้นไร้ซึ่งความรู้ทั้งปวง
เมืองร้อยไมล์นั้นเป็นเมืองเล็กๆที่อยู่ใกล้ๆหมู่บ้านชิง จริงๆแล้วเมืองร้อยไมล์นั้นเป็นเมืองที่เล็กที่สุดภายใต้อาณาจักรชางหลาน ชื่อเมืองนั้นเกิดจากความเข้าใจผิดระหว่างหมูบ้านชิงและเมืองร้อยไมล์ ชิงสุ่ยเคยได้ยินจากชิงอี้บอกเล่าว่าเมืองร้อยไมล์นั้นมีขนาดโดยรอบถึง 1000 ลี้
มีสมมติฐานต่างๆในหมู่บ้านชิงกล่าวเล่าว่าเมืองร้อยไมล์นั้นเป็นเมืองที่มีขนาดถึง 100 ลี้ แต่นั้นมันเป็นเรื่องกล่าวใน 100 ปีที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันนั้นมันถูกพัฒนาไปอย่างมาก รวมถึงประชากรอีกด้วย นั้นคือเหตุผลที่ทำไมเมืองถึงมีชือว่าร้อยไมล์
“ในโลกใบนี้นั้นมีถึง 9 มหาทวีป แต่ละมหาทวีปมี 81 อาณาจักร แต่ละอาณาจักรมี 81 เมือง อาณาจักรชางหลานนั้นอยู่ในภาคตระวันตกเฉียงเหนือของมหาทวีปเมฆามรกต โดยที่เมืองร้อยไมล์นั้นเป็นเมืองที่มีขนาดเล็กที่สุดอยู่ที่ภาคตะวันตกของมหาทวีปเมฆามรกต เราจะเปรียบเทียบระหว่างเมืองร้อยไมล์กลับเมืองธาราสวรรค์ไม่ได้ เมืองธาราสวรรค์นั้นกว้างใหญ่ไพศาลมากกว่า 10,000 ลี้ ความกว้างนี้คือตัวชี้วัดความเจริญรุ่งเรืองของทุกแผ่นดิน มีข่าวลือว่าที่เมืองนั้นมีผู้คนที่บรรลุได้ถึงอาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียน” ซอนหยานกล่าว
“อาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียน? ระดับพลังที่ท่านปู่ไม่สามารถบรรลุได้? ท่านปู่กล่าวว่าอาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียนนั้นเป็นอำนาจพลังที่เกินความเข้าใจของมนุษย์!!!!”
“ถูกต้องแล้วล่ะ นั้นเป็นระดับพลังที่ท่านปู่ของพวกเจ้ากล่าวถึง ผู้ที่อ่อนแอนั้นจะไม่สามารถก้าวเข้าสู่อาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียนได้ ที่แห่งนั้นเป็นมีผู้บรรลุอาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียนจำนวนมาก นอกเหนือจากผู้บ่มเพาะพลังนั้น ยังมีผู้ควบคุมสัตว์อสูร ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของสัตว์อสูรที่ใช้ทำสงคราม มันอาจกล่าวได้ว่าผู้ควบคุมสัตว์อสูรที่เชี่ยวชาญนั้นอาจจะแข็งแกร่งผู้บ่มเพาะพลัง
“ฮ่าๆๆๆ อย่างไรก็ตาม พวกมันก็ไม่สำคัญ!!!” ชิงไฮ หัวเราะออกมาอย่างช้าๆ เขาหัวเราะให้กับตัวเองสำหรับการที่เขายุ่งยามนอกเรื่องเกินไป
“ไม่ไม่ข้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้ควบคุมสัตว์อสูร รวมทั้งวิธีปราบสัตว์อสูร แล้วก็สัตว์อสูรนั้นคืออะไร” ชิงสุ่ยร้อนรนที่จะอยากรู้อยากเห็น หลังจากที่เขาได้รับรู้ข่าวลือต่างๆที่อาจจะไม่ถูกต้องเกี่ยวกับสัตว์อสูรจากท่านลุงสี่ของเขาชิงไฮ
“โดยปกติแล้ว หลังจากที่สัตว์ทั่วไปนั้นมีชีวิตอยู่รวมทั้งบ่มเพาะพลังนานกว่า 500 ปี พวกมันจะถูกเรียกว่าสัตว์อสูร สัตว์อสูรที่เกิดแกนแท้ปีศาจขึ้นภายในร่างกาย พวกมันจะมีความแข็งแกร่งขึ้นถึงอาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียน” ชิงไฮกล่าวพร้อมร่องรอยความทรงจำส่วนหนึ่งถูกถ่ายทอดออกมาผ่านสายตาราวกับเขาได้เห็นอย่างใกล้ชิดหรือมีส่วนร่วมในการต่อสู้ครั้งหนึ่งมาก่อน
“โดยทั่วไปแล้ว ผู้ควบคุมสัตว์อสูรนั้นอาจจะไม่ได้ทำสัญญากับสัตว์อสูร พวกเขาจะไม่ถูกเรียกว่าผู้ควบคุมสัตว์อสูร ผู้ควบคุมสัตว์อสูรเท่านั้นที่จะสามารถใช้เคล็ดปิดผนึกเฉพาะขึ้นในรูปแบบสัญญาหลังจากที่สัตว์ป่าทั่วไปพัฒนาการเป็นสัตว์อสูร”
“หลังจากวิวัฒนาการ เหล่าสัตว์อสูรจะชาญฉลาดมากขึ้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีสัตว์อสูรการบ่มเพาะพลังกว่า 1,000 ปี พวกมันจะมีความชาญฉลาดและไหวพริบมากกว่ามนุษย์ ดังนั้นความต้องการที่เหล่าผู้คนจะเป็นผู้ควบคุมสัตว์อสูรระดับสูงนั้นมีมากมาย ไม่เพียงพวกเขาจะสามารถต่อกรกับสัตว์อสูรได้ พวกเขาต้องสามารถร่ายคาถา รับรู้ข้อจำกัด และเทดนิคเคล็ดวิชาต่างๆ!!!” ชิงไฮอธิบายขณะที่นั่งบนเก้าอี้โบราณพร้อมทั้งค่อยๆจิบน้ำชา
การบ่มเพาะพลังก่อนระดับอาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียนเป็นที่รู้กันดีว่ามี อาณาจักรพลังปราณฝึกหัด อาณาจักรพลังปราณนักรบ อาณาจักรพลังปราณปราบฟ้า และอาณาจักรพลังปราณบัญชาสวรรค์ ระดับจากพลังอาณาจักรพลังปราณฝึกหัดถึงอาณาจักรพลังปราณบัญชาสวรรค์เป็นที่รู้กันว่ามันถูกเรียกว่าขั้นโฮว่เทียน(ขั้นก่อเกิด)
ประตูสู่ระดับอาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียนโดยธรรมชาตินั้น มีเพียงไม่กี่คนที่จะก้าวข้ามไปได้ รวมทั้งชิงหลัวก็ยังติดอยู่ที่ระดับอาณาจักรพลังปราณบัญชาสวรรค์ขั้นที่ 10 มานานหลายปี ก็ยังไม่สามารถบรรลุได้
โดยทั่วไป เยาวชนรุ่นที่ 3 ของตระกูลชิง ทั้งหมดส่วนใหญ่บ่มเพาะอยู่ถึงระดับอาณาจักรพลังปราณนักรบ ส่วนศิษย์รุ่นที่ 2 อย่างน้อยจะมีการบ่มเพาะอยู่ในขั้นอาณาจักรพลังปราณปราบฟ้า มีเพียงชิงหลัวคนเดียวเท่านั้นที่บรรลุอาณาจักรพลังปราณบัญชาสวรรค์ขั้นที่ 10 อีกเพียงแค่ก้าวอีกก้าวเดียวเท่านั้น เขาก็จะสามารถทำลายประตูสู่อาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียน แต่เขาก็ไม่สามารถผ่านมันไปได้ เขาพิสูจน์แล้วว่ามันคือความหายนะในการบ่มเพาะพลัง มันเปรียบได้กับความเสียใจที่สุดในชีวิตของเขา
แม้ว่าเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าจะถือว่าเป็นเคล็ดวิชาขั้นโฮ่วเทียน(ขั้นก่อนสวรรค์) และเป็นสุดยอดเคล็ดวิชาในขั้นโฮ่วเทียน เทียบได้กับขั้นสรวงสวรรค์ เคล็ดวิชาขั้นเซียนเทียน(ขั้นก่อเกิดสวรรค์)นั้นคงเปรียบได้กับดาวบนฟากฟ้า สาระสำคัญและแนวความคิดของมันนั้นลึกเกินผู้คนธรรมดาจะสามารถหยังถึง ดังนั้นคล็ดวิชาขั้นโฮ่วเทียน(ขั้นก่อนสวรรค์)ที่อยู่ในขั้นขั้นสรวงสวรรค์ ถือว่าอยู่ในระดับทรงคุณค่าอย่างมาก แม้ว่าส่วนใหญ่เคล็ดวิชาในทวีปคิวชูนั้นจะอยู่ในระดับขั้นโฮ่วเทียน เฉพาะนิกายขนาดใหญ่หรือตระกูลทรงอำนาจเท่านั้นที่อาจจะมีเคล็ดวิชาขั้นขั้นเซียนเทียน(ขั้นก่อเกิดสวรรค์)หรืออาจจะสูงกว่านั้น รวมทั้งข่าวลือในเคล็ดวิชาที่มีถึงขั้นเทพพระเจ้า
เคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าเป็นส่วนหนึงที่ทำให้บรรลุถึงระดับพลังโฮ่วเทียน ที่ชิงหลัวก้าวไปถึง ถ้าหากเขาสามารถก้าวเข้าสู่อาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียนได้ อายุขัยของเขาจะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว จาก 200 ปี ก้าวไปสู่ 500 ปี บุคคลที่สามารถก้าวเข้าสู่อาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียนที่อาศัยอยู่ในเมืองขนาดใหญ่นั้นคงนับได้เพียงมือข้างเดียว หากนับหมู่บ้านชิงและเมืองร้อยไมล์ผู้คนจะก้าวไปถึงเพียงพลังขั้นโฮ่วเทียนเท่านั้น
ชิงสุ่ยรับรู้ข้อมูลทั้งหมดรวมทั้งระโยชน์จากการก้าวอาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียนจากชิงไฮ มันจุดไฟสร้างแรงบันดาลใจเพื่อผลักดันให้เขาก้าวไปข้างหน้า
ชิงสุ่ยไม่สามารถรู้ได้ว่าเคล็ดวิชาที่เขาบ่มเพาะนั้นอยู่ในระดับอะไร แต่อย่างน้อยเขารู้ว่าเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าของเขานั้นแตกต่างจากที่เยาวชนตระกูลชิงฝึกฝน เยาวชนที่แข็งแกร่งในรุ่นที่ 3 ของตระกูลชิงนั้นห่างไกลจากความสามารถจากชิงหยูและชิงจือ พวกเขาทั้งคู่ในก้าวผ่านอาณาจักรพลังปราณนักรบขั้นที่ 7 ไปแล้ว
ผู้ที่อยู่ในระดับพลังอาณาจักรพลังปราณฝึกหัดจะไม่ถูกนับเป็นผู้บ่มเพาะพลัง เฉพาะผู้ที่ก้าวไปสู่ระดับอาณาจักรพลังปราณนักรบเท่านั้นที่จะนับได้ว่าเป็นผู้ฝึกฝน
แม้ว่าเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้านั้นเป็นเคล็ดวิชาระดับโฮ่วเทียนขั้นสรวงสวรรค์ แต่โอกาสที่จะก้าวไปสู่อาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียนนั้นมีแค่ 1% เท่านั้น ส่วนเคล็ดวิชาระดับโฮ่วเทียน ที่อยู่ในขั้นต่ำกว่าขั้นสรวงสวรรค์นั้นเปรียบได้ดั่งขยะ โอกาสความสำเร็จที่จะก้าวสู่อาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียนมีน้อยกว่า 0.01% หากตระกูลใดหรือนิกายได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาขยะเหล่านี้ ตระกูลเหล่านั้นย่อมต้องสลายหายสาบสูญไปในที่สุด
แม้ว่าการบ่มเพาะพลังจะมีมากมาย การเป็นผู้ฝึกฝนบ่มเพาะจะอยู่รอดบนโลกแห่งนี้ แต่ยังมีผู้ฝึกฝนสิ่งอื่นรวมอยู่ด้วยนั้นคือ ผู้ควบคุมสัตว์อสูร นักปรุงยา และหมอ
ผู้คนหลากหลายต่างเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่กับการเป็น สถาปนิก พ่อครัว ช่างเสื้อ ช่างตีดาบ แต่อาชีพเหล่านี้แตกต่างสิ้นเชิงกับผู้ควบคุมสัตว์อสูร นักปรุงยา และหมอ
ดั่งสุภาษิตที่ระบุว่า ” ทุกอาชีพนั้นสำคัญ ตราบใดที่รักในงาน ใส่ใจทุกการกระทำ และความขยันในการทำงาน ” คนบนโลกนี้ก็ยังต้องกิน ต้องใช้อาวุธเพื่อต่อสู้ แม้ในยามป่วยและได้รับบาดเจ็บ . . . . . . .
มันไม่สำคัญว่าท่านจะประกอบอาชีพใด ตราบใดที่เจ้าร่ำรวย สตรี ยศ เกียรติศักดิ์จะเข้าหาเจ้า โดยเฉพาะการเป็นนักปรุงยา มันเป็นอาชีพที่ทุกคนบนโลกนี้ใฝ่หา พวกคนเหล่านั้นสามารถสรรสร้างยาทิพย์ช่วยลดอาการบาดเจ็บ รวมทั้งเพิ่มพูนพลังจนอาจเพิ่มโอกาสในการก้าวเข้าสู่อาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียนได้ถึง 50%!!!!
นักปรุงยานั้น ไม่ว่าจะถูกจัดอยู่ลำดับใดในลำดับเทพยุทธ แม้ว่าพวกเขานั้นจะล้มเหลวในการปรุงยานับพันครั้ง พวกเขายังคงได้รับความเคารพจากฝูงชนเช่นเดิม ใครๆก็รู้ว่าหากเจ้าเหยดหยามนักปรุงยาอันดับต่ำต่อยเมื่อวานนี้ วันนี้นักปรุงยาคนนั้นอาจจะปรุงยาปลุกชีพขึ้นมาก็เป็นได่
เมื่อชิงสุ่ยทราบข้อมูลทั้งหมดจากลุงไฮและป้าซอนหยาน ชิงสุ่ยสนใจอย่างมากที่จะต้องบรรลุระดับอาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียน รวมทั้งบรรลุการเป็นนักปรุงยาเพื่อที่จะได้รับการเคารพบูชาจากผู้คนในทวีปคิวชู